แชร์

ตอนที่ 13 ตัวตนของนาง

ผู้เขียน: Jiulin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-11 11:32:28

‘สตรีบ้าผู้นี้เหตุใดถึงได้ต่อปากต่อคำแบบนี้ได้ด้วย’

หลิวหรงผิงจ้องมองพวกเขาด้วยความขยะแขยงอยากจะไปให้พ้นๆ จากคนเหล่านี้เต็มทน ท่าทางของนางในเวลานี้ทำให้องค์หญิงเพ่ยเพ่ยถึงกับตะโกนร้องลั่นออกมา

“เจ้าแกล้งบ้าแน่ๆ คนบ้าที่ไหนจะยิ้มอย่างนั้นได้กัน”

“ยิ้มอย่างไรงั้นหรือ”

หลิวหรงผิงเอียงคอจ้องมองนางด้วยแววตาใสซื่อ พลางบีบน้ำตาออกมาจนคลอเต็มดวงตาแข่งกับสตรีหน้าด้านที่นั่งอยู่บนพื้นผู้นั้น

“เฮอะ! สตรีบ้าเช่นเจ้าไม่คู่ควรจะเป็นชายาของพี่ชายข้าเลยสักนิด”

จวิ้นอ๋องเงยหน้าขึ้นมาทันได้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจที่แฝงไปด้วยความสะใจของหลิวหรงผิงแต่เมื่อเขาจ้องมองนางอีกครั้งกลับพบเพียงแววตาว่างเปล่าที่ดูเหมือนกำลังสำนึกผิดอยู่เท่านั้น

“พี่สาวข้าขอโทษ”

“คงต้องให้เจ้าเป็นคนไปส่งนางให้ถึงจวนแล้วกระมังส่วนชายาของข้าๆ จะลงโทษนางตามความเหมาะสมเอง”

พูดจบก็เข้าไปดึงแขนของหลิวหรงผิงให้เดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ตงหยางเองก็รีบสาวเท้าก้าวตามพวกเขาไปติดๆ

“เจ็บนะ”

น้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดก็ไม่ได้ทำให้จวิ้นอ๋องสนใจเขายังคงกระชากนางออกไปจากงานไม่มีทีท่าจะผ่อนปรนลงเลยแม้เพียงนิด

“ท่านพี่เหตุใดถึงปล่อยพวกข้าไว้เช่นนี้กันเล่า!”

เสียงร้องตะโกนไล่หลังขององค์หญิงเพ่ยเพ่ยแว่วตามมา แม้จะรู้ว่านางไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่จวิ้นอ๋องกลับไม่หยุดฝีเท้าลงยังคงมุ่งตรงไปยังรถม้าโดยไม่สนใจเสียงของผู้เป็นน้องสาวอีกเลย

และแล้วผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสะพานนั้นก็เริ่มเบาบางลง บรรยากาศภายในงานกลับมาคึกคักตามเดิมเผยให้เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่น่าจะมายืนดูเฉกเช่นชาวบ้านเมื่อครู่เช่นกัน

“คุณชายท่านก็เห็นแล้วนี่ขอรับ นางอยู่ได้ทั้งยัง…เอ่อดูแลตัวเองได้ด้วย”

“ดูแลตัวเองได้? เจ้าควรจะพูดว่าพระชายาไม่ถูกคนกลั่นแกล้งง่ายๆ จะดีกว่า”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนเล่า”

เสียงสองบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังของเซี่ยเว่ยหมิงเอาแต่ถกเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใคร

“ข้าแค่คิดว่านางจะปรับตัวไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”

“ขอรับ”

จวิ้นอ๋องพานางเดินออกมาจากงานมุ่งตรงไปยังรถม้าอีกคันโดยมีหานเฟิงที่ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่คอยควบคุมรถม้าอยู่ลำพัง

‘ไม่ใช่รถม้าขององค์หญิงนี่นา’

“รถม้าของจวนข้า ก็แค่คิดว่าเจ้าต้องก่อเรื่องจึงเตรียมการไว้ล่วงหน้าก็เท่านั้นแล้วก็เป็นดังที่ข้าคิด”

