หลิงหลินเล่าให้เธอฟังว่า ปีนี้ฤดูหนาวไม่ค่อยรุนแรง ปกติหิมะจะขาวโพลนทั่วทุกพื้นที่ ความหนาของมันทำให้ออกไปไหนมาไหนได้ยาก โชคดีจริงๆที่ปีนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอที่อยู่ในร่างของฟางซิน คงจะปรับตัวไม่ได้แน่
“ข้าบอกเจ้าว่ายังไงฟางซิน!”
ใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาหันไปมอง ร่างใหญ่โตยืนหอบหายใจอยู่ริมขอบสระ ใบหน้าสวยหันกลับมาทิศทางเดิมอย่างไม่สนใจใยดี เพราะเขาหายไปก่อนนั่นแหละ ส่วนเธอก็แค่กลับมาอาบน้ำล้างคราบต่างๆที่ทำร่วมกับเขาก็เท่านั้น
หมับ!
“เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะไม่ดื้ออีก”
คลุกเข่าลงบนพื้นไม้หนึ่งข้าง ใช้มือบังคับใบหน้าถือดีให้หันกลับมา มองใบหน้าสวยหวานพลางกัดฟันแน่น ฟางซินเป็นสตรีที่พูดดีด้วยไม่ได้เลยหรือไร ใยพูดดีแล้วนางถึงไม่ยอมฟัง
“ข้าดื้อกับท่านตอนไหน ข้าก็แค่กลับอาบน้ำ ข้าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเพราะท่าน”
ดวงตาหวานช้อนขึ้นมองด้วยแววออดอ้อน มือหนาคลายออกจากใบหน้าเล็กทันที ร่างสูงใหญ่หยัดตัวลุกขึ้นยืน ถอดชุดออกไปจากตัวจนหมด หย่อนตัวลงในน้ำ ดึงรั้งร่างกายที่แช่อยู่ในน้ำมาก่อนเข้ามาชิดแผ่นอก แบ่งปันไออุ่นของตัวเองให้ร่างบอบบาง
“ท่านไม่คิดเลยเหรอ ว่าข้าจะอาย ไม่คิดสินะ”
“ข้าเห็นเรือนร่างเจ้าหมดแล้ว”
ตอบหน้าตายจนคนในอ้อมกอดมองค้อน อีตาหลิวหยางนี่ก็หน้าด้านเหมือนกันแฮะ แต่ช่างเถอะ เธอก็เห็นของเขาหมดแล้ว ถือว่าเจ๊าๆกันไปละนะ
ดวงตาสีน้ำทะเลลึก กดมองผู้หญิงในอ้อมกอดด้วยสายตาแปลกแปร่ง ใบหน้าเย็นชาอยู่ตลอดขยับเป็นรอยยิ้มเหี้ยม ในตอนที่คนในอ้อมกอดซุกซบใบหน้าเข้ากับอก ขยับมือลูบไล้เบาๆบนผิวขาวเนียน ก่อนจะเพิ่มแรงมากขึ้น เมื่อเลื่อนขึ้นมาถึงทรวงอกคู่งาม
“อ๊ะ หลิวหยาง ข้าเจ็บนะ!”
“ข้ายังไม่พอเลยฟางซิน เจ้าเป็นภรรยาข้า ช่วยทำงานของเจ้าให้คุ้มค่าหน่อยสิ”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ อิตานี่ผีเข้าผีออกจนเธอตามไม่ทันแล้วนะ แล้วที่ว่าทำงานให้คุ้มค่านี่หมายถึงอะไร แต่งเธอมาเป็นเมียเพื่อใช้งานหรือไง
“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”
“พ่อกับแม่ของเจ้าได้เงินสินสอดจากข้าไปไม่น้อย เจ้าต้องปรนนิบัติสามีอย่างดีสิ เพราะก่อนหน้านี้เจ้ามาอยู่ที่จวนข้าเฉยๆ ไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาที่ดีให้ข้าชื่นใจเลย”
อืม ก็พอเข้าใจเหตุผลแหละว่าทำไม ก็ได้ ในเมื่อเธอมาอาศัยชายคาบ้านเขาอยู่ เขาเองก็ดูแลการเป็นอยู่ของเธออย่างดี เธอจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีแทนฟางซินเอง
“ต่อไปข้าจะทำ แต่วันนี้ข้าไม่ไหว ข้าเหนื่อย ข้าง่วงแล้ว”
ขยับตัวออกห่าง หันไปอีกด้านดันแผ่นหลังเข้ากับแผ่นอกชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแรงๆ หลับตาลงซึมซับความอบอุ่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ฉันจะทำให้เธอมีความสุขให้ได้นะฟางซิน เพราะฉะนั้นเธอก็อย่าไปไหนเลยนะ กลับมาตรงนี้ที่ๆเธอควรอยู่ ส่วนฉันจะกลับไปอยู่ในโลกที่ฉันควรอยู่เช่นกัน แม้โลกใบนั้นจะโดดเดี่ยวและอ้างว้างมากเหลือเกิน
หลายวันต่อมา
เป็นเวลาร่วมสัปดาห์แล้ว ที่เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีในร่างของฟางซิน เธอเริ่มคุ้นชินกับร่างกายนี้มากขึ้น และเข้าใจเรื่องราวในโลกนี้มากกว่าเดิม ถ้าไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไร ตัวละครอื่นแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็น มีเพียงหลิงหลินและหลิวหยางเท่านั้น ที่เธอเจอบ่อยที่สุด
“ทำไมวันนี้ชุดของท่าน?”
