Share

บทที่ 8

ฉู่เชียนหลีกินข้าว เที่ยวผู้ชาย ฟังคำซุบซิบของชาวบ้าน และเดินตลาดครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดสองมือไพล่หลังเดินกลับจวนอ๋องเฉินอย่างสบายใจ ราวกับชายชราที่มีอายุมากแล้ว

เมื่อเหล่าคนรับใช้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ที่มีปาน ตกใจจนเดินเลี่ยงสามส่วน

ยามดึก

ยามราตรีในจวนดั่งวารี แสงเทียนล้นเหลือ สายลมอ่อนตีหน้า เงาต้นไม้กวัดแกว่ง สงบสุขสำราญ

ทันใดนั้นเสียงจืดชืดของผู้ชายก็ดังขึ้นกลางอากาศ ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน

“ไปไหนมา”

ฉู่เชียนหลีหันกลับมา ก็มองเห็นเงาอันสูงศักดิ์ร่างหนึ่งเดินออกมาจากยามราตรีที่มืดสลัวอย่างเชื่องช้า ชายคนนั้นเดินทวนแสงเข้ามา เงาร่างยาวที่ถูกสะท้อนกระทบลงบนร่างกายของนาง ทำให้นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขา

รู้สึกเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำมาก มองไม่เห็นก้นบึ้ง

“กลับบ้านแม่”

ตอนออกจากบ้านก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?

นายบกพร่องทางสติปัญญาเหรอ?

นายหูหนวกเหรอ?

นายปัญญาอ่อนเหรอ?

แววตาเฟิงเย่เสวียนครึ้มลง เดินผ่านข้างกายนาง แล้วหยุดอยู่ตรงระหว่างไหล่ที่เฉียดผ่าน

หันหน้า โน้มตัว ริมฝีปากบางเฉียดผ่านติ่งหูของนาง

“ตัวหอมเช่นนี้เลยหรือ?” น้ำเสียงแหบแห้ง

ฉู่เชียนหลีตกใจจนร่างเกร็ง พริบตาที่ริมฝีปากบางเฉียดผ่านติ่งหู เหมือนกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย รู้สึกชาจนแทบยืนไม่มั่นคง

เขา…

เจ้าผู้ชายบ้าคนนี้เข้าใกล้นางโดยไม่มีสาเหตุใดๆ คงจะไม่ใช่หิวจนไม่เลือกอาหารกระมัง

นางคาดเดาความคิดของชายคนนั้น กล่าวอย่างตะลึงงัน “เป็น…เป็นตั้งแต่เกิด”

“ฮืม” เขาค่อยๆ หันมา ดวงตาคู่นั้นเหมือนหมาป่าโดดเดี่ยวในความมืดมาก จ้องมองนาง พุ่งเป้ามาที่นาง ทำให้หนังศีรษะของนางหดเกร็งอย่างไม่มีเหตุผล

เขามองดูนาง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “นี่พระชายาเกิดมาพร้อมกับกลิ่นแป้งหอมราคาถูกเช่นนี้หรือ?”

“...”

มักจะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดเสมอ

หรือเป็นเพราะรู้อะไรบางอย่างแล้ว

ในยุคโบราณ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วล่อลวงผู้ชาย จะถูกจะไปจุ่มกรงหมู!

ฉู่เชียนหลีกลอกตาหนึ่งรอบ กอดแขนเฟิงเย่เสวียนกะทันหัน เงยหน้ากล่าว “ท่านอ๋อง ที่จริงนี่เป็นกลิ่นน้ำหอมที่ข้าจงใจทาบนตัว ข้าอยากใช้วิธีนี้ดึงดูดความสนใจของท่าน!”

พูดจบ นางกะพริบตาปริบๆ น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

“พวกเราแต่งงานกันสามเดือนกว่าแล้ว ข้าทนต่อการอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องเพียงลำพังไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงใช้ความคิดนอกกรอบ เพื่อให้ตนเองได้รับความโปรดปราน…”

ผู้ชายคนนี้นอกจากหน้าตาดูดีและสูงหน่อย ยังมีข้อดีอะไรอีก

เงิน นางมีมากจนสามารถทุบคนตาย

ความสามารถ วิชาแพทย์ของนางเลิศล้ำ สามารถรักษาคนตาย ทำให้กระดูกงอกใหม่

ไม่ว่าจะไปที่ไหน นางก็เป็นที่ยอมรับ เหตุใดจำต้องแขวนคอตายอยู่บนต้นไม้ที่ชื่ออ๋องเฉิน

ชีวิตที่ยัดทองคำไว้ในกระเป๋า เที่ยวหอบำเรอทุกวันไม่ดีหรอกหรือ?

เฟิวเย่เสวียนที่ได้ยินเสียงในใจของนางกำหมัดแน่น อดกลั้นความวู่วามที่อยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตาย และสั่งให้พ่อบ้านตัดเบี้ยเดือนของนางทั้งหมด ดูซิว่านางจะเอาเงินมาจากไหน

ด่าว่าเขาก็ช่างเถอะ ยังจะทำเรื่องที่ผิดต่อเขา!

สูดลมเข้าลึกๆ ปรับลมหายใจ “นี่พระชายากำลังโทษที่ข้าละเลยเจ้าหรือ?”

ก็ใช่น่ะสิ!

เจ้าไม่สนใจข้าสามเดือน ไม่หย่ากับข้า แต่ก็ไม่รักข้า ทำให้ข้าเสียวัยสาวไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ? ชีวิตอันรุ่งโรจน์ของข้าไม่ได้มีไว้ใช้เลี้ยงสุนัข!

หนังตาเฟิงเย่เสวียนกระตุก

เขาเป็นหมาหรือ?

ฉู่เชียนหลีกอดแขนเขาอย่างหวานหยาดเยิ้ม เบี่ยงใบหน้าฝั่งขวาที่มีปานของตนเองมาเข้าตาเฟิงเย่เสวียน จากนั้นทำหน้าทำตางาม กิริยาอ้อนแอ้น น้ำเสียงออดอ้อน

“ท่านอ๋อง ข้าเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ก็หวังว่าสามีจะรักใคร่ ลูกจะกตัญญูเช่นกัน ก็อยากมีชีวิตเยี่ยงเกื้อหนุนสามี สั่งสอนลูกหลานเช่นกัน”

พูดไปพลาง เอาตัวถูเขาไปพลาง

ใบหน้าอัปลักษณ์ที่มีปานครึ่งหน้าหันเขาหาชายคนนั้น ริมฝีปากใหญ่สีแดงที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมา และยังทำเสียงจุ๊บๆ

จัดจ้าน…ไปหน่อย

เฟิงเย่เสวียนอยากผลักนางออก พลันได้ยินนางด่าทอในใจว่า ‘ผู้ชายบ้า รังเกียจฉันยังไม่รีบหย่าฉันอีก’ แววตาของเขาครึ้มลง มือข้างที่ผลักเปลี่ยนเป็นคว้าข้อมือนาง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้พระชายานอนกับข้าก็แล้วกัน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status