Share

บทที่ 364

Author: พิณเคล้าสายฝน
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ หลินซวงเอ๋อร์ก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมา หัวเราะจนไหล่เล็กๆของนางสั่นอย่างรุนแรง

นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า เยี่ยเป่ยเฉิงผู้สูงศักดิ์เย็นชาจะมีด้านที่ดูน่ารักปัญญาอ่อนเช่นนี้

"สวามี ท่านช่างปัญญาอ่อนจริงๆ"

หลังจากประสบการณ์ในครั้งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่กลัวเขาอีกต่อไป อย่างไรเสียหน้าก็มืดดำจนไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว จึงไม่กลัวว่าเขาจะทาบนใบหน้าของนางอีก ดังนั้นนางจึงกล้าหาญมากยิ่งขึ้น นางใช้มือทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยน้ำหมึกทาลงบนใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิง หัวเราะพร้อมกล่าวว่า: "สวามี หน้าของท่านเหมือนถ่านหินสีดำก้อนหนึ่งเลย"

เยี่ยเป่ยเฉิงก้าวเท้าเดินไปใกล้ๆนาง แล้วกล่าวว่า "เพราะซวงเอ๋อร์เป็นคนทำไง "

ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าความรู้สึกกดดันกำลังถาโถมเข้ามา ทำให้นาง ต้องถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถูกบีบบีงคับให้เข้ามุม ด้านหลังจึงไม่มีที่ให้ถอยแล้ว

“ ซวงเอ๋อร์กลัวอะไร? สวามีไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย” เยี่ยเป่ยเฉิงกักนางไว้ที่มุมผนัง เมื่อเห็นนางไม่มีทางหลบหนี และมีท่าทางที่ดูตื่นตระหนกเล็กน้อย มุมปากของเขาก็โค้งงอขึ้น

หลินซวงเอ๋อร์แค่กลัวว่าเขาจะกินตนเอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
พี่น้อง จงแซ่ซ้องชาติไทย
เห้อ ยืดเยื้อจัง
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 365

    เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถต้านทานนางได้ และกลัวว่าจะทำให้นางโกรธเคืองอีกครั้ง จึงทำได้แค่เพียงเกลี้ยกล่อมนางด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: "ได้ สวามีรับปากเจ้า แค่อาบน้ำด้วยกัน จะไม่ทำอย่างอื่น ซวงเอ๋อร์วางใจแล้วหรือยัง?"หลินซวงเอ๋อร์ใช้สายตาที่คาดเดาได้ยากมองไปที่เขาคำพูดของเขา เชื่อถือได้แค่ไหน?เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นสีหน้าที่ไม่เชื่อของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วกล่าวว่า: "สวามีไม่ใช่สัตว์ร้ายเสียหน่อย เหตุใดซวงเอ๋อร์ถึงได้มองสวามีด้วยสีหน้าท่าทางแบบนั้น?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แค่อาบน้ำด้วยกันเฉยๆใช่หรือไม่? สวามีจะต้องรักษาคำพูดนะ? ว่าจะไม่ทำอะไรอย่างอื่น?"เยี่ยเป่ยเฉิงแสร้งทำเป็นโกรธได้สำเร็จแล้วกล่าวว่า " ซวงเอ๋อร์คิดว่าสวามีเป็นอะไร? สวามีเป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอ เคยผิดคำสัญญาตั้งแต่เมื่อไหร่? "รักษาคำพูด?พอหลินซวงเอ๋อร์ได้ฟังคำพูดที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว ก็มักจะรู้สึกว่าเขาพูดคำนี้กับตนมาหลายครั้งแล้ว หลังจากนั้นก็หักหน้าตนเองอย่างรวดเร็วเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ให้เวลานางได้ครุ่นคิด เขาเริ่มถอดเสื้อผ้าของนางทันที และกล่าวว่า " ซวงเอ๋อร์ รีบอาบตอนที่น้ำยังร้อนเถิด รีบอาบรีบนอน วันพรุ่งนี้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 366

