เข้าสู่ระบบ“แม่ถามว่าใครตาธันย์”
เสียงแหลมสูงแฝงความไม่พอใจย้ำอีกครั้ง ทำร่างบางนั่งตัวลีบเรียวหดเกร็งเหลือไม่กี่เซน ทั้งใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อหันไปสบสายตาพิฆาตกับหญิงรุ่นแม่
“เธอเป็นผู้ช่วยคนใหม่ผมครับแม่” เขาตอบ พลางโอบไหล่คนเป็นแม่ให้ใจเย็นลง ว่าเธอไม่ใช่แฟนหรือสาวในความลับเขาแต่อย่างใด
“แน่ใจเหรอว่าผู้ช่วยน่ะ”
“ครับ เธอเป็นผู้ช่วย”
รัศมีความแรงความตัวแม่ที่รุ่นใหญ่แผ่กระจายออกมา เมื่อคุณหญิงแม่ไล่สายตามองกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเธอปั้นหน้ายิ้มฝืดฝืนชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือประหนมไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อธารตะวัน... เป็นผู้ช่วยคุณธันย์ค่ะ” เธอแนะนำตัวในน้ำเสียงหวานล้ำ เคลือบด้วยประกายรอยยิ้มของความสดใส
ทว่าหญิงรุ่นราวคราวแม่ก็แค่รับไหว้ แต่สีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะใกล้ลูกชายเธอ
“แล้วความทรงจำลูกกลับมาบ้างหรือยัง”
ความทรงจำเหรอ...
บุคคลนอกบทสนทนาอย่างเธอเผลอเสียมารยาทตั้งใจฟัง ขยับมองไปที่ร่างสูงกำยำของประธานธันย์ที่นิ่งเงียบไปหลายวินาที พลอยให้เธอลุ้นตัวโก่งว่าเรื่องราวตรงหน้าจะเป็นยังไงต่อ
“ยังไม่กลับมาครับ” เขาส่ายหน้าในดวงตาหม่นอับแสง ราวกับรู้สึกแย่ที่ความทรงจำทั้งหมดเลือนหายไป
“เฮ้อ...” คุณหญิงแม่ลอบถอนหายใจสีหน้าเศร้าสร้อยไม่สดใส
“แต่ผมก็ยังเป็นลูกแม่เหมือนเดิมนะครับ”
“แม่รู้ตาธันย์ว่าแกยังเป็นลูกแม่เหมือนเดิม...”
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบางเบา สองแม่ลูกกำลังพูดในสิ่งที่ทำให้อีกคนหูผึ่ง ปะติดปะต่อเรื่องราวจนขมับปวดร้าวแทบจะเป็นไมเกรน นี่ก็แปลว่าประธานธันย์ธารามีอาการความจำเสื่อมอย่างงั้นเหรอ
ความจำเสื่อมไม่เท่าไหร่... ประโยคถัดไปนี่สิทำเธอขนลุกวาบทันที
“แต่แม่ก็อยากให้จับคนร้ายได้เร็วๆ ใครกันแน่ที่พยายามจะฆ่าลูกชายของแม่”
“ฆ่า...” พยายามฆ่ากันเชียวเหรอ
ธารตะวันหลุดพูดถึงประเด็นร้อนที่ทั้งสองคุยกัน ผู้เป็นแม่ไม่อาจวางใจคนรอบตัวที่เข้าหาลูกชาย กลัวว่าจะมีคนประสงค์ร้ายโดยที่เจ้าลูกชายไม่รู้ตัว เพราะยังจับคนร้ายในคืนที่เกิดเหตุไม่ได้
“ระหว่างรอหลักฐานเพิ่มเติมจากตำรวจ... แกก็ช่วยระวังตัวให้มากด้วยล่ะตาธันย์ แม่อดเป็นห่วงแกไม่ได้เลย” คุณหญิงแม่ลูบศีรษะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความห่วงใย ถึงน้ำเสียงจะดูนางร้ายก็ตามที
“ถ้างั้นระหว่างนี้ผมพักแผนงานล่าสุดที่บริษัทก่อนนะครับแม่”
“แม่เข้าใจ ยังไงก็ลองคุยกับพ่อเขาดู... เอาที่แกพอทำไหว”
ธันย์ธาราพยักหน้ารับ พลางชำเลืองตามองหญิงสาวที่หลุบตาคล้ายว่าครุ่นคิดบางอย่าง จนมือที่ประสานกันไว้ด้านหน้าจิกเกร็งไปมา
เพราะความจำเสื่อมโพรเจกต์งานล่าสุดที่ดำเนินค้างไว้ จึงยังไม่ได้สานต่อให้เสร็จเป็นกิจจะลักษณะ แต่เรื่องงานตรวจตราหรือเข้าที่ประชุมเกี่ยวกับโรงแรมในเครือเธียรประทีปเขาทำได้ดีเลย
