“นวลลลลล!”
เสียงทุ้มพร่าตะโกนร้องหาสาวใช้ดังก้องไปทั้งห้อง เมื่อไม่มีเสียงขานรับเขาก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นวลลล!” แววตาของเขาดูเกรี้ยวกราดเกือบหกโมงเย็นแล้วทำไมเธอยังไม่มาเตรียมข้าวปลาอาหารให้เขาอีก ด้วยความโมโหเจ้าของร่างใหญ่ที่ขยับกายได้เพียงฝั่งเดียวยื่นมือข้างซ้ายที่ยังพอมีแรงอยู่กวาดข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะฝั่งเดียวกันลงจนหมดเกลี้ยง
เพล้ง!
ข้าวของและเศษแก้วแตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นห้อง พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่กระเถิบกายมาจนสุดเตียงและร่วงลงมากองอยู่ที่พื้น
ตุบ!
“โอ๊ย!”
มือและขาข้างซ้ายที่โดนแก้วทิ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ผู้เป็นแม่ที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องลูกชาย
“ตาเชษฐ์!”
อุทานชื่อลูกแล้วพวงแก้วก็รีบสาวเท้าออกจากห้องและวิ่งลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน
แกรก! เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับร่างผู้เป็นแม่
“เกิดอะไรขึ้น” พวงแก้วเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นลูกชายคนโตนอนอยู่ข้างเตียง “เชษฐ์! เชษฐ์เป็นอะไร” เมื่อรู้ว่าตัวเองพยุงลูกลุกขึ้นคนเดียวไม่ได้จึงเรียกหาสาวใช้ “ขิง! อ้อย! อยู่ไหนมาช่วยฉันหน่อย” พวงแก้วตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ อดแปลกใจว่าเนื้อนวลสาวใช้ประจำตัวลูกชายหายไปไหน
เกือบนาทีที่ก็ไม่มีใครขานรับพวงแก้วจึงตะเบ็งเสียงขึ้นอีก
“นังขิง! นังอ้อย! พวกแกหายไปไหนกันหมด หรือตายกันหมดแล้ว” พวงแก้วเดินเข้าไปเก็บเศษแก้วออกจากตัวลูกชายในใจรู้สึกโกรธเนื้อนวลจนควันออกหู สุรเชษฐ์รู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า
สองแม่ลูกกำลังทำอาหารในครัวด้วยความสบายใจเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกแหบแห้งจึงหยุดฟัง
“เสียงคุณนายนี่แม่” น้ำขิงบอกแม่
“ใช่เหรอ?” น้ำอ้อยยังได้ยินไม่ค่อยชัดนักเพราะในกระทะยังทอดปลาทับทิมตัวโตเสียงซ่า ๆ
“นังขิง! นังอ้อย!” พวงแก้วตวาดขึ้นอีกเสียงดังลั่นบ้าน
“จริงด้วย เสียงมาจากห้องคุณเชษฐ์” น้ำอ้อยกล่าว ว่าแล้วสองแม่ลูกก็วิ่งหน้าตื่นไปที่ห้องของสุรเชษฐ์
พวงแก้วเดินไปเดินมาในห้องลูกชายอย่างร้อนใจ เธอไม่สามารถพยุงร่างลูกชายตัวเองขึ้นจากพื้นได้
“นังนวลหายหัวไปไหน” พวงแก้วหันมาถามลูกชายด้วยวาจาเกรี้ยวกราด
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเรียกนานแล้วก็ไม่เห็นเข้ามา” สุรเชษฐ์พูดพลางสูดปากด้วยความเจ็บและและเริ่มปวดแขนขาฝั่งที่ยังใช้งานได้
เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของน้ำอ้อยกับลูกสาว
“คุณนายมีอะไรหรือคะ”
“หูแตกหรือไงร้องเรียกตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน” พวงแก้วว่าให้คนใช้ทั้งสองด้วยแววตาดุดัน