    แม้ว่าอ่างอาบน้ำจะมีขนาดใหญ่ สองคนอยู่คนละฝั่งจะมีพื้นที่เพียงพอพอดี แต่ทันทีที่เยี่ยเป่ยเฉิงเข้ามาจึงทำให้รู้สึกแออัดเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงพูดอย่างจริงจังว่า: " สวามีมาถูหลังให้ซวงเอ๋อร์ "หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธทันทีว่า: "ไม่ต้องถูแล้ว ข้าอาบเสร็จแล้ว และไม่อยากอาบแล้วด้วย" ขณะที่พูดก็กำลังจะปีนออกจากอ่างอาบน้ำ จู่ๆก็ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงคว้าเอวเอาไว้แล้วเอามาไว้ในอ้อมกอด“รีบอะไร? แช่น้ำต่ออีกหน่อยเถิด อุณหภูมิของน้ำกำลังพอดีเลย” เยี่ยเป่ยเฉิงเอานางมานั่งอยู่บนตักของตนเอง และเอาแขนโอบเอวที่เรียวบางของนางเอาไว้ ทำให้ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดกัน“สวามี น้ำนี้ร้อนเกินไป” เดิมทีหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกเขากอดเอาไว้จึงทำให้รู้สึกร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก ทำให้ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเยี่ยเป่ยเฉิงยังมีเหงื่อออกที่หน้าผากบางๆ แต่ความร้อนที่ออกมาจากร่างกายของเขา ไม่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิของน้ำร่างกายที่อยู่ในอ้อมแขนทั้งหอมทั้งนุ่มนวล ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกว่าปากของเขาแห้งมาก และเลือดในร่างกายก็เดือดพล่านไม่หยุด“สวามี ท่านจะทำอะไร?” เมื่อสัมผัสได้ว่ามือขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำค่อ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 367

    น้ำร้อนกระเซ็นไปทั่วพื้น อากาศก็เต็มไปด้วยความร้อนหลังจากผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ หลินซวงเอ๋อร์ก็นอนคว่ำอยู่บนไหล่ของเขาแล้วกระซิบว่า: "สวามี... "เยี่ยเป่ยเฉิงกัดหูของนางเบาๆ แล้วพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมตนเองไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็ปล่อยนางทั้งที่ความใคร่ยังไม่หมดไปหลินซวงเอ๋อร์เหนื่อยล้าไปตั้งนานแล้ว แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นก็ไม่มีเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางออกจากอ่างอาบน้ำ เอาชุดนอนที่แขวนอยู่บนฉากกั้นลมมาคลุมที่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์และตนเองหลินซวงเอ๋อร์ไม่มีชุดนอน เยี่ยเป่ยเฉิงจึงให้นางสวมเสื้อผ้าของตนเองนางตัวเล็กกะทัดรัด เมื่อสวมเสื้อบนตัวนาง จึงทำให้ดูหลวมมาก เยี่ยเป่ยเฉิงจึงพันเสื้อผ้าหลวมๆรอบตัวนาง แล้วอุ้มนางกลับไปที่เรือนอวิ๋นซวนหลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา อย่างสะลึมสะลือ แต่มันคงน่าอายเกินไปที่จะออกไปข้างนอกแบบนี้“สวามี…” นางขยุมคอเสื้อของเยี่ยเป่ยเฉิง แล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนหวานว่า“ถ้าข้าออกไปข้างนอกแบบนี้มันจะดูน่าเกลียดมาก”เยี่ยเป่ยเฉิงทิ้งร่องรอยไว้ทั่วทั้งร่างกายของนาง เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวทั้งหลวมทั้งใหญ่ ขาของนางยังคง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 368

    ลูกม้าที่เยี่ยเป่ยเฉิงมอบให้นางนั้นเชื่องมาก แม้ว่ามันจะไม่ได้ตัวใหญ่มาก แต่ก็แข็งแกร่งเป็นที่สุดหลินซวงเอ๋อร์สามารถปีนขึ้นไปเองได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าม้าตัวนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็สามารถวิ่งไปได้อย่างรวดเร็วในขณะที่หลินซวงเอ๋อร์ขี่มันหลินซวงเอ๋อร์ชอบมันเป็นอย่างมาก จนอยากจะเลี้ยงลูกม้าไว้ที่ลานเรือนฝั่งตะวันออกดังนั้น เรือนฝั่งตะวันออกจึงคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆนางเลี้ยงเหมาเหมาหรงหรงกระต่ายน้อยสองตัวจนขาวอวบอ้วนแล้ว หลินซวงเอ๋อร์จึงนำพวกมันไปขังไว้ตามลำพังต้าหู่มีร่างกายที่แข็งแรงกำยำ หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่กล้าเอามันไปขังไว้กับกระต่ายสองตัว ดังนั้นจึงทำพื้นที่กักขังมันโดยเฉพาะตอนนี้มีม้าน้อยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งตัว ทำให้ลานจวนที่กว้างขวางดูแคบขึ้นมาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงจึงสั่งให้คนรื้อถอนห้องหนึ่งห้อง แล้วทำให้เป็นพื้นที่ราบ จากนั้นก็ปลูกดอกไม้บริเวณรอบๆ ทางเดินตรงกลางปูด้วยหินกรวด เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ใช้เลี้ยงสัตว์เล็กๆเหล่านี้โดยเฉพาะหลินซวงเอ๋อร์ดีใจมาก ทำให้เวลาว่างทุกวันของนางมีสีสันมากขึ้น บางครั้งนางก็จูงต้าหู่วิ่งบริเวณรอบๆลานเรือน หรือไม่ก็ขี่ม้าเล่น และใช้ชีวิตชีว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 369

    ฉีหมิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกองครักษ์ที่ติดตามมา และกล่าวว่า: "นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่กระหม่อมเตรียมไว้ให้องค์หญิง หวังว่าองค์หญิงจะไม่รังเกียจ"องครักษ์ยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งให้ฮุ่ยอี๋ด้วยความเคารพนบนอบฮุยอี๋มีสีหน้าที่ดีใจ และมีความสุขใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเป็นสตรีจึงต้องรู้จักสำรวมท่าทีเลยไม่อาจแสดงความรู้สึกออกมาได้ จึงทำได้แค่ยิ้มเบาๆและรับกล่องนั้นมา แล้วกล่าวว่า "ขอบใจใต้เท้าฉีมาก"นางแทบอยากจะดูว่าข้างในบรรจุอะไรใจจะขาด แต่ฉีหมิงยังอยู่ที่นั่น นางจึงอายที่จะเปิดมันทันทีฉีหมิงกล่าวว่า "องค์หญิงไม่รังเกียจก็พอแล้ว กระหม่อมเป็นคนหยาบกระด้าง จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวชื่นชอบอะไร ดังนั้นจึงเลือกมาแบบสุ่มๆ"ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: " มันเป็นไร ใต้เท้าฉีมีน้ำใจมอบให้ก็พอแล้ว "ทันทีที่ฉีหมิงจากไป ฮุ่ยอี๋ก็อุ้มกล่องของขวัญเข้าไปในกระโจมทันที นางแทบจะรอไม่ไหวที่จะเปิดกล่อง แต่ก็ต้องตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในข้างในมีเพียงรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหน้าตาใจดีมีเมตตาหนึ่งองค์วางอยู่ในกล่องเท่านั้นเมื่อนางกำนัลจื่อหลันที่อยู่ข้างๆเห็นสิ่งนี้ ก็อดสงสัยไม่ได้: " องค

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 370

    ไป๋อวี้ถังก็เตรียมของขวัญให้ฮุ่ยอี๋เช่นกันเพียงแต่ว่าฮุ่ยอี๋ไม่ค่อยสนใจ ของขวัญของเขามากเท่าไหร่นัก จึงให้จื่อหลันเอาของไปวางที่ในกระโจมจื่อหลันถามว่า: "องค์หญิงไม่อยากเห็นสิ่งที่สมุหราชเลขาธิการมอบให้หรือ?"ฮุ่ยอี๋โบกไม้โบกมือ แล้วกล่าวว่า: " เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เขาจะมอบของดีๆอะไรให้ได้ล่ะ? บางทีอาจจะเลือกของแบบสุ่มๆแล้วเอามามอบให้กับข้า "จื่อหลันกล่าวว่า: "ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะไม่ค่อยชอบท่านสมุหราชเลขาธิการมากเท่าไหร่นัก? เขาทำให้องค์หญิงขุ่นเคืองใจหรือ?"จื่อหลันจำได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อก่อนองค์หญิงชื่นชอบไป๋อวี้ถังมาก ชอบมากจนตั้งเกาะติดเขาทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อยู่มาวันหนึ่ง องค์หญิงก็ไม่ค่อยสนใจไป๋อวี้ถังแล้ว จื่อหลันก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แค่คิดว่าองค์หญิงอาจจะรู้สึกเบื่อแล้วอย่างไรเสีย หญิงสาวที่ชื่นชอบไป๋อวี้ถังก็มีจำนวนไม่น้อย ไป๋อวี้ถังไม่เหมือนฉีหมิง ที่มีใบหน้าที่เย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งกับทุกคน เมื่อไป๋อวี้ถังเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงามเหล่านั้นก็มักจะพูดคุยหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน แต่แค่ไม่รู้ว่าในใจของเขาชื่นชอบคนไหนกันแน่เมื่อได้ยินคำพูดของจื่อหลัน ฮุ่ยอี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 371

    ในขณะนี้จ้าวชิงชิงยืนอยู่นอกกระโจม มองเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงจากระยะไกลเยี่ยเป่ยเฉิงกระโดดลงมาจากม้าที่สูงใหญ่ เขาสวมชุดสีดำ และรัศมีแห่งความเย็นชาแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายเขามีรูปร่างที่ตรงสง่า หน้าตาหล่อเหลาคล้ายมาร นัยน์ตาสดใสประดุจดารายามราตรีอันหนาวเหน็บ คิ้วอันคมเข้มเชิดไปจนถึงขมับ อกผายไหล่ผึ่ง และมีสง่าบารมีที่คนยากจะต้านทานได้เพียงแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เปล่งรัศมีของราชาผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้า เขาทำให้ผู้คนหวาดเกรงกลัวโดยไม่มีสาเหตุ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองเขาหลายหนหากไป๋อวี้ถังและฉีหมิงเป็นความฝันอันแสนหวานในใจของหญิงสาวนับไม่ถ้วนในเมืองหลวง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ถือว่า เป็นความฝันที่พวกนางมิอาจเอื้อมถึงได้มีข่าวลือว่าเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนเย็นชารักสันโดษ ไม่ฝักใฝ่ในอิสตรี องอาจห้าวหาญในสนามรบ ราวกับเทพแห่งความชั่วร้าย โหดร้ายเลือดเย็นต่อสตรี สาวงามมากมายในเมืองหลวง ไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้เลยสักคนแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานความหล่อเหลาของเขาได้ แค่มองดูครู่หนึ่ง ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหลงใหล แม้ว่าจะต้องตายในอ้อมกอดของเขา พวกนางก็ยินยอมบรรดาหญิงสาวที่อยู่ข้างๆต

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 372

    ฮุ่ยอี๋เดินออกจากในกระโจม แค่แวบแรกก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์แล้วก่อนหน้านี้เคยเห็นนางจากระยะไกลเท่านั้น จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษกว่าคนทั่วไปแต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นด้านหน้า นางกลับไม่คิดเช่นนั้นความประหลาดใจผุดแวบขึ้นมาในนัยน์ตาของฮุ่ยอี๋แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะแต่งกายเรียบง่ายสง่างาม แต่กลับโดดเด่นกว่าหญิงสาวคนอื่นๆนางเกิดมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่งดงาม มีผิวพรรณที่ขาวใสราวกับหยก ผิวเนียนละเอียดนุ่มน่าถนอมเป็นอย่างมาก แค่นางยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาที่สะอาดสุกใสคู่นั้น บวกกับแสงสีแดงเข้มที่สะท้อนอยู่ในรูม่านตา ราวกับว่าสูงส่งสง่างามมาต้งแต่กำเนิดเห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงสาวใช้ แต่กลับเกิดมาพร้อมกับความสูงส่ง!ฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย“มิน่าฉีหมิงถึบงได้ชื่นชอบนางมากขนาดนี้…” นางพึมพำโดยไม่รู้ตัววันนี้ล่าสัตว์ นางไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรูหราเกินไป เดิมทีนางได้เตรียมชุดขี่ม้าสีแดงแบบทะมัดทะแมงเอาไว้หนึ่งชุด แต่นางคิดว่าชุดนั้นขี้เหร่เกินไป ถึงได้ยืนกรานสวมชุดที่ตนเองชื่นชอบจนกระทั่งตอนนี้ที่นางได้เห็นหลินซวงเอ๋อร์ เสื้อ

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status