Share

ตอนที่ 14 อุ่นเตียง

Author: WangFei
last update Last Updated: 2025-08-17 10:30:01

ตอนกลางคืนหญิงสาวคิดไม่ตก

 จางอวิ๋นซียืนเท้าคางที่ขอบหน้าต่างของตำหนัก นางมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องพร่างพรายระยิบระยับ ภายในใจของนางมีแต่เรื่องของหานไท่หยางเต็มไปหมด หากทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ไทเฮาและฮองเฮาเล่ามา นางคงรู้สึกผิดต่อเขาน่าดู นางพยายามต่อต้านเขาให้เขารู้ว่านางไม่ยินดีแต่งงานด้วย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นนางที่ทำผิด

 ตอนนี้นางเริ่มสงสารและเห็นใจเขามากขึ้นแล้วสิ

 คิดแล้วให้รู้สึกง่วงนัก หญิงสาวเอามือปิดปากหาวหวอดๆ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ไป

 หานไท่หยางมองซุ่มดูนางจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากหน้าต่างห้องนอนของนางเท่าใดนัก ก่อนจะเห็นนางดับตะเกียงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ไป เขาจึงกระโดดเข้ามาห้องนอนของนางอย่างแผ่วเบา นางประมาทนักที่ไม่ปิดหน้าต่างให้สนิท น่าจับมาตีก้นเสียจริง!

 หานไท่หยางอยากลงโทษนางนัก นางนอนเพียงคนเดียวในตำหนัก แถมยังประมาทด้วยการเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้อีก ต่อให้ที่นี่เป็นวังหลวง แต่นางงดงามถึงปานนี้จะไม่มีชายโฉดใดคิดร้ายต่อนางเชียวหรือ

 อ๋องหนุ่มกระโดดเข้ามาอย่างแผ่วเบาจนไร้เสียงด้วยวรยุทธ์ของตนเอง แม้ภายในจะมืดสลัวแต่เขากลับมองเห็นความงดงามของนางอย่างชัดเจน ใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลาที่ทำให้เขาหลงใหลตั้งแต่พบกันที่ตลาดพ่อค้าเปอร์เซีย ดวงตากลมโตราวกับมีประกายส่องสว่างราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในใจ จนอ๋องหนุ่มยากที่จะถอนตัวจากนางได้

 ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้นางรู้สึกตัวขึ้นมา จางอวิ๋นซีกระพริบตาขับไล่ความง่วง พยายามมองผู้ที่นอนอยู่ข้างกายนางอย่างอุกอาจ

 “ท่านอ๋อง!” นางตะโกนด้วยความตกใจ สองมือรีบยันกายลุกขึ้นจากเตียง แต่เอวบางนั้นกลับถูกหานไท่หยางรวบตัวลงเข้าไปนอนกอดอย่างรวดเร็ว

 “ท่านเข้ามาได้อย่างไร?! ที่นี่เป็นเขตพระราชฐานฝ่ายในเพคะ” นางถาม แต่ความตกใจที่มียังไม่หายไป เขาเป็นคนขับไล่นางออกจากวัง สนับสนุนให้นางมาอยู่กับไทเฮา แต่การทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน

 อ๋องหนุ่มรั้งศีรษะของนางแนบชิดกับแผงอก สูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่มสลวยที่ถูกปล่อยยาวสยายทั่วหมอนอย่างชื่นใจ เขาคิดถึงกลิ่นนี้ตั้งแต่คืนเข้าหอครั้งแรกนัก จึงสูดดมอีกครั้งเต็มปอด จาง อวิ๋นซีเมื่อรู้ว่าเขาไม่ทำสิ่งใดมากกว่าสูดดมเรือนผมของนาง นางจึง

ยอมนอนอยู่นิ่งๆ

 “ข้ามาพาเจ้ากลับวัง...” อ๋องหนุ่มกล่าวตอบนางเสียงนุ่มนวล เป็นเสียงคนละแบบกับที่เคยใช้พูดขับไล่นาง

 หญิงสาวในอ้อมกอดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง อะไรกัน! นี่เขามาพานางกลับวังอย่างนั้นหรือ?