“เอ่อ…ฉันกับขิงทำกับข้าวอยู่ในครัวก็เลยไม่ได้ยินค่ะ” น้ำอ้อยอธิบายเสียงอ้อมแอ้ม ครัวอยู่ปีกบ้านฝั่งตะวันตกส่วนห้องของสุรเชษฐ์อยู่ปีกบ้านฝั่งตะวันออก พอปิดห้องแล้วก็เลยไม่ค่อยได้ยินเสียง สายตาปราดมองเห็นเจ้านายที่นอนอยู่บนพื้นก็ต้องตาโต “คุณเชษฐ์ ไปนอนอะไรอยู่ตรงนั้นคะ” น้ำอ้อยปรี่เข้าไปพยุงร่างสุรเชษฐ์ขึ้นพร้อมกับลูกสาวคนละข้าง
“แล้วนวลมันหายไปไหนทำไมปล่อยให้ลูกชายฉันอยู่คนเดียว”
น้ำอ้อยยังไม่ได้ตอบเพราะกำลังจะหามร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มขึ้นบนเตียงนอนอีกครั้ง “หนึ่ง สอง สาม…อึ๊บ” ทั้งสองหามสุรเชษฐ์ขึ้นบนเตียงหน้าดำหน้าแดง
น้ำอ้อยไปหยิบสำลีและน้ำยาล้างแผลมาเช็ดแผลให้เขา
“มันแอบไปอู้ที่ไหนบอกฉันมา” พวงแก้วยังไม่จบง่าย ๆ อุตส่าห์ซื้อมาด้วยเงินราคาแพงแต่เนื้อนวลกลับทำหน้าที่บกพร่อง
“เอ่อ…” น้ำอ้อยอึกอักส่วนน้ำขิงเอาแต่ยืนก้มหน้า
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่” สุรศักดิ์และภรรยากับลูกชายและหลานสาวรีบวิ่งมาจากลานหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องตะโกนเสียงดัง
“คุณพ่อ!” วนิดาลูกสาววัยแปดขวบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ
“ฉันถามแกไม่ได้ยินหรือไง” พวงแก้วไม่สนใจตอบลูกชายอีกคน แต่กลับหันไปถามน้ำอ้อยต่อ
“เอ่อ…นวลไปเข็นน้ำค่ะ”
“ทำไมต้องไป ในเมื่อไม่ใช่หน้าที่ของมัน” สุรเชษฐ์ถามเสียงขุ่น
“นวลมันอาสาไปเองค่ะ สงสัยขี้เกียจดูแลคุณเชษฐ์” น้ำขิงเอ่ยขึ้นเมื่อสบโอกาสที่จะใส่ร้ายเนื้อนวล
สุรเชษฐ์ได้ยินก็ขบกรามจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ
“นังนวล!” พวงแก้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันชื่อเนื้อนวลออกมา “วันนี้ไม่ต้องให้มันกินข้าวเย็น”
“ค่ะ” น้ำอ้อยรับคำคุณนายแล้วหันไปส่งยิ้มให้ลูกสาว
“คุณแม่ครับ ยังไงนวลเขาก็ทำงานนะครับ” สุรศักดิ์แย้งขึ้น จะไม่ให้เธอรับประทานอาหารเย็นได้อย่างไร ถึงเธอจะไม่ได้ดูแลสุรเชษฐ์อย่างไรเนื้อนวลก็ยังไปเข็นน้ำคนเดียวซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนักเหมือนกัน
“แกไม่ต้องมายุ่ง” พวงแก้วหันไปต่อว่าลูกชายคนรอง จากนั้นก็สั่งน้ำขิง “ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้คุณเชษฐ์”
“ไม่ต้องครับ งานใครคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” สุรเชษฐ์กล่าวห้ามแม่ ในใจรู้สึกโกรธเนื้อนวลจนตัวสั่น
พวงแก้วยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงชาวบ้านผู้ชายมาร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน “คุณนายพวง!”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นจึงเดินลงมาดู ปล่อยให้สุรเชษฐ์นอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เดินออกมาหน้าบ้านจึงรู้ว่าเป็นเสียงของคำผาที่อยู่ข้างบ้านนั่นเอง
