“อื้อ” เธอครางอื้ออึงในลำคอพลางกัดริมฝีปากแน่น เขาจึงเงยหน้าจากอกอวบแล้วประจูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง ทว่าชั่วอึดใจเขากลับรูดกางเกงเธอลงไปจากสะโพก แต่ติดที่เธอคร่อมอยู่แต่ไม่ใช่ปัญหา เธอยกหัวเข่าขึ้นเล็กน้อย ทีละข้าง เพื่อจะสลัดกางเกงทั้งนอกและในทิ้งลงข้างอ่าง คราวนี้เหลือเพียงเนื้อตัวเปลือยเปล่า เขาจับแท่งร้อนเบียดกับกลีบสาวนุ่มนิ่มอีกครั้ง ให้เธอได้สัมผัสความเป็นชายอันแข็งแกร่ง “ซี๊ด! อืม” เธอครางอีกครั้งอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะบดขยี้จูบที่ปากร้อนเสียเอง ขณะที่สะโพกงามเคลื่อนไหวถูไถบดเบียดกลีบสาวกับแท่งร้อน ยิ่งเสียวซ่านก็ยิ่งหยุดไม่ได้ กระตุ้นกายสาวด้วยความความแข็งแกร่งไม่นานเขาก็เอามือลูบไล้ตรงเนินเนื้อนุ่มนิ่มกลีบส้มผลงามเกลี้ยงเกลานุ่มมือ ปิดสนิทแน่นและฉ่ำด้วยน้ำอุ่นและฟองสบู่ นิ้วแกร่งค่อยๆ แหวกกลีบส้มเข้าไปสัมผัสกับเม็ดน้อยนั้นช้าๆ ปลายนิ้วกดเน้นเคล้นคลึง ทำเอาร่างน้อยสะดุ้งเสียว ทว่าสะโพกกลับขยับเคลื่อนไหว เขาไม่ปล่อยให้เธอหยุดพักแม้แต่วินาที เร่งระรัวนิ้วแกร่งกดเน้นหนักเม็ดเสียวแรงๆ จนสะท้าน
“รู้ว่าอยากไปส่ง อยากมีเวลาส่วนตัวนะแหม ฝันดีครับพี่ตฤณ”“ครับ” สิ้นคำตฤณก็คว้ามือปั้นหยาแล้วเดินลงจากบ้านทันที เธอก็ขัดไม่ได้ แต่เวลาเดียวกันนั้นสองหนุ่มบอดี้การ์ดก็ดันมารอรับอย่างรู้หน้าที่“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”“สักสิบนาทีแล้วครับท่านแต่ไม่อยากขึ้นไปกดดัน”“กินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วครับ”“ดีเลยขากลับจะได้มาส่งคุณหยา” ปากก็พูดไปงั้นแหละ แต่ใจไม่ได้อยากให้เธอกลับมาหรอก อย่าหวัง ไม่มีทางอีกแล้ว ทว่าปั้นหยาเองก็รู้สึกอยากคุยอะไรกับเขาเป็นการส่วนตัว จึงมาส่งถึงห้องพัก พอถึงห้องปุ๊บสองหนุ่มกลับหายวับไปห้องตัวเองโน่น“ขอบคุณที่มาส่งครับ” ตฤณเอ่ยและหยุดอยู่หน้าห้อง ไม่ทันได้เปิดเข้าไป เขาอยากหยั่งใจเธอเหลือเกิน อยากลองเชิงให้รู้“ดูเหมือนหยาอยากพูดอะไรกับผม”“เปล่าค่ะ หยาแค่อยา
“จ้ะ แต่ก็ประหม่านะลูก คนบ้านนอกชาวสวนอย่างเรา มีเศรษฐีระดับเจ้าสัวมาที่บ้านแบบนี้ ทำตัวไม่ถูก เคยต้อนรับอย่างมากก็นายอำเภอ”“หึๆ แม่ก็ทำเป็นพูดตลกไป”“พูดจริง เอานี่ออกไปเสิร์ฟ เสร็จแล้ว” มารดาพูดตัดบทยิ้มๆ แล้วสั่งให้ปั้นหยาและแม่ครัวนำอาหารไปขึ้นโต๊ะ โดยที่หนุ่มๆ ทั้งสาม คุยกันอย่างออกรส ยิ้มแย้มแจ่มใส ผ่อนคลาย ผิดไปจากที่คิดเอาไว้นึกว่าพ่อจะทำท่าเบ่งใส่ท่านประธานของเธอเสียอีกพอปั้นหยาออกมาพร้อมกับอาหาร ทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียว แต่ตาคู่หนึ่งที่มองเธอหวานกว่าทุกคน เรียกว่าทำตาเยิ้มเชียวแหละ“ไปกินข้าวนะท่านนะ จะได้กลับไปอาบน้ำพักผ่อน สนุกมาทั้งวันเชียว” บิดาเอ่ยปากชวนตฤณพร้อมกับผายมือเชิญ“ขอบคุณครับ” ตฤณรับคำก่อนจะลุกไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งข้างๆ ปั้นหยา“กินเลยค่ะไม่ต้องเขิน คนกันเองทั้งนั้น” มารดาบอก“เขยใหม่ก็งี้แหละแม่ ถ้านั่งพับเพียบได้นั่งไปแล้ว” พี่ชายเอ่ยแซว
“ไม่เหลือ!”“โอ๊ยสองพ่อลูก! มานินทาน้อง ทำงานไป!”“แม่ก็แอบดูสิ หัวร่อคิกคักคิกคัก มีโอบมีถึงตัว มีป้อนทุเรียน ร่าเริงเกินเบอร์ไม่เหมือนแฟน” “ใช่ครับเหมือนผัวมากกว่า” เพียะ! นี่แน่ะ! มารดาฟาดเพียะที่ต้นแขนลูกชายพลางกัดฟันด้วย“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เอ็นดู”“แกคิดว่าคนรวยระดับนี้ ทำไมมาติดพันธุ์น้องแกได้ น้องแกเนี่ยนะ สวยก็ไม่สวย แถมยังกวนตีนเก่งขนาดนั้น” บิดาว่าให้ลูกสาวอีกแล้ว “ลูกสวยเหมือนแม่ เอาตาตุ่มมองเหรอคะ พ่อขี้เหร่จะให้ลูกขี้เหร่เหมือนพ่อได้ยังไง” ผู้เป็นภรรยาพูดด้วยความหมั่นไส้ “เอ้า! ตั้งแต่สมัยจีบกันพ่อนึกว่าพ่อหล่อนะเนี่ย” “เปล่าค่ะ แม่สวยต่างหากสมัยก่อนแม่เป็นนางงามนะจำไม่ได้เหรอ ที่มาได้กับพ่อน่ะก็เพราะผิดผี ฉุดลูกสาวกำนันอย่างแม่มา แล้วก็มีไอ้ลูกชายกวนตีนคนนี้ไงคะ แล้วอย่ามาบอกว่าลูกสาวแม่ไม่สวย”“อ้าวแม่! เกี่ยวอะไรกะหนูล่ะ” ปัณณวิชย์ถามพลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง“แกหน้าเหมือนพ่อ ชิ” มารดาว่าพลางสะบัดหน้าใส่แล้วเดินหนีไปเลย“อะไรวะ พูดไปนิดเดียว นี่แม่แกงอนเลยเหรอ” “เราน่าจะตกกระป๋องนะพ่อ” “แกว่าพ่อหล่อไหมเอาดีดี” “ก็... หล่อแหละ หนูก็หล่อ ไม่หล่อตรงไหน แต่อาจจะหล่อน
เขาบรรจงจูบอย่างอ่อนโยนที่สุด ก่อนจะค่อยๆ แทรกเรียวลิ้นร้อนผ่านปากอิ่มเข้าไปตวัดตักตวงรสหวานปานน้ำผึ้ง จากความอ่อนโยนค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นตามลำดับ จูบดูดดื่มสูบกลืนเธอราวกับจะให้ตายคาอก แทบหลอมละลายในอ้อมกอดและยอมให้เขาจูบจนพอใจ พร้อมกับมือหนาค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลัง ต่ำลงไปจนถึงสะโพก แต่นั่นทำให้เธอได้สติค่อยๆ ดันเขาออกเล็กน้อย จนเรียวปากหลุดจากกัน ตามด้วยเสียงหายใจหอบ ร่างกายของเขาร้อนรุ่มจนต้องขมวดคิ้วเลยทีเดียว “หยา ผมกำลัง...” อยากจะบอกให้จบๆ ว่ามันตื่นอีกแล้ว“หยารู้ คุณอยาก... เอ่อ อยาก” เธอกระซิบถามเสียงพร่า “ใช่ ผม... เอ่อ” เขาพยักหน้ารับ “อยาก หยาก็อยาก... อยากพาคุณไปดูสวนทุเรียน” หมดกัน เธอทำให้เขาแทบร้องโอ้วออกมา “อื้อ หยา!” “หยากะว่าจะมาชวนคุณไปหาพ่อกับแม่ ไม่ใช่มาดูเครื่องทำน้ำอุ่นให้แบบนี้” “ให้ตายสิ” “ไม่ตายหรอกค่ะ ป่ะ” เธอบอกพร้อมกับจับมือเขาแล้วจูงออกไปจากห้องน้ำเฉยเลย “ทำไมใจร้ายขนาดนี้ รู้ไหมว่า... มะ มะ มัน”“อืม นะคะ ไปด้วยกัน” เธอทำน้ำเสียงออดอ้อนอีก“เฮ้อ! ไปก็ได้ครับ” เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว งอน“โอเค เดี๋ยวหยาพาทัวร์” ว่าแล้วเธอก็พาเขาออกจากห้องพัก ล็อคประต
ทันที่ตฤณได้เห็นรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ท่ามกลางนาข้าว และสะพานไม้ที่ทอดยาวไปยังรีสอร์ตแต่ละหลังสวยงามมาก ส่วนตัวรีสอร์ตนั้นก็เป็นไม้แบบเดียวกับที่บ้านเพียงแต่หลังเล็กกว่า มีกระจกมองเห็นภายใน“สวยแล้วก็สบายตามากเลยครับ” ตฤณอดชื่นชมไม่ได้“ขอบคุณครับ ลูกค้ามาก็หวังให้เขารู้สึกแบบนั้น หนีจากความวุ่นวายเมืองกรุงมาสัมผัสธรรมชาติที่ไม่ไกลนัก แค่ให้เขาเห็นความเขียวขจี พระอาทิตย์ตกดิน ได้สูดโอโซนอย่างเต็มที่ก่อนกลับไปทำงาน เท่านั้นเราก็ปลื้มมากแล้วครับ นี่คือจุดประสงค์หลักที่เราต้องการ” “มันได้ผลมากเลย แค่มาเห็นก็รู้สึกสดชื่น”“ครับ เอ่อ วีไอพีเหลือหลังเดียวนะครับคงให้พี่ตฤณพัก แล้วคงไม่ว่าอะไรให้บอร์ดี้การ์ดพักหลังเล็กปกติ” “พวกเราไม่มีปัญหาครับ พักได้สบายมาก น่าอยู่มาก” กันระพีกล่าว “งั้นนายสองคนพาคุณทั้งสองไปพักอีกทางหนึ่งเลยนะ เปิดห้องที่เป็นที่นอนคู่ ทางนี้ฉันจะดูแลคุณตฤณเอง” “ได้ครับคุณปัณ เชิญทางนี้ครับ” ลูกน้องสองคนรับคำเสร็จก็พาบอดี้การ์ดทั้งสอง เดินไปตามสะพานที่โค้งไปยังฝั่งตรงข้ามทันที ส่วนปัณณวิชย์ก็เปิดประตูให้ตฤณเข้าไปชมด้านในของห้องพัก หลังนี้ถ้าเทียบขนาดกับห้องพักแบบสวีตก็ใกล้