‘ไม่ธรรมดาจริงๆ สินะ’ ตาคมมองตามแผ่นหลังบางของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนที่มุมปากหนาจะแสยะยิ้มร้ายออกมา
ชายหนุ่มยืนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงหน้านั้นสักพักก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า ชายหนุ่มตัดสินใจเดินตามหญิงสาวทั้งสองคนไปเงียบๆ
“ซักผ้าพวกนี่ให้หมด”
“หมดนี่เลยเหรอ?”
“ซักให้ดีๆ ด้วยล่ะเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของคุณภีม” บุษบาสั่งการคนตรงหน้าเสร็จเธอก็เดินออกไปในทันที
“ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้าอย่างนั้นเหรอ”
“กว่าจะซักหมดนี้เมื่อไหร่จะได้เจอพี่ภีมละเนี่ย” ปลายฟ้ายู่หน้าเล็กน้อยก่อนที่เธอจะก้มลงไปมองตะกร้าไม้สานตรงหน้าตาละห้อย ปลายฟ้าไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะต้องทำงานหนัก แต่กลัวว่าเวลาที่เธอมีอยู่จะน้อยเกินไปที่จะช่วยพี่ภีมให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดในอดีต
“ดูเหมือนเธอจะอยากเจอฉันมากเลยนะ”
“พี่ภีม” ปลายฟ้ายิ้มหวานออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม หญิงสาวจ้องมองไปยังใบหน้าคงเข้มตรงหน้าอย่างพิจารณา
20 ปีมาแล้วที่เธอไม่ได้เจอเขา ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาจริงๆ จากเด็กผู้ชายที่แสนอบอุ่น อ่อนโยนและใจดี กลับด้านชา แข็งกระด้างและดูไร้หัวใจ ‘เป็นไปไม่ได้หรอก...พี่ภีมยังมีหัวใจแต่คงถูกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง’
“แม่เธอส่งเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่นปลายฟ้า” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเรียบ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียด
“ฟ้าบอกกับพี่ภีมไปหลายรอบแล้ว”
“...”
“แม่ไม่ได้ส่งฟ้ามา ที่ฟ้ามาที่นี่เพราะฟ้าอยากมาของฟ้าเอง”
“หึหึ เธอจะบอกว่าที่เธอมาพักที่โรงแรมของฉันเพราะต้องการพักผ่อน แล้วที่เธอตามหาฉันไปทั่วล่ะ...เธอทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?” ภีมยืนกอดอกตัวเองแน่นก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเธอออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ดูถูก
“กะ ก็เพราะ...”
“ไงเธอตอบฉันไม่ได้ใช่ไหม?”
“ตอบได้ค่ะ”
“หึหึ”
“ฟ้าอยากขอโทษพี่ภีมค่ะ...” ปลายฟ้ายกมือขึ้นมาไหว้ร่างสูงตรงหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนที่มือบางทั้งสองข้างของเธอจะถูกปัดออกอย่างแรง
“อย่ามาเสแสร้งแกล้งบีบน้ำตาที่นี่”
“ฟ้าไม่ได้เสแสร้ง ฟ้าพูดเรื่องจริงมะ ไม่มีเลยสักคืนที่ฟ้าจะนอนหลับสนิทโดยไม่คิดถึงพี่...” ฟ้าเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่น น้ำสีใส่ค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอ
20 ปีที่ผ่านมาปลายฟ้าพยายามทำงานอย่างหนักในทุกๆ วันเพื่อให้ตัวเองเหนื่อยจนล้า เพราะมันเป็นทางเดียวที่มันจะทำให้เธอหลับสนิท แต่ในเมื่อตอนนี้เธอประสบความสำเร็จในทุกๆ อย่างที่เธอคิดว่าตัวเองจะทำได้แล้ว ปลายฟ้าก็ได้รับรู้แล้วว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร สิ่งที่เธอควรจะทำมาตั้งนานแล้วก็คือ มาโทษเขาด้วยตัวเอง...ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอในตอนนี้
“พี่ภีม”
“หุบปาก และก็หยุดบีบน้ำตาสักที...”
