แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตู

เสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้า

รถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทัน

หลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้ง

เยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"

หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทัน

เสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"

จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลาน

ตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ

นางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมาก

พื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุด

นัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อน

ในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามาก

เสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเห็น นางอยากเปิดม่านดู แต่ก็กลัวว่าจะรบกวนเยี่ยเป่ยเฉิง

อย่างไรเสีย ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้วจริงๆ

หลังจากที่ไม่ได้นอนทั้งคืน เดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงอยากจะพักผ่อนครู่เดียว กลิ่นหอมค่อยๆเข้ามาเป็นระยะ ทำให้เขาอ่อนเพลียจริงๆ จึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว

มีคนดึงแขนเสื้อของเขาท่ามกลางความมืดสลัว เยี่ยเป่ยเฉิงลืมตาที่เหนื่อยล้าคู่นั้น และเห็นหลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยดวงตาที่กลมโต

“ท่านอ๋อง องครักษ์เสวียนกำลังเรียกท่าน”

รถม้าหยุด เสวียนอู่ร้องอยู่ข้างนอกหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ตอบสนอง หลินซวงเอ๋อร์จึงรวบรวมความกล้าแล้วปลุกเขา

เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดไม่ถึงว่า เขาที่นอนไม่หลับทั้งคืน จะหลับอยู่ในรถม้าคันนี้

เท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยหลับอย่างสงบสักครั้งเลย เวลาเดินทางก็ยิ่งระมัดระวังมากกว่าเดิม การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ตื่นทันที

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงได้นอนหลับอย่างสงบสุข ในรถม้าขนาดเล็กและคับแคบเช่นนี้

มาถึงอย่างสบายใจ เสวียนอู่เรียกเขาอยู่ข้างนอกหลายครั้งแต่ก็ไม่ตื่น

เขาบีบนวดคิ้ว ถึงได้ยินเสียงของเสวียนอู่ชัดเจน

“ท่านอ๋อง เรามาถึงแล้ว” เสวียนอู่จอดรถม้าไว้ที่อยู่ข้างถนน

หลินซวงเอ๋อร์เปิดม่านและลงจากรถม้า

เมื่อเงยหน้าดู ก็พบว่านี่คือร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง-ปู้ซือสู่

เท่าที่นางรู้ คนที่มาที่นี่ไม่ใช่คนร่ำรวยก็เป็นคนที่สูงศักดิ์ สามัญชนคนธรรมดาไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไป

เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลงจากรถม้าเช่นกัน เขายืนอยู่ข้างนอกร้านอาหารปู้ซือสู่ สายตามองไปที่ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานี้ ดวงตากลมโตของหลินซวงเอ๋อร์ พินิจมองปู้ซือสู่อย่างประหม่าและอยากรู้อยากเห็น

ความรู้สึกแปลกๆนั้นพลั่งพรูขึ้นมาอีกครั้ง เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ท่านอ๋อง ทุกคนมาถึงแล้ว องค์ชายสามทรงรออยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว”เสวียนอู่กล่าว

เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว กำจัดความคิดที่ยุ่งวุ่นวายในใจ ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน หลินซวงเอ๋อร์ตามมาอย่างใกล้ชิด

พอคนสองสามคนเดินเข้าไปในร้านอาหารปู้ซือสู่ ทันทีที่เถ้าแก่เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกกระโปรงเดินลงมาจากบันได

นางมีสายตาที่เฉียบแหลมมาก เยี่ยเป่ยเฉิงมีบุคลิกที่โดดเด่น เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็เป็นผ้าทอชั้นดี พอเห็นรถม้าของจวนอ๋องที่จอดอยู่ข้างนอก นางก็รู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้ท่านนี้จะต้องเป็นท่านอ๋องแห่งจวนหย่งอันแน่นอน

“โอ้ ได้ยินมาว่าท่านอ๋องกำลังจะมา ข้าน้อนจึงมารออยู่ที่นี่นานแล้ว” เถ้าแก่สาวแต่งหน้าประณีตสวยงาม และทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีเสน่ห์มาก