 ปากไม่พูดเปล่า แต่จมูกนั้นยังไล้สูดดมใบหน้างดงาม สองมือนั้นลูบต้นขาของนางอย่างหลงใหล ก่อนจะไล้ปลายจมูกไปที่ซอกคอขาวเนียนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยฝากรอยรักเอาไว้ทั่วลำคอของนาง หญิงสาวร้องครางเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะได้สติว่าในตอนนี้นางอยู่ในวังหลวง มิใช่วังอ๋อง และไม่ใช่ในฐานะพระชายาอีกแล้ว

 “ท่านขับข้าออกจากวัง ท่านเองก็คิดจะหย่ากับข้า ท่านให้ข้ามาอยู่วัง

หลวง แล้วตอนนี้ท่านมาทำแบบนี้ ข้าเดาใจท่านไม่ถูกนัก” นางผลักใบหน้าอ๋องหนุ่มออกจากซอกคอ มองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยคำถามมากมาย เขาไม่เคยเต็มใจแต่งงานกับนางมิใช่หรือ ที่ยอมรับนางก็เพียงเพราะอยากกลั่นแกล้งนางเท่านั้น อีกทั้งเขายังเคยยื่นข้อเสนอขอหย่าจากนางด้วยมิใช่หรือ?

 หานไท่หยางปรับเปลี่ยนสีหน้าทันที “เจ้าเป็นชายาของข้า ในเมื่อข้ายื่นคำหย่ากับเจ้าได้ ข้าก็คืนคำได้...”

 เง็กเซียนทรงโปรด! มีแบบนี้ที่ใดกัน ตรัสแล้วคืนคำได้ด้วย!

 “พระองค์เป็นกษัตริย์ ตรัสแล้วก็ไม่ควรคืนคำ” นางย้อนตอบ

 ฝ่ามือหนาลูบไล้ใบหน้านวลเนียนดุจจันทร์เดือนเพ็ญของนาง พร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ ยามได้มองนางอยู่ใต้ร่างของเขาเช่นนี้ “แล้วอย่างไรกัน กับเจ้านั้นล้วนเป็นข้อยกเว้น เจ้าเป็นชายาของข้า หากคิดจะหย่ากับข้าก็รอให้ข้าตายก่อนเถิด...” 

 “...” นางนิ่งเงียบ ไม่กล่าวอันใด

 ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังคลี่ยิ้ม ค่อยๆ โน้มลงประกบปากจูบหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ซึ่งนางก็มิได้ต่อต้าน นี่เป็นครั้งแรกหรือไม่ที่นางยอมเต็มใจให้เขาทำเช่นนี้โดยไม่ต้องพึ่งผงกำยานปลุกกำหนัดของหลินกงกง

 จางอวิ๋นซีหลับตาพริ้ม รสจูบของเขาพรากสติสัมปชัญญะของนางไปจนหมดสิ้น เรียวลิ้นหนาค่อยๆ สอดแทรกเข้าหาความหวานละมุนจนร่างบางหมดหนทางจะต่อต้าน นางเผลอปล่อยกายปล่อยใจให้เขาตักตวงจากนางในฐานะสามี 

 “คิกๆ” หรูหรงแอบหัวเราะคิกคักอยู่ด้านนอกเพียงผู้เดียว แล้วรีบย่องออกจากตำหนักไปถวายรายงานไทเฮา

 ไทเฮากับหลิวฮองเฮาที่กำลังนั่งสนทนากันยามดึกดื่นต่างหัวเราะร่ากับสิ่งที่หรูหรงกราบทูล ใครจะคิดกันว่าหานไท่หยางจะกลายเป็นหนุ่มคลั่งรักเช่นนี้ แค่เพียงเดือนเดียวที่ต้องห่างจากภรรยาอีกฝ่ายก็แทบอดรนทนไม่ไหว ต้องลักลอบปีนกำแพงวังเข้าห้องมาเช่นนี้ บุรุษเช่นนี้น่ะหรือที่จะยอมหย่ากับภรรยาง่ายๆ

 “อาหยางนั้นปากอย่างใจอย่าง ข้าได้แต่ภาวนาให้พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างยืนยาวล่ะนะ” ไทเฮาทรงเอ่ยพระสุรเสียงอบอุ่น

 “หม่อมฉันก็คิดเห็นดั่งเสด็จแม่เพคะ” หลิวฮองเฮาทรงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเช่นกัน หานไท่หยางโอรสของพระนางในที่สุดก็จะมีความสุขอย่างคู่สามีภรรยาอื่นเสียที

