บริเวณบ้านคลุมไปด้วยหญ้าคาพรุ่งนี้จะถางหญ้า ห่างจากบ้านสักหกเมตรพอ ปลูกอะไรกินนิดหน่อย ดงหญ้าคาที่เหลือเอาไว้ปิดบังบ้านหลังนี้ กระท่อมหลังน้อยๆกลางดงหญ้าคาฟังดูดีเนาะ ดูเหมือนจะมีพืชล้มลุกประปราย เหมือนมีต้นพริกลูกแดงๆ มีเถาแตงด้วย
"ไอ้มีปืนเฮงซวย เล็งทั้งทีก็ไม่ตรงเป้ารถตำรวจอยู่ทางเล็งปืนมาอีกทาง แม่นะแม่อยากได้ลูกเขยอยากให้หนูแต่งงาน ตอนนี้เป็นยังไงล่ะได้จัดงานศพแทนฮือๆๆ"จางซูฉีตะโกนด่าเทวดา ด่ามือปืนที่ยิงพลาด ด่าหนานกงเยี่ย ด่านรกสวรรค์วุ่นวาย กลับมาก็เห็นเสี่ยวเถานอนละเมอ
"พระชายา พรุ่งนี้เสี่ยวเถาจะไปหาข้าวมาให้ท่านอย่าเสียใจเลย"
จางซูฉีอุ้มเด็กทั้งสองมานอนบนเตียงด้วยกัน ก่อนจะห่มผ้าให้แล้วนอนลงข้างๆเพราะใบหน้างดงามแต่สติปัญญาไม่สมประกอบพวกนางเกรงว่าจะถูกรังแก สองพี่น้องจึงช่วยกันดูแลนางเสมอมา
นอนก่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทาง มันมีทางออกเสมอแหละหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ
"เด็กน้อย ขอบใจที่ภักดีมาตลอด ข้าสัญญาจะไม่ทอดทิ้งพวกเจ้าสองคนพี่น้อง"
จางซูฉีรื้อเสื้อผ้าออกมาก่อนจะห่มให้พวกนาง อากาศเชิงเขายิ่งดึกยิ่งหนาว
ฮัดเช้ยๆๆ หนานกงเยี่ยจามเบาๆสามครั้งติดๆกัน จนสืออินต้องเดินไปในครัวนำน้ำขิงอุ่นๆมาให้เขาดื่ม
หนานกงเยี่ยนึกถึงสตรีที่เขาเพิ่งพบ ดวงตาคู่นั้นสุกใสราวกับดวงดาวบางทีอาจเป็นเทพธิดาลงมาก็ได้ ตรงนั้นไม่มีบ้านคนสักหลังเวลาดึกเพียงนั้นมนุษย์คงมิอาจมานั่งเล่นน้ำ วันนี้หนานกงเยี่ยมีประชุมเช้าเขาต้องรีบเข้าวังหลวง หลี่ม่านม่านมายืนรอทำความเคารพแต่เช้า
นางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้งชาดริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อยนั้นน่าทะนุถนอม ก้าวเดินช้าๆเสมือนว่าหากเดินไวไปนางจะหมดแรงแล้วล้มลงจากนั้นก็จะไอออกมา
"คารวะท่านอ๋อง แค่กๆ ท่านอ๋องทรงมีประชุมเช้าหรือเพคะ แค่กๆ วันนี้หม่อมฉันจะมาทูลถามว่า ต้องส่งอาหารให้พี่หญิงหรือไม่ นางตกน้ำเมื่อวานอาจมีไข้ได้ หม่อมฉันต้องส่งหมอของจวนไปหรือไม่เพคะ"
"ไม่ต้องลำบากเจ้าหรอก มีแม่นมฉีดูแลทุกอย่างได้เจ้าอยู่เฉยๆเถอะ หากเจ้าป่วยก็ไปตามหมอในจวน ยังมีอะไรอีกไหมถ้าไม่มีก็ไปได้แล้ว สืออินไปได้แล้วเสียเวลาประชุม"
หนานกงเนี่ยไม่สนใจนาง ป่วยก็มีหมอประจำตำหนัก ไม่จำเป็นต้องมาทำท่าเหมือนคนใกล้ตายให้เขาเห็น
หลี่ม่านม่านกำผ้าเช็ดหน้าแน่น สตรีอ่อนหว่านเมื่อสักครู่หายไปแล้ว นางงามถึงเพียงนี้หึเขายังไม่สนใจนาง
หากนางสั่งห้องครัวไม่ต้องส่งอาหารเขาก็คงไม่สนใจ นังจางซูฉีตายไปก็เป็นเพราะถูกท่านอ๋องลงโทษ ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง และนางจะได้เป็นพระชายาเอกของตำหนักเหมยฮวา
หลี่ม่านม่านสั่งห้องครัวและบ่าวไพร่ห้ามส่งข้าวให้เรือนท้ายจวน หวังจะให้จางซูฉีและสาวใช้อดตายไปเอง
ต่อให้ไม่มีคำสั่งก็เถอะแล้วใครจะไปส่งกันเล่า ถูกส่งไปเรือนหลังนั้นแปลว่าท่านอ๋องต้องการให้นางตายอยู่ที่นั่นเหมือนอนุเหวินของอดีตฮ่องเต้ ที่ถูกไท่ซ่างหวงทอดทิ้งจนตรอมใจตาย