ตุ้บ!!!
“ฉันไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้หญิงอย่างเธอ เธอก็เหมือนแม่ของเธอ ใช้วิธีนี้หลอกล่อผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ”
ร่างบางเสียงหลักล้มลงไปตามแรงผลักของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่ปลายฟ้าจะยกมือบางของตัวเองขึ้นมาดูทันทีที่รู้สึกแสบบริเวณหน้ามือ เลือดสีแดงก่ำค่อยหยดลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“อึกกก”
“อย่ามาทำเป็นสำออย เสียเลือดแค่นี้เธอไม่ตายหรอก”
“ใช่ค่ะฟ้าไม่ตาย พี่ภีมอยากให้ฟ้าทำอะไรพี่ภีมบอกฟ้ามาได้เลยค่ะ”
“...”
“ฟ้าทำได้ทุกอย่าง ขอแค่พี่ภีมพอใจให้ฟ้าทำงานหนักแค่ไหนฟ้าก็ยอมค่ะ” ปลายฟ้ายิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าเสียงอ่อน
“หึหึ ก็ดีซักผ้าพวกนี้ให้หมด เสร็จแล้วก็เอามันไปตากที่บ้านใหญ่”
“ดะ ได้ค่ะ ฟ้าทำได้สบายมาก”
“ปากดี”
“อ่อ แล้วก็อย่าให้เลือดของเธอหยดโดนเสื้อผ้าของฉันล่ะ ฉันไม่ชอบใช้ของสกปรก”
ภีมพึมพำออกมาเสียงแข็งก่อนที่เขาจะหันหลังเดินจากไป ปลายฟ้าเองก็เดินหันหลังไปที่ริมลำธารก่อนที่เธอจะก้มลงไปล้างมือของตัวเอง พร้อมกับพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
“ไม่ทันแล้วมั้งคะ เมื่อคืนพี่ภีมเกลือกกลั้วกับฟ้าไปแล้วนี่ค่ะ”
“ปลายฟ้า...”
“...” ปลายฟ้าสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจทันทีที่เสียงตะคอกของเขาจบลง ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆ หันกลับไปมองชายหนุ่มที่กำลังแผ่รังสีอํามหิตมาให้กับเธอ
“คะ คือฟ้าจะตั้งใจซักผ้าค่ะ” พูดจบหญิงสาวตั้งหน้าตั้งตาขยี้ผ้าตรงหน้าอย่างอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไหม
ปลายฟ้าใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงสำหรับการซักผ้าให้ชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะพยายามยกตะกร้าตรงหน้าขึ้นมาอุ้มมันเอาไว้ พร้อมกับเดินตรงไปตามทางเล็กๆ ตรงหน้าอย่างยากลำบาก ร่างบางเซไปเซมาเธอเกือบล้มหลายต่อหลายครั้งเนื่องจากความหนักอึ้งของตะกร้าที่เธอกำลังอุ้มอยู่
“วางแผนธุรกิจร้อยล้านพันล้านเธอยังทำได้เลยปลายฟ้า นี้แค่แบกตะกร้าผ้าเองเธอทำได้อยู่แล้ว”
“อะ เอ่อพี่สาว ราวตากผ้าอยู่ทางนี้” เสียงเด็กชายคนหนึ่งร้องเรียกปลายฟ้าเสียงดังลั่น พร้อมกับกวักมือเรียกหญิงสาวให้เดินเข้าไปให้เธอ
“เฮ้อออ!! เหนื่อยจัง” ปลายฟ้าวางตะกร้าผ้าในมือลง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโขดหินข้างๆ อย่างหมดแรง เสื้อผ้าของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“พี่สาวซักเสื้อผ้าด้วยมือเหรอจ๊ะ?”
“ใช่จ้ะ”
“หมดนี่เลยเหรอจ๊ะ?”
