Share

บทที่ 6

Author: สายธารสะท้อนเงา
สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”

“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีบ่าวอยากจะเชิญท่านหมอ พวกองครักษ์ไม่ยอมปล่อยผ่าน พวกเขาทำเกินไปมากเพคะ ท่านอ๋องเพียงแค่ทรงกล่าวว่ามิอนุญาตให้พระนางเชิญหมอหลวง แต่มิได้ทรงกล่าวว่ามิอนุญาตให้เชิญท่านหมอ”

“ข้าทาเองได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รับยามาแล้วดมกลิ่น ไม่มีกลิ่นอื่นใดนอกจากพวกสมุนไพรธรรมดาทั่วไปเช่นตังกุย ดอกคำฝอย และดอกดิน

“ขอบใจเจ้าที่หลายวันมานี้นำยามาให้ข้าทุกวัน ข้าอาการดีขึ้นมากแล้ว”

“พระนาง ท่านจะกล่าวขอบคุณบ่าวได้อย่างไรกันเพคะ? เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่าวสมควรทำเพคะ” เฟ่ยชุ่ยตกใจ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง

ยารักษาแผลฟกช้ำทั่วไปประสิทธิผลไม่ดีเท่าใดนัก แต่เมื่อใช้กับร่างกายของนางอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

“อาหารนี่ ห้องครัวให้มารึ?” นางเหลือบตามองอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่ง อาหารไม่มีควันลอยออกมา อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวก็ยังเย็นชืด ผักก็ไม่สดอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็นอาหารเหลือ

เฟ่ยชุ่ยกัดริมฝีปาก เอ่ย “บ่าวไปมาหลายรอบแล้วเพคะ ผู้ดูแลมักจะกล่าวว่ายังทำไม่เสร็จทุกครั้ง มีเพียงอาหารเหลือพวกนี้เพคะ”

“บ่าวรอจนพวกเขาตุ๋นโจ๊กเสร็จ กว่าจะได้โจ๊กร้อน ๆ สักถ้วยไม่ง่ายเลย ทั้งยังถูกปัดคว่ำอีก พระนาง ท่านอดทนเอาไว้ก่อนนะเพคะ บ่าว บ่าวจะไปซื้อซาลาเปาที่ข้างนอก ตอนกลางคืนบ่าวจะไปเฝ้าที่ห้องครัวเอาไว้เพคะ...”

“ไม่ต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ช่วยเอาไปอุ่นบนเตาให้ข้าหน่อย”

เฟ่ยชุ่ยตะลึงงันไปทันที แต่ก่อนหลังจากที่พระชายาเห็นอาหารเหลือพวกนี้ จะปัดจานออก จะเกรี้ยวกราดใส่นางโดยที่ไม่ฟังเหตุผล ถึงขนาดดุด่าตบตีนาง ระบายความโกรธใส่นาง

แต่หลายวันมานี้ ไม่เพียงไม่โมโห ทั้งยังกินอาหารที่เย็นชืดพวกนี้อีกด้วย

พระชายา อย่างกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“อย่ามัวอึ้งอยู่เลย ช่วยข้าอุ่นให้ร้อนเสียหน่อยแล้วค่อยยกมา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อ่อนระโหยโรยแรง เป็นเพราะหมดเรี่ยวแรงไปกับการตบหู่พั่วสี่ห้าฉาดเมื่อครู่นี้

เธอต้องการเติมพลัง อาหารเหลือก็คืออาหารเช่นกัน นางไม่เลือกกินอาหารเท่าใดนัก แล้วก็จะไม่ยอมสิ้นเปลืองง่าย ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น บาดแผลของเธอในตอนนี้ยังไม่หายดี จำต้องรอจนกว่าบาดแผลจะหายดี และสามารถเดินเหินได้ด้วยตนเอง แล้วค่อยทวงคืนสิ่งของที่ควรเป็นของนางกลับคืนมาทีละอย่าง

เฟ่ยชุ่ยไม่รู้ถึงความคิดภายในใจของนาง นำอาหารวางไว้บนเตา ควันหนาทึบจากถ่านทำให้นางสำลักจนไอออกมา

นางนำผ้าเช็คหน้าปิดปากเอาไว้ หลังจากที่ไออย่างรุนแรง บนผ้าเช็คหน้าของนางก็เปื้อนไปด้วยเลือกสีแดงสด

นางตกใจ รีบนำผ้าเช็คหน้าไปซุกเอาไว้

“เจ้าไอเป็นเลือดงั้นรึ?” หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเห็นบนผ้าเช็คหน้าขาวดุจหิมะของนางเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด ก็ตัวสั่นเทาทันที

วันนั้นที่พ่อแม่ของนางประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นางพยายามช่วยชีวิตพวกเขา เลือดแดงสดไหลนองเต็มพื้น บนตัวของเธอก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดเช่นกัน แต่ไม่ว่านางจะพยายามยื้อชีวิตขนาดไหน พ่อกับแม่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก

นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา นางก็มีอาการกลัวเลือด ทันทีที่เห็นเลือดก็ตัวสั่นไม่หยุด ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเป็นหมอได้อีก

คิดไม่ถึงว่า อาการผิดปกตินี้จะตามมาด้วย

“ไม่ ไม่เป็นอะไรเพคะ” เฟ่ยชุ่ยพยายามเช็ดมุมปากอย่างลวก ๆ “ก็แค่ผลกระทบจากลมเย็น กินยานิดหน่อยก็หายแล้วเพคะ”

“นานแค่ไหนแล้ว มีอาการอย่างไรบ้าง?”

“ประมาณ สามเดือนแล้วเพคะ พระนาง บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ” เฟ่ยชุ่ยพูดไป ก็พยายามฝืนยกอาหารที่อุ่นเสร็จมาวางบนโต๊ะ กุมปากเอาไว้ แล้วออกไปอย่างรีบร้อน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขยับแหวนเล็กน้อย ทำให้มือที่สั่นเทาทั้งสองข้างหยุดลง

ตามความทรงจำ เดิมทีเฟ่ยชุ่ยเป็นสาวใช้ที่อ้วนตุต๊ะคนหนึ่ง จู่ ๆก็ผอมลงในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา สีหน้าซีดเหลือง สีหน้าแย่เป็นอย่างยิ่ง

นางมักจะไออยู่บ่อย ๆ ทั้งยังไอเป็นเลือดอีกด้วย อาการแบบนี้ มีความคล้ายคลึงกับโรคปอด หรือก็คือวัณโรค

ณ ยุคสมัยนี้ วัณโรคเป็นการเจ็บป่วยที่ถึงแก่ชีวิต

เมื่อเริ่มป่วยได้สามเดือน คนรอบข้างจะยังไม่ติดเชื้อ

ถ้าหากเป็นวัณโรค มีความเป็นไปได้มากที่ยังอยู่ในระยะไม่แพร่เชื้อ ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อ

ถ้าหากไม่ใช่วัณโรค แต่เป็นอาการของปอดอักเสบ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นโรคประเภทใด โรคปอดล้วนถึงแก่ชีวติได้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างทันท่วงที

ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ แหวนเกิดร้อนขึ้น

โรงพยาบาลปรากฏขึ้นตรงหน้า ที่แตกต่างจากตามปกติก็คือ นางมองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน

ท่ามกลางห้องยาใหญ่ที่อยู่ชั้นหนึ่งของอาคาร หน้าต่างบานหนึ่งกำลังเปิดอยู่ ยาถูกเข็นออกมาจากทางด้านใน

จากนั้น มีผลิตภัณฑ์ยาปรากฏขึ้นใกล้ ๆ มือ

กระบวนการผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งน่ามหัศจรรย์ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งถึงก้มหน้ามองไปทางผลิตภัณฑ์ยาที่ปรากฏขึ้นใหม่

หลังจากที่มองเห็นตัวหนังสือบนขวดยาอย่างชัดเจน ขมับกระตุกเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าจะมียาจำพวกต้านวัณโรคเช่นไรแฟมพิซิน สเตรปโตมัยซินปรากฏขึ้น คิดไม่ถึงว่า ด้านในขวดเล็กจะบรรจุด้วยแมนนิทอล แล้วก็ยังมีอุปกรณ์ฉีดยาอีกหนึ่งชุด

ส่วนใหญ่แมนนิทอลใช้สำหรับภาวะขาดน้ำ สำหรับมีผลต่อผู้ที่มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง และความดันในตาสูง แต่ไม่มีผลต่อผู้ที่เป็นโรคปอด

