“ฮูหยินเจ้าคะ” “มีอะไรรึเสี่ยวฉู่” นางยิ้มให้สาวใช้พลางปิดสมุดบัญชีและเก็บใส่กล่องไม้ให้เรียบร้อย “ฮูหยินมาอยู่ชายแดนได้หลายเดือนแล้ว แต่ไม่เคยออกไปนอกจวนเลย วันนี้ไปเดินเล่นที่ตลาดไหมเจ้าคะ” “ตลาด?” “แม้จะเป็นชายแดนแต่ตลาดที่นี่คึกคักนะเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่คะยันคะยอแต่แล้วใบหน้าระบายยิ้มก็จางไป “ข้าลืมไป ที่นี่เป็นชายแดนคงไม่เจริญหูเจริญตาเท่าที่เมืองหลวง” จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา “ไฉนเจ้ากลายเป็นคนประชดประชัดเก่งเช่นนี้” “ข้าไม่ได้ประชดนะเจ้าค่ะ ข้าแค่เห็นท่านอยูแต่ในจวนไม่ออกไปไหนเลย” “ข้าออกไปข้างนอกได้รึ” นางถามกลับ แม้นางเป็นฮูหยินแม่ทัพ แต่เป็นเจ้าสาวตัวแทนที่ถูกสับเปลี่ยนมา นางจะทำสิ่งใดต้องดูสีหน้ากู้ตงหยางทุกคราวไป “ท่านไม่ได้อยู่ในคุกนะเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ทำปากยื่น “เป็นฮูหยินแม่ทัพ สามารถไปไหนได้ตามใจอยู่แล้ว” “เป็นเจ้ากระมังที่อยากออกไปเที่ยวเล่น” “ฮูหยิน” เสี่ยวฉู่ทำท่ากระเง้ากระงอด “ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว” “ได้ๆ ข้าควรรับคำชี้แนะจ
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วเรียกเหมือนไม่เชื่อว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ “อยากได้อะไรเพิ่มหรือไม่?” กู้ตงหยางถาม ปกติเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ไม่รู้สตรีชมชอบเครื่องประดับใดบ้าง“อยากได้สิ่งใดก็เลือกเอา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าข้าดูแลเจ้าได้ไม่ดีพอ” เพียงได้ยินถ้อยคำของเขา รอยยิ้มที่ประดับอยู่เมื่อครู่พลันจางหายไปทันที แท้จริง...เขาเพียงแค่กังวลว่านางจะทำให้เขาเสียหน้าสินะ หรือว่า...เขาคงรู้ว่าในหีบสินเดิมของนางแทบไม่มีของมีค่าเลย เขาเห็นนางนิ่งเงียบไปจึงย้ายสายตาก้มมองที่ใบหน้านวลเนียนยามนี้ดู...เอ่อ..เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เมื่อครู่ยังเห็นนางยังดูดีอกดีใจมากเลยนี่ สตรีนี่ช่างเข้าใจยากเสียจริง “เช่นนั้น ข้าจะเลือกอีกสองสามชิ้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยเสียงเบา คลี่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปเลือกกำไลหยกและปิ่นประดับ กู้ตงหยางไม่เข้าใจจิตใจสตรี หรือเขาไม่ควรมาทักนางเช่นนี้ แต่เขาบังเอิญผ่านมาจริงๆ จ้าวจื่อรั่วเลือกเครื่องประดับอย่างใจลอย ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่ท
“จะดีหรือเจ้าคะ” นางถามเพราะสิ่งนี้แขวนอยู่หน้าร้าน คงไม่ได้ทำมาเพื่อขาย หากเป็นเช่นนั้นจริงจะดูเหมือนนางแย่งชิงมา “หากเป็นสิ่งที่ฮูหยินแม่ทัพกู้ต้องการ ข้าสามารถมอบให้ได้ขอรับ” ช่างตีเหล็กเอ่ยอย่างสุภาพ “นับเป็นเกียรติของครอบครัวช่างตีเหล็กของพวกข้ายิ่งนัก” ได้ยินเช่นนี้แล้วนางค่อยเบาใจลง ใบหน้าจึงระบายยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก” “เรื่องเล็กน้อยขอรับ” ดวงตางดงามก้มมองกระดิ่งลมในมือ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มราวบุปผาป่าชวนมองจนไม่อาจถอนสายตา