Share

ตอนที่ 12

Author: TheXang789
last update Last Updated: 2025-09-25 12:15:06

หวังซิ่นเจียถ่ายทอดเรื่องที่อดีตฮูหยินอย่างเมิ่งหรูซีต้องการออกมาเป็นข้อๆ

อย่างแรกที่นางต้องการย่อมไม่พ้นตำแหน่งคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวที่ควรเป็นของจ้าวเซินฝูบุตรของนางตั้งแต่แรก ที่ผ่านมาเป็นติงมี่เซียนต้องการตำแหน่งนั้นให้กับบุตรชายของตนเอง และจ้าวจวิ้นซานไม่ได้โต้แย้งอะไร

หวังซิ่นเจียกล่าวว่า นางคิดว่าจ้าวซินเหอหลงระเริงกับตำแหน่งนั้นมานานเกินพอแล้ว จ้าวซินเหอควรรู้ฐานะของตน

แม้ว่าเมื่อพูดเรื่องแรกขึ้นมาแล้ว ลูกหนี้ความแค้นของจ้าวเซินฝูจะทำหน้าเหมือนไม่อยากจะยอมรับมากเพียงใด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในประการแรกที่เมิ่งหรูซีร้องขอมา จ้าวจวิ้นซานจึงตอบตกลง

ติงมี่เซียนมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก อย่างไรการที่ลดตำแหน่งของจ้าวซินเหอนั้น นางมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าจะเป็นตัวจ้าวซินเหอเองที่ต้องทนอยู่กับฐานะที่เป็นรอง อีกทั้งคนภายนอกอาจจะมองว่าที่ผ่านมา เป็นจ้าวซินเหอที่ใฝ่สูง อยากเป็นคุณชายใหญ่ก็ได้

แล้วไหนจะตัวนางที่เป็นฮูหยินอยู่ในตอนนี้...

สายตาเหยียดหยามจากคนอื่นคงทิ่มแทงจนนางแทบจะเป็นรู

แต่เมื่อจ้าวจวิ้นซานนั้นรับปากไปแล้ว นางย่อมทำอะไรไม่ได้

"สมบัติของอดีตฮูหยิน... โปรดมอบคืนให้กับคุณชายใหญ่ด้วย"

แต่แท้จริงแล้ว สิ่งนี้ที่นางต้องการต่างหากที่เป็นปัญหา

ติงมี่เซียนไม่ได้นำสมบัติของเมิ่งหรูซีไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ตรงกันข้ามนางเก็บมันเอาไว้อย่างดี เพราะความไม่เคยมี ทำให้นางหลงใหลชื่นชมมันมากกว่าที่จะเอามันออกไปใช้เพื่อปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง

"แน่นอนว่า ทุกชิ้น... ห้ามให้มีตกหล่น"

สายตาของหวังซิ่นเจียที่เหลือบมองมาที่ติงมี่เซียนช่างน่าหงุดหงิดยิ่งนัก นางรู้สึกเหมือนถูกจับผิดอยู่ตลอดเวลา

จ้าวจวิ้นซานหันมามองติงมี่เซียนที่นั่งข้างกัน จ้าวจวิ้นซานเข้าใจดีว่าติงมี่เซียนรู้สึกเจ็บใจมากแค่ไหนในตอนนี้

แต่ในเมื่อมันแลกกับชีวิตของบุตรชาย สมบัติเพียงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นอันใดมากมาย หากยังมีชีวิตอยู่ ไม่ช้าก็หาใหม่ได้

"ตกลง"

"เช่นนั้น... อย่างสุดท้าย"

จ้าวจวิ้นซานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย ในตอนแรกคิดว่าเมิ่งหรูซีจะต้องการนู่นนี่นั่นมากมายไปหมด แต่แท้จริงแล้วต้องการเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น

"นางต้องการให้บุตรชายของนางได้อยู่ในบ้านตระกูลจ้าวอย่างสมฐานะคุณชายใหญ่ ไม่ว่าบ่าวไพร่หรือเจ้านายในบ้าน ต้องให้เกียรติจ้าวเซินฝูในฐานะคุณชายใหญ่ของตระกูลจ้าว"

"ย่อมได้"

"นางต้องการเรือนจัทร์เสี้ยวของนางคืนให้บุตรชาย และบ่าวที่รับใช้ข้าจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง"

เรือนจันทร์เสี้ยวนั้นในอดีตเป็นเรือนของเทิ่งหรูซีตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลจ้าว และเป็นที่ที่จ้าวเซินฝูเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับมารดา กระทั่งนางจากไป

แต่ตอนนี้เรือนจันทร์เสี้ยวเป็นของจ้าวซินเหอ...

