Share

บทที่ 10

last update Last Updated: 2025-06-21 09:42:24

เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกให้ร่างเปลือยเปล่าที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงน้ำขนาดใหญ่รู้สึกตัวขึ้น ชายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นมานั่งขยี้เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มจนยุ่งเหยิง ในหัวยังปวดตุบๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จากวิสกี้รอยัลเฮาส์โฮลที่ยังตกค้างอยู่ในกระแสเลือด คิ้วเข้มดกดำขมวดมุ่น ดวงตาดุดันจ้องมองที่มาของเสียงซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างเตียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด

แต่เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วยอมกดรับสายแต่โดยดี

“ว่ายังไง พิซซ่าบอย...” ชายหนุ่มส่งเสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษกลั้วไปกับเสียงอ้าปากหาว

“เมื่อไหร่นายจะเลิกเรียกฉันด้วยชื่ออุบาทว์ๆ อย่างนั้นเสียทีวะ” เจ้าของชื่อเล่น ’พิซซ่าบอย’ ตอบกลับเสียงแข็ง ความขุ่นเคืองทำให้ลืมธุระที่จะคุยไปชั่วขณะ

“ฉันว่าน่ารักออก... ใครใช้พ่อแม่นายตั้งชื่ออ่านยากๆ ให้ล่ะวะพีท...” โฮร์มุซหัวเราะหยอกเย้า

“ถ้าขืนนายยังกล้าเรียกต่อหน้าคนอื่นอย่างเมื่อคืนนี้อีกล่ะก็ ฉันก็จะเรียกนายว่าไอ้โฮโมเหมือนกัน หึๆ...” อีกฝ่ายยื่นคำขาด

“เฮ้ย อย่าเชียวนะเว้ย!!” ถ้าเกิดผู้หญิงคนไหนผ่านมาได้ยินเข้า... ต่อให้รู้ว่าเป็นเพียงการล้อเล่น โฮร์มุซก็รู้สึกเสียเชิงเพลย์บอยอยู่ดี... “ว่าแต่นายโทรมาทำไมแต่เช้า นี่ฉันยังนึกว่าเป็นเลขาฯ โทรมาปลุก เกือบจะกระทืบโทรศัพท์ทิ้งอยู่แล้ว...”

“เช้ากับผีอะไรวะ... ห้องนายมีนาฬิกาบ้างหรือเปล่า นี่มันจะบ่ายโมงอยู่แล้ว”

คนฟังเบ้ปาก ยักไหล่กับตัวเองเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร จากนั้นค่อยขยับตัวลงจากเตียงนอนที่อ่อนยวบยาบแล้วก้าวยาวๆ เดินผ่านห้องแต่งตัวเพื่อตรงไปยังห้องอาบน้ำด้านในสุด

หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์เห็นเพื่อนสนิทเงียบเสียงไปดื้อๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก... ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักนิสัยที่ไม่เคยแยแสเรื่องใดๆ นอกจากตัวเองของโฮร์มุซ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของทั้งคู่ไม่ใช่หรือ แล้วคนที่เสนอความคิดเรื่องการลงทุนร่วมกันในครั้งนี้ก็เป็นตัวเจ้าชายแห่งจาเบลุซเองแท้ๆ...

“นายลืมไปหรือเปล่าว่าบ่ายวันนี้มีการซ้อมเดินแบบเครื่องเพชรของฉัน นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไปดูรูปแบบการนำเสนอเพื่อเปรียบเทียบกับตลาดของดูไบ...” หม่อมราชวงศ์หนุ่มชักน้ำเสียงด้วยความไม่พอใจ

“ใจเย็นๆ น่าพีท... นายเพิ่งบอกหยกๆ ว่าวันนี้แค่ซ้อม ฉันไปดูวันจริงเลยก็ยังทัน อย่าหัดเป็นคนซีเรียสมากนักสิ...”