ถามสามีที่เดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง ตั้งแต่บอกเขาว่าจะทำหน้าที่เมียให้ เขาก็ขยันมาใช้งานเธอทุกวัน เช้าและเย็น เว้นวางตอนกลางวันไว้ ช่วงเวลานั้นเขาจะอดอู้อยู่ในห้องทำงาน บางครั้งก็เข้าไปในเมืองหลวงที่อยู่ไม่ไกลจากจวนแม่ทัพ
“ข้าลืมบอกเจ้าสินะ ว่าวันนี้ที่จวนจะมีแขก เจ้าห้ามออกไปข้างนอก อยู่แค่ในห้องของเจ้า ขาดเหลืออะไรให้หลิงหลินจัดการ เข้าใจหรือเปล่าฟางซินว่าห้ามออกไป”
แม้จะเป็นสามีที่ผ่านการมีอะไรกันไปแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า คงเป็นเพราะสายตาที่อ่านไม่ค่อยออกของหลิวหยาง ทำให้เธอไม่มั่นใจ ว่าจะเขาจะดีกับเธอที่เป็นภรรยาจริงหรือเปล่า อาจจะแค่แสดงละครเหมือนที่เธอทำอยู่ก็ได้ ต้องอยู่ใกล้ชิดจนรู้ใจจริงเขาซะก่อน เธอถึงจะยอมเขื่อใจในตัวเขา
“ข้าขอไปนั่งเล่นที่สวนได้ไหมหลิวหยาง”
พยายามต่อลองด้วยใบหน้าออดอ้อน เพราะอยากจะแอบไปส่องดูว่าแขกของสามีจะใช่คนที่เธอคิดหรือเปล่า
เธอมีรู้สึกว่า ต้องเป็นอ๋องเฉินกับเมียแน่ๆ แค่อยากรู้ว่ารูปโฉมของท่านอ๋องที่ฟางซินหลงนักหนานั้น จะหล่อเหลาเท่าสามีที่อยู่ตรงหน้าเธอหรือเปล่า
“ไม่ได้!”
“หลิวหยางข้าอยากจิบชาชมดอกไม้ ท่านจะใจร้ายกับข้าได้ลงคอเชียวหรือ”
ขยับเข้าไปจนร่างกายแนบชิด ช้อนออดอ้อนขึ้นมองสามี อยู่ใกล้ชิดกับหลิวหยางมานานหลายวัน ทำให้เธอรู้นิสัยเขาเพิ่มมาหลายอย่าง อีตาหมีเย็นชานี่แพ้ลูกอ้อนแหละ ถ้าทำตาปิ๊งๆใส่ทีไร เขาจะใจอ่อนให้เธอทุกที
“ตั้งแต่เจ้าหายป่วย เจ้าร้ายกาจขึ้นนะ”
“คนในจวนบอกว่าข้าทำตัวดีขึ้นนะ มีแต่ท่านนี่แหละ ที่ไม่เห็นว่าข้าทำดี”
พูดอย่างน้อยใจ ผละออกห่างจัดชุดเกาะของสามีให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อ ยามลากมือเลื่อนผ่านชุดเกาะที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน
เหมือนว่าตัวเองจะวางฉากให้เขาไปทำสงครามด้วย เขาจะสามารถรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่านะ ช่างเป็นมิชชั่นที่ยากจริงๆ
“คงไม่ใช่ว่าท่านอ๋องมาพบท่าน เพื่อหารือเรื่องสู้รบหรอกใช่ไหม”
เงยหน้าขึ้นถามสามี ที่ไม่อยากจะบอกเรื่องนี้ให้รู้ เขาคงกลัวว่าฟางซินจะรีบตาลีตาเหลือกไปพบอ๋องเฉิน ถ้าเป็นฟางซินตัวจริงอาจจะทำอย่างนั้น แต่นี่เธอไม่ใช่ฟางซินคนนั้น บอกเธอบ้างก็ได้ ที่ผ่านมาเธอทำอะไรให้เขาไม่มั่นใจ หน้าที่ภรรยา เธอก็ทำมันได้อย่างดีไม่ใช่หรือไง
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห