Home / โรแมนติก / ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก / บทที่ 12 บทรักกับนักอ่านจอมเพ้อ

Share

บทที่ 12 บทรักกับนักอ่านจอมเพ้อ

last update Last Updated: 2025-09-06 14:33:05

ท่านประทานให้เธอขึ้นมาช่วยจัดห้องทำงานใหม่ ร่างบางจัดเก็บเอกสารที่เขากองไว้ให้ใส่กล่องลังกระดาษสีน้ำตาล แล้วก็ขนอุปกรณ์วาดรูปต่างๆ มาวางเรียงเข้ามุมกระจกที่เห็นวิวสวนหลังบ้าน

ทั้งผ้าใบวาดรูปขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป สีน้ำและพู่กันหลายขนาดก็ถูกวางเรียงไว้ที่ชั้นด้านข้างให้เป็นระเบียบ

ธันย์ธาราคัดแยกเอกสารบางส่วนใส่กล่องลัง เขาจะย้ายไปไว้อีกห้องหนึ่ง โดยจะใช้ห้องนี้เป็นที่สำหรับผ่อนคลาย ไม่เหมาะกับการมีกองเอกสารใหญ่โตมโหฬารปิดห้องให้ทึบแบบนี้

ทั้งคู่เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่กำลังช่วยกันจัดห้อง แต่เธอที่ยังหยุดคิดเรื่องคนปองร้ายเจ้านายไม่ได้ เผลอตัวเหลือบมองเขาเป็นระยะราวกับมีบางอย่างที่อยากถามแต่ไม่กล้าพูดไป

“ถ้าจะจ้องขนาดนั้นก็ถามมาเถอะ” เขาพูดขึ้นขณะที่ยกกล่องลังไปไว้ที่มุมห้อง เตรียมให้คนมาช่วยขนย้ายลงไปอีกแรง

“คะ” เธอหลุดออกจากภวังค์ พลันเลิกคิ้วมองไปที่ร่างสูงทันที

ธันย์ธาราจับจ้องสายตาคู่คมไปที่เธอ เห็นมองอยู่นานสองนาน คิดหรือว่าคนที่โดนมองจะไม่รู้สึกตัว

“คุณมีอะไรอยากจะถาม”

“เปล่านะคะ”

เธอรีบปฏิเสธทันควันแต่สีหน้าออกว่ามีเรื่องติดค้างในใจ ร่างสูงที่รู้ว่าเธอกำลังบ่ายเบี่ยงลอบระบายลมหายใจ ดวงตาที่ดูเฉื่อยชาไร้ชีวิตชีวายังคงจ้องเธอเขม็งไม่ละไปไหน

“ไม่มี๊~ ไม่มีเลยค่ะ” เธอยังโบ้ยบ้ายไม่ยอมรับความเป็นจริง

“ผมถือว่าเปิดโอกาสให้...”

“อันที่จริงก็มีข้อสงสัยอยากถามอยู่เหมือนกันค่ะ”

สุดท้ายเธอก็แพ้พ่ายให้ความอยากรู้ในหัว รีบวิ่งแจ้นยิ้มแป้นแล้นไปหาท่านประธาน ก่อนประกบมือเข้าหากันแล้วตั้งท่าเล่าด้วยสีหน้าที่คิดหนักไม่น้อย

“ขอถามแบบรวบหัวกับหางเลยก็แล้วกันนะคะ”

“ว่ามาสิ”

“คุณธันย์ความจำเสื่อมจริงเหรอคะ แล้ว... เรื่องนี้มีฆาตกรตามล่าตัวคุณด้วยหรือเปล่า แบบนี้ก็แปลว่าคุณตกอยู่ในอันตรายสิ อาจจะมีคนปองร้ายคุณอยู่ก็ได้นะคะ”

“ตกลงจะถามหรือพูดเพ้อกันแน่”

“เอ่อ...”

ธารตะวันระบายยิ้มจืดเจื่อน ขำแห้งให้กับความอยากรู้ของตัวเองที่ผสมปนเปจนพูดจาไม่รู้ความ

“ก็คงต้องเรียกว่าความจำเสื่อม ในเมื่อผมจำคนรอบตัวไม่ได้เลย”

“เอ... แล้วจำไม่ได้เลยเหรอคะว่าอะไรทำให้ความจำเสื่อม”

“ถ้าจำได้จะเรียกว่าความจำเสื่อมหรือไง” ร่างสูงเลิกคิ้วมองคนที่พูดจาแปลกพิกล พลางทิ้งร่างนั่งลงบนโซฟานุ่ม

“อ่า ก็จริงค่ะ ว้า... ฉันนี่พูดจาแปลกๆ เนอะ” เธอว่าแล้วยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อเขิน ไม่ทันได้เห็นสีหน้าวิตกกังวลของอีกฝ่าย

ธันย์ธาราขมวดคิ้วมุ่น ความทรงจำใดไม่หลงเหลืออยู่ในหัวของเขาเลยสักนิด รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ในสภาพที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว

“ตอนตื่นมาก็ไม่มีความทรงจำเจ้าของร่างแล้ว”

“คะ”

“หมายถึง... จำอะไรไม่ได้นั่นแหละ”

พูดจบเขาก็ระบายลมหายใจทิ้ง ใบหน้าเฉยชาดูไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ ผิดถนัดกับนักอ่านจอมเพ้อที่อยากแปลงร่างเป็นนักสืบจำเป็น

“แล้วเหตุอะไรที่ทำให้คุณธันย์โดนลอบทำร้ายล่ะคะ” เธอพูดพึมพำกับตัวเอง แต่เขาได้ยินเข้าแล้วเงียบไปเพื่อฉุกคิดตาม

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่... มีคนวางยาในอาหารให้ผมกิน”

“วางยาในอาหารเหรอคะ”

“ใช่ อาหารในโรงพยาบาลมียาพิษ”

ขนหลังคอเธอลุกวาบขึ้นมาในฉับพลัน แต่กับประธานธันย์กลับไม่มีสีหน้าหรือแสดงท่าทางใดออกมา จะเย็นชาแม้แต่กับความเป็นความตายไม่ได้สักหน่อย นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะ

“หรือว่าคุณธันย์ไปขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจใครหรือเปล่าคะ” เธอหลุบตาคิดหนัก ระดมสมองทุกซีกให้เพ่งพินิจพิจารณาความเป็นไปได้

“ก็ไม่แน่”

“หรือไม่ก็...ปมพี่น้องแย่งสมบัติ ชิงดีชิงเด่นอะไรเทือกนั้นมั้ย”

“ไม่ใช่หรอก”

“บางทีอาจจะเก็บความลับใครไว้... เขาก็เลยตามเก็บคุณธันย์”

สิ้นประโยคนั้นธารตะวันก็เงยหน้ามองเขา ถึงได้เห็นว่าเขามีสีหน้าเหยเกที่เธอพูดเพ้อไปเรื่อย โดยไม่มีหลักฐานแน่ที่แน่ชัด เหมือนเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของคนที่ชอบมโนเพ้อพกเสียมากกว่า

“เป็นนักเขียนเหรอไง ถึงได้มโนเป็นฉากขนาดนี้”

เป็นนักอ่านต่างหาก...

เธอได้แค่คิดไม่กล้าพูดออกไป กลัวโดนไล่ออกจากงานซะก่อน

“ถึงสิ่งที่ฉันพูดจะดูเพ้อเจ้อไปหน่อย แต่มันก็มีแนวโน้มไปทางนั้นไม่ใช่เหรอคะคุณธันย์”

คิ้วเข้มเหนือดวงตากระตุกนิดๆ หากมาครุ่นคิดดู สิ่งที่เธอพูดก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นเหมือนกัน หากเขาไปขัดประโยชน์ใครเข้า หรือก่อนที่ความทรงจำจะหายไปมีการดีลผลประโยชน์ไม่ลงตัว

จะโดนตามเก็บไม่ก็แปลกอะไร...

“วันนั้นที่ทางม้าลาย... ฉันคิดว่าผู้ชายชุดดำที่ขับมอเตอร์ไซค์จงใจจะขับรถชนคุณค่ะ”

“จริงเหรอ”

“แต่พระเอกของเรื่องไม่ตายหรอก... เชื่อฉันสิคะ”

เธอยังพูดติดตลกได้อยู่ เพราะในนิยายพระเอกจะตายตอนจบได้ยังไงกันล่ะ แต่วินาทีต่อมาก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อนิยายเรื่องล่าสุดที่ได้อ่านตัวนางเอกเพิ่งทิ้งร่างดิ่งลงทะเลกว้างในตอนจบไป

“พระเอก... ของเรื่องอะไรนะ”

“ช่างเถอะค่ะ ฉันก็พูดไปเรื่อย... เดี๋ยวฉันยกไปเก็บให้ค่ะ”

เธอรีบเสนอตัวเข้าไปช่วยเขาที่ก้มหยิบกล่องบนพื้น แต่ทว่าดันออกตัวแรงเกินไปหน่อย ในหัวไม่ทันประมวลผลร่างกายเลยขัดข้องให้แข้งขาพัลวันกันไปหมด

“ธารตะวัน...”

ตุบ

เสียงตุบดังขึ้นหลังประธานธันย์เรียกชื่อเธอ ร่างบางที่ล้มวืดลงไปด้านหน้าไขว่คว้าอากาศไว้ไม่ทัน อย่างกับฉากนิยายรักน้ำเน่าที่เคยอ่านไม่มีผิด

นางเอกมีอาการขาอ่อนแรง และต้องล้มใส่คนที่เป็นพระเอกเท่านั้น

เธอเคยเกิดคำถามในหัว ทำไมตัวหลักของเรื่องถึงได้แข้งขาอ่อนแรงนักหนา มาวันนี้ได้เข้าใจแล้วว่าทำไม คงเป็นเพราะนักเขียนที่เสกสรรหรือไม่ก็พระเจ้าบัญชาให้ต้องเกิดแค่นั้นเอง

“โอะ” เธอร้องเบาๆ เมื่อร่างอัดกระแทกกับแผงอกกำยำของอีกฝ่าย จากที่จะล้มลงบนพื้นแข็งๆ ก็กลายเป็นร่างหนาที่เข้ามารับได้ทัน

นี่มันฉากในละครที่เคยดูชัดๆ

ธารตะวันใจเต้นแรงไม่หยุด เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วสบประสานกับดวงตาคู่คมของเขา ระยะห่างใบหน้าเพียงคืบเดียว ทำให้ข้างแก้มเธอขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อ

ใบหน้าหล่อคมมุ่นคิ้วดูหงุดหงิดใจ ก่อนจะเลิกคิ้วใส่เธอที่ยังไม่ยอมลุกไปจากตัวเขาอีก

“หนัก”

“คะ”

“ลุกได้แล้ว... ผมหนัก”

ราวกับมีใครตีระฆังให้ดังกังวานในหัวนักอ่านจอมเพ้อ ให้เลิกมโนเพ้อพกถึงนิยายรักน้ำเน่าได้แล้ว เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะรีบลุกพรวดพราดแล้วยิ้มแห้งให้คนตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ... แฮะ งั้นฉันเอากล่องไปไว้ข้างนอกนะคะ”

นี่แหละหนา... อานิจจังยัยจอมมโนกับท่านประธานจอมขัด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 22 เหตุผลคนไม่คู่ควร

    “แกว่าถ้าเราตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรัก... มันจะแย่มากมั้ย”คำถามจากแพรพิมพ์ดาวเอ่ยขึ้น ฝ่าความเงียบให้เจ้าของห้องอย่างธารตะวันเงยหน้ามอง เธอกำลังตั้งใจโซ้ยสุกี้น้ำที่อีกฝ่ายซื้อมาฝากถึงห้องในยามดึก ทว่าพอเกริ่นเรื่องนี้เธอก็รีบเคี้ยวแล้วกลืนทันที“แกมีความรักเหรอ” เธอเลิกคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ“ก็เปล่าหนิ” คู่สนทนาสั่นหัวปฏิเสธตอบกลับมา“แล้วถามทำไมอ่า”ธารตะวันหรี่ตาอย่างจับผิดพิรุธ เมื่อแพรพิมพ์ดาวแสร้งทำเป็นหลบสายตา ก้มหน้าใช้ช้อนตักสุกี้ตัวเองเข้าปากกลบเกลื่อนอาการเรื่องนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน“สรุปถามทำไมหรา” พอได้ทีเธอก็ลากเสียงยาว เท้าแขนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วยื่นหน้าเพื่อคาดเค้น ให้ผู้ต้องสงสัยคายหลักฐานออกมา“แล้วถามไม่ได้รึไง๊ล้า” แพรพิมพ์ดาวขึ้นเสียงสูง ก่อนจะยกมือเกาที่ต้นคอแล้วกลอกตาไปมา“เสียงสูงทะลุเพดานแล้วจ้ะ”“ก็... ก็อาจจะมีบ้าง”“ดูจากสีหน้าแกแล้วเนี่ย น่าจะมีเยอะเลยแหละ”พูดจบประโยค แพรพิมพ์ดาวก็ลอบถอนหายใจ พลางงุดหน้าจนคางเกือบชิดอกแล้วช้อนตามองเพื่อนสนิท วันนี้ที่เธอมาหาซะมืดค่ำก็เพราะมีปัญหานี้กวนใจนี่แหละแพรพิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตั้งท่าเล่าด้วยสีหน้าจริ

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 21 บทบาทพ่อแม่จำเป็น

    ห้างสรรพสินค้าหลังจากพาน้องกรมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จัดรถบังคับชุดใหญ่ให้แบบเต็มเหนี่ยว ธันย์ธาราก็พาเด็กน้อยมาเล่นบ้านลม ส่วนเขานั่งเฝ้ากับคุณผู้ช่วยที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้ธารตะวันยิ้มเอ็นดูน้องกรมากๆ รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ส่งไปถึงดวงตาเธอให้เป็นรูปสระอิ ส่งเสียงหัวเราะปนยิ้มจังหวะที่น้องกรหันมาโบกมือให้“น่ารักจัง...” เธอชมออกเสียงแล้วยิ้มอย่างอิ่มเอมใจแต่ขณะที่เธอมองเด็กน้อย เจ้าของดวงตาคู่คมก็จับจ้องมองเธออยู่เช่นกัน ในแววตาที่สบมองมีประกายรอยยิ้มเจือจางอยู่ด้วยหากทว่าจู่ๆ ร่างบางก็นิ่งงันไป รอยยิ้มที่ปรากฏค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด เมื่อคิดถึงเรื่องราวสุดเศร้าจากนิยายที่เคยอ่าน จนนอนร้องไห้จมกองน้ำตาขี้มูกโป่งพูดจาสะอึกสะอื้นมาแล้ว“คุณคิดอะไรอยู่”“คะ”“เห็นอยู่ดีๆ คุณก็เหม่อ” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกต ในมุมเงียบๆ ของคนไม่ค่อยพูดแอบมองเธออยู่ก่อนแล้วร่างบางลอบถอนลมหายใจอย่างปลงปลด ก่อนจะลดโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพน้องกรลง นัยน์ตาหม่นแสงขึ้นมาในฉับพลันเธอก็เป็นแค่นักอ่านจอมเพ้อ ชอบอินกับบทบาทของตัวละครเกินไปหน่อย พอได้เห็น