 “แล้วจะให้หม่อมฉันทำเช่นไรต่อเพคะ” หรูหรงถาม

 ไทเฮาทรงวางจอกชาลง “คืนนี้หากอาหยางจะทำเช่นใดก็ปล่อยเขาไปเถิด”

 ผู้อาวุโสสูงสุดของวังคลี่ยิ้มบางๆ

 อาภรณ์ของจางอวิ๋นซีและหานไท่หยางลงไปกองร่วงที่พื้นตอนใดก็ไม่อาจทราบได้ รสสัมผัสที่อ๋องหนุ่มมอบให้ทำให้นางมัวเมาเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างของนางก็เปลือยเปล่าเสียแล้ว สองมือหนาใหญ่บีบเคล้นปทุมถันเต้าอวบหนั่นแน่นอย่างมันส์มือ ก่อนที่ปลายลิ้นจะก้มลงไปชิมยอดเม็ดทับทิมสีหวานที่แข็งเป็นไต ชูช่อกับปทุมถันท้าทายสายตาของเขานัก

 ยิ่งเขาสัมผัสแนบชิดนางเท่าใดก็ไม่อาจพอ ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งยากจะห่างไกล ยิ่งห่างไกลกันเขาก็ยิ่งคิดถึงนางยิ่งนัก ยิ่งเมื่อเห็นร่างเล็กนอนครางอยู่ใต้ร่างอย่างแผ่วเบาด้วยความสุขที่เขาพยายามปรนเปรอให้ ยากยิ่งนักที่เขาจะตัดใจจากนางได้

 ร่างบางบิดกระเส่าพลางร้องครางเสียงหวาน เมื่อปลายลิ้นโลมเลียยอดปทุมถันอย่างยั่วยวน ก่อนที่ริมฝีปากของอ๋องหนุ่มจะก้มลงดูดดื่มยอดปทุมถันทั้งสองข้างราวกับทารกดูดเต้านมมารดา

 “กลับบ้านกับข้าเถิด” อ๋องหนุ่มเลื่อนใบหน้ามากระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู พลางขบเม้มลามเลียติ่งหูเล็กของอีกฝ่ายจนนางหัวเราะอย่างจักจี๊ 

 อ๋องหนุ่มยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเรียวยาวสอดแทรกเข้าไปในกลีบบุปผากลางร่างสาว เมื่อแรกสอดนิ้วเข้าไปแล้วนั้น ยังไม่เท่าใด หยาดน้ำหวานก็เอ่อล้นทะลักราวกับเขื่อนแตกทั่วที่นอนหนานุ่ม ยังความพึงพอใจให้

หานไท่หยางอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่านางนั้นพร้อมพรักสำหรับสิ่งต่อไป

 สองขาของหญิงสาวถูกงอขึ้นราวกับชันเข่า สองมือหนากดข้อมือเล็กทั้งสองราบกับที่นอน ก่อนจะสอดแทรกแท่งหยกเข้ามาในกายสาวอย่างช้าๆ หญิงสาวใต้ร่างร้องครางด้วยความเจ็บปวดระคนเสียวซ่าน คราวนี้นางไม่เจ็บปวดเหมือนคราวแรกอีกต่อไป แต่เป็นความเสียวซ่านรัญจวนใจที่ผู้เป็นสามีมอบให้

 “อ๊ะ อ่า ท่านอ๋อง เมตตาข้าด้วยเถิด” นางร้องครางเสียงหวาน หยาดน้ำตาเอ่อล้นขอบตาคู่สวย ความเจ็บปวดและท่วงท่านี้นางเกินจะรับไหวนัก

 อ๋องหนุ่มพยายามดันแท่งหยกของตนเองเข้าไปให้สุด แต่เขานั้นไม่ได้ร่วมรักกับนางมาร่วมเดือนกว่าแล้ว จึงพบเจอกับความคับแน่นของกายสาว หานไท่หยางพยายามสอดแทรกแก่นกายของตนเข้าไปให้สุด เขาอยากปลดปล่อยในกายนางทุกหยาดหยดยิ่งนักในเพลานี้

 “เจ้าจักรัดข้าให้ตายเลยหรืออย่างไร?” หานไท่หยางถามด้วยความเจ็บปวดแก่นกายของตนเองไม่ต่างกัน

