แชร์

10

ผู้เขียน: 橙花
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-27 07:00:04

ณ จวนอู๋อ๋อง

ขันทีอ้ายมาถึงในเวลาไม่นานและประกาศราชโองการแต่งงานในวันพรุ่งนี้ให้อู๋อ๋องรับทราบ ก่อนจะขอทูลลากลับวังหลวงไป เพราะกลัวสายตาดุร้ายของอู๋อ๋องที่ถูกมัดมือชกให้แต่งงานแก้เคล็ดกับบุตรีอนุจวนเสนาบดีกรมโยธา

“ท่านอ๋องแน่ใจหรือว่าจะรับราชโองการนี้ เหตุใดพระองค์ไม่ปฏิเสธไปเล่า”

“ฮึ! เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะยอมรับได้หรือ? ในเมื่อพระองค์ทรงเชื่อว่าการแต่งงานแก้เคล็ดครั้งนี้จะช่วยให้ข้าหายได้” หยางชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชา

“แต่อย่างไรฝ่าบาทก็โปรดปรานพระองค์ที่สุดนะพะย่ะค่ะ หากพระองค์ต้องการแต่งกับบุตรีเสนาบดีคนใด ฮ่องเต้ก็คงไม่ปฏิเสธแน่ แต่นี่พระองค์กลับยอมแต่งงานกับสตรีที่เป็นเพียงบุตรีอนุเท่านั้น แบบนี้จะไม่เป็นการดูถูกจวนอู๋อ๋องหรือพะย่ะค่ะ”

“ช่างเถิด แต่งกับใครก็ไม่ต่างกัน เจ้าก็รู้ดีว่าพิษของข้าร้ายแรงแค่ไหน เสนาบดีซินก็แค่อยากได้ทรัพย์สินของข้าเท่านั้น จึงได้กล้าส่งบุตรีอนุผู้นี้เข้ามา”

“เสนาบดีซินช่างใฝ่สูงนัก คิดหรือว่าหากสิ้นพระองค์แล้วจะได้ทรัพย์สินพวกนี้”

“ปล่อยให้เขาฝันหวานต่อไป อย่างไรข้าก็เขียนแจกแจงทรัพย์สินทั้งหมดเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ถูกพิษ ไม่มีส่วนใดที่นางและเสนาบดีซินจะได้รับหรอก”

“เจ้าบอกพ่อบ้านให้เตรียมงานแต่งงานธรรมดาก็พอ ส่วนการกราบไหว้ฟ้าดินก็ให้นำไก่มาไหว้กับนางแทนก็แล้วกัน ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง”

“พะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปแจ้งพ่อบ้านให้” องครักษ์เหลยรีบรับคำ

“เจ้าไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก”

“พะย่ะค่ะท่านอ๋อง”

หยางชิงหลงมองตามหลังเหลยเปาไปอย่างครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าผู้ที่เสด็จพ่อให้แต่งเข้ามานั้นจะยินยอมเองหรือถูกบังคับ อย่างไรเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดกับนางได้แต่แรก ในจวนอ๋องนี้ก็มีสายลับของขุนนางและองค์ชายทั้งหลาย พระองค์ไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาตกตายไปพร้อมกับตนเอง อำนาจทหารในมือของพระองค์นั้นยังคงมีอยู่มาก ทำให้ฮ่องเต้ยังคงให้เกียรติพระองค์อยู่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน มีเพียงเหล่าขุนนางและคนในราชวงศ์เท่านั้นที่ชอบกล่าววาจาดูถูกพระองค์

รุ่งเช้าวันต่อมา

พ่อบ้านจวนอ๋องสั่งแม่สื่อให้เป็นตัวแทนไปรับตัวเจ้าสาวมาที่จวนอู๋อ๋อง ส่วนเจ้าของจวนนั้นไม่ยอมออกมาจากห้องแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่คิดจะไปรบกวนอู๋อ๋อง ในเมื่อองครักษ์เหลยสั่งการเขาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

ณ จวนเสนาบดีซิน ซินเมี่ยวถูกปลุกตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดที่สุดตามประเพณี แม่ของนางยังมาหวีผมให้นางเพื่ออวยพรก่อนที่นางจะต้องสวมเครื่องประดับหลังจากแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว

“จากนี้ไปเจ้าเป็นถึงพระชายาของอู๋อ๋อง จงทำตัวให้ดี อย่าทำให้จวนเสนาบดีขายหน้าเล่า เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

“ฮึก… ท่านแม่ก็รู้ว่าข้ารักพี่กู่ เหตุใดพวกท่านต้องบังคับข้าด้วย”

“ความรักของเจ้าไม่มีประโยชน์อันใด แต่หากเจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องนั้นจะมีประโยชน์กับพ่อของเจ้ามากกว่า แม่เองก็จะได้ไม่ถูกกลั่นแกล้งอีก เจ้าไม่ดีใจหรือ?”