“ใช่จ้ะ ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ถ้าเราไม่ช่วยพี่ตากผ้าพวกนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าจะตากเสร็จกี่โมง” ปลายฟ้าเอ่ยบอกกับเด็กชายตรงหน้าเสียงอ่อน พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเขา
“แล้วทำไมพี่สาวไม่ใช่เครื่องซักผ้าล่ะครับ” เด็กชายยกมือขึ้นมาเกาหัวของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกมาด้วยความสงสัย
“ทะ ที่นี่มีเครื่องซักผ้าเหรอ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามเด็กชายตรงหน้าออกมาออกมาเสียงสั่น เธอทั้งเหนื่อยทั้งโกรธที่เขาใช้เธอซักผ้ากองนั่นคนเดียว
“ใช่จ้ะ”
“ทำไม...เธอโกรธฉันรึไง?” เสียงเรียบของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาปรากฏตัวตรงหน้าของเธอ
“นายหัว” เด็กชายร้องเรียกร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความตกใจ
“จะไปไหนก็ไป” ภีมหันไปบอกกับเด็กชายเสียงดุ ตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กไปจนลับตา ก่อนที่เขาจะหันกลับมาสนใจหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“ที่นี่มีเครื่องซักผ้าแล้วทำไมต้องให้ฟ้าขยี้มือด้วยล่ะคะ”
“แค่นี้ก็ทำเป็นบ่น...แล้วแบบนี้เธอจะช่วยอะไรฉันได้”
“ช่วย?”
“หรือว่าพี่ภีมเปิดใจให้ฟ้าแล้ว” ปลายฟ้าเอ่ยออกมาเสียงใส พร้อมกับยกยิ้มกว้างออกมาก่อนที่มือบางจะเอื้อมเข้าไปดึงแขนแกร่งของชายหนุ่มเข้ามากอดเอาไว้อย่างลืมตัว
“ปล่อยฉัน”
“อะ เอ่อ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวปล่อยมือออกทันทีก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม พร้อมกับค่อยๆ ขยับถอยห่างออกจากเขาเพื่อรักษาระยะห่าง
“ตามฉันมานี้”
“คะ ค่ะ?” ปลายฟ้าเดินตามร่างสูงออกไปอย่างงงๆ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน และคนตรงหน้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้วที่จะทำทุกอย่างให้มันถูกต้องอย่างที่มันควรจะเป็น
ปลายฟ้าเดินตามชายหนุ่มไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นนรกอย่างที่เขาว่าก็ตาม...
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะพี่ภีม”
“ฟาร์มมุก”
“เราอยู่บนเกาะส่วนตัวของพี่ภีมเหรอคะ?” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะมองออกไปรอบๆ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่
เกาะแห่งนี้นอกจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้วบุคคลภายนอกก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เขามา เนื่องจากเป็นเกาะส่วนบุคคลที่จะเข้ามาที่นี่ได้จึงต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เสียก่อน
“ไม่ต้องคิดหาทางหนีให้เสียเวลาหรอกนะ...” ชายหนุ่มยืนกอดอกพร้อมกับเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ
“ถ้าเธออยากออกไปจากที่นี่ก็เชิญ แล้วก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ฟ้ายังไม่อยากกลับค่ะ ฟ้าอยากอยู่ที่นี่...” ปลายฟ้าตอบชายหนุ่มตรงหน้ากลับไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเขา ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวเขาอยู่มาก แต่ก็พยายามทำเป็นใจดีสู้เสือเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอได้อยู่ใกล้เขา
“ถ้าเธอคิดว่าจะได้มานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่นี่ก็เลิกฝันไปได้เลย”
“...”