 ‘แล้วใครใช้ให้เจ้ามาทำแบบนี้กับข้าเล่า ตาอ๋องบ้า!’ นางนึกก่นด่าเขาในใจ แต่สุดท้ายก็เป็นนางเองที่ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาและบทเพลงพิศวาสที่เขามอบให้นางได้

 สะโพกสอบเร่งรัวจังหวะรักให้รวดเร็ว จนเกิดเสียงดังทั่วทั้งห้องบรรทมของบุรุษและสตรีดังผสมผสานกัน 

 นานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ที่หานไท่หยางบรรเลงบทเพลงรักกับนาง เพราะทันทีที่เขาปล่อยตัวตนเข้าสู่ในกายนางก็สลบไสล ปล่อยให้เขาตักตวงความสุขจากร่างกายนางทั้งราตรี

 

 จางอวิ๋นซีตื่นขึ้นมาอีกที นางก็พบว่าตนเองอยู่ที่วังของหานไท่หยางแล้ว เตียงนอนที่นางแสนจะคุ้นเคยตั้งแต่คืนเข้าหอ รวมทั้งกลิ่นกำยานหอมๆ ที่ถูกรมเอาไว้ทั่วห้อง อีกทั้งยังมีหรูหรงที่คอยยืนรอถวายการรับใช้

 “พระชายา ตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” หรูหรงคลี่ยิ้มถาม

 หญิงสาวสำรวจรอบๆ ตัวเอง เมื่อคืนนางกำลังหลับนอนกับหานไท่หยาง

มิใช่หรือ แล้วเหตุใดนางจึงกลับมาที่นี่ได้

 “ทำไมข้ากลับมาที่นี่ได้ล่ะ” นางหันมาถามหรูหรงที่ยืนอยู่คนเดียว

 นางกำนัลสาวยิ้มตอบ “เมื่อคืนพระชายาทรงอ่อนเพลียมาก ท่านอ๋องเลยอุ้มพระชายากลับวังเพคะ”

 บ้า-ไป-แล้ว!

 นี่เขาอุ้มนางทั้งๆ ที่สภาพเปลือยเปล่ากลับวังอ๋องมาอย่างนั้นหรือ?

 “ทั้งเสื้อผ้าพระชายา ท่านอ๋องทรงใส่ให้เองทั้งหมดเลยเพคะ” หรูหรงยังกล่าวต่ออีก เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองเขินอายน่าขันยิ่งนัก

 จางอวิ๋นซีพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นางสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ “แล้วท่านอ๋องเล่า ไทเฮากับฮองเฮาทรงทราบหรือยังว่าข้ากลับวังอ๋องมา”

 หรูหรงทำได้แต่ยิ้มๆ มิได้เอ่ยตอบสิ่งใด นางเห็นหานไท่หยาง

เดินเข้ามาพร้อมกับผ้าและน้ำอุ่นที่เขาถือมาด้วยตนเอง ก็อดยิ้มแก้มปริไม่ได้อีกครั้ง นางรีบย่อกายทูลลาแล้วเดินออกไปยืนรวมกลุ่มกับหลินกงกงและเฉินหรงที่อยู่ด้านนอก

 “เช็ดตัวซะ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปยกน้ำชาถวายเสด็จพ่อ เสด็จแม่และเสด็จย่า” เขาสั่งเสียงเรียบ ต่างจากเมื่อคืนราวกับเป็นคนละคน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลิวฮองเฮาเคยเล่าเอาไว้ นางจึงพยายามมองข้ามท่าทีแข็งกระด้างของเขาออกไป

 “ขะ ข้าไปอาบน้ำเองดีกว่า” นางกล่าวตะกุกตะกัก กำลังจะลุกเดินไปที่ห้องสรงน้ำ แต่ก็ช้ากว่าเขาซึ่งเป็นสามีของนางช้อนตัวนางขึ้นมากลางอากาศ 

 “ดูเหมือนข้าจะกำราบเจ้าไม่ลงสักที หวางเฟย” อ๋องหนุ่มซ่อนแววตากรุ้มกริ่มเอาไว้ภายใต้ใบหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชา เขาอยากปล่อยหัวเราะออกมานักเมื่อเห็นร่างเล็กทำท่าหวาดกลัวเขาถึงเพียงนี้

