“ข้า …” ไม่ใช่!
ทอดมองผู้ชายของคนอื่นด้วยแววเศร้าหมอง อิจฉาชีวิตของฟางซินเหลือเกิน นางเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทั้งรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ พ่อของนางเป็นขุนนางใหญ่ ซ้ำยังรักและตามใจนางมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากไม่ต้องมาหลงรักอีตาอ๋องเฉิน จุดจบชีวิตนางก็จะไม่แย่
เอาละฟางซิน ฉันจะทำให้เธอเป็นที่รักของอีตาหมีนี่แทน ชีวิตเธอจะได้ไม่ต้องจบลงตามต้นฉบับของนิยายที่ฉันเขียนบทไว้
“หลิวหยาง ข้าต้องการท่านแล้ว”
ผละมือออกจากสิ่งที่ทำ โน้มร่างเย้ายวนลงบนเตียงช้าๆ อ้าขาออกนิดๆ ดึงชายชุดท่อนล่างขึ้นอย่างมีจริตมารยา ก็แค่ใช้มารยาหญิงอ่อยหลิวหยางให้หลงรัก เท่านี้จุดจบก็ฟางซินก็เปลี่ยนไปแล้ว
“อื้อ!”
มือเล็กยกขึ้นลูบไล้บนกลีบเนื้ออวบอูม แหวกมันออกจากกันเบาๆ กรีดนิ้วเรียวยาวขึ้นลงช้าๆ น้ำหวานด้านในเริ่มไหลซึมออกมาเคลือบกลีบเนื้อสีหวาน สัมผัสมันได้จนต้องยกมือข้างนั้นขึ้นมาดู ใบหน้าเห่อเป็นสีแดงเพราะความอับอาย
เกิดมา 22 ปี เพิ่งจะเคยอ่อยผู้ชายนี่แหละ
“เจ้า … ยั่วยวนข้าเองนะ”
มือขวากำรูดแท่งเนื้อใหญ่ขึ้นลงช้าๆ อีกข้างดันเรียวขาเล็กกางออกไปอีก ขยับร่างเข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวยาว มือว่างเอื้อมไปสัมผัสช่อเกสรสีสด แตะไต่วนเวียนทั่วกลีบเนื้อเนียนนุ่ม ความเปียกชุ่มจากร่องหลืบสีแดงสด บ่งบอกถึงความพรักพร้อมของร่างกาย ลำเนื้อสีชมพูอ่อนจ่อเข้าใกล้หน้าทางเข้า
“อื้อ หลิวหยาง เบาๆ นะ อ๊า! ท่าน ข้าบอกให้ท่านเบาไง”
เมื่อมังกรตัวใหญ่ยักษ์แทรกเข้ามาในร่าง มือเล็กก็ระดมทุบอกสามีอย่างแรง เจ็บปวดจุดที่ถูกแท่งเนื้อใหญ่รุกรานจนแทบจะขาดใจ แต่คนที่อยู่ด้านบนไม่มีแววเห็นใจเลย เขามองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม
อยากจะบ้าตาย! อีตาหมีนี่กำลังภูมิใจอะไรอยู่
“ข้านึกว่าเจ้าเคยกับท่านอ๋องเฉินแล้ว”
“ฮึก! ข้าจะไปเคยได้ยังไง ถ้าข้าผ่านมือคนอื่นมาแล้ว ข้าคงไม่มีหน้ามาแต่งงานกับท่าน”
ใบหน้าเหง้างอนมองสามีอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตาขวาง ขยับสะโพกหนีแต่ถูกมือใหญ่เอื้อมมายึดไว้ มือขวาลูบไล้เข้ามาใกล้จุดกระสันกลางกาย ร่างเล็กกระตุกเกร็ง ความเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่าง ใบหน้าสวยหวานแดงปรั่ง ความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
“อื้อ หลิวหยาง เมื่อไหร่ท่านจะขยับ”
“อือ ข้าจะขยับเดี๋ยวนี้แหละ”
“อ๊ะ อ๊า”
เอวสอบขยับเนิบนาบ เพื่อทำให้ร่องเกสรคับแน่นด้านในคุ้นชินกับร่างกายใหญ่โตของตัวเองเสียก่อน สันกรามแกร่งขบเข้าหากันจนขึ้นสันนูน ความคับแน่นของกลีบเกรส บีดรัดจนบางอย่างจะปริแตกออกมา จากที่ตั้งใจจะทำอย่างรุนแรง กลับกระแทกเอวเข้าหาร่างบอบบางอย่างอ้อยอิ่งและนุ่มนวล
ตับ ตับ!
“อ๊ะ อร้าย~”
เสียงดังน่าอายปะปนกับเสียงครางซ่าน ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของคนอื่นไม่ได้แย่เลย เธอคิดว่ามันคงจะเจ็บ เพราะร่างกายส่วนนั้นของหลิวหยางช่างใหญ่โตมโหฬาร แต่พอมันได้เข้าไปอยู่ด้านในตัวเธอจริงๆ มันกลับรู้สึกดีมากๆ
“อ๊ะ อ๊าง หลิวหยาง ท่านอย่าขยับอย่างนั้นสิ”
อยู่ดีๆจังหวะก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเนิบนาบเป็นเร่งเร้าจนเต้าอวบทั้งสองข้างขยับขึ้นลงตามแรงกระแทก เสียงห้ามปรามราวกับเสียงเร่งเร้า ไม่เพียงแต่แม่ทัพหนุ่มไม่ฟัง เขายังกระแทกเอวเข้าหาอย่างรุนแรง แก่นกายแข็งด้านในแข็งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นไม่นาน สายธารแห่งความปิติก็หลั่งไหลเข้ามาในร่าง พร้อมกับการกระตุกเกร็งของเธอ
“อ๊ะ! อร๊าง!”