“แล้วแม่หนูนี่ล่ะ ทำไมแกถึงจ้างมาทั้งที่งานก็ไม่ได้หนัก”
สายตาพิฆาตของคุณหญิงแม่ตวัดมองมาอีกครั้ง แช่แข็งร่างบางยืนยิ้มเจื่อนเม้มปากแล้วคลายออกอยู่หลายครั้ง จนธันย์ธาราต้องรีบช่วยขยายความเข้าใจผิดนี้ในทันที
“ส่วนเรื่องผู้ช่วยนี่ก็... อยากให้มาช่วยแบ่งเบาภาระงานหน่อยน่ะครับ พอนั่งเคลียร์ทุกอย่างคนเดียวคิดว่าไม่ไหว ผมก็เลยอยากได้คนมาช่วยเสริมสักคน”
“แค่นี้แน่นะ”
“แค่นี้แน่ครับ”
คุณหญิงแม่ทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ แต่ในใจก็คิดว่าลูกชายเธอเป็นคนหัวสูงมากพอในการเลือกคู่ คงจะไม่คว้าดอกไม้ริมทางมาเชยชมหรือเด็ดดมอย่างแน่นอน
อีกอย่างตัวเธอก็มีคนที่อยากให้ตบแต่งอยู่แล้ว ผู้หญิงที่เพียบพร้อมเหมาะสมทั้งหน้าและสมฐานะกับสกุลเธียรประทีปนับอนันต์
“อีกอย่างโปรไฟล์เธอดีมากด้วย ผมว่าเธอพัฒนาต่อได้ ถ้าหากว่าวันนึงความทรงจำผมกลับมา ผมก็อยากจ้างเธอให้เป็นเลขาต่อ...”
สีหน้าเรียบนิ่งประกอบกับน้ำเสียงจริงจัง ทำให้คุณหญิงแม่ท่านเริ่มอ่อนใจไม่อยากซักไซ้ให้มากความ ต่อให้จะมดมอดหรือแมลงตัวเล็กตัวน้อยก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาเธอได้อยู่ดี
หากมีผู้หญิงหัวสูงหวังสบายหรือรวยทางลัด เธอก็ไม่ปล่อยให้เข้ามายุ่งย่ามชีวิตลูกชายที่เลี้ยงมาอย่างดีแน่นอน
“ผมเชื่อว่าธารตะวันไว้ใจได้ครับ”
“พูดว่าเชื่อใจแกรู้จักเธอได้กี่วัน”
พอโดนสายตาของคนเป็นแม่มองแรงเพื่อคาดเค้น ธันย์ธาราก็ใช้ไม้ตายส่งลูกอ้อนผ่านแววตา โดยที่ธารตะวันคนนอกบทสนทนาไม่ทันจะได้สังเกตเห็นมัน
เธอกำลังตกตะกอนความคิดบางอย่างในหัว แต่เดาทางไม่ออกเลยว่าแนวเรื่องจะไปในทิศทางไหนกันแน่
“ตาธันย์แกนี่นะ”
“เชื่อผมนะครับ...”
เพราะรู้ว่าลูกชายโดนทำร้ายหนักในคืนวันที่เกิดเหตุ พอตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลก็ดันจำคนรอบข้างหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อีก
ไม่พอเท่านั้น ธันย์ธารายังมีอาการหวาดระแวงผู้คนรอบข้าง ก่อนหน้านี้ก็ขังตัวอยู่แค่ในห้อง แต่กับผู้ให้กำเนิดมันคือสัญชาตญาณให้เข้าหาอย่างสบายใจ ส่วนคนอื่นธันย์ธาราไม่สนิทใจที่จะเข้าหาเลย
“งั้นแม่ไปและตาธันย์ จะไปเดินเล่นที่สวนหน่อย” เธอยิ้มให้ลูกชายแล้วตบหลังมือเบาๆ แทนคำพูดว่าให้ดูแลตัวเอง
ใครจะเชื่อ... จากประธานธันย์ธารานักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผู้เคร่งครัดในหน้าที่การงานพาบริษัททะยานเป็นม้ามืดลำดับที่สามได้สำเร็จ ตอนนี้จะกลายเป็นคนผู้ป่วยความจำเสื่อมหวาดระแวงผู้คนรอบข้างไปแล้ว
“ครับแม่” ธันย์ธารายิ้มรับให้คลายกังวล ก่อนจะหันมองธารตะวันที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี
ร่างบางเม้มปากแล้วหัวเราะแห้งกลบเกลื่อน ไม่รู้จะเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินยังไงดี เจ้านายเธอกลายเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม ไหนจะโดนลอบทำร้ายแต่ยังจับผู้ก่อเหตุไม่ได้อีก
ภาคต่อนิยายที่ย้อนเวลามาเจอฆาตกรเหรอ...