“ใช่ว่าข้าจะไม่ดีใจเรื่องของท่านแม่ เพียงแต่…”

“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว แม่เชื่อว่าพ่อของเจ้าจะต้องสืบที่มาที่ไปของกู่อันคนนั้นแล้วจึงได้ทำเช่นนี้ เจ้าอย่าเชื่อวาจาหวานหูของเขานักเลย”

ซินเมี่ยวทำได้แค่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา นางไม่เชื่อเด็ดขาดว่ากู่อันคนรักของนางเป็นคนไม่ดี ในเมื่อนางจะต้องแต่งเข้าจวนอ๋อง ชีวิตที่เหลือของนางคงไม่ต่างจากการเป็นม่าย ซินเมี่ยวจึงคิดที่จะตายหลังจากทุกคนออกจากห้องของนาง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่านางนั้นไม่เต็มใจแต่งงานจริง ๆ

ซินเมี่ยวถูกปิดหน้าและนั่งรอเวลาที่ขบวนรับเจ้าสาวจะมาถึงหน้าจวนในอีกไม่นานนี้แล้ว นางไม่รู้ว่าหลังออกจากจวนเสนาบดีจะต้องพบเจอเรื่องใดบ้าง นางเคยได้ยินข่าวว่าอู๋อ๋องผู้นี้ดุร้ายนัก ถึงแม้นางจะได้แต่งเข้าไปเป็นพระชายาแต่ในนาม นางก็ไม่ต้องการ นางอยากให้ทุกคนรู้ว่านางรักกู่อันจากใจจริง นางยอมตายแต่ไม่ยอมให้ตนเองเป็นภรรยาผู้อื่นนอกจากกู่อัน

หลังจากเตรียมตัวเจ้าสาวเสร็จแล้ว บ่าวไพร่และแม่ของซินเมี่ยวก็ออกไปจากห้องเพื่อรอรับขบวนเจ้าบ่าว เหลือเพียงนางที่นั่งอยู่บนเตียงคนเดียว ซินเมี่ยวตัดสินใจในทันใดหลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน นางวิ่งชนกำแพงห้องอย่างแรงจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาจำนวนมากผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงที่นางปิดเอาไว้ สติของซินเมี่ยวดับลงไปในเวลาไม่นาน นางได้แต่คิดอย่างพอใจว่าตนเองได้หลุดพ้นไปจากโลกนี้แล้ว และไม่ต้องแบกรับความเสียใจที่ต้องพรากจากคนรักอีก

วิญญาณของโจวเมี่ยวเมี่ยวถูกดึงเข้าสู่ร่างของซินเมี่ยวที่เพิ่งหมดลมหายใจไปในทันที ตอนนี้โจวเมี่ยวเมี่ยวยังไม่ได้สติดีนัก นางกำลังวนเวียนอยู่ในความฝันของหญิงผู้หนึ่งที่มีหน้าตางดงามไม่ต่างจากนางในชาติก่อนนัก

บ่าวผู้หนึ่งที่ได้รับคำสั่งให้นำอาหารมาให้ซินเมี่ยวก่อนออกเรือนเปิดห้องเข้ามาเห็นร่างของซินเมี่ยวนอนอยู่บนพื้นและยังมีเลือดออกที่ผ้าปิดหน้าจำนวนมากนองอยู่ที่พื้น นางกรีดร้องอย่างหวาดกลัวและตกใจจนทำถาดอาหารหล่นเกลื่อนพื้นไปหมด

แม่บ้านใหญ่ที่กำลังมาตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งได้ยินเสียงพอดีจึงรีบเดินเข้าไปดู พอเห็นภาพตรงหน้า นางจึงรีบสั่งบ่าวให้ไปตามหมอมาก่อนที่จะถึงฤกษ์แต่งงานในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามข้างหน้า

จวนเสนาบดีเกิดความวุ่นวายขึ้นในทันที ทุกคนต่างร้อนใจที่เห็นซินเมี่ยวฆ่าตัวตายก่อนจะออกเรือนเช่นนี้ หากนางไม่ยอมออกเรือนไปตามพระราชโองการ ทุกคนในจวนเสนาบดีจะต้องได้รับโทษเป็นแน่ หมอถูกเรียกมาในเวลาไม่นาน หลังจากตรวจสอบอาการและทำแผลเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเงยหน้าบอกอาการแก่เสนาบดีซินที่ยืนรออยู่ข้างเตียง

“ตอนนี้เลือดของนางหยุดไหลแล้ว คงทำได้แค่รอให้นางฟื้นขึ้นมาเท่านั้นขอรับ”

“ท่านไม่มีทางอื่นแล้วหรือ? เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วที่ขบวนรับเจ้าสาวจะมาถึง”

“เฮ้อ ท่านเสนาบดี หากข้าฝังเข็มให้นางตื่นขึ้นมาก็จะมีผลกระทบกับบาดแผลของนางนะขอรับ”

“ข้าไม่สนใจ เจ้าต้องทำให้นางตื่นขึ้นมาโดยเร็วเท่านั้น!”

“ขอรับ ๆ” หมอได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจและเริ่มฝังเข็ม

โจวเมี่ยวเมี่ยวที่รับรู้ถึงความทรงจำของซินเมี่ยว รวมถึงคำพูดของเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินก่อนนางจะตายในชาติก่อนก็เข้าใจทันทีว่าตนเองได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่เสียแล้ว ถึงแม้หัวของนางจะยังปวดตุบ ๆ จากบาดแผลอยู่ แต่นางก็รีบลืมตาขึ้นมาเพื่อไม่ให้หมอมีโอกาสฝังเข็มจนร่างกายนี้มีปัญหาเพิ่มขึ้นไปอีก ซินเมี่ยวคนใหม่ได้แต่ให้สัญญากับตนเองว่านางจะต้องทำความดีในชาตินี้ให้มากที่สุด เริ่มต้นด้วยการแต่งงานกับท่านอ๋องพิการผู้นี้

“โอ๊ะ! นางฟื้นแล้วขอรับ ไม่ต้องฝังเข็มแล้ว” หมอกล่าวอย่างดีใจ

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเมี่ยวเอ๋อ? เหตุใดจึงต้องคิดสั้นเช่นนี้ พ่อบอกแล้วอย่างไรว่าทั้งหมดนั้นพ่อทำเพื่อเจ้า พ่อไม่อยากให้เจ้าถูกกู่อันนั่นหลอกอีกต่อไป”

“อ่า… ท่านพ่อ..เป็นข้าที่โง่เขลาเองเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าขอกินข้าวกินยาแก้ปวดหัวก่อนได้ไหมเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นหากขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้วจะไม่ทัน”

“โอ้ ได้สิ ๆ พ่อลืมไป พวกเจ้า! เร็วเข้า! รีบไปนำอาหารกับต้มยาให้คุณหนู”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   55

    ขบวนของไท่จื่อมาถึงหน้าพระราชวังในเวลาต่อมา ก่อนที่พระองค์จะอุ้มไท่จื่อน้อยและจับมือไท่จื่อเฟยเดินเข้างานไปพร้อมขันที นางกำนัลอีกสี่คนที่มาคอยรับใช้ไท่จื่อน้อยติดตามเข้าไปด้วยระหว่างทางเดินไปยังที่นั่งด้านหน้า ขุนนางและครอบครัวต่างทำความเคารพไท่จื่อและไท่จื่อเฟยเสียงดังไปทั่วงานเลี้ยง ถึงแม้บุตรีขุนนางจะยังมีความคิดอยากเข้าจวนไท่จื่ออยู่หลายคน แต่พวกนางเองก็ไม่กล้าแสดงออกมากไปนัก ทุกคนต่างรู้ดีว่าในสายพระเนตรของไท่จื่อนั้นมีเพียงไท่จื่อเฟย พวกนางจึงต้องเก็บงำความคิดไม่ดีเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกนางคงลากครอบครัวลงน้ำไปด้วยเป็นแน่ ใครไม่รู้บ้างว่าฝ่าบาทรักไท่จื่อมากเพียงใด“พวกท่านตามสบายเถอะ งานเลี้ยงครั้งนี้เสด็จพ่อเพียงแค่อยากร่วมสนุกกับทุกคนเท่านั้น พวกท่านอย่าได้กังวลเกินไป” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ/เพคะ” ทุกคนรีบกล่าวพร้อมกัน“น้องหญิง เจ้ารีบไปนั่งพักก่อนเถอะ ประเดี๋ยว