‘เก่งเสียจริงพ่อคุณเอ้ย’

ชายหนุ่มปรายตามองนางก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถม้าเป็นคนแรก หลิวหรงผิงยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยไม่สนใจในท่าทีของเขาก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถม้าตามหลังเขาไป

เมื่อทั้งคู่เข้ามาในรถม้าแล้วจวิ้นอ๋องที่ก่อนหน้านี้สังเกตเห็นเลือดสดๆ ที่ไหลอาบแขนเสื้อของนางก็ได้นำผ้าสะอาดที่ได้จากหานเฟิงมาพันแขนนางเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองหญิงสาวที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใดๆ

“เจ้าไปได้แผลมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

‘หือ แผลหรือ’

นางก้มมองตามมือหนาที่จับแขนของนางอยู่ก็เห็นว่ามีเลือดสดๆ ไหลหยดลงมาบนพื้นรถม้าแล้ว

‘นี่ข้ามได้บาดแผลตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดถึงไม่รู้ตัวเลยล่ะเป็นไปได้อย่างไรกัน’

เพราะก่อนหน้าเอาแต่จ้องมองใบหน้าคมคายของคนตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของตนเองและไม่ได้สนใจเลยว่าเขากำลังเช็ดเลือดให้นางอยู่

‘แต่ว่าแผลนี้คล้ายถูกของมีคมบาดหรือว่าจะเป็นตอนที่ชนกับเว่ยอวิ๋นเซียนกันนะ นางตั้งใจชนเพื่อทำร้ายข้ากระนั้นหรือช่างเป็นสตรีที่ร้ายกาจเสียจริง’

จวิ้นอ๋องที่จ้องมองนางอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดกับท่าทีของนาง

‘ตอนขึ้นสะพานก็ยังดีๆ อยู่เลยได้บาดแผลมาเช่นนี้จะไม่รู้ตัวเลยได้อย่างไรกัน’

“เจ็บหรือไม่”

“เจ็บ”

หลิวหรงผิงทำปากน่ารักน่าชังจนจวิ้นอ๋องถึงกับส่ายหัวให้นางเล็กน้อยก่อนจะถอยกลับไปนั่งพิงกับรถม้าอีกฝั่ง

“อ้าวท่านไม่ทายาให้ข้าแล้วหรือ”

“เจ้าก็ทำเองสิ”

“เอ๋”

“ข้ารู้ว่าเจ้าแกล้งบ้า”

“ท่านรู้ได้อย่างไร!”

หลิวหรงผิงอุดปากของตนเองทันที ‘หลุดปากพูดไปเองเสียอย่างนั้น’

“ข้าไม่ได้โง่เจ้าหายตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ถามทำไม ว่าแต่ท่านเถอะรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เจ้าดูไม่เหมือนเดิม”

“ท่านช่างหลักแหลมยิ่งนัก”

“เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่”

“ข้าจะไปต้องการอะไรจากท่านกันเล่า เราสองคนเป็นสามีภรรยากันเรื่องพวกนี้ใยต้องถามให้เปลืองน้ำลายด้วย”

“หายแล้วก็ต่อปากต่อคำเก่งเสียจริง”

“เอาน่าท่านอย่าได้กังวลไปเวลานี้ข้านั้นหาได้สนใจท่านไม่อีกแล้ว ท่านดูสิชาวบ้านต่างก็ดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อกันทั้งนั้น”

นางพูดจบก็หันมามองหน้าเขา

“ข้าก็เช่นกัน”

‘พูดอะไรของนาง’

รถม้าแล่นบนถนนในตัวเมืองไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาภายในตัวรถ สายลมเย็นลอยมาปะทะกับใบหน้าเล็กของนางเป็นระยะส่งผลให้หญิงสาวเริ่มง่วงงุนก่อนจะผล๊อยหลับไปในที่สุด

-จวนจวิ้นอ๋อง-

เป็นเวลายามไฮ่[1] คนทั้งคู่ก็เดินทางกลับถึงจวน จวิ้นอ๋องไม่ได้พานางกลับไปที่เรือนเฟิ่งอวี้เขาอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินตรงเข้าไปในเรือนใหญ่ท่ามกลางสายตางุนงงของบ่าวรับใช้ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้

ภายในห้องของเจ้าของจวนนั้นกว้างขวางใหญ่โตกว่าที่เรือนเฟิ่งอวี้ร้อยเท่าข้าวของเครื่องใช้ต่างก็ดูหรูหรางดงามทั้งนั้น มีเตียงสี่เสาไม้สักขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางของห้อง

ทั่วทั้งห้องถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากหลายขนาด หน้าต่างไม้ที่ถูกแกะสลักด้วยลวดลายมังกรงดงามถูกเปิดให้ลมเย็นพัดผ่านเข้ามานำพาเอากลิ่นดอกหอมหมื่นลี้โชยเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของจวนแห่งนี้

บนเตียงนอนหลังงามหลังนั้นมีสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนหลับพริ้มอย่างไม่รู้ทุกข์ร้อนใดๆ เรือนผมของนางมีสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยดุจแพรไหมและหนาเป็นประกายคลอเคลียกับหมอนใบใหญ่พิเศษ

ผิวที่ขาวผ่องเหมือนหิมะสะท้อนความงามที่บริสุทธิ์ไร้ที่ติริมฝีปากได้รูปของนางมีสีแดงระเรื่อราวกับผลอิงเถา(เชอรี่) ที่ถูกแต่งแต้มออกมาราวกับภาพวาด

เขายอมรับว่านางงดงามสมกับคำร่ำลือจริงแต่เพราะว่านางมีนิสัยใจคอโหดร้ายทั้งยังมีกิริยาที่น่ารังเกียจด้วยเพราะเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวในสกุลหลิวก็คงจะถูกตามใจจนเสียคนและคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งกว่าใครจึงไม่คิดเกรงกลัวผู้ใด

ซ้ำร้ายยังวางแผนกับผู้เป็นบิดาขอพระราชทานสมรสให้นางเป็นชายาเอกของเขา สตรีร้ายกาจที่พยายามยัดเยียดตนเองให้เขาและแย่งตำแหน่งชายาจากคนที่เขาหมายมั่นจะตบแต่งเข้ามาในจวน สตรีที่เขาไม่เคยชายตามองเลยแม้เพียงเงานั้นสุดท้ายแล้วก็ได้มานอนอยู่บนเตียงของเขาจนได้

‘ช่างน่าขำสิ้นดี’

- - - - - - - - - -

[1] ยามไฮ่ = 21.00-23.00 น.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 23 ฤทธิ์สุรา

    ความเงียบสงัดก่อนหน้านี้ชะงักไปชั่วขณะก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของหลิวหรงผิงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งป่า ตามมาด้วยเสียงกระพือปีกนับร้อยนับพันของฝูงนกที่ตกใจตื่นเสียงของพวกมันดังระงมราวกับพายุที่โหมกระหน่ำอยู่บนยอดไม้ก่อนจะพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำสนิทพร้อมกันในฉับพลันตัวของพวกมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่เสียงโฉบเฉี่ยวและการเคลื่อนไหวอันวุ่นวายทำให้รู้ว่าพวกมันกำลังโบยบินอย่างตื่นตระหนกอยู่เบื้องบนราวกับมีใครสาดความกลัวเข้าไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้นจวิ้นอ๋องยืนจังก้าใบหน้าบึ้งตึงสายตาเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาในเวลานี้ทำเอาเหล่าทหารของเขานั่งกันไม่ติดแล้ว“ไปจับนางกลับมา”สิ้นเสียงเย็นชาพร้อมแววตาคมกริบก็จ้องมองไปยังสตรีบ้าที่เอาแต่วิ่งพล่านไปทั่วนั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง สององค์รักษ์คนสนิทก็เอาแต่มองหน้ากันพร้อมกับเกี่ยงกันไปมา‘หากพวกเขาแตะต้องตัวของพระชายามือน้อยๆ คู่นี้จะยังมีไว้จับตะเกียบกินข้าวอยู่หรือไม่ แต่หากไม่ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องแล้วเงาหัวของพวกเขาเองก็คงจะไม่มีให้เห็นเช่นกันกระมัง’