“ธารตะวัน”
“ฆาตกร...”
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ธันย์ธาราขมวดคิ้วมุ่น พลางขยับปลายเท้าเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นเธอมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับยามสะท้อนกับแสงอาทิตย์
“ทำไมคุณถึงเลือกที่จะไว้ใจฉันล่ะคะคุณธันย์” เธอมุ่นคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อสุดท้ายก็คือคนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี
เขาเอาอะไรมาพูดว่าเชื่อใจคนแปลกหน้าอย่างเธอ เมื่อกี้ยังให้ชิมอาหารที่ทำให้กันมียาพิษอยู่เลยไม่ใช่หรือไง
“เพราะธารตะวันต่างหาก เป็นเครื่องรางของความโชคดี”
“เครื่องรางความโชคดีเหรอคะ...”
เธอทวนซ้ำประโยคเดิมจากปากเขา ส่ายตาสบมองนัยน์ตาสีดำเข้มราวกับน้ำหมึก ก่อนจะนิ่งงันไปชั่วขณะเพราะรู้สึกคุ้นหูกับประโยคนี้บอกไม่ถูก
คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยอ่านผ่านตามาก่อน...
ไม่มีคำตอบจากคนตัวสูง ทั้งสีหน้าก็เรียบนิ่งและแววตานิ่งเฉยจนยากจะอ่านความคิดออก
“ทานอาหารให้หมดแล้วตามผมขึ้นไปด้วยล่ะ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินจากไป เหลือแค่เธอที่ยืนตกอยู่ในภวังค์ความคิดนานหลายวินาที
“แค่เรามีพี่เจต... เราก็เหมือนมีเครื่องรางความโชคดีแล้วค่ะ”
ฉับพลันดวงตากลมโตก็เบิกขึ้นกว้าง หัวใจดวงน้อยอุ่นร้อนชาวาบไปทั่วกลางหน้าอก
“ทำไมมันเหมือนประโยคที่... ธารตะวันพูดกับเจตกวินเลยล่ะ”
ร่างบางเปลื้องผ้าโยนเรี่ยราดลงบนพื้น เธอเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างที่ทุกสัดส่วนล่อตาล่อใจ ปลุกอารมณ์ให้องศาสมุทรกระสันกว่าเดิม มองเธอที่ควบขี่อยู่บนตักด้วยสีหน้าเสียวสยิวพบตะวันบดร่อนเอวบนแท่งร้อน เธอมุ่นคิ้วเว้าวอน เสียวจนส่งเสียงครางหวานแล้วโน้มตัวไปจูบเขาก่อน“อือ…”เธอเป็นฝ่ายใช้ลิ้นบุกก่อน พลางออกแรงบีบบ่าแกร่ง เมื่อรู้สึกเสียววาบในท้องน้อย ทุกครั้งที่แท่งร้อนผลุบเข้าออกในร่องรักองศาสมุทรรั้งท้ายทอยเธอไว้ พลางควงคว้านเรียวลิ้นโพรงปากเธอพบตะวันสู้ยาก เธอผ่อนลมหายใจไม่ทัน เสียงน้ำลายที่ฉ่ำแฉะข้างในปากทำแก้มเธอเห่อร้อน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นจนกระสันหนักกว่าเก่า แต่พอโดนเขาจับเอวให้ควบขี่บนแก่นกาย เธอก็เชิดหน้าหายใจถี่กระชั้น“อึก… แฮ่ก”หยาดน้ำลายเธอเหนียวหนืดในลำคอ เกร็งขาทั้งสองข้างจนเบ้หน้า คล้ายว่าอาการเหน็บชาเล่นงาน เพราะขึ้นคุมบังเหียนนานเกินไปใบหน้าสวยแดงปานลูกตำลึงสุก มันก็ดีอยู่หรอกที่อยู่ข้างบน แต่พอทำไปทำมา ตะคริวกลับกินขาในจังหวะกำลังเสียวพอดีเลยน่าอาย…ขืนบอกว่าขึ้นให้เขาแล้วเมื่อย อีกฝ่ายได้หัวเราะเธอกรามค้างแน่“ไหวมั้ย”“ไหวค่ะ”พบตะวันมันเลือดนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้แต่ไ
