พวกบ่าวไพร่ช่วยกันหามเปล ที่มีร่างของคุณชายใหญ่กลับมาที่เรือน แต่เจอเข้ากับฮูหยินเอกเสียก่อน
“อาห่าวลูกแม่! นี่มันเกิดอะไรขึ้นใครเป็นคนทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บถึงเพียงนี้!” ฮูหยินตกใจเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน ทันทีที่เห็นสภาพของบุตรชาย จึงหันไปถามความกับบ่าวคนสนิทของซีห่าว
“ฉู่เหอ ใครเป็นคนทำร้ายลูกข้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้”
“บะ บะ บ่าวไม่ทราบขอรับว่าเป็นผู้ใด ตอนที่บ่าวไปถึงก็เห็นคุณชายอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วขอรับ” ฉู่เหอตอบฮูหยินเอกด้วยเสียงสั่น ๆ
“พวกไม่ได้เรื่อง!! เจ้าเป็นบ่าวคนสนิทของบุตรชายข้า มีหน้าที่ติดตามคอยดูแลตลอดเวลา แต่เจ้ากลับปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนเจ็บตัวเช่นนี้ได้ยังไง เอาไว้ข้าจะลงโทษเจ้าทีหลังตอนนี้รีบไปตามท่านหมอมาได้แล้ว” ฉู่เหอรีบวิ่งออกไปตามท่านหมออย่างรวดเร็ว
“ลูกแม่เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า ๆ บอกแม่มาแม่จะไปจัดการให้เจ้าเอง” ฮูหยินนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เตียง
ผ่านไปราวสองเค่อ ฉู่เหอก็พาท่านหมอเข้ามาตรวจอาการของเสิ่นซีห่าว ท่านหมอจับชีพจรและสอบถามอาการเบื้องต้น พอตรวจกระดูกที่ขาเรียบร้อยก็หันกลับมาเอ่ยกับฮูหยินเอก
“อาการบาดเจ็บของบุตรชายข้า เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านหมอ”
“กระดูกที่ขาของคุณชายมีอาการร้าว ต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณหนึ่งเดือน อย่าเพิ่งให้เขาลุกขึ้นเดินข้าจะดามขาเขาให้ ตามร่างกายมีรอยฟกซ้ำ แค่กินยาให้ตรงเวลาอย่าให้ขาดก็จะหายดี การที่คุณชายพูดไม่ได้นั้น ข้าคิดว่าคงมีเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง จึงมีอาการเหม่อลอยแต่เป็นเพียงอาการในระยะสั้น ข้าจะเขียนเทียบยาสงบใจต้มให้คุณชายดื่ม และท่านต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่เกินสิบวันอาการก็น่าจะดีขึ้น” ฮูหยินได้ยินที่ท่านหมอพูดมาก็สะอื้นไห้อีกครั้ง นางอยากเจ็บแทนบุตรชายเหลือเกิน
“ข้าจะดูแลเขาอย่างดีตามที่ท่านหมอบอกเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอมาก” ฮูหยินเอกกล่าวขอบคุณก็สั่งให้คนพาท่านหมอกลับไป
“ห่าวเอ๋อร์ลูกแม่เจ้าอดทนหน่อยนะไม่นานก็หายแล้ว” นางบอกบุตรชายพร้อมทั้งสวมกอดเขาไว้แน่น
ภายในเรือนท้ายจวนซินเยว่กลับมา หลังจากจัดการเรื่องที่สวนไผ่จบเรียบร้อย ก็กำลังนั่งมองมารดาออกกำลังกาย กับท่าที่นางเคยสอนไปและท่านแม่ดูจะชอบเอามาก ๆ