โฮร์มุซยื่นมือไปกดปุ่มควบคุมน้ำบนผนัง ปล่อยน้ำร้อนไหลลงไปในอ่างอาบทรงกลมดังซู่ ขณะยืดตัวขึ้นไปนั่งบนขอบชั้นวางอ่างล้างหน้าที่ปูด้วยหินอ็อบซิเดียนสีดำเป็นเงา รอเวลาให้ปริมาณน้ำมากพอที่เขาจะลงไปนอนแช่

“ขอโทษนะโฮร์มุซ แต่นายก็รู้ว่าฉันจริงจังกับเรื่องงาน แล้วฉันก็อยากจะแน่ใจว่าธุรกิจของเราไม่ได้เป็นแค่การเผาเงินเล่นฆ่าเวลาของนายด้วย” คำพูดของอีกฝ่ายยังบ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจ

เจ้าชายหนุ่มแห่งดินแดนทะเลทรายส่ายหน้ายิ้มๆ เขาไม่คิดจะถือสาเพื่อนชาวไทยแม้แต่น้อย ก็ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าตัวเองมีนิสัยหละหลวมเหลวไหลอย่างไรบ้าง... แต่ถ้าพูดถึงเรื่องงานแล้ว หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ออกจะดูแคลนเขาเกินไปจริงๆ...

“เอาเถอะ... ฉันกำลังจะอาบน้ำแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงรับรองว่านายได้เห็นหน้าหล่อๆ ของฉันแน่ๆ...” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี “อันที่จริงยังไงวันนี้ฉันก็ต้องไปรับตัวนางแบบฟินาเล่ของนายไปกินข้าวอยู่ดี”

“พูดถึงเรื่องนี้ นี่ก็อีกเรื่องที่ฉันอยากจะถามนาย...” หม่อมราชวงศ์หนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “นายคิดยังไงถึงไปคบกับผู้หญิงอย่างนั้น นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าหล่อนเป็น...”

“ฉันรู้หรอกน่าว่าแม่นั่นเป็นผู้หญิงอาชีพพิเศษ” คำพูดของเจ้าชายหนุ่มราบรื่นจนผิดปกติ สร้างความผิดหวังให้แก่เพื่อนสนิทที่กำลังตั้งใจตักเตือนไม่น้อย

“รู้อยู่แล้วว่าหล่อนเป็น เอ่อ...” คำว่า ‘โสเภณี’ ติดอยู่ในปาก “แต่นายก็ยังไปมั่วจนกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เนี่ยนะ” ในฐานะผู้สืบสายเลือดอันสูงศักดิ์ไม่ต่างกัน หม่อมราชวงศ์หนุ่มก็อดที่จะละอายแทนไม่ได้...

หากเขาไม่เคยรู้หรอกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก องค์รัชทายาทอันดับสองแห่งจาเบลุซผู้นี้มีงานอดิเรกที่โปรดปรานที่สุดก็คือการร่วมเตียงนอนกับดารานางแบบทั่วทุกมุมโลกเท่าที่อำนาจเงินจะซื้อได้ ไม่อย่างนั้นมีหรือที่พิษณุนเรศวร์จะปล่อยให้เพื่อนรักมีโอกาสมายุ่งเกี่ยวกับพรีเซ็นเตอร์คนสำคัญของบริษัท

“ที่บังเอิญเป็นข่าวก็เพราะว่าฉันดันไปซื้อตัวหล่อนมานอนด้วยนั่นแหละ” ไม่มีความยุ่งยากใจซุกซ่อนอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย “นายคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะคว้าเอาผู้หญิงพรรค์นั้นมาเป็นเมีย...”

“ฉันก็ไม่คิดว่านายจะโง่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่อย่างน้อยนายก็ควรหาคู่ควงที่เหมาะสมกว่านี้... ดาราสวยๆ ลูกสาวนักธุรกิจตระกูลดีๆ ก็มีตั้งเยอะแยะนี่ ฉันเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะได้ชื่อว่าเป็นคู่ควงนายทั้งนั้น...”

“เฮ้ย! สรุปนี่นายเป็นเพื่อนหรือว่าเป็นพ่อฉันกันแน่วะเนี่ย ฮ่ะๆๆ...” ปากก็แกล้งหัวเราะ แต่ในใจโฮร์มุซอยากจะแย้งออกไปตรงๆ

ผู้หญิงดีๆ มันจะมีอะไรเร้าใจล่ะ...