นอกจากจะเสียตำแหน่งคุณชายใหญ่ของบ้านไปแล้ว ยังต้องเสียเรือนที่อยู่อาศัยให้แก่จ้าวเซินฝูด้วย จ้าวซินเหอเจ็บใจจนแทบกระอักเลือด

"ข้าจะอยู่ที่นี่ จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเสร็จสิ้น"

"ย่อมเป็นเช่นนั้น เชิญไต้ซือพักที่นี่ได้ตามสบาย เรื่องที่เมิ่งหรูซีต้องการ ข้าจะจัดการให้อย่างเหมาะสม"

"ดูท่านเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย เช่นนั้นก็ตักเตือนฮูหยินกับบุตรชายคนรองของท่านหน่อยเถอะ"

ในเมื่อกล่าวว่าจะยอมรับปากตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ต้องทำตามที่พูด หนำซ้ำเป็นติงมี่เซียนเองที่อ้อนวอนให้ทำตามคำสั่งของเมิ่งหรูซีเพื่อช่วยเหลือจ้าวซินเหอ

แต่บัดนี้ทั้งสองคนกลับมองมาที่หวังซิ่นเจียและจ้าวเซินฝูด้วยสายตาอาฆาตราวกับจะฆ่าให้ตาย

โดยเฉพาะติงมี่เซียนที่รู้สึกเจ็บใจกว่าใคร คนตายไปแล้วนางจึงได้วางใจว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตจ้าวเซินฝูจะไม่ได้อะไรจากตระกูลจ้าวแม้แต่อย่างเดียว

นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเมิ่งหรูซีที่ไม่ยอมจากไปอย่างสงบ...

"ฮูหยิน"

จ้าวจวิ้นซานเรียกสติติงมี่เซียนที่ทำหน้าไม่น่าดู อีกทั้งจ้าวซินเหอเองก็มีท่าทีไม่ยินยอม เกรงว่าหากเป็นจ้าวเซินฝูคนเมื่อก่อนล่ะก็ จ้าวซินเหอคงวิ่งเข้าไปทุบตีให้หายเจ็บใจแล้ว

แต่แล้วอย่างไรล่ะ...

บัดนี้จ้าวเซินฝูกลายเป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้ไปแล้ว

"อดีตฮูหยินต้องการให้พ่อบ้านหยางเป็นพ่อบ้านประจำตัวของคุณชายใหญ่"

คราวนี้ถึงตาจ้าวจวิ้นซานไม่พอใจบ้างแล้ว

พ่อบ้านหยางเรียกได้ว่าเป็นบ่าวคนสำคัญสำหรับตระกูลจ้าว 'หยางจิน' หรือพ่อบ้านหยางนั้น เป็นคนมีฝีมือหาผู้ใดเปรียบ หากต้องเสียพ่อบ้านของจวนไปเป็นบ่าวของจ้าวเซินฝูล่ะก็ จวนตระกูลจ้าวคงจะปั่นป่วนไม่น้อย

การจะเฟ้นหาพ่อบ้านคนใหม่ที่มีฝีมือขนาดนี้ เกรงว่าจะต้องพลิกฟ้าคว้านแผ่นดินหาเลยทีเดียว

แต่เรื่องนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับพ่อบ้านหยางเองด้วย ตำแหน่งของพ่อบ้านและตำแหน่งบ่าวส่วนตัวนั้น แม้ว่าจะมีเกียรติไม่ต่างกันนัก แต่เรื่องค่าตอบแทนย่อมต่างกัน หากเป็นเช่นนั้นพ่อบ้านหยางจะยินยอมหรือ

"เรื่องนี้ต้องถามความสมัครใจจากพ่อบ้านหยางด้วย... ข้า..."

จ้าวจวิ้นซานจ้องเขม็งไปยังพ่อบ้านหยางที่ยืนอยู่ใกล้กับจ้าวเซินฝู แม้ว่าพ่อบ้านหยางจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมามากมาย แต่ก็น่าหวั่นใจในคำตอบไม่น้อย

จริงอยู่ที่พ่อบ้านหยาง เป็นพ่อบ้านของตระกูลจ้าว แต่เดิมทีแล้ว พ่อบ้านหยางเป็นคนของตระกูลเมิ่ง หากพ่อบ้านหยางคิดจะเข้าข้างจ้าวเซินฝู...

แต่ที่ผ่านมา พ่อบ้านหยางเองก็ไม่ได้ดูใส่ใจจ้าวเซินฝูนัก อาจจะเป็นไปได้ที่พ่อบ้านหยางไม่ต้องการที่จะเป็นบ่าวส่วนตัวให้จ้าวเซินฝู

"ว่าอย่างไรพ่อบ้านหยาง"

แม้ว่าจ้าวจวิ้นซานจะพยายามส่งแรงปราถนาของตนเองถึงพ่อบ้านหยางแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

"ขอรับ"

พ่อบ้านหยางยินดีที่จะเป็นบ่าวส่วนตัวให้จ้าวเซินฝู เช่นเดียวกับครั้งที่เมิ่งหรูซีต้องแต่งออกจากตระกูลเมิ่ง

เมื่อได้ยินคำตอบ จ้าวจวิ้นซานก็เจ็บใจจนแทบกระอักเลือด

"เช่นนั้นบ่าวอีกสองคน ข้าจะเป็นผู้หาให้เอง วันพรุ่งนี้ข้าจะพาคุณชายใหญ่ไปที่ตลาดค้าทาส"

"บ่าวในจวนก็มีมากมาย..."

"แต่พวกเขาเป็นบ่าวของตระกูลจ้าว"

หากไม่มองเรื่องที่ว่าบ่าวทุกคนนั้นหวาดกลัวจ้าวเซินฝู ก็เรียกได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีใครเคารพจ้าวเซินฝูในฐานะคุณชายใหญ่แม้แต่คนเดียว อีกทั้งบ่าวหลายคนยังขึ้นตรงกับเจ้านายคนอื่นในจวน ในภายภาคหน้า หากเห็นว่าจ้าวเซินฝูไม่ได้มีพิษภัยอะไร อาจจะถูกแว้งกัดได้อีก

"อดีตฮูหยินต้องการบ่าวที่เป็นของคุณชายใหญ่ ไม่ใช่ของตระกูลจ้าว"

หรือเป็นการกล่าวกลายๆได้ว่า บ่าวจวนนี้ไว้ใจไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น

ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกหน้าม้าน ที่ผ่านมาจ้าวจวิ้นซานไม่ได้สนใจว่าจ้าวเซินฝูจะอยู่ยังไงด้วยซ้ำ กระทั่งบ่าวไพร่ยังทำตัวข้ามหัว

ยิ่งกับบ่าวของเจ้านายคนอื่นๆยิ่งไม่เห็นหัวจ้าวเซินฝู เห็นว่าเป็นคุณชายตกอับคิดจะทำอะไรก็ได้

"นายท่านจ้าวรีบจัดการตามที่นางขอเถอะ นางจะยอมให้บุตรชายของนางอยู่ที่เรือนโกโรโกโสนั่นแค่คืนนี้เท่านั้น"

นั่นหมายความว่าเรื่องที่เมิ่งหรูซีต้องการนั้นจะต้องเสร็จสิ้นภายในเย็นวันพรุ่งนี้

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แค่ไหน แต่ในเมื่อนางต้องการ อย่างไรแล้วก็ต้องได้

ในคืนนี้จ้าวจวิ้นซานและติงมี่เซียนจะต้องกลับไปนอนที่เรือนของตัวเอง และบ่าวแยกย้ายกันไปนอนที่เรือนบ่าวดังเดิม แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย

แต่ในเมื่อเรือนรับรองนั้นถูกเผาวอดจนเหลือแต่ตอแล้วมันก็ไม่มีทางเลือกอื่น

เมิ่งหรูซียอมให้เวลาถึงพรุ่งนี้ตอนเย็น เช่นนั้นเรื่องที่ต้องจัดการ จึงต้องลงมือจัดการในตอนนี้ทันที

จ้าวซินเหอต้องย้ายออกจากเรือนจันทร์เสี้ยวทันที และใช้เรือนรับแขกแทนไปก่อนในระหว่างที่จัดการเรือนหลังใหม่

ท่ามกลางความไม่พอใจของคนทั้งตระกูล จ้าวเซินฝูได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

แต่อย่างไรแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคนในตระกูลจ้าวที่พากันเล่าลือไปต่างๆนานา เพราะอย่างนั้นจ้าวเซินฝูจึงได้ของที่เป็นของตนเองคืนมา

ทั้งเรือนที่เคยอาศัยกับมารดา ทั้งทรัพย์สมบัติที่ควรจะเป็นของจ้าวเซินฝูตั้งแต่แรก อีกทั้งยังได้กลั่นแกล้งคนตระกูลจ้าวจนขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆกัน

นอกจากจะได้ประโยชน์แล้ว ยังได้ความจรรโลงใจอีกด้วย

เมื่อจบเรื่องของเมิ่งหรูซีแล้ว จ้าวจวิ้นซานรีบออกคำสั่งทันที ติงมี่เซียนรีบไปเปิดคลังสมบัติตระกูลจ้าวเพื่อหาสมบัติของเมิ่งหรูซี และจ้าวซินเหอที่ต้องย้ายออกจากเรือนจันทร์เสี้ยว

จ้าวเซินฝูยังมีธุระต่อกับหวังซิ่นเจีย ดังนั้นจึงได้พากันเดินมาที่เรือนเล็กท้ายจวน

"ขอบคุณคุณชาย"

"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"

จ้าวเซินฝูเดินนำหวังซิ่นเจียเข้ามาในเรือนเล็กของตน ก่อนจะเชิญให้นั่งลงบนฟูกเก่าๆ หวังซิ่นเจียเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ยิ่งเห็นสภาพความเป็นอยู่ของจ้าวเซินฝูแล้ว ยิ่งรู้สึกอนาถใจขึ้นไปอีก

หวังซิ่นเจียไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจ้าวเซินฝูจะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอดสูถึงเพียงนี้ ทั้งที่เป็นคุณชายใหญ่แท้ๆ

"อันที่จริงควรไปคุยที่เรือนรับรองของข้ามากกว่า"

แม้จะไม่ได้อยากแสดงสีหน้าอะไรมากนัก แต่พอมองรอบด้านแล้วอดที่จะมุ่นคิ้วไม่ได้ แต่จ้าวเซินฝูไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าใครที่ได้เข้ามาเห็นต่างก็ต้องเบ้หน้ากันทั้งนั้น

"หากเป็นที่เรือนรับรอง ย่อมมีพวกสอดรู้สอดเห็น ที่นี่จึงเป็นที่ที่ปลอดภัย คุณชายไม่ต้องกังวล"

หวังซิ่นเจียไม่ตอบอะไร จ้าวเซินฝูเปิดแผ่นไม้ที่พื้นออก แล้วหยิบก้อนเงินที่เคยได้จากพ่อบ้านหยางขึ้นมามอบให้หวังซิ่นเจีย

"ไม่จำเป็น อย่างไรแล้วจ้าวจวิ้นซานก็ต้องจ่ายให้ข้า"

"จ้าวจวิ้นซาน ก็ส่วนของจ้าวจวิ้นซาน นี่เป็นส่วนของข้า คุณชายโปรดอย่าปฏิเสธ"

จ้าวเซินฝูยังยืนกรานที่จะมอบก้อนเงินจำนวนไม่มากที่ตนเองมีให้กับหวังซิ่นเจียอยู่ดี เพราะจ้าวเซินฝูนั้นรู้ดีว่าชายตรงหน้านี้ชอบเงินมากแค่ไหน

ที่พูดมาก็ไม่ผิดนัก แม้ว่าหวังซิ่นเจียจะแนะนำตัวว่าเป็นไต้ซือพเนจรอะไรนั่น แต่ที่จริงแล้วเป็นถึงหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสำนักเจี๋ยเอิน

แม้ว่าการพบกันในชีวิตนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เรื่องที่จ้าวเซินฝูรู้จักหวังซิ่นเจียมาก่อนนั้นเป็นความจริง

อีกทั้งยังพอจำอุปนิสัยของหวังซิ่นเจียได้อีกด้วย เป็นเพราะอีกฝ่ายชอบก่อกวนอาจารย์ของจ้าวเซินฝูไม่น้อย ทำให้อาจารย์ของจ้าวเซินฝูต้องโมโหอยู่บ่อยๆ

แต่เพราะอย่างนั้น หากเป็นในชีวิตก่อน จ้าวเซินฝูก็หวังว่าหวังซิ่นเจียจะอยู่เคียงข้างอาจารย์ของตนในวันที่จ้าวเซินฝูได้ตัดสินใจทำเรื่องโง่งมลงไป

หวังซิ่นเจียนั้น แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนไต้ซือพเนจรตกยากก็จริง แต่แท้จริงแล้ว นอกจากตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักเจี๋ยเอินแล้ว ยังเป็นคุณชายของหนึ่งในเจ็ดตระกูลผู้ก่อตั้งสำนักเจี๋ยเอินอีกด้วย

ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะความสนุก...

"เอาเถอะ เช่นนั้นจะรับไว้ หากเดือดร้อนก็มาเอาคืนไปล่ะ"

แต่ถึงจะชอบเงินมากแค่ไหน แต่เงินก้อนน้อยเหล่านี้ ไม่ทำให้หวังซิ่นเจียตาวาวอยากได้มันนักหรอก

หวังซิ่นเจียยอมรับก้อนเงินที่จ้าวเซินฝูมอบให้ เอาผ้าห่อไว้แล้วโยนมันเข้าแหวนมิติไปอย่างไม่ใส่ใจ

แต่เมื่อเห็นแหวนมิติของอีกคนแล้ว ก็เกิดนึกถึงแหวนของตนขึ้นมา สมบัติที่สั่งสมมาตั้งแต่อยู่สำนักเจี๋ยเอินกลับมลายหายไปหมด จ้าวเซินฝูนึกอยากจะกลับไปฆ่าจ้าวเซินฝูหน้าโง่คนนั้นด้วยอีกรอบ

"คืนนี้ก็อยู่อย่างสงบไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที"

"ขอรับคุณชาย"

"ขอต้องขอตัวก่อน"

หวังซิ่นเจียเดินออกจากเรือนเล็กไป โดยที่มีจ้าวเซินฝูออกมาส่งที่หน้าเรือน

หลังจากจบธุระกับหวังซิ่นเจียแล้ว จ้าวเซินฝูก็เก็บตัวในเรือนเล็กเช่นเดิม

จ้าวเซินฝูกวาดตามองโดยรอบ ดูเหมือนว่าจ้าวเซินฝูในตอนนี้จะไม่มีสมบัติอะไรที่ต้องพกติดตัวไปด้วยซ้ำ

ชุดที่ใส่มีเปลี่ยนแค่สองชุด สภาพราวกับผ้าขี้ริ้วไม่ต่างกันทั้งสองชุด ฟูกนอนเก่าๆที่ดูดีกว่าฟูกที่สุนัขข้างทางนอนหน่อยนึง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว

จ้าวเซินฝูหนอ จ้าวเซินฝู ชีวิตในวัยเด็กของเจ้าช่างอาภัพยิ่งนัก

เห็นแล้วก็นึกสังเวชใจไม่น้อยเช่นกัน

แม้ว่าหลังจากนี้ ชีวิตของจ้าวเซินฝูจะเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ก็ยังอดนึกเสียดายไม่ได้ที่เมื่อชาติก่อน ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ นอกจากใช้ชีวิตของตัวเองตามความต้องการของครอบครัว

อีกทั้งเรื่องเลวร้ายมากมายที่คนรอบข้างลงมือ กลับกลายเป็นความผิดบาปของตนเอง

ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม จ้าวเซินฝูในตอนนี้ไม่ใช่คนหัวอ่อนดังวันวานอีกแล้ว

ผู้ใดต้องการอำนาจบารมี ก็ให้ผู้นั้นลงมือทำ

บาปกรรมของผู้ใด ก็ให้ผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ

หนี้แค้นของใคร ก็ให้ผู้นั้นเป็นคนชดใช้

ในชีวิตนี้จ้าวเซินฝูเป็นเจ้าหนี้ความแค้น ที่ได้มีโอกาสได้กลับมาชำระแค้นกับลูกหนี้คนสำคัญ

เพราะอย่างนั้น...