 “ถ้าจะทำแบบเมื่อคืนอีก ข้าไม่ไหวแล้วนะ” นางร้องโอดครวญ พลางส่งสายตาหวานอ้อนวอน

 อ๋องหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เมื่อคืนข้าเป็นฝ่ายเคี่ยวกรำเจ้าคนเดียว ส่วนเจ้าก็เอาแต่นอนสลบ ใครกันแน่ที่ควรพูดว่าไม่ไหว”

 นางอ้าปากค้างกับคำพูดของเขา ก่อนจะถูกเขาอุ้มเข้าไปในห้องสรงน้ำ

 น้ำอุ่นที่มีควันลอยขึ้นมาเบาๆ จากอ่างไม้ ด้านข้างกันนั้นมีนางกำนัลอีกสองถึงสามคนคอยถวายการปรนนิบัติ แต่ทว่าเมื่อเห็นท่านอ๋องเจ้าของวังอุ้มพระชายาเข้ามาในห้องสรงน้ำเช่นนี้ พวกนางต่างลอบยิ้มและออกไปอย่างรู้หน้าที่

 หานไท่หยางกระชากอาภรณ์ของนางจนขาดวิ่น เผยให้เห็นเต้าปทุมถันที่เขาหลงใหลอยากลิ้มรสไม่รู้เบื่ออีกครั้ง นางเอาสองมือปกปิดปทุมถันที่ล้นทะลักฝ่ามืออย่างปิดไม่มิด ก่อนจะหลับตาอย่างเขินอายเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนั้นกำลังโผล่พ้นขอบอาภรณ์ของเขา

 บัดนี้ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าในอ่างไม้ หานไท่หยางบีบปลายคางมนก่อนจะทาบทับริมฝีปากของตนเองอย่างนุ่มนวลกับกลีบปากของนาง อีกมือรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดกับแผงอกและพันธนาการนางด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่งเอาไว้แน่นหนา หญิงสาวส่งเสียงร้องอู้อี้ในลำคอ เขานี่ไม่รู้จักเหนื่อยบ้างหรือไร เคี่ยวกรำนางมาตลอดทั้งคืนแล้ว ยังมารังแกนางต่อให้อ่างอาบน้ำอีก

 เส้นผมยาวยกดำของอ๋องหนุ่มยาวสยายไปตามสายน้ำ และเป็นอีกครั้งที่นางเผลอไผลตอบสนองต่อสัมผัสของเขา รู้ตัวอีกทีนางก็ถูกเขาพลิกกลับหลังเกือบชนกับขอบอ่างไม้เข้าแล้ว เอวบางถูกโอบรั้งอยู่ด้านหลังก่อนที่แก่นกายใหญ่จะสอดแทรกเข้ามาอีกรอบ คราวนี้ไม่มีความเจ็บปวดสำหรับนางอีกต่อไป ความอบอุ่นของสายน้ำช่วยพัดพาความเจ็บปวดไปสิ้น มีเพียงแต่เสียงหวานครางแผ่วเบาและทั้งสองหนุ่มสาวดังทั่วห้องสรงน้ำเท่านั้น

 แก่นกายใหญ่กระแทกกระทั้นเข้าออกเป็นจังหวะ เขากระซิบถามนางจากด้านหลัง

 “เจ้าชอบหรือไม่” อ๋องหนุ่มถามในขณะที่แก่นกายยังกระแทกจังหวะรักใส่นางไม่หยุด จนนางร้องตอบมิเป็นภาษา

 “อะ อื้อ” นางพยายามข่นกลั้นเสียงครางของตนเองไว้มิให้เล็ดรอดออกไป ด้วยเพราะด้านนอกห้องสรงน้ำนั้นยังมีนางกำนัลที่ยืนรอพวกเขาสองคนอยู่

 เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบสนองดังที่ต้องการ สองนิ้วมือจึงบดขยี้เม็ดปทุมถัน

ของนาง แต่ทว่าริมฝีปากกลับสูดดมไหล่มนและสร้างรอยรักให้เห็นอย่างเป็นที่

ประจักษ์ว่านางคือของเขาเพียงผู้เดียว และจะเป็นของเขาตลอดไป

 จางอวิ๋นซีเกาะขอบอ่างอย่างเหนื่อยหอบ ตอนนี้นางยากที่จะต่อต้านแรงเสน่หาจากชายหนุ่มผู้อยู่ด้านหลังนาง นางปล่อยให้เขาเร่งจังหวะรักกับนางจนพอใจ จนหยาดน้ำหวานและหยาดธาราสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