“ถ้าจะอยู่ที่นี่เธอก็ต้องทำงานเหมือนกับคนอื่นๆ”
“เรื่องนั้นสบายมากค่ะ หนักแค่ไหนฟ้าก็ทำได้ค่ะ”
“ฉันจะคอยดู” พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำหญิงสาวไปยังทางเดินเล็กๆ ก่อนที่พวกเขาก็พากันมาหยุดอยู่ที่จุดรวมพลของคนบนเกาะ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยอาคารหลังเล็กๆ ที่ถูกปลูกสร้างขึ้นมาตามภูมิปัญญาของชาวเกาะ ที่นี่มีทั้งโรงครัว อาคารพยาบาล โรงเก็บของถูกแยกเป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม
“พี่ภีมอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอคะ?”
“...”
“พี่ภีมไม่อยากกลับไปกรุงเทพบางเหรอคะ?”
“หุบปากสักทีตอนกลางวันเธอต้องทำงานที่นี้ ส่วนกลางคืนขึ้นไปหาฉันที่ห้อง...” ภีมเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนที่ประโยคต่อมาเขาจะหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง
“คะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา
“มาบำเรอฉัน”
“พี่ภีมมันจะไม่มากไปหน่อยเหรอคะ”
“ถ้าไม่ทำก็ไสหัวไป...” ภีมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจงใจจะดูแคลนเธอ
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ต้องการผู้หญิงไร้ค่าแบบฟ้า”
“หึหึ อย่าสำคัญตัวเองผิด เธอเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ของฉัน”
“ถ้ามันทำให้พี่พอใจ ฟ้าก็จะทำตามที่พี่สั่งทุกอย่าง” หญิงสาวเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าเสียงเรียบ เธอพยายามข่มน้ำตาของตัวเองไม่ให้มันไหลออกมา แต่มันก็ไม่ได้ผลน้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมา
“คิดได้แบบนี้ก็ดี”
งานแต่งงานระหว่างภีมเดชหลานชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงจิตตรีและพลอากาศเอกหม่อมราชวงศ์ทีปรกร วัชรสกุล และปลายฟ้า ซานโตโร ลูกสาวคนเล็กของตระกูลเก่าแก่จากอิตาลีถูกจัดขึ้น 3 วัน 3 คืน ณ โรงแรมมันตราปุระ จังหวัดภูเก็ตงานแต่งงานของเขาถูกกล่าวถึงไปทั่วเกาะภูเก็ต เนื่องจากชายหนุ่มปิดโรงแรมของตนเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนเต็มเพื่อรับรองแขกรับ VVip ของพวกเขาตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!“...” ภีมยืนรอเจ้าสาวของเขาอยู่บริเวณชั้น 1 อย่างใจจดใจจ่อ หัวใจดวงโตเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาเสียให้ได้เขาตั้งใจจัดงานแต่งงานขึ้นมาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้มาถึง...เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดของเขาก็กลับหายไปอย่างน่าประหลาด“พี่ภีมคะ”“...” เสียงเจ้าสาวร้องเรียกเจ้าบ่าวของตัวเองออกดังขึ้นมาจากชั้น 2 ของบ้านพักริมทะเลของชายหนุ่มหญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตา กับเครปหลังผืนยาวลากพื้นช่วยปกปิดแผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวเนียนของเจ้าสาวเอาไว้“พี่ภีมคะ”“คะ ครับ”“เราออกไปกันเลยไหมคะ” ปลายฟ้าเอ่ยถามเจ้าบ่าวของเธออกมาเสียงหวาน พร้อมกับยื่นมือบางของต
