เมืองหลวงคึกคักคือภาพที่เดาได้ไม่ยาก ไฉ่หงตื่นตากับภาพที่เห็นทำให้จ้าวจื่อรั่วอมยิ้มน้อยในความไร้เดียงสา สาวใช้ค้อนเข้าให้แล้วเอ่ยวาจา“พี่สาวอย่าหัวเราะข้าสิ”“ข้าหัวเราะเมื่อใดกัน” นางคลี่ยิ้มและวางมือบนหน้าท้องที่ยังไม่โตนัก “เจ้าอายุแค่สิบห้า ตื่นตากับภาพที่เห็นไม่แปลกอันใด”“พี่สาวเคยอยู่เมืองหลวงหรือ?”“อื้ม แต่ไม่ใช่ที่นี่” นางเคยอยู่เมืองหลวง แต่ที่นั้นไม่นับเป็นบ้านได้เลย หากไม่มีน้องชายทั้งสองนางคงไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด แต่ตอนนี้นางมีครอบครัว มีบุรุษที่รักและลูกน้อย“ที่แคว้นของพี่สาวคงรื่นรมย์น่าดู ข้าได้ยินว่าการเพาะปลูกดีมีข้าวกินทั้งปีไม่ต้องกลัวอดยาก”“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปขยับผ้าม่านหน้าต่างรถม้า ลมวูบหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า แต่อากาศไม่หนาวเย็นเท่าชายแดนแต่กระนั้น นางยังคงสวมเสื้อคลุมหนานุ่มที่ผู้บัญชาการผู้นั้นมอบให้ ตั้งแต่ออกจากโรงเตี้ยม เขาก็ควบม้าแยกไปก่อน ซึ่งก็นับว่าดีกับนางเพราะไม่อยากอยู่กับคนเย็นชาเช่นนั้นไฉ่หงลอบมองจ้าวจื่อรั่วอยู่บ่อยๆ สตรีผู้นี้มีใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เสมอ ดูสงบเยือกเย็นยามอยู่ต่อหน้าผู้บัญชาการก็ไม่แสดงอาก
จ้าวจื่อรั่วอมยิ้มแล้วเดินเข้าเรือนหลังเล็กที่ถูกตระเตรียมไว้รับรอง มีบ่าวรับใช้สูงวัยอยู่หลายคน ดูๆไปเหมือนเป็นสตรีที่ถูกเลี้ยงดูนอกจวน นี่ผู้บัญชาการซย่าคงไม่ได้คิดจะให้นางเล่นบทเป็นนางบำเรอของเขากระมัง คนผู้นั้นคงมาถึงก่อนแล้วแต่ไม่อยู่รอต้อนรับซึ่งสร้างความสบายใจให้จ้าวจื่อรั่วเป็นอย่างนิ่ง ทุกคนรับรู้การมาของนางและต้อนรับตามมารยาท “ไฉ่หง ข้าหิวแล้ว เจ้าเข้าไปดูในครัวให้เขาทำอะไรร้อนๆ มาให้ข้ากินสักชาม และอย่างลืมที่ข้าสั่งไว้ล่ะ” “เจ้าค่ะ ข้าท่องขึ้นใจแล้ว” มีอาหารแสลงที่ไม่เหมาะกับคนท้อง นางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับไฉ่หงแต่ให้สาวใช้ท่องจำและบอกว่านางแพ้อาหารเหล่านั้น ไฉ่หงเป็นเด็กซื่อและเชื่อฟังไม่ซักถามสิ่งใด เมื่อนางสั่งให้ท่องจำก็ทำตามที่สั่งและเมื่อนางสั่งให้ไปในครัว ไฉ่หงก็แทบจะวิ่งถลาไปทันที หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เดินตามบ่าวรับใช้มาที่ห้องพักของตน “ท่านผู้บัญชาการได้สั่งให้บ่าวเตรียมของใช้ของฮูหยินแล้ว หากฮูหยินต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมโปรดบอกบ่าวได้ขอรับ” “เรียกข้าฮูหยินกู้” นางส่งยิ้มแต่แววตาจริงจัง “
ซย่าเจียวซิ่งก้าวเท้าออกมาจากจวนเสนาบดี ใบหน้าที่เรียบนิ่งอยู่เป็นนิจมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ‘หมอหลวงมารักษานางแล้วก็ต่างส่ายหน้า เจ้าประกาศหาหมอทั่วแคว้นมารักษานางก็ยังไม่ได้ผล เคยคิดหรือไม่ว่าทำเช่นนี้เป็นการทำลายชื่อเสียงของนาง’ ‘ชีวิตของนางสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด’ ซย่าเจียวซิ่งเอ่ยด้วยใจจริง แม้ไม่ได้รักใคร่นางเช่นหนุ่มสาวแต่เอ็นดูนางเป็นน้องสาวมาตลอด เขาย่อมไม่ต้องการเห็นนางอยู่ในห้วงทุกข์ และเวลานี้ที่นางหลับใหลไม่ตื่นเช่นนี้ เขาย่อมต้องเป็นห่วงนาง ‘หากท่านเกรงว่าหลี่หรูจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ข้ายินดีแต่งนางเป็นภรรยาแม้นางยังไม่ได้สติเช่นนี้’ ‘เป็นเจ้าที่เสนอขึ้นมาเอง ข้ามิใช่คนขู่บังคับเจ้า’ ‘แน่นอน ข้ายินดี แต่ข้าขออนุญาตให้พาหมอมาตรวจอาการของหลี่หรู’ ‘ถ้าเจ้ารับปากเช่นนี้ ก็ทำตามใจเถิด’ หากไม่กล่าวเช่นนั้นออกไปก็เกรงว่าเสนาบดีจะไม่ยอมให้เขาพาหมอเข้าไปตรวจอาการของหลี่หรู ภาพในความทรงจำปรากฏขึ้น หลี่หรูเป็นเด็กขี้อาย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนักจึงไม่ค่อยได้ออกไปนอกจวน ครอบครัวของทั้
หน้าต่างห้องนอนค่อยๆ ถูกเปิดออกอย่างเบามือก่อนที่ร่างใหญ่จะแทรกกายเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ เขาปลดเสื้อคลุมกันลมออกแล้วถูมือเรียกไออุ่นก่อนก้าวเข้าไปในเลิกม่านมุ้งขึ้นและนั่งลงริมเตียง ใบหน้าหวานยามหลับใหลประดับรอยยิ้มน้อยๆ ทำเอาชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “ท่านมาแล้ว” เสียงหวานพูดขึ้นแผ่วเบาก่อนจะลืมตาขึ้น แม้ในแสงสลัวของราตรีกาลแต่หญิงสาวก็รู้ว่าผู้ใดเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ “รอข้าหรือรอผู้ใด” กู้ตงหยางถอดรองเท้าแล้วขึ้นเตียงภรรยา นางเปิดผ้าห่มให้เขาแทรกตัวเข้าไปนอนเคียงข้าง “พูดเช่นนี้ ท่านหึงรึ” “ข้ามีสิทธิ์หึงหรือไม่เล่า” แม่ทัพหนุ่มพ่ายแพ้อย่างหมดท่าเพราะภรรยาตัวน้อยออดอ้อนเสียแล้ว เขาวาดวงแขนแล้วรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด นานเหลือเกินที่ไม่ได้กอดเมียรักเช่นนี้ “อากาศที่แคว้นหลี่เย็นนัก เจ้ากับลูกต้องระวังให้มาก” “ข้าเป็นถึงฮูหยินแม่ทัพกู้ ผู้ใดจะปล่อยให้ข้าต้องลำบากกันเล่า” นางพูดแล้วพริมตาหลับลงตามเดิม รู้อยู่เต็มอกว่ากู้ตงหยางต้องหาทางกลับมาหานางอยู่แล้ว จึงมิได้ลงกลอนแน่นหนา แต่แค่กลอนหน้าต่างมีรึแม่ทัพกู้จะหาท
หญิงสาวแต่งกายเรียบง่ายด้วยชุดกระโปรงสีเขียวบงกช แต่กระนั้นก็ยังขับเน้นความงามสง่าของผู้สวมใส่ แต่ทำให้ซย่าเจียวซิ่งหรี่ตามองอย่างประเมิน เขาไม่มั่นใจว่าตนเองให้คนเตรียมเสื้อผ้าแบบใดให้หญิงสาวผู้นี้ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ดูอิ่มเอิบเป็นพิเศษ “ข้าให้ไฉ่หงไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ใหม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มมุมปาก “ชุดที่ท่านสรรหามาให้เกรงว่าจะเหมาะกับอนุของท่านมากกว่า” “ข้าไม่มีอนุ” ซย่าเจียวซิ่งตอบเสียงแข็งอย่างรวดเร็ว “นั้นมันเรื่องของท่าน จะทำตาดุใส่ข้าด้วยเหตุใด” หญิงสาวทำหน้างุนงงและนางก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาจะทำเสียงเช่นนี้กับนางเพื่ออะไรกัน นางไม่ใช่คู่หมั้นของเขาเสียหน่อย ผู้บัญชาการหนุ่มราวกับเพิ่งนึกได้ว่าตนเอง ‘ร้อนตัว’เกินไปจึงกระแอมไอกลบเกลื่อน แล้วประชดหญิงสาวด้วยการเผยมือเชิญให้นางขึ้นรถม้าด้วยตนเอง “ไฉ่หงไม่ต้องไป” เขาสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้สาวใช้สะดุ้งโหยงแล้วก้มหน้าหลบสายตา แต่นึกขึ้นได้ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับยื่นล่วมยาออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ผู้บัญชาการจึงจำเป็นต้องรับมาถือไว้เสียเอง ราวกับ
แววตาจริงจังทำให้ซย่าเจียวซิ่งรู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น และแน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่ควรนำมาพูดเล่น “เจ้าตรวจแน่นอนแล้วหรือ?” เขาถามน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าแทบไร้เลือดนั้นทำให้จ้าวจื่อรั่วสงสารอยู่ไม่น้อย “ข้าตอบในฐานะหมอหญิง นางตั้งครรภ์อ่อนๆ อายุครรภ์ราวสองเดือนซึ่งเป็นเหตุผลที่หมอท่านอื่นอาจตรวจชีพจรมงคลไม่พบ ส่วนเรื่องที่นางหลับใหลนั้น ...ดูจากสภาพร่างกายนาง ข้าคิดว่านางถูกพิษนิทรา” “พิษนิทรา? ข้าไม่เคยได้ยิน” “แม่บุญธรรมของช้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้าจึงพอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง” “รู้อยู่บ้าง? แล้วถอนพิษได้หรือไม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ตัวยาที่ใช้ถอนพิษมีหลายชนิด ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่านจัดหามาให้ แต่เรื่องที่น่าเป็นกังวลคือเด็กในครรภ์ ...มิรู้ว่าจะแข็งแรงพอจะ...” “รักษานาง ส่วนเด็กนั้น...” “เด็กนั้น? ท่าเรียกได้ไร้ความเมตตาเสียจริง” เขากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน จ้าวจื่อรั่วสัมผัสไ
ซย่าเจียวซิ่งควบม้ามายังโรงเตี้ยนชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอสังหารแผ่กำจายทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างสูงสง่าในชุดดำเพิ่มความน่าเกรงขาม เมื่อตวัดเท้าลงจากหลังม้าก็สาวเท้าเดินไปด้านหลังของโรงเตี้ยม นายทหารที่สวมชุดพรานป่าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพแล้วหลบไปยืนด้านข้าง ผู้บัญชาการหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรินสุราให้ตนเอง“มีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่”ทหารสามสี่นายที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง แล้วใครคนหนึ่งก็กลั้นใจเอ่ยรายงาน“เรียนผู้บัญชาการ หลังจากที่แม่นางหลี่หรูล้มป่วยไม่ได้สติ นายท่านสั่งให้พวกเราสืบลับย้อนหลังไปก่อนที่แม่นางหลี่หรูจะล้มป่วย พวกเรารายงานเรื่องทั้งหมดให้ท่านทราบไปแล้ว”เปรี๊ยะ!เสียงจอกสุราในมือผู้บัญชาการแตกละเอียด เหล่าทหารลับในชุดนายพรานถึงกับไม่กล้าหายใจ ไอสังหารกรุ่นรอบกาย ซย่าเจียวซิ่งมองฝ่ามือตนเองที่เปียกไปด้วยสุราแต่สมองคิดถึงใบหน้าอ่อนหวานของจ้าวจื่อรั่ว นางเป็นสตรีบอบบางไร้วรยุทธ์แต่กลับล่วงรู้เรื่องของหลี่หรูมากกว่าทหารลับของเขาเสียอีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ช่างโง่เขลายิ่งนัก!เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เหล่าท
ไฉ่หงกวาดตามองขึ้นๆลงๆ อย่างไม่เกรงมารยาท แต่หญิงสาวในชุดดำก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนในมือยังจับกระบี่ไว้มั่น ในขณะที่จ้าวจื่อรั่วจิบชาสมุนไพรด้วยท่าทีรื่นรมย์ “พี่สาว...” ไฉ่หงอายุน้อยหมดความอดทนจึงเอ่ยเสียงโอดครวญขึ้นมา “ท่านผู่บัญชาการทำเช่นนี้หมายความว่าข้าดูแลพี่สาวไม่ดีรึเจ้าคะ” “เจ้าก็เป็นคนของผู้บัญชาการ จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวจื่อรั่วยิ้มเอ็นดูสาวใช้วัยสิบห้าของตน “แม่นางซีซวนแค่มาดูแลข้าในส่วนที่เจ้าทำไม่ได้ต่างหากล่ะ” “ข้าทำอะไรไม่ได้รึ!” สาวใช้เบ้ปากทำหน้าหงุดหงิด แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาของซีซวนก็ก้มหน้าหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย “นางเป็นวรยุทธ์ แต่เจ้าไม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มอารมณ์ดี “เอาเถอะ เราต่างมีหน้าที่ของตน ข้าเป็นแค่หมอหญิงหน้าที่ของข้าคือรักษาคน เมื่อข้ารักษาคนผู้นั้นได้แล้วจะได้กลับบ้านไปหาลูกกับสามีเสียที” “พี่สาวอยากบ้านมากเลยรึ” ไฉ่หงพูดเสียงเบา นางอยู่ชายแดนดูแลบิดาที่ล้มป่วย มีเพียงท่านผู้บัญชาการให้ความช่วยเหลือ เมื่อให้นางเป็นสาวใช้ก็เป็นสาวใช้ แต่จ้าวจื่อรั่วใจดีกับนางมาก
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล
ท่านเสนาบดีชาชินกับการรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาบุตรสาว หลายเดือนมานี้ยอมรับว่าความหวังของเขาริบหรี่ ครั้งนี้พ่อบ้านมารายงานเรื่องซย่าเจียวซิ่งเชิญหมอหญิงมารักษาหลี่หรู เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ดูแลเรื่องสำรับอาหารให้ดีอย่าให้ขาดตกบ่งพร่อง” “ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรับคำสั่ง “แล้ว...นายท่านไม่ไปเยี่ยมคุณหนูหรือขอรับ” “ข้าก็เป็นห่วงนาง แต่สภาพนางตอนนี้ก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”เสนาบดีได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เพราะฮูหยินร่างกายอ่อนแอคลอดบุตรสาวแล้วก็ไร้บุตรให้เขาอีก เขาเลี้ยงดูหลี่หรูดุงประคองในอุ้งมือ มิให้นางต้องกลายเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ใด แต่เพื่อปกป้องดวงใจของเขาแล้ว เห็นมีเพียงซย่าเจียวซิ่งที่ปกป้องนางได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าทั้งสองมิได้มีใจให้กัน แต่เขาเชื่อใจว่าซย่าเจียวซิ่งจะดูแลบุตรสาวเขาให้ดีหลายเดือนมานี้เขาเหมือนแก่ขึ้นนับสิบปี ยิ่งพยายามยิ่งถอยห่าง เขาและฮูหยินเคยพูดคุยกัน หากครึ่งปีนี้บุตรสาวยังไม่ตื่นฟื้น...เขาจะลาออกปลดภาระหน้าที่ทั้งหมด อพยพไปแดนใต้ที่อบอุ่น อาศัยช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัวซย่าเจียวซิ่งเป็นเพียงคู่หมั้
“แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะรับนางเป็นชายา มีนางเป็นหนึ่งเดียวไม่มีหญิงอื่น” นั้นคือสิ่งที่เขาให้สัญญากับหลี่หรูไว้ “มีคนต้องการชีวิตของนาง นางมิได้ล้มป่วยแต่ถูกพิษ” “ถูกพิษ! ฮูหยินของท่านรักษาหรูเอ๋อร์ได้หรือไม่” กู้ตงหยางพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน “เรื่องรักษานางไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้ารักษาสุดความสามารถ ที่นางทำก็เพราะสงสารและสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่ที่เมื่อคุณหนูหลี่หรูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะพาฮูหยินของข้ากลับ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดทั้งสิ้น หากมีใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” กู้ตงหยางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบไร้ร่องรอย ราวกับนี้เป็นบ้านของเขาเอง ด้านนอกคือทหารเวรยามที่หมดสติ อี้ซวนเดินตามหลังแม่ทัพกู้เงียบๆ ทั้งสองใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วเตรียมตัวกลับที่พักที่หลบซ่อนของตน “ข้าจะไปหาเมียข้า เจ้าไม่ต้องตามไปก็ได้” “เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวไล่ส่ง” “แต่ก่อนเจ้ามิได้อยากไปอยู่แล้วนี่ หรือเพราะแม่นางซีซวนทำให้เจ้าอยากไป” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เห็นแ
บุรุษหนุ่มกรอกสุราลงคอแล้วขวดสุราทิ้ง เสียงขวดกระเบื้องแตกแต่ไม่มีบ่าวรับใช้คนใดกล้าเข้ามาใกล้ แม้อยู่ในตำหนักหรูหราแต่ไม่ต่างจากกรงขัง “เอาเหล้ามาอีก!” “ฮองเฮารับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาทดื่มสุราแล้วเพคะ” เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้น หลังบานประตูมีการเคลื่อนไหว แต่รัชทายาทเฉียนฟานไม่ได้สนใจ สุราหมดไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในเวลานี้เขามีเพียงสุราเท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมความทุกข์ใจ เป็นถึงรัชทายาทแต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ‘ซย่าเจียวซิ่ง’ คนผู้นั้นแค่เอ่ยชื่อก็เหมือนมีคมมีดมากรีดผิว ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดล้วนถูกเปรียบเทียบกับซย่าเจียวซิ่งอยู่เสมอ ทั้งที่เขาเป็นถึงรัชทายาท เป็นโอรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นหลู่ แต่กลับถูกเปรียบเทียบกับเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างซย่าเจียวซิ่ง แรกทีเดียวที่เขาเสนอชื่อคนผู้นั้นในท้องพระโรงส่งไปชายแดนก็เพื่อไปให้ไกลหูไกลตาเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับสร้างผลงานยิ่งใหญ่ ปกป้องแคว้นหลี่ทำสัญญาสงบศึกได้สำเร็จ คุณงามความดีใหญ่หลวงชื่อเสียงกระฉ่อน ตำแหน่งของซย่าเจียวซิ่งด้อยกว
ฮูหยินเสนาบดีรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนของบุตรสาว ทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้บัญชาการซย่าพาหมอหญิงมารักษาหลี่หรู ชายหนุ่มประสานมือคารวะเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่ก้าวมายืนเบื้องหน้า “ฮูหยิน” “คนกันเองไม่ต้องมากพิธี” หญิงวัยกลางคนที่ยังคงผิวพรรณผุดผ่องงดงามมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “ได้ยินว่าเจ้าพาหญิงหญิงมารักษาหรูเอ๋อร์ของข้า” “ขอรับ” “เชื่อใจได้รึ” นางเป็นห่วงลูก