“มีอะไรเหรือตาผา” พวงแก้วถามเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยถูกกันนักออกไป
“หวายวิ่งมาบอกว่านวลนอนสลบอยู่ริมฝายน้ำแน่ะ คุณนายให้คนไปดูมันหน่อยสิ” เมื่อสักครู่กอหวายลูกสาวคนเล็กของคำผาวิ่งจากฝายเก็บน้ำมาบอกว่าเนื้อนวลไปเข็นน้ำแล้วเป็นลมอยู่ริมฝายน้ำ คำผาจึงรีบมาบอกพวงแก้ว
“สลบเหรอ?” พวงแก้วเอ่ยเสียงเบา ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นใบหน้าเผือดสีไปตาม ๆ กัน
หลังเลิกงานเมื่อเดินออกมาจากบ้านนายจ้างน้ำขิงจึงเอ่ยขึ้น “ไม่รู้จะงกไปถึงไหน เป็นฉันนะแม่นั่งกินนอนกินไม่ดีกว่าหรือไง จะทำให้ตัวเองลำบากทำไม” “คนเคยทำห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอก เอ็งคอยดูสิพอผู้กองเกษียณมาอยู่บ้านก็จะโดนเมียใช้ไม่ได้หยุดหย่อน” “อือ ก็จริงของแม่” แม้แต่ลูกชายลูกสะใภ้ที่เป็นครู เสาร์อาทิตย์ก็ต้องช่วยแม่สามีทำผักทำสวน ถ้าลูกชายคนโตหายดีก็คงไม่เว้นต้องช่วยงานแม่ เงินที่ขายผักได้ก็ไม่เคยแบ่งลูกแบ่งสามีสักบาท ค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงเงินที่จ้างคนรับใช้ทั้งหมดก็เป็นเงินของลูกทั้งสามคน ขนาดสุกัญญาลูกสาวคนสุดท้องที่เรียนพยาบาลปีสุดท้ายยังเป็นเงินสามีฝ่ายเดียวที่เป็นคนส่งเสีย หากสุรเชษฐ์ไม่มีเงินบำเหน็จและเงินจากค่าเช่าอาคารพานิชย์ที่เขาสร้างไว้ ก็คงโดนเฉดหัวออกจากบ้านแล้วกระมังเนื้อนวลนวดแขนขาข้างขวาให้เขายกขึ้นลงเป็นจังหวะช้า ๆ หลายรอบเพื่อให้เขาได้เคลื่อนไหวร่างกาย จากนั้นก็ย้ายไปนวดข้างซ้ายด้วยน้ำหนักมือที่พอดิบพอดี มันทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ เขาเพิ่งสังเกตว่าเด็กคนนี้ทำงานได้ดีเกือบทุกเรื่อง เธอไปเรียนรู้มาจากไหน และยังทำท่าทางเหมือนเป็นผู
เนื้อนวลแต่งตัวเสร็จก็เดินไปตากผ้าที่ซักไว้ จากนั้นเดินเข้าครัวเพื่อหาอะไรทาน เธอทำข้าวต้มสำเร็จรูปใส่ไข่เหมือนของเจ้านายแล้วก็ทานยาลดไข้ที่มีอยู่ในตู้ยาตรงห้องโถงของบ้านพวงแก้วเดินมาข้างหลังเธออย่างเงียบ ๆ “คุณชษฐ์ยอมกินข้าวกินยาหรือยัง” เนื้อนวลหันมามองแล้วเอ่ยขึ้น “ยอมแล้วค่ะ” ผู้กองที่เพิ่งเลิกงานเดินตามหลังภรรยาเข้ามาก็ถามขึ้นด้วยความห่วงใย “นวลหายป่วยแล้วเหรอ” “ดีขึ้นมากแล้วค่ะผู้กอง” เนื้อนวลยิ้มเจื่อนให้ “ดีแล้วล่ะ พักผ่อนให้เยอะจะได้หายไว ๆ” “ค่ะ” จังหวะนั้นเนื้อนวลลอบมองสายตาพวงแก้วแล้วก็ต้องหลบ คงมีเวลาได้พักผ่อนหรอก “ทำงานของตัวเองเสร็จแล้วก็มาช่วยฉันเลือกกุยช่ายด้วย” พวงแก้วสั่งโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหายป่วยดีหรือยัง “คงอีกนานค่ะคุณนาย” เป็นครั้งแรกที่เนื้อนวลกล้าปฏิเสธเจ้านาย “ทำไม? หรือแกจะแอบไปอู้อีก ตอนนี้มันยังหัวค่ำอยู่เลยนะ” อย่างไรเธอต้องใช้งานคนใช้ทุกคนให้คุ้มกับเงินที่จ้างมา “เปล่าค่ะ วันนี้คุณเชษฐ์ให้นวลไปนวดให้ที่ห้องค่ะ” “นวด!
