แชร์

ตอนที่ 14 ผีเข้าหรืออย่างไร

ผู้เขียน: Jiulin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-12 10:32:13

“ท่านอ๋องพระชายาหายดีแล้วจริงๆ น่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็คงงั้น พวกเจ้าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปคอยดูสิว่าสกุลหลิวมีแผนการอันใดอีกนางถึงได้แกล้งบ้าตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้”

“ท่านอ๋องคิดว่าพระชายาแกล้งบ้ากระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร ก็คงจะแสร้งให้ข้าเห็นใจช่างโง่เขลาสิ้นดี”

สายตาเย็นชายังคงจับจ้องใบหน้าหวานนั้นไม่วางตา แม้ก่อนหน้านี้จะตกใจที่นางได้รับบาดเจ็บแต่ใครจะรู้ว่าอาจจะเป็นตัวของนางเองที่วางแผนทำให้ตนเองบาดเจ็บก็เป็นได้

“งืมๆ ฉันอยากกลับบ้านนอนต่ออีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว”

อยู่ๆ หลิวหรงผิงก็ละเมอพูดในสิ่งที่คนในห้องนั้นไม่เข้าใจเลยสักคน

“นางพูดว่าอะไร”

“ข้าน้อยก็ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”

จวิ้นอ๋องได้เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างจนใจไม่รู้จะจัดการกับนางอย่างไรต่อไปจะให้คนแบกนางกลับไปที่เรือนเฟิ่งอวี้ในเวลานี้ก็คงไม่ได้ หากคนของฮองเฮาพบเข้าเขาเองก็คงจะลำบากไม่น้อย

"ท่านอ๋องข้าน้อยขอบังอาจถามบางอย่างได้หรือไม่"

"ว่ามา"

"เหตุใดท่านอ๋องไม่ส่งพระชายากลับเรือนเฟิ่งอวี้ไปเสียเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ"

"ตอนที่เดินผ่านประตูจวนข้าเห็นองค์รักษ์เงาของฮองเฮาแอบซ่อนอยู่ในเงามืด"

"จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดข้าน้อยไม่เห็นกันนะ"

จวิ้นอ๋องเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองคนสนิทของเขา ทั้งคู่ที่เห็นแววตาคมกริบเชิงตำหนิของผู้เป็นนายก็รีบก้มหน้าลงกลบเกลื่อนความผิดที่ไม่รู้จักสังเกตสิ่งโดยรอบนั้นด้วยความรวดเร็ว หากมีมือสังหารย่างกรายเข้ามาใกล้พวกเขาคงได้ถูกท่านอ๋องย่างสดเป็นแน่โทษฐานละเลยต่อหน้าที่เช่นนี้

เขาถอนหายใจเล็กน้อยไม่คิดจะกล่าวโทษคนสนิทของตนแต่อย่างใด ก่อนจะหันไปมองสตรีที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอนของเขาแขนทั้งสองข้างกางออกอย่างลืมตัว

“สตรีบ้าอะไรนอนน้ำลายยืดเช่นนั้นน่าเกลียดเสียจริง”

เมื่อสิ้นเสียงของเขาก็ดูเหมือนจะทำให้โสตประสาทการได้ยินของหลิวหรงผิงเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง

นางภาวนาในใจอยากให้เรื่องที่พบเจอผ่านๆ มานั้นเป็นเพียงแค่ความฝันหากว่าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ขอให้นางได้กลับบ้านของตัวเอง แม้ที่แห่งนี้จะสุขสบายมีคนคอยดูแลอยู่ไม่ห่างแต่กลับไม่ได้ทำให้นางรู้สึกสบายใจแต่อย่างใด

เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิวหรงผิงก็ตั้งใจจะนอนต่อทว่ากลิ่นกำยานที่ลอยมาแตะจมูกนางนั้นทำให้ความคิดเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น

“ท่านอ๋องคือว่าเอ่อ ให้เรียกสาวใช้ของพระชายาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง”

จวิ้นอ๋องเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นักจนองค์รักษ์ทั้งสองถึงกลับหันมองกันอย่างรู้ความหมาย

“พวกเจ้าออกไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อทั้งคู่เดินออกไปแล้วจวิ้นอ๋องก็หันมามองคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที

"ข้ารู้ว่าเจ้าแกล้งหลับหากว่ายังไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงของข้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะยอมเสียสละร่างกายเข้าหอกับเจ้าอีกครั้ง"

เมื่อหลิวหรงผิงได้ยินดังนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีนางรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยความรวดเร็วแต่เพราะขยับร่างกายฉับพลันทำให้นางหน้ามืดเกือบจะเซไปข้างหน้าแล้วยังดีที่นางคว้าโต๊ะตัวเล็กๆ ข้างเตียงนอนนั้นไว้ได้ทันเวลาพอดี

"ท่านอย่าเข้ามานะ"

"กลัวอะไรทีตอนอยู่ข้างนอกยังทำเก่งอยู่เลยมิใช่หรือ"

"ข้าก็แค่ปกป้องตัวเองผิดตรงไหนกัน พวกนางมาหาเรื่องข้าก่อนจะให้ข้ายืนเฉยปล่อยให้คนอื่นรังแกกระนั้นหรือ"

"นั่นเพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองต่างหากล่ะ”

“ข้าเนี่ยนะ” หลิวหรงผิงชี้นิ้วมาที่ตัวเองไม่เข้าใจว่านางไปหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่ตอนไหน ใครจะอยากยุ่งกับคนอย่างพวกเขากัน

“หากเจ้าไม่วางอุบายหาหนทางแต่งงานกับข้ามีหรือที่เพ่ยเพ่ยจะวุ่นวายกับเจ้า”

“ตาของท่านของบอดไปแล้วกระมังถึงได้ไม่เห็นว่านางทำอะไรกับข้าบ้าง"

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ก็เว่ยอวิ๋นเซียนแม่คนงามคนดีของท่านอย่างไรล่ะ ท่านคิดว่านางใสซื่อจริงๆ น่ะหรือ”

“นางไม่เหมือนเจ้าสูงส่งเกินกว่าที่คนต่ำช้าเช่นเจ้าจะแตะต้องนางได้”

‘โอ้โหด่าได้แรงมาก หากว่าเจ้าของร่างนี้ไม่ชิงตายไปเสียก่อนคงได้เสียใจจนขาดใจตายไปแล้วกระมัง สามีปกป้องหญิงอื่นเช่นนี้น่าตบปากแตกจริงๆ โง่งมงายจนกู่ไม่กลับแล้ว’

“เจ้าด่าข้าอยู่กระนั้นหรือ”

“หูของท่านคงมีปัญหาแล้วกระมัง ข้าไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเลยนะ”

“แต่เจ้ากำลังคิด”

“ท่านเป็นปีศาจหรือถึงได้ยินความคิดของข้า”

“ก็แสดงว่าพูด”

‘อะไรเนี่ยพูดวกไปวนมาจนข้าปวดหัวแล้วนะ’

“ท่านคิดจริงๆ น่ะหรือว่าข้าจะสนใจท่าน ปีศาจเช่นท่านข้าว่าก็เหมาะสมแล้วกับสตรีสองหน้าเช่นเว่ยอวิ๋นเซียน”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเชิงเย้ยหยันนั้นทำเอาจวิ้นอ๋องโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขากำหมัดในมือเอาไว้แน่นก่อนจะเอ่ยเสียงเยือกเย็นออกมา

“ออกไปจากห้องของข้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้นหลิวหรงผิงก็แสยะยิ้มจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากนั้น แววตาคมกริบคู่นั้นเพ่งมองมาที่นางด้วยความกราดเกรี้ยวเหมือนต้องการสังหารนางอย่างไรอย่างนั้น

‘ผีเข้าหรืออย่างไรแค่พูดถึงนางไม่กี่ประโยคก็เสียการควบคุมไปเสียแล้ว ช่างน่าสงสารจริงๆ คนอะไรจะลุ่มหลงในความรักจนตาบอดไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้’

ชายหนุ่มจ้องมองนางก่อนจะยกมือหนาขึ้น หลิวหรงผิงรีบหลับตาลงด้วยกลัวว่าปีศาจที่มีอารมณ์แปรปรวนผู้นี้จะทำร้ายนางเข้าทว่าเมื่อลืมตาขึ้นนางก็มองเห็นเพียงใบหน้าที่ไร้หน้ากากปกปิดแล้ว

บนใบหน้าของเขามีบาดแผลน่ากลัวที่หากว่าเป็นสตรีคนอื่นเห็นเข้าคงได้กรีดร้องด้วยความตื่นตกใจไปแล้ว แต่สำหรับนางที่เคยพบเห็นคนป่วยมาทุกรูปแบบนั้นยากที่จะตื่นตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็นหนำซ้ำยังเอาแต่จ้องมองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาใสซื่อปนเวทนาจนคนตรงหน้าเริ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

จวิ้นอ๋องจากที่กำลังโกรธจัดอยู่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นงุนงงขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางหายบ้าแล้วแต่เขาคิดว่าสติของนางอาจไม่กลับมาเหมือนเดิมเพราะเมื่อเห็นบาดแผลของเขาแล้วนั้นนางกลับไม่มีทีท่าตื่นกลัวแต่อย่างใดหนำซ้ำยังเอาแต่จ้องมองเขาด้วยแววตาใสซื่อเช่นนั้น

'เป็นไปได้อย่างไรกัน'

"ใบหน้าของท่าน.."

"หุบปาก!"

'อ่ะ หุบปากก็ได้'

นางที่ปิดปากสนิทไม่ทันได้ขยับกายไปไหนก็ถูกกลิ่นของกำยานอ่อนๆ นั้นลอยมาแตะจมูกอีกครั้งทำให้ครั้งนี้รู้สึกคันจมูกจนอดไม่ได้ที่จะจามออกไป

“ฮะ ฮัดชิ้ว!”

"เจ้าช่าง....น่าเกลียดเสียจริง หานเฟิง!"

ท้ายประโยคกลับเรียกองค์รักษ์ส่วนตัวเข้ามาในห้อง หานเฟิงที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นนายเรียกก็รีบรุดหน้าเข้ามาภายในอย่างรวดเร็ว

"ท่านอ๋องมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ"

จวิ้นอ๋องไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดกับองค์รักษ์ของตนก็ได้ยินเสียงของหลิวหรงผิงจามติดๆ กันไปอีกสองสามครั้ง ทั้งคู่หันไปมองโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สนใจเลยสักเพียงนิด นางเอาแต่ถูจมูกตัวเองไปมาไม่ได้รับรู้เลยว่าเวลานี้มีผู้ใดจ้องมองนางอยู่

"เป็นอะไรของเจ้า"

"ก็เห็นๆ อยู่ว่ากลิ่นกำยานในห้องของท่านมันทำให้ข้าแสบจมูก กลิ่นมันหอมตรงไหนถึงจุดกันอยู่ได้"

จวิ้นอ๋องจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อยนอกจากจะไม่กลัวบาดแผลบนใบหน้าของเขาแล้วเวลานี้นางเอาแต่เดินไปเดินมาไม่ยำเกรงเขาเลยสักเพียงนิด

เขามองตามนางไปทุกฝีก้าวจนกระทั่งเห็นหลิวหรงผิงเดินเข้าไปยังกระถางทองเหลืองที่ใช้จุดกำยานก่อนที่นางจะยื่นมือไปหยิบเอากระถางนั้นโยนออกไปนอกหน้าต่างทันที

เมื่อนางหันกลับมาก็พบว่าบุรุษทั้งสองตรงหน้ากำลังจ้องมองนางอยู่อย่างไม่วางตา หานเฟิงอ้าปากค้างไม่คิดว่าพระชายาจะกล้าขว้างสิ่งของที่เป็นของท่านอ๋องทิ้งไปเช่นนั้น

'พระชายาคงได้ถูกท่านอ๋องลงโทษอีกเป็นแน่'

"ขอโทษทีข้าไม่ชอบกลิ่นของมันน่ะ"

จวิ้นอ๋องจ้องมองนางด้วยความไม่เข้าใจ

‘นางเห็นบาดแผลน่าเกลียดของเขาแล้วเหตุใดถึงยังทำตัวปกติไม่กรีดร้องไม่กลัวเหมือนคนอื่น เหมือนว่านางมองไม่เห็นมันอย่างไรอย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรกัน’

เมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไปหลิวหรงผิงก็ถือโอกาสเดินสำรวจภายในห้อง จวิ้นอ๋องจ้องมองสตรีตรงหน้าที่เอาแต่เดินจับนู่นจับนี่ไปทั่วทั้งห้องเหมือนกับไม่ใช่คนๆ เดียวกันกับที่ผ่านมา สตรีที่มีแต่เล่ห์เหลี่ยมมารยาผู้นั้นหายไปไหนแล้ว

"เจ้าจะเดินอีกนานหรือไม่"

“ขออภัยข้าก็เพียงแค่คิดว่าห้องของท่านช่างน่าอยู่ยิ่งนัก ดูสิหน้าต่างบานนี้แกะสลักได้งดงามเสียจริงเหตุใดที่เรือนเฟิ่งอวี้ถึงไม่งามเท่านี้ล่ะ"

ทั้งนายทั้งบ่าวหันมาจ้องมองกันด้วยความงุนงงกับคำพูดของสตรีตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

"ที่จวนใต้เท้าหลิวก็ใช่ว่าจะไม่มีของล้ำค่าให้พบเห็นจะตื่นเต้นอะไรกับหน้าต่างแกะสลักลายมังกรนี้กัน"

"จริงหรือ"

"หยุดพูดเสียทีเถอะเจ้าออกไปได้แล้ว"

"ออกไป? ให้ข้าไปไหนหรือเพคะไหนๆ ท่านกับข้าก็แต่งงานกัน อืม...สามเดือนแล้วใช่หรือไม่แล้วเหตุใดยังต้องแยกห้องนอนกันอีกเล่า ไม่นอนด้วยกันล่ะเพคะ"

"ไม่!"

"ทำไมล่ะเพคะ" พูดจบก็ถลาเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว จนหานเฟิงเองก็ตั้งตัวไม่ทันเขาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก

"เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ข้านะ! ข้าบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้าออกไปได้แล้ว!"

"ข้าไม่ไป"

"ว่าอย่างไรนะ"

"ข้ากับท่านเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันสิเพคะ อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้วข้าขี้เกียจเดินกลับไปที่เรือนเฟิ่งอวี้ก็ใครใช้ให้ท่านส่งข้าไปอยู่เรือนท้ายจวนอย่างนั้นกันเล่ามันไกลนะ ข้าขอนอนที่นี่เลยแล้วกัน"

"ไม่ได้!"

"เช่นนั้นข้าจะไปฟ้อง...."

"เจ้าจะฟ้องอะไรถึงฟ้องไปฮองเฮาก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้หรอก"

"แล้วเหตุใดฮองเฮาถึงช่วยข้าไม่ได้ล่ะ

“เจ้าอย่าคิดว่าการที่ข้ายินยอมแต่งงานกับเจ้านั่นเพราะข้าชื่นชอบในตัวเจ้า หากไม่มีผลประโยชน์ไหนเลยข้าจะอยากเข้าใกล้เจ้า”

“ข้าก็เช่นกัน”

“เจ้าว่าอะไรนะ?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 23 ฤทธิ์สุรา

    ความเงียบสงัดก่อนหน้านี้ชะงักไปชั่วขณะก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของหลิวหรงผิงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งป่า ตามมาด้วยเสียงกระพือปีกนับร้อยนับพันของฝูงนกที่ตกใจตื่นเสียงของพวกมันดังระงมราวกับพายุที่โหมกระหน่ำอยู่บนยอดไม้ก่อนจะพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำสนิทพร้อมกันในฉับพลันตัวของพวกมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่เสียงโฉบเฉี่ยวและการเคลื่อนไหวอันวุ่นวายทำให้รู้ว่าพวกมันกำลังโบยบินอย่างตื่นตระหนกอยู่เบื้องบนราวกับมีใครสาดความกลัวเข้าไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้นจวิ้นอ๋องยืนจังก้าใบหน้าบึ้งตึงสายตาเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาในเวลานี้ทำเอาเหล่าทหารของเขานั่งกันไม่ติดแล้ว“ไปจับนางกลับมา”สิ้นเสียงเย็นชาพร้อมแววตาคมกริบก็จ้องมองไปยังสตรีบ้าที่เอาแต่วิ่งพล่านไปทั่วนั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง สององค์รักษ์คนสนิทก็เอาแต่มองหน้ากันพร้อมกับเกี่ยงกันไปมา‘หากพวกเขาแตะต้องตัวของพระชายามือน้อยๆ คู่นี้จะยังมีไว้จับตะเกียบกินข้าวอยู่หรือไม่ แต่หากไม่ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องแล้วเงาหัวของพวกเขาเองก็คงจะไม่มีให้เห็นเช่นกันกระมัง’