“เชื่อไม่ได้จริง ๆ” นางแอบแขวะ หยิบขวดยาและอุปกรณ์ฉีดยาขึ้นมา ซ่อนไว้อย่างดี

อาหารอุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางฝืนกินสองสามคำ รสเค็มจัด รสชาติแย่เป็นอย่างยิ่ง

“เฟ่ยชุ่ย ช่วยรินน้ำให้ข้าหน่อย” นางเขย่ากาน้ำชา ข้างในว่างเปล่า จึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เพื่อเรียกสาวใช้

ผ่านไปนาน ไม่มีเสียงตอบรับ

นางจึงเรียกอีกสองสามครั้ง ยังคงไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์คอแห้งจนทนไม่ไหว อยากจะไปขอน้ำร้อนจากห้องครัว

ทันทีที่เปิดประตู ก็มีลมหนาวพัดโชยมา

เมฆอึมครึม ท้องฟ้ามืดสลัว ราวกับว่ากำลังจะมีหิมะตกหนัก

นางกระชับเสื้อผ้าแน่น เดินมุ่งไปข้างหน้า

เพิ่งเดินไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ขอร้องให้ยกโทษ ไม่หยุด น้ำเสียงเศร้าระทม ยังมีเสียงที่พยายามกลั้นไอเอาไว้ดังมาเป็นระยะ ๆ

ราวกับว่าบริเวณรอบ ๆ ยังมีผู้คนมุงดูอยู่อีกด้วย มีเสียงหัวเราะอย่างหยอกเย้าดังออกมาเป็นครั้งคราว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เสียงขอร้องให้ยกโทษนี้ เป็นเสียงของเฟ่ยชุ่ย!

นางเดินอย่างรวดเร็ว เลี้ยวที่มุมกำแพง ก็เห็นฝูงชนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงกัน ใจกลางฝูงชน มีผู้หญิงชุดแดงคนหนึ่งกำลังออกแรงสะบัดแส้ แส้ฟาดลงที่บนตัวของเฟ่ยชุ่ย

ชุดฤดูหนาวหนา ๆ ถูกตีจนขาดวิ่น ใยฝ้ายที่ขาดรุ่งริ่งปลิวว่อน

โชคดีที่เป็นฤดูหนาว เสื้อผ้าค่อนข้างหนา ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าใดนัก

เฟ่ยชุ่ยกุมหัวเอาไว้ เจ็บจนกลิ้งไปมา พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางขอร้องให้ยกโทษ

การขอร้องให้ยกโทษกลับไม่ได้รับการให้อภัย แต่กลับเป็นการกระตุ้นสตรีชุดแดง ให้นางตีแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดวงตาเย็นเยือก

สตรีชุดแดงคนนี้มีนามว่าหงเย้า เป็นสาวใช้ที่เสด็จแม่ของตงฟางหลีส่งไปให้เขา ในจวนอ๋องมักจะแสดงตัวเป็นนายหญิง ไม่เห็นนางผู้เป็นพระชายาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ยังเสี้ยมสอนให้คนรับใช้ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้าย

ไม่เพียงเท่านี้ ตอนที่เจ้าของร่างเดิมตามประกบท่านอ๋องสามอย่างคลั่งไคล้ เคยเจอกับแม่นางหงเย้าผู้นี้ ราวกับว่านางเป็นคนของท่านอ๋องสาม ภายในสมองที่โง่เขลาของเจ้าของร่างเดิมเต็มไปด้วยผู้ชายสารเลว เพียงแค่รำคาณที่นางเข้าใกล้ท่านอ๋องสาม บัดนี้ดูเหมือนว่า หงเย้าผู้นี้ เกรงว่าจะเป็นหูตาของท่านอ๋องสามที่ซ่อนไว้ในจวนท่านอ๋องเจ็ด

เพียงเพราะนางเป็นคนที่เสด็จแม่ของตงฟางหลีส่งตัวมา ตลอดเวลาหลายปีมานี้จึงไม่ถูกผู้ใดสงสัย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเยาะ ยากที่จะหลบเลี่ยงจริง ๆ ได้เจอกับคนของผู้ชายสารเลวเร็วถึงเพียงนี้

ผู้ชายสารเลวพยายามวางแผนในระยะยาว นางจะต้องจัดการให้เรียบร้อยถึงจะไม่รู้สึกละอายใจต่อเขา