“เยว่เอ๋อร์แม่คิดว่าท่าออกกำลังกายที่เจ้าสอนมา มันดีต่อร่างกายจริง ๆ รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น และรูปร่างยังกระชับไปทุกส่วน
ตอนกลางคืนก็หลับสนิทจนเช้าอีกด้วย” ลี่หลินพูดด้วยใบหน้าที่ดูสดใสกว่าแต่ก่อน
ซึ่งในตอนนี้มารดาของซินเยว่ มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามขึ้นกว่าเดิม เพราะนางยกเอาชุดครีมบำรุงและอาหารเสริม ออกมาบำรุงร่างกายมารดาชุดใหญ่ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายจะไม่งดงามขึ้นยังไงไหว ส่วนตัวของนางยังคงผอมแห้งเล็กน้อย เพราะยังไม่อยากบำรุงในตอนนี้ เอาไว้ออกไปจากที่นี่แล้วค่อยจัดหนักจัดเต็ม นางจึงโดนมารดาบ่นทุกวันจนหูชาบ่อย ๆ
“ก๊อก ๆ ๆ นายหญิงข้าน้อยเสี่ยวหลานเองเจ้าค่ะ”
“เข้ามาได้เลยเสี่ยวหลาน” หลังจากอนุญาตเสี่ยวหลานก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที
“อ้าว นายหญิงอยู่กับคุณหนูหรอกหรือเจ้าคะ”
“เอ๋ นี่ข้านั่งคุยอยู่ตั้งนานเป็นข้าคุยกับลูกหมาน้อยหรือเนี่ย” ท่านแม่แกล้งพูดหยอกพี่เสี่ยวหลาน
“โธ่ ท่านแม่ข้าไม่ใช่ลูกหมานะเจ้าคะ บ๊อก ๆ ๆ” ข้าก็ตามน้ำไปกับมารดาอีกคน
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้านี่น้า มีเรื่องอะไรมาเล่าให้พวกข้าฟังหรือเสี่ยวหลาน แต่ท่าทางเจ้าดูตื่นเต้นแปลก ๆ หรือเจ้าไปรู้เรื่องอะไรมาอีกเล่า”
“นายหญิงท่านก็กล่าวเกินไป บ่าวไม่ใช่คนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลานพูดจบก็ทำท่างอนเจ้านาย
“ข้ารู้ ๆ เจ้าไม่ได้ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านแบบทั่วไป แต่เจ้าชอบสอดเข้าไปรู้ทุกเรื่องต่างหาก ฮ่า ๆ ๆ” ลี่หลินพูดคล้ายรู้ทันสาวใช้คนสนิทของตน
เสี่ยวหลานแสร้งทำหน้าเศร้าไปอีก “นายหญิงบ่าวรู้สึกเสียใจนะเจ้าคะ”
“ถ้าเสียใจเจ้าก็ร้องไห้ออกมาดัง ๆ เลยสิข้ารอดูอยู่” ลี่หลินยังไม่ยอมหยุดเย้าแหย่สาวใช้ข้างกาย
“หยุดทั้งคู่เลยเจ้าค่ะ จะหยอกเล่นกันอีกนานหรือไม่เจ้าคะท่านแม่ ข้าอยากรู้แล้วว่าพี่เสี่ยวหลานมีเรื่องอะไร พี่เสี่ยวหลานเข้าเรื่องเลย ขอสั้น ๆ กระชับและได้ใจความ” ซินเยว่รีบห้ามสงครามระหว่างมารดากับเสี่ยวหลาน ก่อนจะสั่งให้พูดเรื่องที่รู้มาเสียที
“นายหญิง คุณหนูเจ้าคะอีกสองวัน นายท่านก็จะกลับมาถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ”
“อ่อ ขอบใจข้ารับรู้ไว้แล้ว” ลี่หลินไม่ได้พูดอันได้มาก
ส่วนซินเยว่กำลังคิดในใจเงียบ ๆ ‘มาได้เสียทีข้าเตรียมตัวรอท่านจนพร้อมตั้งนานแล้ว’