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   54

    สามเดือนต่อมาอาการป่วยหนักของชาวเมืองตงหยางที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นผู้ที่เคยป่วยมีสุขภาพดีไม่ต่างจากคนทั่วไปแล้ว ถึงแม้อาการจะไม่หายขาดแต่ก็ทำให้พวกเขาอ้วนท้วนมากขึ้นและอาการไอไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ส่วนการพัฒนาเมืองหลังจากนี้นั้น จื้อไฉ่เจ้าเมืองตงหยางก็ถวายแผนงานให้ไท่จื่อรับทราบและเริ่มปฏิบัติมาได้เดือนกว่าแล้วหยางชิงหลงเห็นว่าเมืองตงหยางในตอนนี้สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข พระองค์จึงกำหนดวันเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อดูแลสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรต่อไป แน่นอนว่าซินเมี่ยวและไท่จื่อน้อยก็จะติดตามพระองค์ไปด้วยเช่นกัน พวกเขาสามพ่อแม่ลูกไม่มีทางที่จะแยกกันเดินทางจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นหนึ่งปีต่อมาขบวนเดินทางของไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยและไท่จื่อน้อยกลับถึงเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่พร้อมความสำเร็จในการช่วยเหลือราษฎรตามเมืองต่าง ๆ ชื่อเสียงของทั้งสองพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้น จากพระเมตตาที่มีให้แก่ราษฎร

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   53

    ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หมอหลวงออกตามหาสมุนไพรที่จำเป็นพร้อมทหารตามภูเขาใกล้เคียงเมืองตงหยางแทบจะวันเว้นวัน ไท่จื่อยังส่งทหารส่วนหนึ่งไปตามหายังภูเขาห่างออกไป กว่าที่พวกเขาจะพบสมุนไพรที่จำเป็นก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ส่วนอาการของผู้ป่วยที่มาทดลองรักษาทั้ง 10 คนนั้น หลังจากฝังเข็มเพื่อไล่พิษจากปอดรอยาสมุนไพรอยู่ก็มีอาการดีขึ้น พวกเขาไม่ไอบ่อยเท่าที่เคยเป็นและนอนหลับสนิทมากขึ้นจึงทำให้ระบบภายในร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนเนื่องจากอาการไอนั้นเริ่มกลับมาทำงานได้ดีขึ้นมากซินเมี่ยวที่เลี้ยงลูกในกระโจมมาตลอดหนึ่งเดือน ตอนนี้นางสามารถออกนอกกระโจมได้แล้ว นางจึงเริ่มไปตรวจสอบดูสมุนไพรที่หมอหลวงและทหารไปช่วยกันหามาว่าถูกชนิดหรือไม่ จากนั้นจึงปรุงยาให้ผู้ป่วยลองกินดูในแต่ละวันซินเมี่ยวจะตรวจชีพจรเพื่อติดตามผลว่าปอดของผู้ป่วยอาการดีขึ้นหรือไม่ เมื่อเห็นว่ายาทั้งสามที่นางคิดค้นขึ้นช่วยบรรเทาอาการและเสริมความแข็งแกร่งให้ปอดที่เสียหายได้ ซินเมี่ยวจึงสั่งให้ทหารออกไปตามหาสมุนไพรมาเพิ่มเพื่อที่จะได้ให้หมอหลวงเข้าไปรักษาผู้ป่