“หยุดเดี๋ยวนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเย็นเยือก ออกแรงคว้าข้อมือของสตรีชุดแดงเอาไว้ น้ำเสียงเคร่งขรึม “สาวใช้ของข้าทำผิดอันใด? ถึงต้องให้แม่นางหงเย้าลงไม้ลงมือเช่นนี้?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
บุศราพร
ไม่รู้สิคะ ชื่อยาถูก แต่บางสรรพคุณผิด อ่านเอาฟีลพอได้อยู่
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
อ่านแล้วตีความหมายเป็นหนังได้เลยครับ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1674

    หลังจากผ่านไปเนิ่นนานฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงได้ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าส่วนตงฟางหลีนั้นกำลังทำงานอยู่ข้าง ๆ จนกระทั่งฟ้ามืด ถึงได้ตบเบา ๆ บนใบหน้าของนาง“ยัยหนู ตื่นเร็ว ใกล้จะถึงเวลางานเลี้ยงแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านตอนที่เห็นใบหน้าของตงฟางหลีนั้น นางถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ“พี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1673

    “ไปพักผ่อนที่ห้องของพวกเจ้าน่ะสิ ทำไม เจ้าคิดจะอยู่เป็นเพื่อนผู้เฒ่าอย่างข้าไปจนถึงงานเลี้ยงตอนเย็นเลยหรืออย่างไร? เจ้าไม่คิดว่าน่ารำคาญบ้างหรือ?”“ฮิฮิ”​ ฉินเหยี่ยนเย่ว์หัวเราะอย่างไม่มีความละอายหากเปลี่ยนเป็นคนที่ช่างคิดเล็กคิดน้อย อาจจะกล่าวโทษพระสนมอวิ๋นได้ทว่านางรู้ว่าที่พระสนมอวิ๋นพูดจาเช่นน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1672

    “พวกเจ้าแอบมาอู้กระมัง” พระสนมอวิ๋นไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมอง“ฮิฮิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย้ายเก้าอี้เข้ามา มองอาภรณ์ในมือของพระสนมอวิ๋น “พระองค์เย็บอาภรณ์ให้เสด็จพ่ออยู่หรือเพคะ?”“ตอนที่เขามา หากไม่ได้รับของขวัญเดี๋ยวก็แง่งอนขึ้นมาอีก” พระสนมอวิ๋นวางงานที่ทำในมือลง “งานเลี้ยงทางด้านหน้าจบแล้วหรือ?”“ถือ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1671

    “ไม่ต้องห่วง เจ้าแปด ข้ากับอาจารย์ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี แค่จะไปขโมยศพ...อื้ออื้อ” ตงฟางอิงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกไป๋หลินยวนปิดปากเอาไว้“...” องค์ชายแปดยืนอยู่ท่ามกลางสายลมด้วยความสับสนวุ่นวาย“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? เจ้าสิบต้องไปขโมยวิชา? คนผู้นั้นไม่ใช่อาจารย์ของเจ้าสิบหรือ? ไยถึงต้องไปขโมยวิชาด้วย?”ไม่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1670

    ตงฟางอิงส่งเสียงอ๊ากสองครั้ง หันไปมองหน้าไป๋หลินยวน พลันทำหน้ามุ่ยทันที “อาจารย์ ท่านทำอะไรน่ะ?”“จู่ ๆ ท่านก็ยกคนขึ้นมา ตกใจหมดเลย”“หมดเวลาตามที่ตกลงกันไว้แล้ว เจ้ายังทำอะไรอยู่ที่นี่อีก?” ไป๋หลินยวนพูดอย่างเย็นชา“อ้อ ข้าลืมไปเลย” ตงฟางอิงมองด้วยสีหน้าสำนึกผิด “อาจารย์ อย่าโกรธไปเลย”“ท่านวางข้าล

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1669

    พวกเขาไม่ละอายกันบ้างหรือ? ไม่รู้หรือว่าที่นี่คือพระราชวัง? พวกเขาจะทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร?“พี่แปด ท่านมีอคติต่อพี่สะใภ้เจ็ด” ตงฟางอิงพูดไม่ออก “พี่สะใภ้เจ็ดเป็นคนดีขนาดนี้ ไยท่านชอบจับผิดนางอยู่เรื่อยเลยเล่า?”“นางต้องให้ข้าจับผิดนางด้วยหรือ? เห็นได้ชัดเลยว่านางเต็มไปด้วยปัญหา” องค์ชายแปด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status