“เมื่อไหร่จะลงมาวะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงมาจากชั้นสอง เห็นเนตรแพรอุ้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง ทางด้านหลังของหญิงสาวมีกระเป๋าเป้สะพายเอาไว้อยู่“เธอจะไปไหน” เขารีบมาขวางทางเธอและถามออกไปอย่างร้อนรน“…”เนตรแพรไม่ยอมตอบอะไรนอกเสียจากโอบอุ้มลูกน้อยของเธอเอาไว้แน่นและเดินออกจากบ้านไป แต่ศรุตก็ยังคงไม่ยอม เดินมาดักหน้าหญิงสาวและถามคำถามเดิมอีกครั้ง“ฉันถามว่าเธอจะไปไหน”“ไปจากที่นี่ไงคะ” เนตรแพรตอบชายหนุ่มเสียงเรียบเฉย“ฉันไม่ให้เธอไป”“ในเมื่อคุณไล่ฉันก็ไปแล้ว ยังจะต้องการอะไรจากฉันอีก”“ฉันต้องการเธอกับลูก” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความจริงใจไร้ความเสแสร้ง เขาต้องการเธอกับลูกจริง ๆ“เราสองคนไม่ต้องการคุณค่ะ”“นั่นลูกของผมนะ” ชายหนุ่มใช้สรรพนามแทนตัวเองเสียใหม่ หาหนทางรั้งเธอกับลูกเอาไว้กับเขา“เฮอะ! แน่ใจเหรอคะว่าเขาเป็นลูกของคุณ วันนั้นคุณปฏิเสธเองนะ”“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมต้องการคุณกับลูกจริง ๆ ตลอดเวลาที่คุณหนีมาผมไม่เคยมีความสุขเลย”“นั่นมันเรื่องของคุณค่ะ ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันขอตัวนะคะ” เนตรแพรเชิดหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึ
“ไม่! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง” ชายหนุ่มยังคงดื้อดึงที่จะคุยกับเธออย่างไม่ลดละ“ฉันไม่ฟังอะไรคุณทั้งนั้น” แต่เนตรแพรไม่ยอมสวนกลับเสียงดังจนลูกน้อยในอ้อมอกแผดเสียงร้องออกมา จนต้องหันไปกล่อมเจ้าตัวน้อยให้เงียบลง “โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะ แม่ขอโทษที่เสียงดัง”“เนตรฟังฉันสักหน่อยนะ”เนตรแพรหาฟังคำของชายหนุ่มไม่ กลับเอี้ยวตัวหันหลังให้กับเขาเดินขึ้นชั้นสองทันที ไม่สนใจคำขอร้องวิงวอนของศรุตแม้แต่น้อย“ไปจากบ้านฉัน อย่ากลับมาที่นี่อีก” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบทิ้งท้ายก่อนพาศรุตาขึ้นไปนอนคนที่เจอเมียแล้วและตั้งใจอย่างสุดซึ้งที่จะงอนง้อขอเธอคืนดีให้ได้มีหรือจะกลับไป ชายหนุ่มปักหลักรอเนตรแพรที่พาลูกน้อยขึ้นไปข้างบนจนกว่าจะลงมา อีกทั้งเขายังคงถือวิสาสะเดินสำรวจภายในบ้านหลังเก่าของตนเอง ก็พบว่าความเป็นอยู่ของเธอกับลูกไร้ความสุขสบายไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแม้แต่น้อย ข้าวของที่มีก็มีแค่สิ่งจำเป็นเท่านั้น“ทำไมคุณยังไม่กลับไปอีก” เนตรแพรเดินลงมาจากชั้นสองหลังจากที่เอาศรุตาลงเปลนอนเรียบร้อย เธอหวังว่าลงมาครั้งนี้จะไม่พบเขา แต่เปล่าเลยเขายังคงอยู่ภายในบ้านของเธอ“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ศรุตตื่นเช้ากว่าทุกวัน