คนร้อนแรงอย่างเขา ต้องการก็แต่นางบำเรอมืออาชีพเท่านั้นแหละ... ใครจะมีอารมณ์กับผู้หญิงแสนดีที่ไม่เป็นสับปะรด เอาแต่นอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้แล้วให้เขาเป็นฝ่ายออกแรงทำทุกอย่างอยู่คนเดียวอย่างนั้นน่ะหรือ

“พีท นายก็เห็นข่าวที่ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ... ถ้าจู่ๆ ฉันทิ้งหล่อนไปควงกับคนอื่นในช่วงนี้ ฉันจะไม่ยิ่งฉาวหนักไปกว่าเดิมเหรอวะ... ช่วงนี้ก็อาศัยแม่นางแบบนั่นปิดข่าวไปก่อนสักพัก พอใกล้จะกลับจาเบลุซฉันค่อยชิ่งหนีก็ยังทัน...” เจ้าชายหนุ่มให้เหตุผล “อีกอย่าง การที่ฉันควงหล่อนมันก็น่าจะเป็นการช่วยโปรโมตบริษัทของนายและบริษัทร่วมของเราได้อีกทาง จริงไหม”

แต่เหตุผลอีกข้อซึ่งโฮร์มุซลืมบอกก็คือ... เขายังไม่เบื่อที่จะหาความสุขจากเรือนร่างของนางแบบสาวในหัวข้อสนทนา... อันที่จริงแล้ว การควงผู้หญิงหน้าเดิมๆ เป็นอาทิตย์ๆ ไม่ใช่นิสัยของเขาหรอก หากเจ้าชายหนุ่มก็ต้องยอมรับว่ากัทลีมอบรสชาติที่แปลกใหม่และเร้าใจกว่าโสเภณีชั้นสูงหลายๆ คนที่เคยผ่านมา ไม่อย่างนั้นมีหรือที่เขาจะทนกินอาหารขยะจานเดิมๆ ได้นานขนาดนี้

หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์เองพอได้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถจะโต้เถียงได้ อย่างหนึ่งที่เขาต้องยอมรับก็คือ ในเชิงธุรกิจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวฉาวโฉ่หรือสร้างสรรค์ ต่างก็เป็นกลยุทธ์ที่ถูกใช้อย่างได้ผลมานานในวงการโฆษณา

“แล้วนายคิดจะควงกับแม่นั่นอีกสักกี่วัน นายก็รู้นี่ว่าบอร์ดบริษัทฉันตั้งใจจะเซ็นสัญญาให้หล่อนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์[1] ของปีหน้า”

“อย่าห่วงไปเลยน่า ไอ้เกลอ... หลังงานเดินแบบ เรานัดประชุมเรื่องรายละเอียดธุรกิจให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นฉันก็ว่าจะบินกลับประเทศเลย ทิ้งแม่นั่นให้เป็นธุระของนายแทน... อยากจะเอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำให้สมเป็นเฟซออฟโปรดักต์[2] ของบริษัทนาย หรือนายจะลองลดตัวมามั่วกับหล่อนดูบ้างก็ตามใจ... ไม่แน่นะ นายอาจจะติดใจจนเปลี่ยนสเปกเรื่องผู้หญิงไปเลยก็ได้...”

“ตลกชั้นต่ำของนายไม่น่าขำเลยว่ะ โฮร์มุซ”

ฟังคำตอบเพื่อนรัก ว่าที่สุลต่านหนุ่มแห่งจาเบลุซก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ นึกขำที่เพื่อนของเขาทำตัวเหมือนผู้หญิงใจแคบ ตั้งแง่รังเกียจอาชีพที่โบราณที่สุดในโลกจนเกินกว่าเหตุ

ในความคิดของโฮร์มุซ ถึงจะเกิดและเติบโตมาในประเทศที่จารีตประเพณีจำกัดสิทธิของสตรีต่ำกว่าบุรุษเพศมาก เขายังไม่เคยรู้สึกเลวร้ายกับผู้หญิงพวกนั้นเหมือนหม่อมราชวงศ์หนุ่มผู้เป็นเพื่อนเลย

“ว่าแต่นายเถอะ... เที่ยววิพากษ์วิจารณ์ฉันดีนัก ไม่คิดจะควงผู้หญิงดีๆ ของนายมาอวดบ้างเหรอ...”

“นายรักความโสดยังไง ฉันมันก็ไม่ต่างจากนายเท่าไหร่หรอกว่ะ ไอ้โฮโม!!”

“เออ... ไอ้เด็กส่งพิซซ่า แค่นี้แหละ... แล้วฉันจะรีบตามไป”

[1] แบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) หมายถึงบุคคลที่เป็นภาพลักษณ์หรือตัวแทนของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์

[2] เฟซออฟโปรดักต์ (Face of Product) มีความหมายเดียวกันกับ Brand Ambassador

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status