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 20 ว่าด้วยเรื่องทะลุมิติ

    เมืองเอกเข้าปรึกษาหาลือเรื่องธุรกิจที่หุ้นส่วนกัน เกี่ยวกับธุรกิจบาร์เครื่องดื่มกึ่งร้านอาหารใจกลางเมือง ซึ่งเมืองเอกก็นำเอกสารมาแจกแจงรายละเอียดทั้งหมด ถึงการปรับปรุงร้านด้านในใหม่ล่าสุดถึงธันย์ธาราจะจำคนรอบตัวไม่ได้เลย แต่พอทราบข่าวว่าเพื่อนรักประสบอุบัติเหตุ เมืองเอกก็เป็นคนแรกๆ ที่เข้าช่วยเหลือทันทีทั้งติดต่อทนายและคนพื้นที่ทั้งหมด มาให้ช่วยกันระดมหาหลักฐานเพิ่มเติมในคืนวันเกิดเหตุ แต่กลับสืบสาวราวเรื่องถึงต้นตอไม่ได้ จนธันย์ธาราค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเป็นคนมีอิทธิพลเข้ามาเอี่ยว“เรื่องผ่านมาสักพักใหญ่ละ แต่คดีความยังไม่คืบหน้าเหรอวะ” พอพูดคุยเรื่องธุรกิจเสร็จ เมืองเอกก็ไถ่ถามเรื่องคดีความต่อทันทีทั้งคู่นั่งคุยกันในห้องทำงาน ร่างสูงของประธานธันย์นั่งหลังตรงแล้วหลุบตาคิดหนัก ส่วนเมืองเอกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พลอยขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดตามไปด้วย“ทำไงได้ กล้องวงจรปิดพร้อมใจกันเสียเลยนี่หว่า”“อมพระทั้งโบสถ์มากูยังไม่อยากจะเชื่อเลยเหอะ”ธันย์ธาราพ่นลมขำเบาๆ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเหมือนบทละคร ทั้งโดนลอบทำร้ายจนความจำเสื่อมแต่จับคนก่อเหตุไม่ได้อีกทั้งกล้องวงจรปิดสำคัญๆ รอบบริเวณที

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 19 วาสนาพ่อของลูกใคร

    เจตกวินอาสามาส่งธารตะวันถึงหน้าบริษัท เขายื่นแขนให้เธอจับพยุงร่างเดินกะเผลกเข้างาน ทว่าตั้งแต่ที่เขาพูดว่าจะจีบเธอขณะเดินข้ามสะพานแม่น้ำ บทสนทนาก็จบลงโดยการที่เธอเงียบมาตลอดทาง“เราเดินไหวแน่นะ” เขาถามขึ้น ตอนมาส่งเธอที่หน้าบริษัทแล้ว“ไหวค่ะ” เธอพยักหน้า พลางคลี่รอยยิ้มฝืดฝืนส่งให้ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานราวกับบริหารเสน่ห์ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาตามพิมพ์นิยมของเจตกวิน เกือบทำให้ธารตะวันเคลิ้มตามรอยยิ้มที่ชวนอบอุ่นใจ จนบางทีอาจลืมไปว่านี่คือตำนานตัวร้ายได้บทพระเอกมาแต่แล้วเธอก็ถูกกระชากสติให้กลับมาฉับพลัน รีบส่ายสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าให้ออกจากสมองไปทันที“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วก็... ให้ขี่หลังด้วย”“ไม่เป็นไรครับ แต่พรุ่งนี้พี่ไปรับเราอีกได้มั้ย”พอได้ที เจตกวินก็ใช้ช่องทางนี้ไล่ต้อนเธอ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าน่ารักของรุ่นน้อง พลางมุ่นคิ้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ“ยังไงทางมาบริษัทก็ทางเดียวกันอยู่แล้วหนิครับ” เขาพูดต่อในเชิงกดดันกันทางอ้อม แต่ใช้รอยยิ้มสวยกดข่มอารมณ์ความต้องการไว้“ตะวันไม่รบกวนพี่เจตดีกว่า” เธอยิ้มแล้วตอบกลับอย่างชัดเจน“รังเกียจพี่เหรอ...”“คะ”“เราคุยกับพี่ตาม