หัวอกคนเป็นแม่ยอมกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนี้ “ข้าเชื่อใจนาง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่ฮูหยินก็ยังไม่วางในนัก หมายจะเดินเข้าไปด้านในแต่ซีซวนยืนเฝ้าประตูอยู่ขยับเท้าขวางไว้ก่อน “บังอาจ! เจ้าคิดว่าตนเป็นใครจึงมาขวางทางข้าเช่นนี้!” “ขออภัยฮูหยิน” ซีซวนยังคงสวมชุดดำด้วยความเคยชิน “ซีซวนทำตามหน้าที่โปรดฮูหยินให้อภัย” “เหตุใดข้าจะเข้าไปดูลูกสาวข้ามิได้!” “หมอหญิงกำลังทำการรักษา การฝังเข็มต้องใช้สมาธิสูงจึงไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” “แม้แต่ข้าที่เป็นมารดาข
จ้าวจือรั่วตรวจสมุนไพรที่ซีซวนนำมาแล้วก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ นางสบตากับสตรีในชุดดำแล้วก็หยิบตลับยาส่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยื่นมือออกมารับกิริยาดื้อเงียบไม่เกินจากที่จ้าวจือรั่วคาดเดา “ข้าต้องการทดสอบยา เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ” เพราะคำสั่งของผู้บัญชาการคือสั่งให้นางทำตามที่จ้าวจือรั่วสั่ง ซีซวนจึงยอมก้าวเท้ามาด้านหน้า มือเรียวเปิดตลับตาแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายขี้ผึ้งเนื้อสีเขียวใสราวหยกเนื้อดีแล้วป้ายบริเวณแผลเป็นของอีกฝ่าย หญิงสาวในชุดดำผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงราบเรียบไม่เชิงสั่งแต่ทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งได้ ขี้ผึ้งเนื้อเย็นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยี่ระต่อแผลเป็น แต่เมื่อบาดเจ็บควรรักษา แผลเหล่านี้นานวันเข้าก็สร้างความเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ เอาล่ะ เจ้าเก็บไว้ ใช้ทุกวันจะช่วยรักษาอาการเจ็บเรื้อรังให้เบาบางลงได้” “เอ่อ...” “ขอบคุณสิ!” ไฉ่หงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซีซวนยังยืนนิ่งอยู่ “ไฉ่หงอย่าเสียมารยาท” จ้าวจื่อรั่วดุสาวใช้อายุน้อย ไฉ่หงชะงักไปแล
ไฉ่หงกวาดตามองขึ้นๆลงๆ อย่างไม่เกรงมารยาท แต่หญิงสาวในชุดดำก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนในมือยังจับกระบี่ไว้มั่น ในขณะที่จ้าวจื่อรั่วจิบชาสมุนไพรด้วยท่าทีรื่นรมย์ “พี่สาว...” ไฉ่หงอายุน้อยหมดความอดทนจึงเอ่ยเสียงโอดครวญขึ้นมา “ท่านผู่บัญชาการทำเช่นนี้หมายความว่าข้าดูแลพี่สาวไม่ดีรึเจ้าคะ” “เจ้าก็เป็นคนของผู้บัญชาการ จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวจื่อรั่วยิ้มเอ็นดูสาวใช้วัยสิบห้าของตน “แม่นางซีซวนแค่มาดูแลข้าในส่วนที่เจ้าทำไม่ได้ต่างหากล่ะ” “ข้าทำอะไรไม่ได้รึ!” สาวใช้เบ้ปากทำหน้าหงุดหงิด แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาของซีซวนก็ก้มหน้าหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย “นางเป็นวรยุทธ์ แต่เจ้าไม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มอารมณ์ดี “เอาเถอะ เราต่างมีหน้าที่ของตน ข้าเป็นแค่หมอหญิงหน้าที่ของข้าคือรักษาคน เมื่อข้ารักษาคนผู้นั้นได้แล้วจะได้กลับบ้านไปหาลูกกับสามีเสียที” “พี่สาวอยากบ้านมากเลยรึ” ไฉ่หงพูดเสียงเบา นางอยู่ชายแดนดูแลบิดาที่ล้มป่วย มีเพียงท่านผู้บัญชาการให้ความช่วยเหลือ เมื่อให้นางเป็นสาวใช้ก็เป็นสาวใช้ แต่จ้าวจื่อรั่วใจดีกับนางมาก