 เสียงอ๋องหนุ่มคำรามอย่างพึงพอใจเมื่อได้ปลดปล่อยตัวตนในกายนาง ก่อนจะถอดแก่นกายออกมาเบาๆ ประคองร่างของนางที่เกาะขอบอ่างด้วยความเหนื่อยหอบ นี่นางอ่อนแอถึงขนาดทนเพลงรักของเขามิได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

 “แฮ่กๆ” นางหอบหายใจออกมา มองค้อนเขาอย่างไม่พอใจ นี่หรือคนมีปม? เหตุใดจึงมีได้ชอบมารังแกนางนัก!

 “รีบอาบน้ำเสีย ประเดี๋ยวจะไม่ทันกำหนดเวลาเข้าเฝ้า!” เมื่อเสร็จกิจกรรมเมื่อสักครู่ อ๋องหนุ่มลุกขึ้นจากอ่างน้ำพลางลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนจะหยิบชุดมาคลุมแล้วเดินออกไป

 “รีบแต่งตัวให้พระชายาล่ะ” เขาสั่งกับนางกำนัลหน้าห้องสรง แล้วหันมาสั่งหรูหรงอีกอย่าง 

 “ส่วนเจ้า ไปนำน้ำแกงคุมกำเนิดที่มีอยู่ในวังทั้งหมดเททิ้งเสีย 

แล้วแจ้งหลินกงกงด้วยว่าต่อไปนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดนำน้ำแกงคุมกำเนิดเข้ามาเด็ดขาด!”

 หรูหรงคลี่ยิ้มน้อมรับพระบัญชา “เพคะ”

 หานไท่หยางเดินจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 24 โบยพระชายา

    สมรสพระราชทานระหว่างจางเซียวหรูและหานอี้ ถูกประกาศไว้ทั่วเมืองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยฝีมือของหยางเต๋อเฟย ไม่แพ้คราวที่จางอวิ๋นซีแต่งงานกับหานไท่หยางเลยสักนิด เป็นที่โจษจันกันทั่ววังหลวงว่าในอนาคตนี้ อ๋องใหญ่หานอี้อาจได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเป็นแน่ด้วยอุปนิสัยของหานอี้ที่เข้าถึงได้ง่าย มีจิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจางเซียวหรูที่เป็นถึงบัณฑิตหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นหาน ย่อมเหมาะสมยิ่งนักราวกับกิ่งทองใบหยก ข่าวดีนี้ทำให้มีเหล่าเสนาบดีน้อยใหญ่มากมายต่างมาผูกสัมพันธ์กับสกุลจางให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่เคยตราหน้าจางเซียวหรูว่าเป็นบุตรีฮูหยินรอง บัดนี้พวกนางต่างมานอบน้อมต่อจางเซียวหรูทั้งสิ้นข้าวของเงินทองถูกนำมาเป็นของกำนัลล่วงหน้าในงานแต่งงาน ทรัพย์สินสมรสของหานอี้ถูกทยอยส่งมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีเครื่องประดับเพชรนิลจินดามากมายที่ถูกส่งมาจากหยางรั่วอวิ๋นหรือ หยางเต๋อเฟย“เครื่องประดับพวกนี้งดงามนักเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านย่าว่าอย่างไรเจ้าคะ” ไท่ฮูหยินที่เป็นย่าก็ร่วมยินดีที่หลานสาว