จางซูฉีสำรวจห้องของนางเป็นห้องแรก มีเตียงขนาดใหญ่เป็นเตียงธรรมดาเท่านั้นมิใช่เตียงเตาแต่อย่างใด
ดูท่าอนุเหวินคนนี้คงไม่ได้เป็นคนโปรดนัก ถูกส่งมาให้รอวันตาย พ่อลูกช่างจิตใจอำมหิตเหมือนกันจริงๆ
เคาะๆปัดๆฝุ่นหน้าของนางกับเสี่ยวเถากับเสี่ยวจูมอมแมมไปด้วยผงฝุ่น เสี่ยวเถาเดินไปค้นในโรงเรือนอีกด้านก็ได้ถังไม้มาสองใบ
ได้เศษผ้าเก่ามาสองผืน ชุบน้ำเช็ดถูจนห้องสะอาด รื้อเตียงออกมาจางซูฉีก็เห็นคล้ายกับเตียงเปิดได้จึงขยับแผ่นไม้ออกทีละแผ่น ก็เจอหีบไม้สี่ใบวางเรียงกัน ขนาดพอดีกับเตียง
" เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมาดูนี่สิว่านี่มันหีบไม้ของอนุเหวินผู้นั้นหรือเปล่า"
"อืม เผื่อมีอะไรให้พอได้ใช้สอยบ้าง ข้าจะเปิดแล้วนะ"
จางซูฉีเปิดกล่องแรก ปรากฏว่าเห็นเครื่องมือชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นเครื่องมือเกษตรกับหม้อสองใบ กระทะเหล็กหนึ่งอัน ชามกับตะเกียบห้าชุด แม้จะผ่านมาเกือบสามสิบปี แต่ข้าวของไม่เคยสัมผัสอากาศจึงค่อนข้างคงสภาพ
กล่องที่สองเป็นตำรา สำหรับเกษตร การหมักเหล้า การทำอาหาร งานปักผ้า อีกทั้งคัมภีร์สวดมนต์รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหยกเนื้อดี
นางคงอยู่กับสาวใช้แค่สองจึงอ่านหนังสือเป็นเพื่อน กล่องที่มีผ้าห่มผ้านวม ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดและผ้าฝ้ายสีขาวอยู่มากมายหลายสิบพับ
มีเข็มกับด้าย ไหมปักและสะดึงอยู่ด้วย ก้นลังไม้มีเงินตำลึงอยู่ห้าตำลึง มีชุดสตรีงดงามอีกเกือบสามสิบชุด
"พระชายา ข้าวของเหล่านี้เป็นของอนุเหวินท่านนั้นหรือเพคะ แล้วเราเอามาใช้ได้หรือไม่เพคะ"
"เสี่ยวจูจำไว้ปากท้องต้องกิน ของพวกนี้ต้องใช้สิดูแล้วที่นี่ไม่มีคนอยู่มานาน อีกทั้งฝุ่นก็เกาะจนหนาขนาดนี้ ดูจากเสื้อผ้าแบบก็เก่าแล้ว คงไม่มีใครมาแอบซ่อนไว้หรอก ข้าคิดว่าสาวใช้คนนั้นของนางคงตั้งใจเก็บสิ่งของเหล่านี้ของเจ้านายนางเอาไว้ หลังจากถูกพาตัวไปก็ไม่มีใครมาที่นี่อีกพวกมันเลยยังอยู่ ช่างเป็นคนที่ภักดีจริงๆ พวกเรารีบทำความสะอาดห้องอื่นไปก่อนเดี๋ยวค่อยมาแยกทีหลัง"
เสี่ยวเถาออกไปตักน้ำเพิ่ม ถึงจะมีลำธารแต่ก็โชคดีที่มีบ่อน้ำใกล้ๆด้วย
เสี่ยวเถาหิ้วถังน้ำมาก็เห็นพระชายามองที่ลังไม่วางตา นางมองดูก็ไม่เห็นอะไร จางซูฉีเห็เสี่ยวเถาทำหน้าสงสัยก็บอกว่าฝุ่นเยอะกำลังคิดอยู่ว่า วันนี้จะเสร็จไหม
ผ่านไปจนยามเซิน(15.00-17.59)ทำความสะอาดทั้งบ้านเรียบร้อย สามคนนายบ่าวเช็ดถูเรือนจนสะอาดน่านอนปูเตียงด้วยผ้าปูใหม่ มีผ้านวมสองผืน
ยังเจอข้าวของมากมาย เทียนไข ตะเกียง โต๊ะเก้าอี้อย่างดี มีไหสุรา ไหดินเผาถูกคว่ำไว้เรียงราย ความจริงถือเป็นบ้านคนรวยเชียวนะถ้าอยู่ข้างนอก
แต่เพราะที่นี่คือตำหนักเหมยฮวา เรือนนี้มันจึงดูเหมือนกระท่อมซ่อมซ่อ ในเมื่อมีหม้อแม้จะใบเก่าเล็กๆแต่ขัดก็สะอาดใช้ได้จางซูฉีต้มน้ำดื่ม ตอนนี้ฝนตกน้ำอาจมีการปนเปื้อนจึงต้องระวัง
จางซูฉีที่ถูกหนานกงเยี่ยยกย่องให้เป็นเทพธิดากำลังนอนกางแขนกางขาน้ำลายไหลเปียกหมอน ละเมอด่าเขาถึงบรรพบุรุษของเขาอยู่สิบแปดชั่วโคตร
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