นางมัวแต่ชื่นชมกระดิ่งลมในมือจนไม่รู้ว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมอง เด็กหนุ่มอายุน้อยเห็นสาวงามแย้มยิ้มก็พลันหน้าแดงเก้อเขิน ใครเลยจะรู้ว่าฮูหยินของแม่ทัพผู้โหดเหี้ยมจะแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมถึงเพียงนี้ ทำเอาหนุ่มโสดถึงกับฝันหวานไปไกลหากจะมีภรรยาต้องหาหญิงสาวที่อ่อนหวานและงดงามเช่นภรรยาของแม่ทัพกู้ให้ได้ เพราะสนใจเพียงกระดิ่งลมจึงไม่รู้ว่าถูกจ้องมอง กู้ตงหยางผู้ไม่เข้าใจสตรีก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น นางดูชมชอบของไร้ราคาเช่นนี้มากกว่าเครื่องประดับเหล่านั้น และดูเหมือนนางจะไม่รู้ว่าสา
“ขอพวกท่านเมตตาคนผู้นี้ด้วย ข้าจะให้คนพาเขาไปที่อื่นเอง ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น พวกท่านเรียกมาได้และรบกวนตามไปรับที่จวนแม่ทัพกู้ ข้าจะให้พ่อบ้านจัดการให้เอง”“จวนแม่ทัพกู้?”จ้าวจื่อรั่วยิ้มน้อยๆ เสี่ยวฉู่รีบสาวเท้ามาเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น“ได้ยินที่ฮูหยินท่านแม่ทัพกู้พูดแล้วใช่ไหม ผู้ใดเดือดร้อนไปขอรับเงินได้ที่จวนแม่ทัพกู้”“ฮูหยินแม่ทัพกู้!” เท่านี้ชาวบ้านก็ให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก แม้ใบหน้าแย้มยิ้มแต่จ้าวจื่อรั่วลอบถอนหายใจอยู่ในอก นางไม่อยากใช้ชื่อเสียงของกู้ตงหยางมาทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่หากไม่เอ่ยชื่อเขาออกไปก็เกรงว่าเรื่องจะไม่ยุติโดยง่าย“ถ้าฮูหยินท่านแม่ทัพเอ่ยปากขอด้วยตนเอง พวกเราก็ไม่เอาความใด ท่านรีบพาคนผู้นี้ไปให้พ้นหูพ้นตาพวกเราเถิด”“ขอบคุณทุกท่านมาก” นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อผู้คนเลิกสนใจแล้ว นางจึงหันมามองชายผู้นั้น“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บที่ใด” นางเอ่ยถามแต่เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ เสี่ยวฉู่ก็รั้งแขนนางไว้ก่อน“ฮูหยินอย่าเข้าไปใกล้เจ้าค่ะ”“ก็ได้...เช่นนั้นเจ้าให้สารถีพาเขาขึ้นรถม้าไป”“ขึ้นรถม้า! ไม่ได้เจ้าค่ะ!” “เช่นนั้นจะทำอย่างไร”“เอ่อ...” เสี่ยวฉู่ขมวด
เพราะเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่พบเจอในวันนี้ จ้าวจื่อรั่วแช่กายในน้ำอุ่นจนเกือบผล็อยหลับไป หากไม่เพราะเสี่ยวฉู่มาเรียก นางคงหลับไปจริงๆ เมื่อซับน้ำจากเรือนร่างแล้ว ดวงตางดงามมองเสื้อผ้าที่เสี่ยวฉู่เตรียมไว้ให้อย่างงุนงง “แค่ไปกินมื้อเย็นต้องแต่งกายขนาดนี้เลยรึ” จ้าวจื่อรั่วถามพลางหยิบอาภรณ์สีฟ้าละมุนตา นางแทบจำไม่ได้ว่าเคยมีเสื้อผ้าสีแบบนี้ “นี่เสื้อผ้าของข้ารึ?” “ก็ต้องของฮูหยินอยู่แล้วเจ้าคะ ในเรือนนี้นอกจากท่านแล้วจะมีสตรีใดได้อีก” เสี่ยวฉู่ย่นจมูกใส่แล้วรีบจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้ฮูหยิน สาวใช้ตัวดีแอบยิ้มทะเล้น ฮูหยินมิใช่คนตระหนี่ ยิ่งเป็นเรื่องของผู้อื่นยิ่งใส่ใจ แต่เมื่อเป็นเรื่องของตนเองกลับละเลย พ่อบ้านจึงให้คนไปหาซื้อมาเสื้อผ้าของฮูหยินมาเพิ่ม จ้าวจื่อรั่วมองเสี่ยวฉู่อย่างอ่อนใจก่อนจะยิ้มบ้างๆ เสี่ยวฉู่ร่าเริงเหมือนเด็กสาว แม้ชีวิตเคยผ่านความยากลำบากของสงครามมาก่อน สาวใช้คนดีทำราวกับการได้แต่งกายให้นางเป็นเรื่องสนุกสนาน จ้าวจื่อรั่วจึงตามใจ มองไปมองมาก็เห็นเสี่ยวฉู่เหมือนน้องสาวเล็กๆ คนหนึ่งมากกว่าเป็นสาวใช้“เสี่ยวฉู่ เจ้าอ่านออกเขียนได้