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 23 ป่านอกเมือง

    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลล่าสัตว์เมื่อวันก่อน ทำให้ หยางเต๋อเฟยกังวลพระทัยอยู่หลายวัน เนื่องจากการมีองค์หญิงแคว้นเยว่เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะพระชายารองของหานไท่หยาง อาจส่งผลให้อำนาจของหานอี้บุตรชายของนางลดลง ดังนั้นวันนี้พระนางจึงเดินทางไปเข้าเฝ้าไทเฮา เพื่อทวงสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานระหว่างหานอี้กับจางเซียวหรูแต่ทว่าจังหวะที่กำลังเข้าเฝ้าอยู่นั้น องค์หญิงซิ่วอิ่งก็เดินทางเข้าวังมาถวายพระพรฮองเฮาและไทเฮาตามธรรมเนียมพอดี ทำให้พระนางต้องยืนรอให้อีกฝ่ายออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสียก่อน จึงริเริ่มแผนการสมรสพระราชทานเมื่อคล้อยหลังองค์หญิงซิ่วอิ่งแล้ว หยางรั่วอวิ๋นหรือหยางเต๋อเฟยจึงไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักคังเฉวียนทันที นางทวงถามสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานจากไทเฮา“ดูเจ้าจะรีบร้อนเสียจริง เรื่องการแต่งงานของหลานข้า หานอี้” ไทเฮาทรงจิบชาอย่างเกษมสำราญ มิได้ทุกข์ร้อนดังเช่นหยางเต๋อเฟย“แต่เสด็จแม่เคยให้สัญญากับข้าเอาไว้ แล้วว่าจะประกาศเรื่องสมรสพระราชทานในวันเทศกาลล่าสัตว์ ทรงลืมแล้วหรือเพคะ” หยางเต๋อเฟยกล่าวอย่างร้อนใจ

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 22 คิดถึงภรรยา

    ภายในใจของจางอวิ๋นซีในตอนนี้ ไม่ต่างกับไฟร้อนที่สุมทรวง นางไม่เข้าใจว่าอาการเหล่านี้คือสิ่งใด หากเป็นที่โลกปัจจุบันของนาง คงเป็นเพราะธาตุทั้งห้าในร่างกายกำลังแปรปรวนเป็นแน่หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในตำหนัก ปิดประตูไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น แม้กระทั่งหรูหรงและหยางกูกูก็ยังยืนรอแค่นอกห้อง“ทำไมข้าต้องรู้สึกโกรธที่เจ้าอยู่กับคนอื่นด้วยนะ” นางเอามือกุมหน้าอกที่กำลังร้อนรุ่มด้วยเหตุผลบางอย่าง จะว่านางประจำเดือนมาหรือไม่ก็คงไม่ใช่“หรูหรง หยางกูกู เข้ามาหาข้าที” ข้ารับใช้ทั้งสองรีบเดินเข้ามาเมื่ออีกฝ่ายมีรับสั่งเรียก“เพคะ พระชายา” หรูหรงเดินเข้ามา“หรูหรง เจ้าไปตลาดสด ซื้อสมองหมูกับไส้หมูมาให้ข้าที ส่วน หยางกูกู ท่านไปที่โรงครัว เตรียมมีดสั้นกับตะเกียบมาให้ข้าด้วย” นางสั่งยืดยาวหรูหรงและหยางกูกูมองหน้ากันอย่างงุนงง ของทั้งสองอย่างนั้นพระชายาของพวกนางจะเอามาทำสิ่งใดกันแน่“พระชายาจะเอาของพวกนั้นมาทำสิ่งใดเพคะ” หยางกูกูถามด้วยความอยากรู้

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 21 ลงโทษ

    องค์หญิงซิ่วอิ่ง นอกจากจะมีพฤติกรรมถือดี ยโสโอหังแล้วนั้น ยังแสดงความไม่เคารพต่อจางอวิ๋นซีผู้เป็นพระชายาเอกแห่งวังอ๋องอย่างชัดเจน“เป็นแค่พระชายาเอกต่ำศักดิ์ มีสิทธิ์อันใดหรือมาสั่งข้า” ซิ่วอิ่งกล่าววาจาดูถูกดูแคลนอย่างชัดเจน นางยืนกอดอกไม่แสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายเลยสักนิดจางอวิ๋นซียกยิ้ม “เจ้าอยู่ที่นี่ก็มิใช่แขกบ้านแขกเมืองอีกต่อไป ในเมื่ออีกหนึ่งปีต่อจากนี้เจ้าก็ต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองให้สามีข้า หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนเจ้าให้รู้ถึงกฎธรรมเนียมของวัง ย่อมเป็นหน้าที่ข้า ดังนั้นข้าจะทำเช่นใดกับเจ้าก็ย่อมได้”“แต่เดิมทีหน้าที่อบรมขนบธรรมเนียมเป็นหน้าที่ของกูกูใหญ่ ไม่ใช่หน้าที่ของพระชายาเอก” ซิ่วอิ่งแย้งทันควัน หยางกูกูลอบยกยิ้มส่งเสริมพระชายาเอกของนาง“เป็นดั่งที่พระชายาเอกทรงกล่าวเพคะ หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนองค์หญิง ย่อมเป็นหน้าที่ของพระนาง จะเป็นหน้าที่ของข้าก็ย่อมได้ แต่ในเมื่อพระชายาเอกทรงปรารถนาจะสั่งสอนองค์หญิงด้วยตนเอง หม่อมฉันก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ได้” หยางกูกูกล่าวเสริม นางนับถือจ