จงใช้ชีวิตที่ยังเหลือให้ดี นี่ก็เป็นหนึ่งในโอกาสที่จ้าวเซินฝูมอบให้ เช่นเดียวกับที่จ้าวเซินฝูได้รับโอกาสในชีวิตที่สอง

เมื่อถึงเวลา จ้าวเซินฝูจะทำให้คนผู้นั้นต้องใช้ชีวิตกับความน่าสังเวชไปจนตาย และจงจากโลกนี้ไปโดยที่ถูกจารึกไว้ว่าเป็นผู้ต่ำทราม

เช่นเดียวกันกับจ้าวเซินฝูในชีวิตก่อน... หนี้แค้นนี้เป็นของผู้ใด ย่อมมอบกลับคืนให้ผู้นั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 15

    วันนี้ตระกูลจ้าวยังเงียบสงัดเช่นเดิมเมื่อตะวันลับขอบฟ้า ความมืดคืบคลานจนกระทั่งเต็มแผ่นฟ้า จวนตระกูลจ้าวจุดไฟสว่างไสวแต่กับไร้ผู้คนเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น จ้าวจวิ้นซานขุ่นเคืองเสียจนไม่รับสำรับพร้อมกับติงมี่เซียน กระทั่งบุตรชายของนางเองก็ยังมีข้ออ้างเพื่อที่จะอยู่ให้ไกลจากนางจ้าวจวิ้นซานไปนอนที่เรือนของฮูหยินรองตามที่เจ้าตัวว่าเอาไว้ ส่วนฮูหยินเอกอย่างติงมี่เซียนในตอนนี้ ก็ต้องกลับมานอนที่เรือนใหญ่คนเดียว เพราะเรือนรับรองนั้นยังไม่ได้ซ่อมแซมแม้ว่าในช่วงเย็นจะมีบ่าวใจกล้าสามสี่คนมาจัดการเรื่องต่างๆให้ติงมี่เซียน แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีก็รีบกลับเรือนบ่าวไปโดยไม่ลาเท่ากับว่าในตอนนี้ติงมี่เซียนอยู่ที่เรือนใหญ่นี่เพียงคนเดียวติงมี่เซียนอยู่ในชุดผ้าสีขาวพร้อมนอน แต่สายตาของนางกวาดมองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวงสายตาของนางจ้องเขม็งไปยังราวไม้ว่างเปล่า เดิมทีมันเป็นราวไม้สำหรับแขวนเสื้อคลุมประจำตำแหน่งฮูหยินเอกที่ถูกเผาทำลายไปตอนนี้มันเป็นเพียงราวไม้ว่างเปล่า แต่กลับดูน่าหวาดกลัวเสียเหลือเกินหากยังเป็นเช่นนี้ ราตรีนี้นางคงไม่อาจข่มตาหลับได้...ติงมี่เซียนรีบคิดหาทางรอดอย่

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 14

    หลังจากที่ลงทะเบียนบ่าวกับทางการแล้ว จ้าวเซินฝูก็พาบ่าวทั้งคู่ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปง่ายๆคนละห้าชุด ก่อนจะพากันกลับจวนเงินค่าตัวบ่าวนั้นมอบให้กับทั้งสองคนอย่างเท่าเทียม และมีสัญญาบ่าวเป็นเวลาห้าปีเนื่องจากทั้งเสี่ยวเล่อและเสี่ยวเมิ่งนั้นไม่มีบิดามารดา หรือผู้ดูแลอะไรเลย เงินที่ทั้งสองคนได้จึงเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องรับใช้จ้าวเซินฝูให้ครบห้าปีเสียก่อนจึงจะไถ่ถอนตัวเองได้ โดยมีพันธะสัญญานายบ่าวที่จัดการโดยทางการเย็นย่ำแล้ว หวังซิ่นเจียและจ้าวเซินฝูจึงได้พากันกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวในตอนนี้คนตระกูลจ้าวมีสีหน้าที่เหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะทุกอย่างจะต้องเสร็จสิ้นก่อนตะวันตกดิน และทุกอย่างเพิ่งจะเสร็จสิ้นก่อนที่จ้าวซิ่วเทียนจะกลับมาไม่ถึงสองเค่อจ้าวจวิ้นซานเมื่อเห็นว่าหวังซิ่นเจียและจ้าวเซินฝูกลับมาก็รีบเดินเข้ามาหา"หวังไต้ซือ""ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือประมุขจ้าว""ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ""เช่นนั้นหรือ..."จ้าวจวิ้นซานแม้จะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าสมบัติที่ติงมี่เซียนเก็บเอาไว้นั้น ได้เอาไปคืนที่เรือนจันทร์เสี้ยวจนครบทุกอย่างแล้วหรือยัง"นางกล่าวว่ายังมี