เพราะเมื่อคืนนี้เขานอนไม่หลับใจคิดถึงแต่สองแม่ลูกที่อยู่บ้านข้าง ๆ อยากจะไปหาใจจะขาด แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ เพื่อรอเวลานี้ เวลาที่จะได้เอาใบหน้าหล่อ ๆ ของตนไปให้เมียได้เห็น แต่เขากลัวเหลือเกินว่าหญิงสาวจะยังคงโกรธเขาอยู่ เหมือนวันนั้นที่งานแต่งแม้แต่หน้าของเขาเธอก็ยังไม่มอง จับต้องก็รังเกียจ“จะไปไหนแต่เช้าน่ะตาเสือ” คุณมะลิวัลย์ถามบุตรชายที่เดินลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจนอดถามขึ้นไม่ได้“ไปเดินเล่นน่ะครับแม่”“เดินเล่น? ปกติตอนมาคราวก่อนบ่ายสองยังไม่ตื่น แต่มาวันนี้ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า หิมะจะตกเมืองไทยรึเปล่าเนี่ย”“คุณแม่ก็พูดไปนั่น…ตื่นเช้าสูดอากาศสดชื่นมันดีจะตายจริงไหม แล้วอีกอย่างที่นี่ก็ดีมากด้วย ถ้าตื่นสายก็พลาดแย่เลย” ศรุตตอบมารดาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มไม่เหมือนเมื่อวานที่มาถึงใหม่ ๆ“จริงหรือ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่หรอกนะ” นางหยอกเอินลูกชายเล็กน้อยแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือนวนิยายเล่มโปรดของนางในยามเช้า ระหว่างรออาหารก่อนออกไปทำงาน“แม่ครับ แล้ววันนี้นับดาวจะมาที่นี่อีกไหม” ศรุตกำลังจะเดินออกจากบ้าน แต่พอนึกถึงหนูน้อยหน้าตาน่ารักจึง
พูดออกมาก็ทำให้พลอยคิดถึงเนตรแพรกับลูกในท้อง ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า“แม่ของนับดาวน่ะรักมาก แต่พ่อนี่ไม่รู้ว่ารักรึเปล่า” นางตอบบุตรชายเสียงแข็งราวกับไม่ค่อยพอใจนัก“พ่อเขาทำไมเหรอครับ” ศรุตถามอย่างสงสัยใคร่รู้ เหตุใดทำไมพ่อถึงไม่รัก“ไม่รู้สิ…เพราะแม่ไม่เคยเห็นพ่อของหนูนับดาวสักครั้ง นับตั้งแต่สองแม่ลูกย้ายมาที่นี่” นางเอ่ยเสียงเรียบเฉย มองบุตรชายเป็นระยะ ๆ“แล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้เมียกับลูกมาอยู่ที่นี่กันสองคน ไม่เป็นห่วงลูกเมียบ้างรึไง” พอได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธพ่อของหนูนับดาวไม่น้อยที่กล้าทิ้งหนูน้อยหน้าตาน่ารักแบบนี้ หากเป็นลูกของเขาละก็ เขาไม่มีทางปล่อยให้อยู่อย่างลำพังหรอกมะลิวัลย์ส่ายหน้าก่อนพูดต่อ “เท่าที่แม่ของหนูนับดาวเล่าให้ฟัง พ่อเด็กไม่รับผิดชอบเพราะคิดว่าไปท้องกับคนอื่น ยังไม่หมดนะ แถมยังจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่” นางพูดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ เหลือบมองท่าทางของศรุตว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ฟังคงไม่ใช่คนคนเดียวกันหรอกมั้งใบหน้าสงสัยขบคิดในสิ่งที่มารดาของตนเล่าให้ฟัง ทำไมมันเหมือนเรื่องของเขาอะไรปานนั้น แต่มันคงไม่บังเอิญจุดไต้ตำตอขนาดนี้หรอก