ร่างบางปรี่เข้าไปสวมกอดเขาทันที สองแขนเธอกอดรั้งช่วงลำคอเขา มือก็จับข้างใบหน้าหล่อเหลาแล้วมุ่นคิ้วจะร้องตาม“ร้องไห้ทำไมคะ” พบตะวันถามเสียงอ่อนโยน แต่เขากลับยิ้มให้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น“ไม่มีอะไรหรอก”“จะไม่มีอะไรได้ยังไงก็พี่...”“พี่จ้องหน้าจอนานไปหน่อยตาเลยแห้ง”องศาสมุทรหลีกเลี่ยงคำพูด ไม่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาแค่ไม่อยากให้เธอคิดมากไปด้วย อาการเครียดบวกวิตกกังวล ประกอบกับงานที่เขาโหมหนักจนรัดตัวไปไหนไม่ได้กลายเป็นระเบิดเวลา ผ่านหยดน้ำตาที่ไหลริน“พี่โกหกตะวันไม่เนียนเลยนะ ถ้าคบกันแล้วตะวันเป็นความสบายใจให้พี่ไม่ได้... แล้วเราจะคบกันต่อไปได้ยังไงคะ”พบตะวันชักสีหน้าบึ้งตึง มือสัมผัสผิวแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเอาแก้มตัวเองไปแนบข้างๆ แล้วถูไถคล้ายลูกแมวตัวน้อย“เธอเป็นความสบายใจของพี่ตะวัน” เขาเอาศีรษะมาชนตอบ ก่อนรอยยิ้มที่หวานละมุนจะจุดบนมุมปาก รวบเอวคอดกิ่วมานั่งบนตักพบตะวันคือแสงสว่างในชีวิตเขาเลยล่ะให้พูดยังไงดี... การได้พบเธอทำให้เขามีชีวิตชีวา หลังดำรงชีพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ไม่กล้าออกนอกคำสั่งที่โดนป้อนมาแต่หลังได้เจอเธอ เขากล้าออกจากกรอบ เพื่อฟังเสียงหั
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องศาสมุทรหรือในนามประธานองศา เขาใช้เวลาไปกับงานซะส่วนใหญ่ ในเมื่อท่านอินทัชไม่ให้เงินเดือน จากการทำงานให้บริษัทมาตลอดร่วมเดือน เขาก็เลยผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจเขาทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อหาเงินมาสร้างตัวช่วงเวลาสองทุ่ม เขาก็เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ภายใต้นามของประธานองศาสมุทรเช่นเคยท่านประธานห่วงคนที่บ้านมากกว่าอยากกลับบ้านใจจะขาดรอมร่อ“สวัสดีค่ะคุณองศา” เสียงหญิงสาวทักทายดังขึ้น พอหันกลับไปมอง เขาก็ส่งยิ้มตามมารยาทให้อีกฝ่าย แม้จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็ตาม“สวัสดีครับ เอ่อคุณ...” เขาเลิกคิ้วปนยิ้มขัดเขิน ทำงานจนมึนเบลอ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเจอพบปะใครมาบ้างคนตรงหน้าตอนนี้ก็ด้วย...หญิงสาวร่างเพรียวระหง ปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง เธอวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่ม พลางยกมือทัดใบหูแก้อาการขวยเขิน ท่ามกลางผู้คนมากมายในงานเลี้ยง ประธานองศาโดดเด่นจนเธอต้องเดินเข้ามาทักทาย“ญาดาค่ะ เราเคยเจอกันตอนที่คุยไปบริษัทคราวก่อน”“อ่า ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมเจอคนเยอะมากก็เลยหลงลืมไป”ญาดาป้องปากขำเอ็นดูเขา สมคำร่ำลือจริงนั่นแหละ ประธานหน้าหล่อแต่ติดเย็นชา สีหน้าคมดุพูดจาตร
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ