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 22 เสียงปริศนา

    “ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น”“ช่างเถอะ ว่าแต่ท่านเถอะเหตุใดถึงมาอยู่ที่ขบวนของจวิ้นอ๋องได้ล่ะ”“ข้าน้อยได้รับมอบหมายให้ติดตามดูแลท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“ติดตามดูแลทุกเรื่องเลยอย่างนั้นหรือ”“ก็อาจจะใช่พ่ะย่ะค่ะ”“รวมถึงเรื่องที่เขาได้รับพิษด้วยหรือไม่”“เอ่อเรื่องนี้”“พูดมาเถอะน่า หลายคืนก่อนข้าได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของเขานั่นเป็นเพราะพิษในร่างกายของเขากำเริบขึ้นมาใช่หรือไม่”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พิษที่สะสมในร่างกายของท่านอ๋องมิอาจคลายออกได้หมดอีกทั้งยังลุกลามมาที่ใบหน้าแต่ก็แปลกที่ไม่ลา

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 21 นางโกรธแล้ว

    ร่างสูงเดินฝ่าความมืดกลับไปยังค่ายพักแรมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก เสียงฝีเท้าที่เดินมาทำให้เหล่าทหารที่กำลังพักผ่อนรีบแหวกทางให้ผู้เป็นนายด้วยความว่องไวสายตาหลายๆ คู่มองเห็นคนในอ้อมแขนแกร่งของผู้เป็นนายที่ทั้งชีวิตไม่เคยโอบอุ้มผู้ใดเลย เวลานี้กลับอุ้มร่างบอบบางของสตรีที่เขาเกลียดชังนักหนาเสียอย่างนั้นหลิวหรงผิงไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มนางหันมองไปรอบๆ ที่เวลานี้เริ่มพบเห็นเหล่าทหารกล้าที่ติดตามมากับขบวนของเขาแล้ว ไม่ไกลกันนักดูเหมือนจะมีอารามเก่าแก่อยู่แห่งหนึ่งที่น่าจะถูกทิ้งไว้จนรกร้างไปแล้ว“นี่ท่านตั้งค่ายพักแรมที่วัดร้างกระนั้นหรือ”“มีที่ดีกว่านี้แล้วอย่างนั้นหรือ”“ที่อื่นมีเยอะแยะหรือไม่เล่า วะ…วัดร้างมันย่อมมี”“อะไร”“ผีอย่างไรเล่า&r

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 20 หนทางสู่เมืองลี่หนาน

    การเดินทางจากเมืองหลวงไปยังเมืองลี่หนานนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางแปดถึงสิบวันได้ นับตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงวันนี้ก็ย่างเข้าสู่วันที่เจ็ดแล้วท้องฟ้าเวลานี้เริ่มเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีเทาอ่อนก่อนที่แสงแรกของดวงอาทิตย์จะแตะขอบฟ้า ค่อย ๆ ไล่โทนเป็นสีส้มอ่อนและสีชมพูระเรื่อราวกับหญิงสาวที่กำลังแต่งแต้มใบหน้าให้สดใสรับเช้าวันใหม่นกน้อยเริ่มส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วปลุกให้เหล่าทหารตื่นจากนิทรา หมอกบางเบาเริ่มจางหายไปเผยให้เห็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าน้ำค้างที่เกาะอยู่บนใบไม้พลันเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์อ่อน ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ ผ่านผิวหน้าทำให้หลิวหรงผิงที่เวลานี้กำลังชะโงกหน้าออกมารับแสงแดดยามเช้านอกตัวรถม้านั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาจนอยากจะสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอดการเดินทางรอนแรมในป่ามานานนับเจ็ดวันถนนหนทางยากลำบากไม่น้อย แม้รถม้าที่นางนั่งจะถูกปูไปด้วยเบาะที่หนานุ่มพิเศษแล้วแต่ก็ยังทำให้ก้นของหญิงสาวระบมไปไม่น้อยเลย“ให้ตายสิเมื่อไหร่จะถึงกันนะ”“พระชายาอดทนหน่อยนะเพคะบ่าวว่าอีกไม่นานก็คงจะถึงแล้ว”“เจ้าแน่ใจหรือข้าว่าตาอ๋องบ้านั่นคงตั้งใจกลั่นแกล้งข

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 19 ความริษยา

    “ท่านอ๋อง”“เจ้าเรียกข้ามามีอะไรงั้นหรือ”“ข้าคิดถึงท่านอ๋องมากนะเพคะ”เว่ยอวิ๋นเซียนกำลังจะเข้าไปสวมกอดเขาแต่จวิ้นอ๋องกลับถอยหลังออกไป“ท่านอ๋อง” เว่ยอวิ๋นเซียนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ“เวลานี้เจ้าคือว่าที่พระชายาขององค์ชายเจ็ดแล้ว ควรเว้นระยะห่างกับข้าจะดีที่สุด”“แต่ว่าในใจของข้านั้น”“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องสำรวมมากกว่านี้”“ท่านอ๋องแต่ในใจของอวิ๋นเซียนมีเพียงท่านเสมอมานะเพคะ”“แล้วเหตุใดถึงยินยอมรับการแต่งงานกับน้องเจ็ดกันล่ะ”“ท่านก็รู้ว่าหากท่านพ่อของข้าต้องการสิ่งใดคนเช่นข้ามีหรือจะต่อต้านเขาได้โปรดท่านอ๋องเห็นใจด้วย”“เช่นนั้นก็ทำตามที่บิดาของเจ้าต้องการ กลับไปหาน้องเจ็ดเสียเถอะข้าเองก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน”“แต่ว่าท่านอ๋อง”เว่ยอวิ๋นเซียนพยายามบีบน้ำตาออกมาอีกครั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้เขาเห็นใจนางขึ้นมาบ้าง แต่จวิ้นอ๋องกับเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไม่เหมือนจวิ้นอ๋องคนที่นางเคยรู้จักผู้นั้นอีกเลย‘ที่แท้เสียงขลุ่ยนั่นก็คือสัญลักษณ์ของคนทั้งคู่นี่เอง มิน่าล่ะเขาถึงได้ดูร้อนรนแปลกๆ ที่แท้ก็รีบออกมาหานางนี่เอง’หลิวหรงผิงยืนพิงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างตำหนักที่ทั้งสองแอบน

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 18 นางเป็นใครกันแน่

    เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม[1] หลิวหรงผิงที่ถูกส่งเข้ามาพักในตำหนักไม่ไกลกันนั้นก่อนหน้านี้ก็เอาแต่กินอาหารทั้งคาวและหวานไม่มีหยุดทั้งเนื้อแพะย่างสมุนไพร ซุปหูฉลาม ขาหมูตุ๋นน้ำแดงและเป็ดหมักน้ำปรุงที่มีเนื้อนุ่มละมุนลิ้นรสอร่อยยิ่งนัก ถึงกลับต้องคลายผ้าคาดเอวออกเพราะท้องน้อยๆ ของนางเวลานี้นั้นเริ่มขยายขึ้นจนรู้สึกแน่นไปหมดแล้ว'มิน่าเล่าในยุคที่จากมาคนส่วนใหญ่ถึงหันไปทำช่องอาหารกัน เพราะได้กินของอร่อยแล้วมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง''จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะกินแล้วก็นอนช่างสุขสบายเสียจริง หากไม่นับเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้งก็ถือว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ของนางคุ้มค่าที่สุดแล้ว'เมื่อกินอิ่มหนังตาก็จะปิดลงเสียอย่างนั้นหญิงสาวหันมองไปโดยรอบก็เห็นเตียงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนักก่อนจะย้ายร่างบอบบางนั้นไปนอนแผ่หลาบนเตียงแทน'ได้ยินว่าการเข้าวังนั้นต้องทำตามธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ในวังต่างๆ มากมายที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่เหตุไฉนข้าถึงได้รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรถึงเพียงนั้นกันนะหรือเพราะว่าข้าเป็นคนบ้าในสายตาของคนอื่นกระนั้นหรือถึงไม่มีใครคิดจะใส่ใจเลยสักคน'ในหัวที่ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status