“ใครมาเยอะแยะเลย ชอบไหมลูก” คุณมะลิวัลย์มองคนที่กำลังลงจากรถที่เพิ่งจอดอยู่เมื่อครู่นี้แล้วหันมาคุยเสียงเล็กเสียงน้อยกับหนูนับดาวที่ท่าทางร่าเริงทันทีที่เห็นคนมากมาย“สวัสดีครับคุณแม่…ไปเอาลูกใครมาเลี้ยงครับเนี่ย”ศรุตเดินตรงเข้ามาหามารดาของตนที่กำลังอุ้มหนูน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วปล่อยให้ลูกน้องทั้งสองจัดการเอาของลงจากรถ“ลูกของพนักงานรีสอร์ตแม่น่ะ” นางตอบกลับอย่างไม่ให้มีพิรุธอะไร“จ๊ะเอ๋ ชื่ออะไรคะ”ร่างสูงโปร่งย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับแม่หนูน้อยก่อนเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มทุ้มพลางมองหน้ามารดาอย่างขอคำตอบ“ชื่อนับดาว ศรุตา”“ชื่อเพราะจัง ชื่อเหมือนลุงเลย” นิ้วเรียวใหญ่ลูบเข้ากับกำปั้นน้อย ๆ ของศรุตาอย่างอ่อนโยนมะลิวัลย์ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ จะไม่ให้ชื่อเหมือนได้ยังไงไอ้ลูกซื่อบื้อ“คุณนายครับห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอครับ” ตุลธรเดินเข้ามาถามด้วยความสุภาพ“เดี๋ยวแม่ให้เด็กพาไป น้อยหน่ามานี่หน่อยเร็ว” นางตอบพลางร้องเรียกน้อยหน่าเสียงไม่ดังนักเพราะกลัวคนที่กำลังสนุกจะตกใจเพราะเสียงดัง ยัยหนูมักจะร้องไห้งอแงอยู่ตลอด“ขาคุณท่าน มาแล้วค่ะ”“ไปช่วยเขายกของเข้าบ้า
“วันนี้จัดการเอกสารเสร็จเร็วเลยรีบไปซื้อของมาทำแกงพะแนงไก่ให้ป้ามะลิกินน่ะค่ะ ได้ยินบ่นว่าอยากกินมาหลายวันแล้ว” หญิงสาวตอบเมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของนางด้วยน้ำเสียงหวาน“จริงเหรอหนูเนตร”“จริงค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยรึเปล่า ป้ามะลิทนกินหน่อยนะคะ” เนตรแพรเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงกับมะลิวัลย์“หนูเนตรทำกับข้าวอร่อยจะตาย”“วันนี้จะทำอย่างเดียวเหรอลูก” นางถามแม่ลูกอ่อนด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“อืม…เนตรว่าจะทำสักสองสามอย่างน่ะค่ะ เนตรกลับเอาไปทำที่บ้าน เดี๋ยวยกหม้อมาเลย ได้ยินว่าลูกชายของป้ามะลิจะมาใช่ไหมคะ จะได้ไม่ต้องทำอาหารหลายรอบให้เสียเวลา ฝากนับดาวไว้ที่นี่ก่อนนะคะ” เนตรแพรตอบกลับยาวเหยียดพลางคว้าถุงที่เพิ่งวางขึ้นมา แต่ก็ถูกมะลิวัลย์เรียกไว้เสียก่อน“จะกลับไปทำที่บ้านทำไมลูก ทำที่นี่แล้วก็อยู่กินพร้อมกันเลยลูก” นางบอกอย่างเกรงใจที่หญิงสาวต้องเดินไปเดินมาระหว่างบ้านของตนกับนาง จึงบอกให้ทำอยู่ที่บ้านหลังนี้เสียเลยจะได้ไม่ขาดเหลืออะไร“แต่ว่า…”“ไม่มีแต่ ทำที่นี่แหละ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”“ก็ได้ค่ะ จะได้ดูนับดาวด้วยว่าตื่นมางอแงรึเปล่า”เนตรแพรจัดการอาหารอยู่ภายในครัว โดยมีหลานสาวของป้าสายใจแม่บ้านของท