ซย่าเจียวซิ่งควบม้ามายังโรงเตี้ยนชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอสังหารแผ่กำจายทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างสูงสง่าในชุดดำเพิ่มความน่าเกรงขาม เมื่อตวัดเท้าลงจากหลังม้าก็สาวเท้าเดินไปด้านหลังของโรงเตี้ยม นายทหารที่สวมชุดพรานป่าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพแล้วหลบไปยืนด้านข้าง ผู้บัญชาการหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรินสุราให้ตนเอง“มีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่”ทหารสามสี่นายที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง แล้วใครคนหนึ่งก็กลั้นใจเอ่ยรายงาน“เรียนผู้บัญชาการ หลังจากที่แม่นางหลี่หรูล้มป่วยไม่ได้สติ นายท่านสั่งให้พวกเราสืบลับย้อนหลังไปก่อนที่แม่นางหลี่หรูจะล้มป่วย พวกเรารายงานเรื่องทั้งหมดให้ท่านทราบไปแล้ว”เปรี๊ยะ!เสียงจอกสุราในมือผู้บัญชาการแตกละเอียด เหล่าทหารลับในชุดนายพรานถึงกับไม่กล้าหายใจ ไอสังหารกรุ่นรอบกาย ซย่าเจียวซิ่งมองฝ่ามือตนเองที่เปียกไปด้วยสุราแต่สมองคิดถึงใบหน้าอ่อนหวานของจ้าวจื่อรั่ว นางเป็นสตรีบอบบางไร้วรยุทธ์แต่กลับล่วงรู้เรื่องของหลี่หรูมากกว่าทหารลับของเขาเสียอีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ช่างโง่เขลายิ่งนัก!เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เหล่าท
แววตาจริงจังทำให้ซย่าเจียวซิ่งรู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น และแน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่ควรนำมาพูดเล่น “เจ้าตรวจแน่นอนแล้วหรือ?” เขาถามน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าแทบไร้เลือดนั้นทำให้จ้าวจื่อรั่วสงสารอยู่ไม่น้อย “ข้าตอบในฐานะหมอหญิง นางตั้งครรภ์อ่อนๆ อายุครรภ์ราวสองเดือนซึ่งเป็นเหตุผลที่หมอท่านอื่นอาจตรวจชีพจรมงคลไม่พบ ส่วนเรื่องที่นางหลับใหลนั้น ...ดูจากสภาพร่างกายนาง ข้าคิดว่านางถูกพิษนิทรา” “พิษนิทรา? ข้าไม่เคยได้ยิน” “แม่บุญธรรมของช้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้าจึงพอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง” “รู้อยู่บ้าง? แล้วถอนพิษได้หรือไม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ตัวยาที่ใช้ถอนพิษมีหลายชนิด ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่านจัดหามาให้ แต่เรื่องที่น่าเป็นกังวลคือเด็กในครรภ์ ...มิรู้ว่าจะแข็งแรงพอจะ...” “รักษานาง ส่วนเด็กนั้น...” “เด็กนั้น? ท่าเรียกได้ไร้ความเมตตาเสียจริง” เขากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน จ้าวจื่อรั่วสัมผัสไ