เมื่อเดินเข้ามาใกล้เถ้าแก่สาว กลิ่นหอมฉุนของแป้งก็กระทบไปที่ใบหน้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าที่ดูเย็นชา พอเห็นนางก็ขมวดคิ้ว

เสวียนอู่รีบไปปกป้องอยู่ข้างหน้าทันที และส่งสัญญาณให้เถ้าแก่สาวอย่าเข้ามาใกล้อีก

เถ้าแก่สาวก็หยุดเดิน ว่ากันว่าท่านอ๋องเทพแห่งสงครามแห่งจวนหย่งอัน ไม่ใคร่ในอิสตรี ตอนนี้ได้เห็นมันด้วยตาตนเองแล้ว

เถ้าแก่สาวมีไหวพริบที่ดีมาก จึงรีบถอยหลังกลับไปสองสามก้าว

“โอ้ สังคมภายนอกต่างก็บอกว่าท่านอ๋องมีรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกายก็จะหน้าตาขนาดนี้ ดูรูปร่างหน้าตาที่มีน้ำมีนวลของเขาสิ ช่างทำให้ข้าน้อยอิจฉามาก” พอเถ้าแก่สาวสังเกตเห็นหลินซวงเอ๋อร์ที่ติดตามอยู่ข้างหลังเยี่ยเป่ยเฉิง นัยน์ตาก็เป็นประกายทันที

นัยน์ตาที่เฉียบคมกวาดสายตาไปที่บนตัวหลินซวงเอ๋อร์ เถ้าแก่สาวก็อุทานด้วยความประหลาดใจ

“ดูรูปร่างหน้าตาสิ สวยงามมาแต่กำเนิด หากเป็นสตรีไม่รู้ว่าจะทำให้คนอิจฉาเพียงใด” พูดจบ นางก็มองหลินซวงเอ๋อร์อย่างมีนัยความหมาย

หลินซวงเอ๋อร์ถูกนางจ้องจนรู้สึกอึดอัดใจ นางย่อตัวลง และไปหลบอยู่ด้านหลังของเยี่ยเป่ยเฉิง

เยี่ยเป่ยเฉิงยกแขนขึ้นเล็กน้อย แขนเสื้อที่กว้างของเขาบดบังสายตาเถ้าแก่สาวได้พอดี

เถ้าแก่สาวก็หัวเราะออกมาทันที

นางก็แค่มองดูแค่ครู่เดียวก็เท่านั้น เขาก็ปกป้องขนาดนี้ ซึ่งไม่เหมือนกับบุคลิกที่เย็นชาที่เขาเป็นมาตลอด

เมื่อเห็นดังนี้ เถ้าแก่สาวก็ไม่อย่าเย้าแหย่นาง แล้วพาเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง

“ท่านอ๋อง เชิญขึ้นไปชั้นบนเถิด สหายของท่านรออยู่ชั้นบนนานแล้ว”

หลินซวงเอ๋อร์ตามไปตามสัญชาตญาณ แต่เสวียนอู่กลับขวางนางเอาไว้

“เจ้ารออยู่ที่นี่ แล้วจะมีคนมารับเจ้าทีหลัง” เสวียนอู่มีใบหน้าที่เย็นชา เหลือบมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์บแล้วเดินตามเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าไปในห้องส่วนตัว

เมื่อได้ยินดังนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็หยุดชะงักเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังลังเล

เสวียนอู่กล่าวว่า: "ขันทีอู๋ก็อยู่ที่นี่ด้วย หากท่านอ๋องเสียใจ จะจัดการวันอื่นก็ได้"

เยี่ยเป่ยเฉิงกำหมัดแน่น ราวกับว่าตัดสินใจแล้ว เขาสงบจิตใจลงอีกครั้ง และขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามอง

หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่แผ่นหลังของเยี่ยเป่ยเฉิง ยืนอยู่ที่เดิมและทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่ได้มองนางอีกเลย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status