พวกบ่าวไพร่ช่วยกันหามเปล ที่มีร่างของคุณชายใหญ่กลับมาที่เรือน แต่เจอเข้ากับฮูหยินเอกเสียก่อน“อาห่าวลูกแม่! นี่มันเกิดอะไรขึ้นใครเป็นคนทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บถึงเพียงนี้!” ฮูหยินตกใจเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน ทันทีที่เห็นสภาพของบุตรชาย จึงหันไปถามความกับบ่าวคนสนิทของซีห่าว“ฉู่เหอ ใครเป็นคนทำร้ายลูกข้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้”“บะ บะ บ่าวไม่ทราบขอรับว่าเป็นผู้ใด ตอนที่บ่าวไปถึงก็เห็นคุณชายอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วขอรับ” ฉู่เหอตอบฮูหยินเอกด้วยเสียงสั่น ๆ“พวกไม่ได้เรื่อง!! เจ้าเป็นบ่าวคนสนิทของบุตรชายข้า มีหน้าที่ติดตามคอยดูแลตลอดเวลา แต่เจ้ากลับปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนเจ็บตัวเช่นนี้ได้ยังไง เอาไว้ข้าจะลงโทษเจ้าทีหลังตอนนี้รีบไปตามท่านหมอมาได้แล้ว” ฉู่เหอรีบวิ่งออกไปตามท่านหมออย่างรวดเร็ว“ลูกแม่เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า ๆ บอกแม่มาแม่จะไปจัดการให้เจ้าเอง” ฮูหยินนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เตียงผ่านไปราวสองเค่อ ฉู่เหอก็พาท่านหมอเข้ามาตรวจอาการของเสิ่นซีห่าว ท่านหมอจับชีพจรและสอบถามอาการเบื้องต้น พอตรวจกระดูกที่ขาเรียบร้อยก็หันกลับมาเอ่ยกับฮูหยินเอก“อาการบาดเจ็บของบุตรชายข้า เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค
กลับไปที่สวนไผ่ไกลผู้คน ซึ่งยามนี้พี่ชายแสนดีของซินเยว่ ยังคงยืนได้ไม่มั่นคงนักแต่ปากก็ไม่วายพ่นคำด่าทอนางไม่หยุด“คอยดูเถอะนังสารเลวข้าจะฟ้องท่านแม่ ให้ท่านแม่สั่งโบยเจ้ากับแม่ของเจ้าให้ตาย”ไม่ต้องรอให้จบคำด่าทอซินเยว่ก็วิ่งเข้าไป กระโดดถีบตรงกลางลำตัวของซีห่าวจนกระเด็นไปตกในกอไผ่ “อ้ากกกกก”“เช่นนั้นก่อนที่ข้าจะถูกโทษโบยจากแม่ของเจ้า ข้าควรจัดการเจ้าให้หนัก ๆ เป็นการขอบคุณล่วงหน้าก็แล้วกัน” นางยิ้มเยาะไปหนึ่งกรุบ“โอ้ยยย ซินเยว่นังสารเลวเลี้ยงไม่เชื่อง นังบะ อั่ก!! แค่ก ๆ ๆ” ยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกว่ามีเม็ดอะไรสักอย่าง ไหลลงคออย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็เริ่มเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย“พูดไร้สาระอยู่ได้ ตอนนี้เป็นทีของข้าที่ต้องพูดบ้าง รู้สึกเช่นไรที่ต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์และถูกทุบตี เจ็บหรือไม่เล่า ในตอนที่ข้าโดนเจ้ากับพวกสหายเหล่านั้นทำกับข้า ๆ ก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน เพราะข้าเป็นคนไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้” ซีห่าวทำได้แค่จ้องมองไปที่ซินเยว่ เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากจนเขาเริ่มหวาดกลัว“นี่ ๆ ๆ อย่ามองประหนึ่งว่าข้าเป็นคนเลวร้ายสิ เรื่องในวันนี้มันก็แค่อุบัติ