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 22 เสียงปริศนา

    “ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น”“ช่างเถอะ ว่าแต่ท่านเถอะเหตุใดถึงมาอยู่ที่ขบวนของจวิ้นอ๋องได้ล่ะ”“ข้าน้อยได้รับมอบหมายให้ติดตามดูแลท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“ติดตามดูแลทุกเรื่องเลยอย่างนั้นหรือ”“ก็อาจจะใช่พ่ะย่ะค่ะ”“รวมถึงเรื่องที่เขาได้รับพิษด้วยหรือไม่”“เอ่อเรื่องนี้”“พูดมาเถอะน่า หลายคืนก่อนข้าได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของเขานั่นเป็นเพราะพิษในร่างกายของเขากำเริบขึ้นมาใช่หรือไม่”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พิษที่สะสมในร่างกายของท่านอ๋องมิอาจคลายออกได้หมดอีกทั้งยังลุกลามมาที่ใบหน้าแต่ก็แปลกที่ไม่ลา

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 21 นางโกรธแล้ว

    ร่างสูงเดินฝ่าความมืดกลับไปยังค่ายพักแรมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก เสียงฝีเท้าที่เดินมาทำให้เหล่าทหารที่กำลังพักผ่อนรีบแหวกทางให้ผู้เป็นนายด้วยความว่องไวสายตาหลายๆ คู่มองเห็นคนในอ้อมแขนแกร่งของผู้เป็นนายที่ทั้งชีวิตไม่เคยโอบอุ้มผู้ใดเลย เวลานี้กลับอุ้มร่างบอบบางของสตรีที่เขาเกลียดชังนักหนาเสียอย่างนั้นหลิวหรงผิงไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มนางหันมองไปรอบๆ ที่เวลานี้เริ่มพบเห็นเหล่าทหารกล้าที่ติดตามมากับขบวนของเขาแล้ว ไม่ไกลกันนักดูเหมือนจะมีอารามเก่าแก่อยู่แห่งหนึ่งที่น่าจะถูกทิ้งไว้จนรกร้างไปแล้ว“นี่ท่านตั้งค่ายพักแรมที่วัดร้างกระนั้นหรือ”“มีที่ดีกว่านี้แล้วอย่างนั้นหรือ”“ที่อื่นมีเยอะแยะหรือไม่เล่า วะ…วัดร้างมันย่อมมี”“อะไร”“ผีอย่างไรเล่า&r

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 20 หนทางสู่เมืองลี่หนาน

    การเดินทางจากเมืองหลวงไปยังเมืองลี่หนานนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางแปดถึงสิบวันได้ นับตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงวันนี้ก็ย่างเข้าสู่วันที่เจ็ดแล้วท้องฟ้าเวลานี้เริ่มเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีเทาอ่อนก่อนที่แสงแรกของดวงอาทิตย์จะแตะขอบฟ้า ค่อย ๆ ไล่โทนเป็นสีส้มอ่อนและสีชมพูระเรื่อราวกับหญิงสาวที่กำลังแต่งแต้มใบหน้าให้สดใสรับเช้าวันใหม่นกน้อยเริ่มส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วปลุกให้เหล่าทหารตื่นจากนิทรา หมอกบางเบาเริ่มจางหายไปเผยให้เห็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าน้ำค้างที่เกาะอยู่บนใบไม้พลันเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์อ่อน ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ ผ่านผิวหน้าทำให้หลิวหรงผิงที่เวลานี้กำลังชะโงกหน้าออกมารับแสงแดดยามเช้านอกตัวรถม้านั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาจนอยากจะสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอดการเดินทางรอนแรมในป่ามานานนับเจ็ดวันถนนหนทางยากลำบากไม่น้อย แม้รถม้าที่นางนั่งจะถูกปูไปด้วยเบาะที่หนานุ่มพิเศษแล้วแต่ก็ยังทำให้ก้นของหญิงสาวระบมไปไม่น้อยเลย“ให้ตายสิเมื่อไหร่จะถึงกันนะ”“พระชายาอดทนหน่อยนะเพคะบ่าวว่าอีกไม่นานก็คงจะถึงแล้ว”“เจ้าแน่ใจหรือข้าว่าตาอ๋องบ้านั่นคงตั้งใจกลั่นแกล้งข