จ้าวจื่อรั่วใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากคำน้อยๆ เนื้อตุ๋นเปื่อยได้ที่กำลังดีไม่เปื่อยมากเกินไป นางลอบมองทางกู้ตงหยาง เขากินไปเล็กน้อยแล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม“อร่อยไหมเจ้าคะ...ฮูหยิน” เฉียวฉู่เอ่ยถามแววตารอคอยคำตอบ“อร่อย” นางตอบไปตามตรง“ข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านหมอบอกว่าเลือดจางหรืออะไรนี่แหละ ต้องกินอาหารบำรุงเลือด ขจัดพิษในร่างกาย แม่นมของข้าก็เลยปรุงอาหารหม้อนี้มาเป็นพิเศษ ฮูหยินเป็นสตรีอย่างไรก็ต้องกินอาหารบำรุงเลือดให้มาก ที่บ้านของข้าน่ะ เนื้อแพะคือยาบำรุงชั้นดีเลยล่ะ”“เนื้อ...เนื้อแพะ...” จ้าวจื่อรั่วรู้สึกแปลกใจกับสายตาของเฉียวฉู่ นางจงใจพูดเน้นย้ำว่า ‘เนื้อแพะ’ จนนางอดคิดไม่ได้ว่า...กู้ตงหยางแม้ไม่ได้สนใจอาหารการกินนัก แต่รับรู้ได้ว่าภรรยาสาวมีอาการแปลกไปจึงเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้านางซีดเผือดราวไร้สีเลือด“เจ้า...เจ้าเอาแพะที่ไหนมาทำอาหารหม้อนี้” จ้าวจื่อรั่วถามเสียงเบาบังคับไม่ให้ตัวเองเสียงสั่นเกินไป นางอาจคิดไปเอง แต่กระนั้นหญิงสาวก็หันไปทางเสี่ยวฉู่ที่ยืนรอรับใช้ใกล้ๆ“เสี่ยวฉู่ ...วันนี้เปาเป่า...”“เพราะข้าต้องกินเนื้อแพะเพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อมเดินทางและข้าก็หาแ
“เจ้าออกมาทำไม เหตุใดไม่พักผ่อนในห้อง” เขาตำหนิเบาๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบฟังแล้วเย็นชาและห่างเหิน “หากท่านแม่ทัพต้องการลงโทษคนผิด ข้าก็ต้องออกมารับโทษนั้นด้วย” จ้าวจื่อรั่วเอ่ยแล้วเดินมาเบื้องเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าซีดขาวราวไร้เลือดเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ย“แพะน้อยเป็นของข้า ซึ่งหมายความว่าข้าเป็นเจ้าของ ผู้เจ้าของดูแลไม่ดีถูกผู้อื่นนำไปย่อมเป็นความผิดที่ข้าละเลยไม่ได้ใส่ใจจนเกิดเรื่องนี้ขึ้น” “ฮูหยิน” เสียงบ่าวรับใช้พูดขึ้นแทบพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าฮูหยินรักแพะน้อยตัวนั้นมากเพียงใด เป็นพวกเขาที่ละเลยไม่ทันใส่ใจว่าจะมีผู้อื่นกล้ามาเอาตัวแพะน้อยของฮูหยินไปทำอาหาร... กู้ตงหยางหรี่ตามอง แม้นางดูอ่อนเพลียแต่แววตามุ่งมั่น แต่เดิมเขามองว่านางเป็นหญิงว่านอนสอนง่าย แต่ครั้นจะดื้อขึ้นมาก็รั้นไม่ใช่น้อย หากนางเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเขา เขาคงไม่รีรอที่จะลงโทษ แต่นี่นางเป็นเพียงหญิงอ่อนแอและที่สำคัญยังเป็นภรรยาของเขาด้วย “เสี่ยวฉู่ เจ้าพาฮูหยินไปพักผ่อน” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปหาฮูหยิน ตามคำสั่งของท่านแม่
เสี้ยวหน้าซีดเซียวดูน่าเวทนาทำเอาใจบุรุษสั่นไหว แม้ดวงตาปิดสนิทแต่มีรอยคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ เขานั่งลงริมเตียงอย่างเงียบเฉียบ วันนี้นางเพิ่งยิ้มดีใจราวเด็กเล็กๆ ค่ำมาก็ต้องร้องไห้ที่สูญเสียแพะน้อยไป เขายื่นมือไปหมายจะเช็ดคราบน้ำตาแต่ก็ชะงักและชักมือกลับ ด้วยรู้สึกว่ามือของตนเคยเปื้อนเลือดมากมายเกินกว่าจะเช็ดน้ำตาให้ผู้อื่นได้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยเสียงเบา“ข้าจะหาแพะตัวใหม่มาให้เจ้าเลี้ยง เอาสักสองสามตัวดีไหม หรือจะเลี้ยงสักฝูงก็ได้”แม้ปิดเปลือกตาแต่หญิงสาวยังไม่หลับ ทุกถ้อยคำของเขาชัดเจนแต่นางได้แต่กัดริมฝีปากตนเองไม่ส่งเสียงใดออกไปแม่ทัพหนุ่มรู้ว่าภรรยาของตนอารมณ์ไม่ดีนัก เขาเองก็ไม่ใช่คนช่างเอาอกเอาใจจึงได้แต่เหน็บผ้าห่มให้นางดูจนมั่นใจแล้วจึงปลดม่านมุ้งลงตามเดิมแล้วเดินจากมาน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วพลันไหลออกมาอีกครั้ง จ้าวจื่อรั่วพึมพำกับตนเอง“ข้า..ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”เพราะ…ไม่มีสิ่งใดเป็นของนางอย่างแท้จริง. เสี่ยวฉู่บรรจงปักปิ่นระย้าประดับผมให้จ้าวจื่อรั่ว ปกติ ฮูหยินไม่ชอบแต่งหน้าประทินโฉมนัก แต่เพราะนางต้องออกไปส่งเฉียวฉู่ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ใบหน้
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล
ท่านเสนาบดีชาชินกับการรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาบุตรสาว หลายเดือนมานี้ยอมรับว่าความหวังของเขาริบหรี่ ครั้งนี้พ่อบ้านมารายงานเรื่องซย่าเจียวซิ่งเชิญหมอหญิงมารักษาหลี่หรู เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ดูแลเรื่องสำรับอาหารให้ดีอย่าให้ขาดตกบ่งพร่อง” “ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรับคำสั่ง “แล้ว...นายท่านไม่ไปเยี่ยมคุณหนูหรือขอรับ” “ข้าก็เป็นห่วงนาง แต่สภาพนางตอนนี้ก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”เสนาบดีได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เพราะฮูหยินร่างกายอ่อนแอคลอดบุตรสาวแล้วก็ไร้บุตรให้เขาอีก เขาเลี้ยงดูหลี่หรูดุงประคองในอุ้งมือ มิให้นางต้องกลายเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ใด แต่เพื่อปกป้องดวงใจของเขาแล้ว เห็นมีเพียงซย่าเจียวซิ่งที่ปกป้องนางได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าทั้งสองมิได้มีใจให้กัน แต่เขาเชื่อใจว่าซย่าเจียวซิ่งจะดูแลบุตรสาวเขาให้ดีหลายเดือนมานี้เขาเหมือนแก่ขึ้นนับสิบปี ยิ่งพยายามยิ่งถอยห่าง เขาและฮูหยินเคยพูดคุยกัน หากครึ่งปีนี้บุตรสาวยังไม่ตื่นฟื้น...เขาจะลาออกปลดภาระหน้าที่ทั้งหมด อพยพไปแดนใต้ที่อบอุ่น อาศัยช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัวซย่าเจียวซิ่งเป็นเพียงคู่หมั้
“แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะรับนางเป็นชายา มีนางเป็นหนึ่งเดียวไม่มีหญิงอื่น” นั้นคือสิ่งที่เขาให้สัญญากับหลี่หรูไว้ “มีคนต้องการชีวิตของนาง นางมิได้ล้มป่วยแต่ถูกพิษ” “ถูกพิษ! ฮูหยินของท่านรักษาหรูเอ๋อร์ได้หรือไม่” กู้ตงหยางพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน “เรื่องรักษานางไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้ารักษาสุดความสามารถ ที่นางทำก็เพราะสงสารและสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่ที่เมื่อคุณหนูหลี่หรูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะพาฮูหยินของข้ากลับ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดทั้งสิ้น หากมีใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” กู้ตงหยางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบไร้ร่องรอย ราวกับนี้เป็นบ้านของเขาเอง ด้านนอกคือทหารเวรยามที่หมดสติ อี้ซวนเดินตามหลังแม่ทัพกู้เงียบๆ ทั้งสองใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วเตรียมตัวกลับที่พักที่หลบซ่อนของตน “ข้าจะไปหาเมียข้า เจ้าไม่ต้องตามไปก็ได้” “เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวไล่ส่ง” “แต่ก่อนเจ้ามิได้อยากไปอยู่แล้วนี่ หรือเพราะแม่นางซีซวนทำให้เจ้าอยากไป” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เห็นแ
บุรุษหนุ่มกรอกสุราลงคอแล้วขวดสุราทิ้ง เสียงขวดกระเบื้องแตกแต่ไม่มีบ่าวรับใช้คนใดกล้าเข้ามาใกล้ แม้อยู่ในตำหนักหรูหราแต่ไม่ต่างจากกรงขัง “เอาเหล้ามาอีก!” “ฮองเฮารับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาทดื่มสุราแล้วเพคะ” เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้น หลังบานประตูมีการเคลื่อนไหว แต่รัชทายาทเฉียนฟานไม่ได้สนใจ สุราหมดไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในเวลานี้เขามีเพียงสุราเท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมความทุกข์ใจ เป็นถึงรัชทายาทแต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ‘ซย่าเจียวซิ่ง’ คนผู้นั้นแค่เอ่ยชื่อก็เหมือนมีคมมีดมากรีดผิว ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดล้วนถูกเปรียบเทียบกับซย่าเจียวซิ่งอยู่เสมอ ทั้งที่เขาเป็นถึงรัชทายาท เป็นโอรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นหลู่ แต่กลับถูกเปรียบเทียบกับเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างซย่าเจียวซิ่ง แรกทีเดียวที่เขาเสนอชื่อคนผู้นั้นในท้องพระโรงส่งไปชายแดนก็เพื่อไปให้ไกลหูไกลตาเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับสร้างผลงานยิ่งใหญ่ ปกป้องแคว้นหลี่ทำสัญญาสงบศึกได้สำเร็จ คุณงามความดีใหญ่หลวงชื่อเสียงกระฉ่อน ตำแหน่งของซย่าเจียวซิ่งด้อยกว
ฮูหยินเสนาบดีรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนของบุตรสาว ทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้บัญชาการซย่าพาหมอหญิงมารักษาหลี่หรู ชายหนุ่มประสานมือคารวะเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่ก้าวมายืนเบื้องหน้า “ฮูหยิน” “คนกันเองไม่ต้องมากพิธี” หญิงวัยกลางคนที่ยังคงผิวพรรณผุดผ่องงดงามมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “ได้ยินว่าเจ้าพาหญิงหญิงมารักษาหรูเอ๋อร์ของข้า” “ขอรับ” “เชื่อใจได้รึ” นางเป็นห่วงลูก หัวอกคนเป็นแม่ยอมกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนี้ “ข้าเชื่อใจนาง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่ฮูหยินก็ยังไม่วางในนัก หมายจะเดินเข้าไปด้านในแต่ซีซวนยืนเฝ้าประตูอยู่ขยับเท้าขวางไว้ก่อน “บังอาจ! เจ้าคิดว่าตนเป็นใครจึงมาขวางทางข้าเช่นนี้!” “ขออภัยฮูหยิน” ซีซวนยังคงสวมชุดดำด้วยความเคยชิน “ซีซวนทำตามหน้าที่โปรดฮูหยินให้อภัย” “เหตุใดข้าจะเข้าไปดูลูกสาวข้ามิได้!” “หมอหญิงกำลังทำการรักษา การฝังเข็มต้องใช้สมาธิสูงจึงไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” “แม้แต่ข้าที่เป็นมารดาข
จ้าวจือรั่วตรวจสมุนไพรที่ซีซวนนำมาแล้วก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ นางสบตากับสตรีในชุดดำแล้วก็หยิบตลับยาส่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยื่นมือออกมารับกิริยาดื้อเงียบไม่เกินจากที่จ้าวจือรั่วคาดเดา “ข้าต้องการทดสอบยา เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ” เพราะคำสั่งของผู้บัญชาการคือสั่งให้นางทำตามที่จ้าวจือรั่วสั่ง ซีซวนจึงยอมก้าวเท้ามาด้านหน้า มือเรียวเปิดตลับตาแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายขี้ผึ้งเนื้อสีเขียวใสราวหยกเนื้อดีแล้วป้ายบริเวณแผลเป็นของอีกฝ่าย หญิงสาวในชุดดำผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงราบเรียบไม่เชิงสั่งแต่ทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งได้ ขี้ผึ้งเนื้อเย็นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยี่ระต่อแผลเป็น แต่เมื่อบาดเจ็บควรรักษา แผลเหล่านี้นานวันเข้าก็สร้างความเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ เอาล่ะ เจ้าเก็บไว้ ใช้ทุกวันจะช่วยรักษาอาการเจ็บเรื้อรังให้เบาบางลงได้” “เอ่อ...” “ขอบคุณสิ!” ไฉ่หงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซีซวนยังยืนนิ่งอยู่ “ไฉ่หงอย่าเสียมารยาท” จ้าวจื่อรั่วดุสาวใช้อายุน้อย ไฉ่หงชะงักไปแล
ไฉ่หงกวาดตามองขึ้นๆลงๆ อย่างไม่เกรงมารยาท แต่หญิงสาวในชุดดำก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนในมือยังจับกระบี่ไว้มั่น ในขณะที่จ้าวจื่อรั่วจิบชาสมุนไพรด้วยท่าทีรื่นรมย์ “พี่สาว...” ไฉ่หงอายุน้อยหมดความอดทนจึงเอ่ยเสียงโอดครวญขึ้นมา “ท่านผู่บัญชาการทำเช่นนี้หมายความว่าข้าดูแลพี่สาวไม่ดีรึเจ้าคะ” “เจ้าก็เป็นคนของผู้บัญชาการ จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวจื่อรั่วยิ้มเอ็นดูสาวใช้วัยสิบห้าของตน “แม่นางซีซวนแค่มาดูแลข้าในส่วนที่เจ้าทำไม่ได้ต่างหากล่ะ” “ข้าทำอะไรไม่ได้รึ!” สาวใช้เบ้ปากทำหน้าหงุดหงิด แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาของซีซวนก็ก้มหน้าหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย “นางเป็นวรยุทธ์ แต่เจ้าไม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มอารมณ์ดี “เอาเถอะ เราต่างมีหน้าที่ของตน ข้าเป็นแค่หมอหญิงหน้าที่ของข้าคือรักษาคน เมื่อข้ารักษาคนผู้นั้นได้แล้วจะได้กลับบ้านไปหาลูกกับสามีเสียที” “พี่สาวอยากบ้านมากเลยรึ” ไฉ่หงพูดเสียงเบา นางอยู่ชายแดนดูแลบิดาที่ล้มป่วย มีเพียงท่านผู้บัญชาการให้ความช่วยเหลือ เมื่อให้นางเป็นสาวใช้ก็เป็นสาวใช้ แต่จ้าวจื่อรั่วใจดีกับนางมาก