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   52

    สายวันต่อมา หยางชิงหลงได้รับแจ้งจากทหารว่าเจ้าเมืองตงหยางกับฮูหยินขอเข้าเฝ้า พระองค์ที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยให้หลับหลังดื่มนมอยู่พยักหน้าอนุญาต ให้พวกเขาเข้ามาพบได้ อย่างไรวันนี้พระองค์ก็ยังไม่อยากเข้าเมืองไปสอบถามเรื่องราวการแก้ไขปัญหาของราษฎรในช่วงที่บุตรชายเพิ่งคลอดสักเท่าไหร่นัก“ถวายบังคมไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยพะย่ะค่ะ/เพคะ” จื้อไฉ่กับฮูหยินค้อมกายคำนับทั้งสองพระองค์ที่นั่งรออยู่พร้อมไท่จื่อน้อยในอ้อมแขนไท่จื่ออย่างนอบน้อม“พวกท่านตามสบายเถิด เชิญนั่งก่อน” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“กระหม่อมนำของรับขวัญไท่จื่อน้อยมามอบให้พะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีกับไท่จื่อและไท่จื่อเฟยด้วยพะย่ะค่ะ” จื้อไฉ่ยื่นกล่องของขวัญให้ซุนเหยาที่อยู่ในกระโจมเพื่อนำไปมอบให้ไท่จื่อเฟยดูแทนไท่จื่อที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยอยู่“ขอบใจพวกเจ้ามาก เรื่องเมืองตงหยางที่มีปัญหาสุขภาพ เราให้หมอหลวงช่วยกันหาวิธีรักษาอยู่ ท่านเจ้าเมืองพาราษฎรที่ป่วยหนั

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   51

    รุ่งเช้าวันต่อมา เหล่าหมอหลวงมาขอพบไท่จื่อเฟยเพื่อพูดคุยเรื่องขั้นตอนการรักษาชาวเมืองอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งเที่ยงวัน พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปทานอาหารและปล่อยให้ซินเมี่ยวกินข้าวกับหยางชิงหลงในกระโจม“น้องหญิงอย่าหักโหมงานมากนะ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะคลอดแล้ว พี่ไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไปนัก” หยางชิงหลงตรัสระหว่างคีบอาหารให้ซินเมี่ยว“ทราบแล้วเพคะ เสด็จพี่อย่ากังวลเลย น้องรู้ดีว่าต้องพักผ่อนให้มากเพคะ”หลังอาหารเที่ยง หยางชิงหลงเดินไปยังกระโจมของเหล่าหมอหลวงเพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการรักษาต่อ พระองค์จะได้สั่งให้องครักษ์เข้าไปแจ้งเจ้าเมืองให้เตรียมสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เพราะในขบวนของพระองค์ถึงจะมีสมุนไพรอยู่บ้าง แต่ก็ถูกใช้ไปมากแล้วก่อนหน้านี้ หากต้องไปหาซื้อยังเมืองอื่นก็คงต้องใช้เวลาเดินทางอีกมากซินเมี่ยวนั่งอ่านตำรารอให้อาหารย่อยเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่นางจะนอนพักผ่อนรอทานอาหารเย็นและออกไปเดินเล่นกับหยางชิงหลงเหมือนทุกวัน

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   50

    สองวันต่อมา ต้วนฟางเหยาส่งรายงานสรุปปัญหาออกมาเป็นข้อ ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เขาคิดขึ้นมา หยางชิงหลงและซินเมี่ยวนั่งอ่านรายงานอย่างละเอียดก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง นับว่าต้วนฟางเหยาทำงานได้ดีสมกับที่ฝ่าบาทส่งมาช่วยเหลือราษฎรจริง ๆ“วิธีการแก้ไขปัญหาของเจ้าเหมาะสมแล้ว เราอนุญาตให้ดำเนินการได้ ส่วนสิ่งที่เจ้าต้องการก็สามารถเบิกได้กับองครักษ์ซุนเหยา” ไท่จื่อตรัส“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำเรื่องเบิกกับท่านซุนเหยาตามรับสั่ง”“เจ้าเมืองต้วน ที่ค่ายทหารนอกเมืองของเรามีต้นอ่อนสมุนไพรรักษาบาดแผล ท่านลองดูว่ามีหมู่บ้านใดที่เหมาะสมจะปลูกเป็นอาชีพและส่งออกไปยังเมืองอื่นด้วยก็แล้วกันนะ เราอยากให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นนอกจากการทำเกษตร”“พะย่ะค่ะไท่จื่อเฟย เรื่องนี้กระหม่อมจะปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านและมารายงานให้พระองค์ทราบอีกครั้ง”ทั้งสองพระองค์ต่างพยักหน้าอย่างพอใจกับการทำงาน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status