เช้าวันนี้ ณ เรือนท้ายจวน“คุณหนูเจ้าคะสายข่าวของบ่าวรายงานว่า ขบวนเดินทางของนายท่านใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานเข้ามารายงานซินเยว่ด้วยความเร่งรีบ“หืม สายข่าว? นี่ถ้าข้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่เป็นสาวใช้ของท่านแม่ ข้าคงคิดว่าพี่มีอาชีพซื้อขายข่าวเป็นแน่ อืม หรือข้าจะเปิดหอขายข่าวให้พี่เสี่ยวหลานเป็นผู้จัดการเรื่องการขายข่าวดีไหม”“คุณหนูอย่าล้อบ่าวสิเจ้าคะ บ่าวก็แค่อาศัยการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี และมีสหายอยู่ด้านนอกจวนมากมาย แม้บ่าวจะไม่อยากรู้พวกเขาก็เอามานั่งเล่าให้บ่าวฟังอยู่ดีเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานทำเป็นเขินอายกลบเกลื่อน“อั้ยโย่ว นี่ขนาดไม่อยากรู้นะเนี่ยถ้าเกิดอยากรู้จะขนาดไหนนะ คิก ๆ ๆ เอาล่ะ ๆ ข้าไม่ล้อพี่เสี่ยวหลานแล้ว ข้าจะจบงานสุดท้ายในจวนเร็ว ๆ นี้แหละ พี่ต้องคอยดูต้นทางให้ข้าด้วยล่ะ”“งานอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู?” เสี่ยวหลานถามด้วยความอยากรู้ทันที“งานเชือดคนในจวนแบบไม่มีเลือดแต่เจ็บปวด” แค่คิดก็สนุกแล้ว“เรื่องคอยดูต้นทางคุณหนูไว้ใจบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ บ่าวจะจัดการให้ดีที่สุด” เสี่ยวหลานพยักหน้าเข้าใจในทันทีหลายวันต่อมาเสี่ยวหลานที่คอยดูต้นทาง หันไปเรียกซินเยว่เมื่อเป้าหมาย
“คุณหนูท่านหายไปไหนมาเจ้าคะ” พี่เสี่ยวหลานถามขึ้นขณะที่ซินเยว่กำลังเดินเข้าห้องนอน“อ้อ ข้าไปดูงิ้วหลังมื้ออาหารเย็นมาน่ะ” ซินเยว่แกล้งพูดหยอกเสี่ยวหลานกลับไป“ดูงิ้วหลังมื้ออาหารเย็น?? ที่จวนเรามีละครงิ้วมาแสดงตอนไหนหรือเจ้าคะ” พี่เสี่ยวหลานทำหน้างง“ถ้าฮูหยินเอกจ้างงิ้วมาแสดงจริง ๆ พี่เสี่ยวหลานจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่นี่มันเป็นงิ้วที่มีข้าผู้นี้เขียนบทให้เล่นต่างหากล่ะ” ข้าพูดไปยิ้มไป“คุณหนูลงมือแล้วหรือเจ้าคะ แล้วทำไมไม่ชวนบ่าวไปดูด้วยเล่า ว่าแต่พวกนางแสดงได้สมจริงหรือไม่เจ้าคะ”“ก็ข้ากลัวว่าถ้าชวนพี่เสี่ยวหลานไปดูด้วย ถ้ามีคนเห็นจะทำให้พี่เดือดร้อนก็เลยไปคนเดียวดีกว่า ส่วนในเรื่องของการแสดงนั้นบอกได้เลยว่า ตบจริง! โบยจริง! เจ็บจริง! ไม่ใช้ตัวแสดงแทนแน่นอน”“อูยยย แค่นึกภาพก็รู้สึกเจ็บแทนเลยเจ้าค่ะ คิก ๆ ๆ”“แหมมมมม พี่เสี่ยวหลานก็ช่างเจรจา ฮ่า ๆ ๆ” เพราะหลายวันก่อนที่ไปดูลาดเลาที่เรือนของฮูหยินเอกกับสองอนุ บังเอิญได้ยินฮูหยินกับสาวใช้คนสนิทคุยกันว่าต้องรีบจัดการอนุเฉิงได้ข่าวมาว่าบิดาของนาง กำลังจะได้เลื่อนขั้น หากชักช้าอนุเฉิงคงมีที่ยืนในใจสามีของนางมากขึ้น นางต้องเป็นที่หนึ่งเพ