ซย่าเจียวซิ่งควบม้ามายังโรงเตี้ยนชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอสังหารแผ่กำจายทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างสูงสง่าในชุดดำเพิ่มความน่าเกรงขาม เมื่อตวัดเท้าลงจากหลังม้าก็สาวเท้าเดินไปด้านหลังของโรงเตี้ยม นายทหารที่สวมชุดพรานป่าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพแล้วหลบไปยืนด้านข้าง ผู้บัญชาการหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรินสุราให้ตนเอง“มีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่”ทหารสามสี่นายที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง แล้วใครคนหนึ่งก็กลั้นใจเอ่ยรายงาน“เรียนผู้บัญชาการ หลังจากที่แม่นางหลี่หรูล้มป่วยไม่ได้สติ นายท่านสั่งให้พวกเราสืบลับย้อนหลังไปก่อนที่แม่นางหลี่หรูจะล้มป่วย พวกเรารายงานเรื่องทั้งหมดให้ท่านทราบไปแล้ว”เปรี๊ยะ!เสียงจอกสุราในมือผู้บัญชาการแตกละเอียด เหล่าทหารลับในชุดนายพรานถึงกับไม่กล้าหายใจ ไอสังหารกรุ่นรอบกาย ซย่าเจียวซิ่งมองฝ่ามือตนเองที่เปียกไปด้วยสุราแต่สมองคิดถึงใบหน้าอ่อนหวานของจ้าวจื่อรั่ว นางเป็นสตรีบอบบางไร้วรยุทธ์แต่กลับล่วงรู้เรื่องของหลี่หรูมากกว่าทหารลับของเขาเสียอีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ช่างโง่เขลายิ่งนัก!เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เหล่าท
แววตาจริงจังทำให้ซย่าเจียวซิ่งรู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น และแน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่ควรนำมาพูดเล่น “เจ้าตรวจแน่นอนแล้วหรือ?” เขาถามน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าแทบไร้เลือดนั้นทำให้จ้าวจื่อรั่วสงสารอยู่ไม่น้อย “ข้าตอบในฐานะหมอหญิง นางตั้งครรภ์อ่อนๆ อายุครรภ์ราวสองเดือนซึ่งเป็นเหตุผลที่หมอท่านอื่นอาจตรวจชีพจรมงคลไม่พบ ส่วนเรื่องที่นางหลับใหลนั้น ...ดูจากสภาพร่างกายนาง ข้าคิดว่านางถูกพิษนิทรา” “พิษนิทรา? ข้าไม่เคยได้ยิน” “แม่บุญธรรมของช้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้าจึงพอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง” “รู้อยู่บ้าง? แล้วถอนพิษได้หรือไม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ตัวยาที่ใช้ถอนพิษมีหลายชนิด ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่านจัดหามาให้ แต่เรื่องที่น่าเป็นกังวลคือเด็กในครรภ์ ...มิรู้ว่าจะแข็งแรงพอจะ...” “รักษานาง ส่วนเด็กนั้น...” “เด็กนั้น? ท่าเรียกได้ไร้ความเมตตาเสียจริง” เขากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน จ้าวจื่อรั่วสัมผัสไ