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 13

    เช้าวันถัดมาหวังซิ่นเจียเดินมาหาจ้าวเซินฝูที่เรือนเล็กพร้อมกับพ่อบ้านหยางในตอนนี้พ่อบ้านหยางเป็นบ่าวส่วนตัวของจ้าวเซินฝูแล้ว เหมือนว่าพ่อบ้านหยางจะดูยิ้มแย้มขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องไหน ระหว่างได้เป็นบ่าวส่วนตัวของจ้าวเซินฝู หรือได้ปลดภาระจากการเป็นพ่อบ้านของตระกูลจ้าว"วันนี้ข้าจะพาไปเลือกบ่าวคนใหม่"จ้าวเซินฝูเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามออกมา แต่ดูเหมือนว่าหวังซิ่นเจียจะไม่ค่อยพึงพอใจนัก และสิ่งที่ทำให้หวังซิ่นเจียดูไม่พึงพอใจคือชุดที่จ้าวเซินฝูสวมใส่"แน่ใจนะว่าจะไปหาบ่าวเพิ่ม ไม่ใช่ไปขายตัวเป็นบ่าว"ตอนนี้ชุดที่จ้าวเซินฝูสวมใส่ราวกับผ้าขี้ริ้วก็ไม่ปาน หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าหวังซิ่นเจียคงไม่กล้าเดินใกล้แม้ว่าชุดของหวังซิ่นเจียจะดูเก่า แต่มันก็มีราคา ที่สำคัญมันดูเก่าเพราะต้องระหกระเหินไปนู่นมานี่ต่างหาก หากใส่ชุดดีๆเกรงว่าชุดจะหม่นหมอง"เป็นถึงคุณชายใหญ่ ไม่มีเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้หรือ"จ้าวเซินฝูได้แต่ทำหน้าแหยๆออกมาตั้งแต่เติบโตมาเสื้อผ้าที่จะมีใส่ก็มีเพียงชุดของบ่าวไพร่ที่เอามาทิ้งเท่านั้น อีกทั้งสองตัวนี้ยังใส่มานานแล้วด้วย"เป็นข้าที่สะเพร่าเอง พวกท่านโปรดรอสักครู่ ข้

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 12

    หวังซิ่นเจียถ่ายทอดเรื่องที่อดีตฮูหยินอย่างเมิ่งหรูซีต้องการออกมาเป็นข้อๆอย่างแรกที่นางต้องการย่อมไม่พ้นตำแหน่งคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวที่ควรเป็นของจ้าวเซินฝูบุตรของนางตั้งแต่แรก ที่ผ่านมาเป็นติงมี่เซียนต้องการตำแหน่งนั้นให้กับบุตรชายของตนเอง และจ้าวจวิ้นซานไม่ได้โต้แย้งอะไรหวังซิ่นเจียกล่าวว่า นางคิดว่าจ้าวซินเหอหลงระเริงกับตำแหน่งนั้นมานานเกินพอแล้ว จ้าวซินเหอควรรู้ฐานะของตนแม้ว่าเมื่อพูดเรื่องแรกขึ้นมาแล้ว ลูกหนี้ความแค้นของจ้าวเซินฝูจะทำหน้าเหมือนไม่อยากจะยอมรับมากเพียงใด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในประการแรกที่เมิ่งหรูซีร้องขอมา จ้าวจวิ้นซานจึงตอบตกลงติงมี่เซียนมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก อย่างไรการที่ลดตำแหน่งของจ้าวซินเหอนั้น นางมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าจะเป็นตัวจ้าวซินเหอเองที่ต้องทนอยู่กับฐานะที่เป็นรอง อีกทั้งคนภายนอกอาจจะมองว่าที่ผ่านมา เป็นจ้าวซินเหอที่ใฝ่สูง อยากเป็นคุณชายใหญ่ก็ได้แล้วไหนจะตัวนางที่เป็นฮูหยินอยู่ในตอนนี้...สายตาเหยียดหยามจากคนอื่นคงทิ่มแทงจนนางแทบจะเป็นรูแต่เมื่อจ้าวจวิ้นซานนั้นรับปากไปแล้ว นางย่อมทำอะไรไม่ได้"สมบัติของอดีตฮูหยิน... โปรดมอบคืนให้กับคุณชายใหญ่ด้วย"แ