ณ เรือนเจียวฝาง“กรี๊ดดดดดดด! ช่วยด้วยยยยย! พวกเจ้าที่อยู่ข้างนอกรีบมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้” เสียงกรีดร้องของอนุหลี่ดังออกมาจากในห้อง ตอนที่นางกำลังนอนหลับอยู่ จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรขยับไปมารอบตัวนางใต้ผ้าห่ม จึงเรียกบ่าวที่ยืนอยู่หน้าห้องให้เข้ามาจุดโคมเพียงแสงไฟสว่างขึ้นนางทั้งตกใจและขยะแขยง เพราะบนเตียงของนางเต็มไปด้วยกบตัวเล็กตัวใหญ่กระโดดไปมา นางรีบวิ่งออกจากห้องไปขอความช่วยเหลือ และคิดถึงตอนที่นางนอนอยู่บนเตียงกับเจ้าสัตว์มีเมือกพวกนั้น ก็ทนไม่ไหวจนต้องอาเจียนออกมา“เสียงดังเอะอะอะไรกันตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อน อาจิวเจ้าไปดูหน่อยซิว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น” ฮูหยินเอกสั่งสาวใช้คนสนิททันทีที่นางก้าวเข้ามาในห้อง เพียงไม่นานอาจิวก็กลับมา“เรียนฮูหยินในเรือนของอนุหลี่เกิดเรื่องเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าเหตุใดในห้องนอนของนางถึงมีกบเต็มไปหมด ฮูหยินจะไปดูที่เรือนของนางสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” “อืม เข้ามาแต่งตัวให้ข้า” ฮูหยินเอกพูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ที่พักนี้ในจวนมีแต่เรื่องบ่อยเหลือเกิน“อ้วก ๆ แหวะ พวกเจ้าช่วยกันจับออกไปให้หมด อย่าให้หลุดไปได้แม้แต่ตัวเดียวค้นให้หมดทุกซอกทุกมุม” อนุหลี่สั่งบ่าวไพร
ด้านนอกจวนตอนนี้เริ่มมีข่าวซุบซิบกันว่า เกิดอันใดขึ้นทำไมถึงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่งกลิ่นเหม็นออกมาจากจวนใต้เท้าเสิ่น รอไม่นานก็มีข่าวออกมาให้ชาวบ้านได้รู้กันว่า กลิ่นเหม็นที่ลอยออกมาจากจวนนี้นั้น เป็นเพราะว่าคนในจวนเกิดท้องเสียพร้อมกันยกจวน ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่มีใครกล้าเดินใกล้จวนรองแม่ทัพอีกเลย และกว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหายไปก็ใช้เวลาหลายวันทีเดียวเมื่อทุกคนที่ท้องเสียมีอาการดีขึ้นแล้ว ฮูหยินก็มีคำสั่งให้บ่าวไพร่มารวมกันที่หน้าเรือนใหญ่ ในเช้าวันนี้เพื่อทำการลงโทษ“บ่าวทั้งหมดที่รับผิดชอบโรงครัว ลงโทษโบยพวกมันคนละสิบไม้ งดเบี้ยหวัดสามเดือน ส่วนคนที่เหลือให้ช่วยกันทำความสะอาดโรงครัว ทุกซอกทุกมุมภายในสองวันให้เสร็จ หากเสร็จไม่ทันโบยพวกมันเพิ่มอีกคนละสิบไม้” ฮูหยินสั่งงานกับพ่อบ้านด้วยอารมณ์โมโหรุนแรงจนบ่าวคนสนิทต้องช่วยนวดให้“ทางฝั่งเรือนท้ายจวนล่ะพ่อบ้าน” ฮูหยินถามพ่อบ้านและคำตอบที่ได้ก็ทำให้ไม่พอใจเล็กน้อย“ในส่วนของเรือนท้ายจวนนั้น พวกเขาไม่ได้รับอาหารจากโรงครัวมาหลายปีแล้วขอรับ” พ่อบ้านหยางตอบตามความจริง เพราะนี่เป็นคำสั่งของฮูหยินเอกที่ตัดสินใจสั่งบ่าวไพร่เอาไว้“หึ ถือว่าพวกมันโชคด