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 19 ความริษยา

    “ท่านอ๋อง”“เจ้าเรียกข้ามามีอะไรงั้นหรือ”“ข้าคิดถึงท่านอ๋องมากนะเพคะ”เว่ยอวิ๋นเซียนกำลังจะเข้าไปสวมกอดเขาแต่จวิ้นอ๋องกลับถอยหลังออกไป“ท่านอ๋อง” เว่ยอวิ๋นเซียนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ“เวลานี้เจ้าคือว่าที่พระชายาขององค์ชายเจ็ดแล้ว ควรเว้นระยะห่างกับข้าจะดีที่สุด”“แต่ว่าในใจของข้านั้น”“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องสำรวมมากกว่านี้”“ท่านอ๋องแต่ในใจของอวิ๋นเซียนมีเพียงท่านเสมอมานะเพคะ”“แล้วเหตุใดถึงยินยอมรับการแต่งงานกับน้องเจ็ดกันล่ะ”“ท่านก็รู้ว่าหากท่านพ่อของข้าต้องการสิ่งใดคนเช่นข้ามีหรือจะต่อต้านเขาได้โปรดท่านอ๋องเห็นใจด้วย”“เช่นนั้นก็ทำตามที่บิดาของเจ้าต้องการ กลับไปหาน้องเจ็ดเสียเถอะข้าเองก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน”“แต่ว่าท่านอ๋อง”เว่ยอวิ๋นเซียนพยายามบีบน้ำตาออกมาอีกครั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้เขาเห็นใจนางขึ้นมาบ้าง แต่จวิ้นอ๋องกับเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไม่เหมือนจวิ้นอ๋องคนที่นางเคยรู้จักผู้นั้นอีกเลย‘ที่แท้เสียงขลุ่ยนั่นก็คือสัญลักษณ์ของคนทั้งคู่นี่เอง มิน่าล่ะเขาถึงได้ดูร้อนรนแปลกๆ ที่แท้ก็รีบออกมาหานางนี่เอง’หลิวหรงผิงยืนพิงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างตำหนักที่ทั้งสองแอบน

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 18 นางเป็นใครกันแน่

    เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม[1] หลิวหรงผิงที่ถูกส่งเข้ามาพักในตำหนักไม่ไกลกันนั้นก่อนหน้านี้ก็เอาแต่กินอาหารทั้งคาวและหวานไม่มีหยุดทั้งเนื้อแพะย่างสมุนไพร ซุปหูฉลาม ขาหมูตุ๋นน้ำแดงและเป็ดหมักน้ำปรุงที่มีเนื้อนุ่มละมุนลิ้นรสอร่อยยิ่งนัก ถึงกลับต้องคลายผ้าคาดเอวออกเพราะท้องน้อยๆ ของนางเวลานี้นั้นเริ่มขยายขึ้นจนรู้สึกแน่นไปหมดแล้ว'มิน่าเล่าในยุคที่จากมาคนส่วนใหญ่ถึงหันไปทำช่องอาหารกัน เพราะได้กินของอร่อยแล้วมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง''จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะกินแล้วก็นอนช่างสุขสบายเสียจริง หากไม่นับเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้งก็ถือว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ของนางคุ้มค่าที่สุดแล้ว'เมื่อกินอิ่มหนังตาก็จะปิดลงเสียอย่างนั้นหญิงสาวหันมองไปโดยรอบก็เห็นเตียงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนักก่อนจะย้ายร่างบอบบางนั้นไปนอนแผ่หลาบนเตียงแทน'ได้ยินว่าการเข้าวังนั้นต้องทำตามธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ในวังต่างๆ มากมายที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่เหตุไฉนข้าถึงได้รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรถึงเพียงนั้นกันนะหรือเพราะว่าข้าเป็นคนบ้าในสายตาของคนอื่นกระนั้นหรือถึงไม่มีใครคิดจะใส่ใจเลยสักคน'ในหัวที่ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status