“ฮึกกกก ขอโทษจริงๆ ครับ”“พี่ภีมร้องไห้เหรอคะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ขอโทษนะครับ...” ภีมเอ่ยบอกกับร่างบางในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา“พี่ภีมค่ะ” ปลายฟ้าลูบลงที่แผ่นหลังแกร่งของคนตรงหน้าเบาๆ เพื่อปลอบประโลมเขา ตั้งแต่รู้จักกับพี่ภีมเขาแสดงแต่ด้านที่เข้มแข็งให้กับทุกๆ ได้เห็น แต่ไม่นึกเลยว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น เวลาที่อ่อนแอจะน่าสงสารขนาดนี้“ไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วนะ ตอนนี้ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะคะ”“พี่กำลังรู้สึกผิดอยู่ใช่ไหมคะ?”“ฟ้ารู้ว่าพี่ภีมต้องการแก้แค้นแม่ของฟ้า...”“ถ้าคุณพ่อของพี่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ท่านจะต้องไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน”“ฮึกกกกก...”“เช้ามืดวันนั้นที่พี่ภีมรู้ข่าว ฟ้าเห็นพี่ร้องไห้...”“ในวันนั้นฟ้ารับรู้ได้นะคะว่าพี่เสียใจมากแค่ไหนกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”“ตอนที่ฟ้าโดนยิงก็เหมือนกัน...ถึงฟ้าจะไม่เห็น แต่ฟ้าได้ยินทุกคำที่พี่พูดออกมา”“ฉันรักเธอ”“ถ้าไม่มีเธอฉันคงอยู่ไม่ไหว”“ฉันไม่พร้อมจะแลกอะไรกับการไม่เธอหรอกนะปลายฟ้า เธอได้ยินฉันไหม?”“ฟ้าได้ยินค่ะ เพราะคำพูดของพี่ทำให้ฟ้าอยากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฟ้าอ
ณ กรุงโรง ประเทศอิตาลี “สวัสดีค่ะคุณภีม”“...” ภีมมองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเลขาของอาร์ซีพี่ชายเพียงคนเดียวของปลายฟ้าไม่ผิดแน่ แต่ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่ได้ล่ะ...ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อนว่าจะมาที่นี่ในวันนี้“ดิฉันชื่อพะแพง เป็นเลขาของคุณอาร์ซีนะคะ”“มันส่งเธอมาอย่างนั้นเหรอ?”“ใช่ค่ะ”“...”“นายท่านเป็นคนส่งฉันมาค่ะ เชิญทางด้านนี้ค่ะ” พะแพงเอ่ยบอกกับชายตรงหน้า ก่อนที่จะเดินนำเขาไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล“ปลายฟ้าอยู่ที่ไหน?” ภีมถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ อย่างรอคำตอบ“คุณฟ้าปลอดภัยดีค่ะ ตอนนี้เธอพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลซานโตโร”“...” มุมปากหนายกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะหุบยิ้มลงทันที พร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่”“เพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวที่คุณรักอยู่ที่นี่ไงคะ...”“ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องมาที่นี่อยู่แล้ว”“เธอพาฉันไปหาฟ้าได้ใช่ไหม?” ภีมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปตามตรง เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว...“ฉันคงพาคุณไปพบค
“ปลายฟ้าไปทำอะไรให้ มึงถึงได้...” อาร์ซีเอ่ยออกมาอย่างโกรธจัด ก่อนที่เขาจะต่อยหน้าชายตรงหน้าเต็มแรงผลัวะ! ผลัวะ!!“...” ภีมยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พี่ชายของคนรักระบายความคับแค้นใจใส่เขาอยู่อย่างนั้น เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งตอนนี้มันก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมด“ถ้าฟ้าเป็นอะไรไปกูจะฆ่ามึงด้วยมือของกูเอง”ผลัวะ! ผลัวะ!“ขอโทษ ฮึกกกกกก ขอโทษ” อาร์ซีชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เพราะที่ผ่านมาน้องสาวเขาต้องทรมานขนาดไหนมันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดในวันที่สายไปแล้วของคนตรงหน้าผลัวะ!“กู”ผลัวะ!“ไม่ให้...”“ตายแล้วอาร์ซีลูก” ปานมุกรีบเข้ามาห้ามปรามลูกชายของเขาในทันทีด้วยความตกใจ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เอริคเอ่ยถามลูกชายออกมาเสียงเรียบพร้อมกับจ้องลูกชายของเขาอย่างรอคำตอบ ก่อนที่ปานมุกจะเอ่ยถามลูกชายของเขาออกมาด้วยอีกคน“ทำไมถึงไม่ค่อยพูดค่อยจากันล่ะลูก?”“...”“แล้วนี่ฟ้าอยู่ไหน? น้องอยู่ไหนลูก?” ปามุกเอ่ยถามลูกชายออกมาเสียงสั่น เธอรู้สึกไม่ดีตั้งแต่อยู่บนแล้ว...อยู่ดีๆ ลูกชายก็ส่งคนไปรับกะทันหันแบ