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 18 พี่เจตจะจีบน้องตะวัน

    “ญี่ปุ่นต้องสนุกมากแน่เลยใช่มั้ยคะป้าขา... ฮือ”ร่างบางยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน แต่เธอก็คิดถึงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าประจำจะแย่ ถึงขั้นเบะปากจะร้องไห้มาร่อมมาร่ออยู่แล้วญี่ปุ่นในช่วงเดือนนี้คงมีหิมะให้เล่นสนุกแน่เลย จะว่าไปแล้วตั้งแต่เกิด ตัวเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เที่ยวเมืองนอกเลย แค่เดินทางในประเทศยังเป็นไปได้ยากชีวิตที่ต้องก้มหน้าหาเงินงกๆ หนึ่งวันก็เก้าชั่วโมง ไม่รวมเดินทางไปกลับที่ต้องเผชิญอุปสรรคแต่ละวันต่างกันออกไปอีก“รีบกลับมาไวๆ น้าคุณป้าขา” เธอได้แต่มองรถเข็นของป้าที่คลุมผ้าใบไว้ตาละห้อยทว่าวินาทีที่เธอหมุนตัวหันหลัง ร่างสูงของเจตกวินดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอชะงักตัวมองอีกฝ่ายที่ยิ้มหวานให้แต่เช้า“พี่เจต...”เจตกวินมุ่นคิ้วเข้าหากัน พลางชะเง้อตัวมองไปด้านหลังเธอ แล้วทำหน้าเสียดายที่เห็นป้ายกระดาษติดประกาศว่าหยุด แต่เขาก็แค่เล่นละครตบตาเพราะมาดักรอธารตะวันแต่แรกแล้ว“อ้าว พี่เพิ่งรู้ว่าร้านป้าเขาปิด” เจตกวินยิ้มหวานให้หญิงสาว อันที่จริงเมื่อวานเขาขับผ่านทางนี้แล้วเห็นธารตะวันขึ้นรถเมล์พ

  • ทะลุมิติเรื่องนี้แถมฟรีพ่อของลูก   บทที่ 17 จูบแรกไม่ทันตั้งตัว

    ซ่าเสียงห่าฝนชุดใหญ่เทกระจาดอย่างหนัก ระหว่างทางขับรถกลับมาหอพักของธารตะวันยังไม่แรงเท่านี้เลยกระทั่งรถยนต์ของประธานธันย์จอดหน้าหอพักคุณผู้ช่วย พายุฝนก็พร้อมใจสาดซัดกระหน่ำ ตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางด้านหน้า เสียงฟ้าร้องดังครืนจนร่างบางหดตัวตกใจ“ฝนตกหนักขนาดนี้คุณจะขับกลับไหวเหรอคะ”“ไหวครับ”“แต่ฉันเป็นห่วงคุณไงคะ...”เธอชะเง้อมองสายฝนผ่านหน้าต่างรถ สีหน้าเคร่งเครียดหนัก ก่อนที่จะหันไปเสนอความเห็นด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย เกรงว่าถ้าเขาขับรถฝ่าพายุกลับไปแล้วจะเกิดอันตราย อย่างน้อยรอฝนซาก็ยังดี“ขึ้นไปนั่งรอบนห้องฉันก่อนดีมั้ยคะ รอให้ฝนซาแล้วคุณธันย์ค่อยกลับดีกว่าค่ะ... ขับไปแบบนี้อันตรายมากเลย”“รอบนห้องคุณเหรอ”ธันย์ธาราถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด พลางส่ายตาครุ่นคิด จนคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน“ค่ะ ทำไมคะ” ร่างบางมุ่นคิ้วที่มุมปากมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นถูปลายจมูกนิดๆสุดท้ายพายุฝนก็ไม่มีท่าทีจะเบาลง ธารตะวันเดินกางร่มคันเดียวกับเจ้านายขึ้นห้อง จนเสื้อผ้าบางส่วนของทั้งคู่ถูกสาดกระเซนจนเปียกชุ่มร่างสูงวางร่มที่เปียกฝนกางไว้หน้าห้องเธอ เพราะห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status