สุรเชษฐ์ทานข้าวต้มโดยมีเนื้อนวลเป็นคนป้อนอย่างไม่อิดออด วันนี้เขารู้สึกปวดร้าวที่แขนขาข้างซ้ายเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่เขาเกร็งลำตัวเมื่อตอนกลางวัน เนื้อนวลวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะหลังจากเขาทานเสร็จ มือข้างหนึ่งหยิบแก้วน้ำมาให้เขาดื่ม หากเขาทำตัวง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกเธอคงไม่ต้องใช้กำลังกับเขา โตทั้งตัวและสมองยังจะทำตัวเลียนแบบเด็กเอาแต่ใจอยู่ได้ ป้อนข้าวป้อนยาเขาเสร็จเนื้อนวลยืดตัวลุกขึ้นยืนเตรียมจะเอาถาดอาหารออกไปเก็บ “กลับมานวดให้ฉันด้วย เธอทำแขนขาฉันปวด” เขาเอ่ยวาจาราบเรียบกว่าทุกครั้งที่เคยพูดกับเธอ เนื้อนวลคลี่ยิ้มน้อย ๆ ด้วยความพอใจ ก็อยากต่อต้านเองช่วยไม่ได้ “ค่ะ แต่ฉันขอเอาเสื้อผ้าคุณเชษฐ์ไปซักก่อนนะคะ และก็ขออาบน้ำก่อน อาหารจะได้ย่อยด้วยค่ะ” เธอไม่ไหวกับตัวเองแล้ว ทานยาลดไข้เข้าไปทำให้เหงื่อออก บวกกับการทำความสะอาดห้องเขาที่รกแสนรกทำให้เหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็แล้วกัน “อืม…งั้นหาอะไรกินก่อนค่อยเข้ามา” ดูท่าทางเงียบขรึมของเธอแล้วเนื้อนวลก็คงเป็นผู้หญิงที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง คงไม่เอา
เนื้อนวลใช้เวลาทำความสะอาดห้องเขาจนหอมสะอาด เวลาล่วงเลยไปเกือบสี่โมงเย็น เวลาทำงานของเธอคือตั้งแต่เขาตื่นนอนจนถึงเขาหลับ เธอถึงจะได้พัก แต่ตอนนี้ภายในห้องของเขาเย็นสบาย และกลิ่นหอมกว่าห้องเธอมาก ได้นั่งพักอยู่ในนี้สักพักก็คงดีไม่น้อย สุรเชษฐ์ตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไปในช่วงบ่าย เขานั่งเอนกายอยู่ท่าเดิม ไม่นานก็นิ่วหน้าแล้วร้องโอดโอย “โอ๊ย! ปวดท้อง” สุรเชษฐ์ว่าพลางใช้มือซ้ายกุมท้องตัวเองไปด้วย ทำตัวโก่งตัวงอ เนื้อนวลยังทำหูทวนลมเดินเก็บของอีกสองสามอย่างให้เข้าที่ เห็นท่าทีเมินเฉยของสาวใช้เขาจึงพูดขึ้นอีก “ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกว่าฉันปวดท้อง” “ได้ยินแล้วค่ะ แล้วจะให้ทำยังไงคะฉันไม่ใช่หมอ” เนื้อนวลยังพูดจายียวน อยากเล่นตัวดีนัก “ก็ไปเอาข้าวมาให้ฉันกินสิ ฉันหิวข้าวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย” “หึ” เนื้อนวลกลั้วขำในลำคอก่อนมุมปากจะเผลอยกยิ้มขึ้นจาง ๆ เก็บของเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องเขาไป เดินเข้ามาในห้องครัวที่อยู่โซนตะวันตกแล้วมองหาอาหาร แต่ก็ไม่เจอ สองแม่ลูกนั้นคงยังไม่กลับเข้ามาจากการทำแปลงผัก สายต
ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยกายล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัวมือและผ้าผืนเล็กสัมผัสกายเขาด้วยน้ำหนักที่พอดีไปทุกซอกหลืบของร่างกาย ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าว และดูเหมือนว่ามันจะร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเนื้อนวลทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเพราะเธอคุ้นเคยกับร่างกายของคนป่วยทุกเพศทุกวัยมาเท่าไรแล้ว จะให้เกิดความเขินอายอย่างนั้นหรือ…ไม่มีทาง คนตัวเล็กกว่ามองผู้ชายที่นอนหลับตาปี๋แล้วส่ายหัวไปมา อายุสามสิบสาม เมียหนึ่ง ลูกหนึ่ง แล้วยังจะอายอะไรอีก พ่อคุณเอ๊ย!สุรเซษฐ์ลืมตาขึ้นมาด้วยความเอียงอายเมื่อเนื้อนวลผละมือออกห่า
ดลยาในร่างเนื้อนวลฝืนเคี้ยวข้าวกับน้ำพริกปลาทูผักลวกแล้วกลืนลงคอ เธอต้องกินข้าวกินยา เธอจะมาตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ดีที่บ้านนายจ้างกินข้าวสวยเป็นหลักจึงทำให้กินง่ายขึ้นมาอีกนิด “กินเสร็จแล้วไปป้อนข้าวป้อนยาคุณเชษฐ์ด้วย” น้ำขิงออกคำสั่งราวกับเป็นเจ้านายของเธออีกคน เนื้อนวลไม่ได้สนใจในคำพูดนั้น เธอยังนั่งเคี้ยวข้าวอย่างช้า ๆ เหมือนไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ “ที่ฉันพูด แกได้ยินไหม” น้ำขิงเริ่มใส่อารมณ์และเอื้อมมือไปจับไหล่เนื้อนวลให้หันหน้ามาคุยด้วย เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่ง เนื้อนวลหันหน้ามาหามองด้วยสายตาเอาเรื่อง กะพริบตาหนึ่งครั้งด้วยความอ่อนอกอ่อนใจแล้วเอ่ยถามออกไปสั้น ๆ “หน้าที่?” อย่ามาทำเก่งกับเนื้อนวลคนนี้เป็นอันขาด ชีวิตเธอผ่านอะไรมามาก เด็กอ่อนหัดอย่างน้ำขิงอย่ามาคิดเสี้ยมสอน เห็นสายตาของเนื้อนวลก็ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกเกรียว มือที่จับอยู่บนบ่าค่อย ๆ ลดลงข้างลำตัวช้า ๆ เธอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องเกรงกลัวสายตาคู่นั้น เหมือนไม่ใช่แววตาใสซื่อของเนื้อนวลคนเดิม ก่อนจากไปน้ำขิงก็ไม่วายพูดขึ้นอีก “ฉันไปทำงานก่อ