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 11

    "เจ้าว่าอย่างไรนะ""คะ คุณชายผู้นี้ กล่าวว่าเห็นวิญญาณขอรับ"จ้าวจวิ้นซานแทบจะสั่งโบยบ่าวตรงหน้าให้ตายเสีย ในยามนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าจวนตระกูลจ้าวกำลังประสบปัญหาอะไร เชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในจวนสุ่มสี่สุ่มห้า ครั้งนี้ก็คงจะเป็นพวกต้มตุ๋นเหมือนคนก่อนๆ"ขออภัยด้วยคุณชาย เกรงว่าตอนนี้ที่จวนไม่เหมาะจะรับแขก"เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมา ในตอนนี้จวนตระกูลจ้าวจึงมีปัญหามากมายรอการแก้ไข อีกทั้งเรื่องเรือนรับรองที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อคืน ยังไม่สามารถหาช่างมาซ่อมแซมได้ด้วยเรื่องข่าวลือที่ว่าจวนตระกูลจ้าวมีวัญญาณร้ายสิงสู่ ทำให้ไม่มีใครอยากรับงาน ไม่ว่าจ้าวจวิ้นซานจะเสนอราคาที่สูงแค่ไหนก็ตาม"เอาเถอะ หากนายท่านจ้าวกล่าวเช่นนั้น ข้าก็ไม่บังคับ"จ้าวจวิ้นซานยกมือนวดขมับเบาๆ ข้างๆมีติงมี่เซียนนั่งทำท่าขบคิดอยู่ไม่ห่างกาย"แต่ข้าขอเตือนไว้อย่าง..."เมื่อชายแปลกหน้าผู้นั้นพูดขึ้นมา จ้าวจวิ้นซาน ติงมี่เซียน หรือคนที่อยู่แถวนั้นต่างก็หยุดฟัง พวกเขาแทบไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะพลาดใจความสำคัญไป"ครั้งหน้า... นางคงไม่ยอมจบแค่เสื้อคลุมประจำตำแหน่ง และเรือนรับรองแน่ ที่นางกล่าวมีเพียงเท่าน

  • ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 1 -จวนตระกูลจ้าว-   ตอนที่ 10

    ช่วงเวลาที่ไม่น่าอภิรมย์มากที่สุดของตระกูลจ้าว คือเมื่อยามที่ตะวันลับขอบฟ้า...ช่วงเวลาที่แสนน่าหวาดหวั่นของคนที่อยู่ในจวนตระกูลจ้าวทั้งเจ้านายและบ่าวไพร่มารวมตัวกันอยู่ที่เดียว เรือนรับรองถูกใช้เป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนของคนในตระกูลนี้แต่ถึงอย่างนั้น ทุกๆคืนก็ยังได้ยินเสียงลมหวีดหวิวอยู่ด้านนอก เรือนรับรองนั้นแม้ในยามที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ ด้านนอกก็ยังมีเสียงฝีเท้าที่เดินรอบเรือนครั้งหนึ่งเคยให้บ่าวพากันออกไปดูว่าใครเป็นคนเดิน แต่เมื่อออกไปดูก็พบเพียงความว่างเปล่า สายลมกรรโชกแรง พัดพายอดไม้สูงเอนไหวตามลมเป็นภาพที่น่าขนลุกหลังจากนั้นแม้จะมีเสียงเดินรอบเรือนรับรอง หรือเสียงขูดเล็บกับบานหน้าต่าง กระทั่งเสียงเดินบนหลังคาเรือนรับรองก็ไม่มีใครกล้าออกไปดูแต่คืนนี้ จะเป็นคืนสุดท้ายแล้ว การกลั่นแกล้งทั้งหมดจะจบลงในคืนนี้ดังนั้นจ้าวซิ่วเทียนจึงคาดหวังให้มันเป็นคืนที่จะฝังอยู่ในใจของผู้พบเจอไปจนตาย..."จงอยู่กับความหวาดกลัวไปชั่วชีวิตเสียเถอะ"เสียงแผ่วเบาพัดหายไปกับสายลมแรง จ้าวเซินฝูคับแค้นเสียจนต้องเอ่ยปากกับตัวเอง เกรงว่าหากไม่ได้ระบายออกมาเสียหน่อยคงจะอกแตกตายเรื่องที่ว่าจะให้ยกโทษ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status