ถึงภีมลูกรักในวันที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้พ่อคงไม่ได้มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว ชีวิตนี้พ่อทำผิดต่อทุกคนโดยเฉพาะแม่และน้องของลูก พ่อไม่ได้หวังให้ลูกให้อภัยพ่อ แต่พ่อหวังว่าสักวันลูกจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง ภีมของพ่อเป็นคนอย่างไงพ่อรู้ดี ต่อไปนี้พ่ออยากให้ลูกใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่ลูกรักอย่างมีความสุข อย่าได้ยึดติดกับความผิดพลาดของพ่ออีกเลยนะลูกและสุดท้ายนี้ลูกคงจะได้เห็นพินัยกรรมที่พ่อทำไว้แล้ว ทั้งหมดมันเป็นความตั้งใจจริงของพ่อตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีแม่ของลูกพ่อก็คงไม่ได้มีทุกอย่างอย่างในทุกวันนี้ ดังนั้นสมบัติทั้งหมดที่พ่อสร้างมากับแก้วตาแม่ของลูกพ่อขอยกมันให้กับลูกทันหมดรักลูกภีมตลอดไป “...” ภีมอ่านจดหมายตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนที่เขาจะหันไปมองทุกคนด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ผมฝากจัดการต่อด้วยนะครับ” ภีมเอ่ยบอกกับคนทนายของคุณพ่อเขาเสียงเรียบ“ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”“ครับ”“พวกแกยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ประตูบานใหญ่ถูกมืบางของปาลินกระชากออกอย่างแรง ก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยสภาพที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้“แ
ณ ศาลาสวดพระอภิธรรมรถตู้คันหรูถูกขับเข้ามาจอดหน้าศาลาที่ถูกจัดขึ้นอย่างสมฐานะมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของประเทศ ถึงแม้ว่าคุณภูธเรศจะจากไปแล้วแต่สิ่งที่เขาสร้างยังคงเป็นที่ประจักรต่อสายตาของคนรุ่นหลัง“.../...” ภีมเดินจากรถตู้คันหรูท่ามกลายสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่เขา ตั้งแต่วันที่คุณแม่ของเขาจากไปเขาก็หายตัวไปเลย จนกระทั่งเขากลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในวันนี้พร้อมกับสาวสวยข้างกายเขา“...” ปาลินมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาที่เรียบเฉย“20 ปีไม่เคยจะมาให้พ่อเห็นหน้า พอเขาตายก็หวังจะมาเอาสมบัติเขาสินะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของปาลินเอ่ยขึ้นก่อนที่สายตาของเธอจะมองไปยังลูกเลี้ยงของเพื่อนสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกลียด“พอเถอะน่า...ยังไงเขาก็ลูก” ปาลินเอ่ยบอกกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ลินดูแลคุณภูมาตลอด 20 ปี ฉันเชื่อว่าสมบัติทุกอย่างคุณภูต้องยกให้เธออย่างแน่นอน”“...” ปาลินไม่ได้ตอบเพื่อนของเธอกลับไป เธอทำเพียงแค่อมยิ้มให้กับเพื่อนสาวอย่างน้อมรับคำพูดของคนตรงหน้า“ตัวจริงคุณภีมหล่อมาก แต่น่าเสียดายที่เขามีภรรยาแล้ว”“นั่นสิยะ คนอะไรหล่อ รวย เก่ง ฉล