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 20 พระชายารอง

    องค์หญิงซิ่วอิ่งยกยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า นางหันมามองเมิ่งฉีผู้เป็นพี่ชายเชิงส่งสัญญาณ เมิ่งฉีรีบกล่าวทันที“ทูลฮองเฮา ที่น้องสาวกระหม่อมกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ เสด็จพ่อทรงปรารถนาให้น้องหญิง อภิเษกกับพระราชบุตรองค์ใดองค์หนึ่งของฝ่าบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองแคว้นพะยะค่ะ” เมิ่งฉีกล่าว สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันร้ายกาจ“เมื่อสักครู่ฝ่าบาท ฮองเฮา ไทเฮาและทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว ว่าหม่อมฉันได้ขี่ม้าตัวเดียวกับหานไท่หยาง เสด็จพ่อหม่อมฉันทรงปรารถนาให้หม่อมฉันอภิเษกกับหานไท่หยางเพคะ” ซิ่วอิ่งยกยิ้มมุมปาก นางหันไปเย้ยหยันจางอวิ๋นซีที่ยืนนิ่งทำสิ่งใดไม่ถูก“อาหยางของข้ามีชายาเอกอยู่แล้ว การที่องค์หญิงทำเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสม” หานไทเฮาทรงกล่าวพระสุรเสียงนุ่มนวล“แต่น้องสาวของข้ามาที่นี่เพื่อการอภิเษก หากพวกท่านทำเช่นนี้ ตามธรรมเนียมแล้วนางไม่สามารถอภิเษกกับบุรุษอื่นได้อีก พวกท่านทำเช่นนี้ เท่ากับพวกท่านไม่ให้เกียรติทางต้าเยว่ของข้า!” เมิ่งฉีแสร้งมีท่าทีเดือดดาล“ห

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 19

    จางอวิ๋นซีควบม้านำหานอ๋องไท่หยางผู้เป็นสามี จนกระทั่งมาถึงบริเวณสนามประลองใจกลางป่า ซึ่งมีธงสีแดงโบกพลิ้วไสวอยู่ ธงสีแดงที่โบกพลิ้วอยู่นี้เป็นสัญลักษณ์ของจุดรวมพล หลังจากเสร็จสิ้นการประลองก่อนหมดเวลาเพียงหนึ่งเค่อทุกคนจะต้องมารวมตัวกันที่นี่ทางด้านหลังของหานไท่หยางก็ยังมีองค์หญิงซิ่วอิ่งตามติดมาเช่นกัน อีกฝ่ายยังคงควบม้าตามสามีของนางไม่ลดละ หน้าไม่อายยิ่ง!“นึกว่าจะตามท่านอ๋องไม่ทันเสียแล้ว” นางยกสายบังเหียนขึ้นสูงบังคับให้ม้าหยุด พลางส่งยิ้มหวานให้หานไท่หยางอย่างออดอ่อยเต็มที่“ตามข้ามาทำไม” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายตรงๆ อย่างไม่ไว้หน้านาง ทำเอาองค์หญิงแคว้นเยว่หน้าชาไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่เคยมีบุรุษใดถามคำถามนางเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมอันงดงามของนางก็ยากจะมีชายใดปฏิเสธ แต่หานไท่หยางเป็นคนแรกที่กล้าทำเช่นนี้กับนาง“อะ เอ่อ คือ...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก “หม่อมฉัน ปรารถนาจะร่วมล่าสัตว์กับท่านอ๋องนะเพคะ”หานไท่หยางเบื่อหน่ายท่าทีขององค์หญิงผู้นี้นัก “ถ้าเช่นนั้นองค์หญิงก็ดูแลตนเอง เพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status