“ฟางซิน เจ้าเสร็จสมเพราะข้าหรือไม่?”
น้ำเสียงห่วงใยกระซิบถามอยู่ข้างหู คนที่หอบหายใจอยู่เมื่อครู่ หันมามองตาเขียว มันควรถามผู้หญิงเหรอคะท่านแม่ทัพ ไม่สิ ท่านสามี เรื่องแบบนี้ท่านไม่ต้องถาม เพราะข้าก็ไม่รู้จะตอบท่านยังไง
“ข้า ข้าหนัก”
ผลักอกสามีไว้เบาๆ โถมตัวลงมาได้ ตัวใหญ่ยังกับหมี ฟางซินตัวเล็กนิดเดียว ไม่กลัวนางหายใจไม่ออกบ้างหรือไง
“เมื่อกี้ข้าก็ทับ เจ้าไม่เห็นบ่นให้ข้าสักคำ”
“ก็ท่านเสร็จไปแล้วนี่ ตอนนี้ท่านควรลุกออกไปจากตัวข้าได้แล้ว ข้าจะกลับห้อง”
“เจ้าอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวข้าให้คนยกสำรับเข้ามา”
พูดจบร่างกำยำสมชายชาตรี ก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่มาสวม ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองร่างเย้ายวนบนเตียง เดินกลับมาสวมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยกลับเข้าที่เดิม ใบหน้าดั่งปฏิมากรรมมองใบหน้าสวยหวานนิดๆ ใบหน้าที่ไม่เคยเผยความคิดด้านในให้คนอื่นรู้ ทำให้คนถูกมองหน้ามุ่ย
“ข้า ข้าจะท้องหรือเปล่า”
ถามในสิ่งที่ตัวเองกังวล ไม่รู้ยุคนี้เขาคุมกำเนิดกันแบบไหน เมื่อกี้อีตาหมีก็ปล่อยเข้ามาข้างในทุกหยด เธอยังไม่อยากท้อง เพราะไม่รู้ว่านิยายเรื่องนี้ มันต้องดำเนินไปในทิศทางไหนกันแน่
“เจ้า…. ไม่ท้องหรอก”
ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนฟังนั่งมองตามแผ่นหลังอย่างไม่เข้าใจ ว่าผีอะไรเข้าสิงถึงได้พูดเสียงห้วนแบบนั้น เสียเวลาคิดไม่นานก็จัดการแต่งตัวให้มันเรียบร้อยกว่าเดิม เรียนรู้จากหลิงหลินมาแล้วว่าชุดพวกนี้ต้องใส่มันยังไง
“อ๊ะ! โอ้ย!”
ร่างบอบบางหยัดตัวลุกขึ้นยืน ร้องโอดโอยยกมือทุบสะโพกแรงๆ เมื่อร่างกายทนกับความปวดร้าวได้ ก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง กวาดสายตามองหาสามี ไม่เจอก็รีบสาวเท้ากลับห้องด้วยความน้อยใจ
อีตาหมีบ้า ทำไมต้องทำหน้าตึงใส่เธอตลอดด้วยก็ไม่รู้ ยิ้มบ่อยๆไม่ได้หรือไง เวลาเขายิ้มมันน่ารักมากเลยล่ะ แค่ยิ้มมุมปากก็ได้ แต่นี่เห็นเธอทีไรชอบทำหน้าดุใส่ ขนาดเมื่อกี้เพิ่งมีอะไรกันเสร็จแท้ๆ ยังไม่แคล้วทำตาขวางใส่เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หึ่ย! หงุดหงิดที่สุดเลย
แอ๊ด! ปึ่ง!
เสียงประตูที่เปิดและปิดลง ทำให้ข้ารับใช้ที่ง่วนอยู่กับการเตรียมชุดหันมามองอย่างดีใจ หลิงหลินรีบถลาเข้ามาใกล้ สำรวจร่างเจ้านายที่หายไปนานกว่าหนึ่งชั่วยามด้วยความเป็นห่วง
“นายหญิง ท่านแม่ทัพทำอะไรท่านหรือเปล่า”
“ไม่! ข้าจะไปอาบน้ำ!”
พูดจบก็เดินหนีไปทางห้องอาบน้ำ ถอดชุดทั้งหมดออกจากตัว ก้าวเดินไปหย่อนร่างกายเหนื่อยล้าลงในน้ำอุ่น ทอดมองทิวทัศน์สวยงามด้านนอกอย่างเคย หิมะละลายหมดแล้ว บอกให้รู้ว่าฤดูกาลต่อไปคือฤดูใบไม้ผลิ ตอนแรกที่เข้ามา เธอนึกว่าเพิ่งจะเข้าฤดูหนาว แอบกังวลว่าตัวเองอาจจะหนาวตาย ตอนนี้ตัดเรื่องหนาวตายไปได้เลย
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห