เข้าสู่ระบบร่างบางถูกวางไว้บนเตียงอย่างนุ่มนวล ดวงตาคมเปล่งประกายเพ่งมองแววตาเย็นชาของนางไร้ซึ่งวาจาใดๆ เขาเอียงหน้าไปในขณะดวงตาคมกำลังมองเธออย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อครั้นนางหมายจะเอ่ยวาจา ริมฝีปากอันอวบอิ่มกลับโดนขย้ำอย่างหิวกระหาย ครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบหายใจไม่ออก ทว่าทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอ ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วตัวร่างกาย ที่ไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง ตรงกันข้ามกับท่านแม่ทัพผู้นี้กลับใช้ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่วลำคอขาวนวล และใบหูอันแดงระเรื่ออย่างสุดจะทนต่อกลิ่นกายอันหอมหวานเคลิบเคลิ้มช่างเย้ายวนใจเขาเหลือเกิน"อึก! ท่าน มะ..ไม่น่ะ!" นางพยายามปกป้องตนเองจากมือหนาซึ่งพยายามเคล้นคลึงยอดอกชูชันภายใต้เสื้อผ้าของนางอย่างไร้ความปรานี"นุ่มนวลเหลือเกิน" ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมืดบอดเพราะความรักมองคนเบื้องล่างอย่างเว้าวอน แก้มเนียนใสระเรื่อจางๆ ทำให้คนเบื้องบนยิ้มละมุนอย่างพึงพอใจ ถึงแม้จะรับรู้ได้ถึงความสั่นเทาราวกับลูกนก แต่ทว่าแรงปรารถนาที่กำลังไหม้อย่างโชกโชนภายในอก มันร้อนรุ่มจนเกินจะหักห้ามใจได้ต่อไป เขาคลายเสื้อคลุมของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลราวกับกำลังคลี่กลีบดอกไม้อันเปราะบางเหลือไว้เพียงชุดชั้น
'เปะ เปะ' เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลัง เผยให้เห็นบุรุษร่างสูงในชุดดำ ยิ้มเหี้ยมเกรียมให้เขาทั้งคู่อย่างกระหยิ่มใจไม่น้อย "หนูสองตัวติดกลับที่วางไว้จนได้ มันช่างอย่างง่ายดายตามที่ท่านอ๋องวางแผนไว้ มิมีผิด ฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างพึงพอใจ นั้นดึงกระบี่คู่กายออกมา หมายจะฆ่าทั้งคู่ด้วยมือตนเอง "ยังมิใช่ตอนนี้" อ๋องจี่ชงเผยยิ้มมุมปากเล็กน้อย ".......""แต่หากเจ้าต้องการ ข้าอนุญาตให้เจ้าเลือกปลิดชีพคนใดคนหนึ่งได้!" แววตานิ่งเฉยไร้ความเมตตาเอ่ยขึ้น"เอาละ ข้าจะปลิดชีพผู้ใดก่อนดี เจ้า! หรือเจ้า! ฮ่าฮ่า ช่างสนุกเสียจริง" เฮ่ออี๋เพ่งมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณาก่อนเหลือบมองอ๋องจี่ชงจิบสุราอย่างรื่นรมย์"ไม่คิดว่าวันนี้ ข้าจะจับหมารับใช้ตัวโปรดของเจ้าหมาป่าได้ หึหึ น่าขันเสียจริง"อ๋องจี่ชงเหลือบมองทั้งคู่เล็กน้อย เดินตรงมาหยุดนิ่งตรงหน้าลี่หวังก่อนจะเทน้ำสุราราดบนศีรษะเขาอย่างดูหมิ่น"อึก!" ลี่หวังทำได้เพียงกำมัดแน่นจนเล็กจิบเพื่อเก็บอาการแค้นเคืองไว้ในใจ"เจ้า!!" ลี่ซานตะโกนขึ้น ทว่าลี่หวังส่ายหน้าให้เขาเก็บอารมณ์ไว้ เพราะในตอนนี้ชีวิตตนทั้งคู่ได้แขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้ว"เจ้าทั้งคู่
แสงทองอร่ามกระทบกิ่งไม้ไผ่อันเขียวขจี หลังหุบเขาลึก ที่ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไป แท้จริงแล้วเป็นค่ายฝึกซ้อมของเหล่าบรรดาชุดดำ เพื่อเตรียมก่อกบฏย่อมเป็นได้ว่าผู้บงการนั้นไม่ธรรมดา หากพวกเขาไม่สะกดรอยตามเฮ่ออี้คงไม่พบความจริงที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้ "จะทำเช่นไรต่อไปดี" หลายจินเพ่งมองอย่างมิอาจละสายตา งานครั้งแรกของตนนับว่าใหญ่หลวงเกินคาดไว้เสียอีก "มิต้องกังวลไป เจ้าจงกลับไปรายงานต่อท่านแม่ทัพ ข้ากับลี่ซานจะเฝ้าดูสถานการณ์จนกว่าท่านแม่ทัพจะถวายโองการต่อฮ่องเต้ เพื่อนำทัพปราบปรามเหล่ากบฏกลุ่มนี้" "แต่..." ไม่รู้เหตุใดเขาถึงเป็นกังวลใจไม่น้อย "ข้ากำลังมอบหมายหน้าที่อันสำคัญให้เจ้าอยู่..." น้ำเสียงอันนุ่มนวลเปล่งออกมาจากบุคคลที่แสนเย็นชาต่อเขามาตลอด มันช่างดีต่อใจอย่างไร้เหตุผล "......" หลานจินนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ลี่หวังยื่นป้ายหยกประจำตัวของตนเองให้เขา เพื่อแทนคำมั่นสัญญา แววตามุ่งมั่นและจริงใจเพ่งมองเขาอย่างไม่วางตา แววตาคมคู่นั้นยังคงซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างไว้ซึ่ง เขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลย "จงรักษาป้ายหยกชิ้นนี้ไว้ เพื่อเอามันมาคืนให้ข้า เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจของเจ้าแล้ว" "อืม ท่านรักษา
ทุกอย่างเงียบสงัดลง เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง จนแทบจะได้ยินเสียงลมพัดผ่านอย่างเหน็บหนาว แววตาเย็นชาของลี่หวังเพ่งมองทิศทางเบื้องหน้าอย่างจริงจัง ไม่มีแม้คำพูดสักคำเอ่ยออกมา เพราะรู้ดีว่าในใจนางตอนนี้ คงสับสนและเหนื่อยล้าเต็มที ท่าทางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินไปต่อ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มสดใสบัดนี้กลับเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ณ เวลานี้มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่ต้องต่อสู้กับชะตากรรมที่ซับซ้อน ซึ่งไม่คาดคิดว่าในอดีตนางคือ เหมยหลิน ผู้ที่หลงรักเขาจนหมดใจ แต่ได้เพียงทุกข์จนตรอมใจกลับมาเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะทำอย่างไรต่อไป 'ฉันต้องแก้แค้นให้ตัวเอง หรือเผชิญหน้ากับเขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งตอนนี้เขาเหมือนจะรักเรามาก ควรให้อภัยดีไหม ทำไงดีเสี่ยวเหยา?' ความคิดต่างๆ นานาพรั่งพรูเข้ามาอย่างมิอาจหยุดยั้งไว้ได้"เฮ่อ..." นางถอนหายใจเพียงเบาๆ แววตาเศร้าอย่างชัดเจน"เสี่ยวเหยา เสี่ยวเหยา ข้ามาแล้ว...เอ๊ะ!" น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเบื้องหลังนาง เป็นใครไม่ได้นอกจากสหายคนสนิท ในขณะที่ลี่หวังพินหน้ามองบุรุษผู้ไร้เดียงสา ดวงตาเขาเบิกกว้างเมื่อพบว่าคนผู้นั้นวิ่งตรงดิ่งมายังท
เวลาล่วงเลยผ่านไป ความเงียบสงบเข้ามาเยือนอีกครั้ง เสี่ยวเหยามิอาจพบหน้าเจิ้งเจี๋ยได้เต็มร้อย นางพยายามซ่อนตัวจากเขา ไม่มาปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเหมือนดั่งเช่นเคย แม้บังเอิญพบเจอกันที่ใด นางก็เอาแต่หลีกหนีเขาทุกครั้งไป ราวกับว่าเขาสิ่งปฏิกูลที่น่ารังเกียจ สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาไม่น้อย ทว่ามิอาจทำการสิ่งใดได้ นางเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปก็เพราะตน จึงฝืนใจนิ่งเฉย รอแผนการคืนความยุติธรรมให้นาง ดั่งที่วางไว้สำเร็จ เมื่อนั้นตนจะลงโทษนางให้สาสมที่ทำให้ตนคะนึงหาอย่างอดทนอดกลั้นแทบจะตายเสียให้ได้ ทางด้านอ๋องจี๋ชงผู้ซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไม่ห่าง อีกทั้งคอยสั่งให้เหล่าทหารจับตามองนางทุกฝีก้าว ครั้นเมื่อสบโอกาสจึงหยิบยื่นไมตรีให้นาง เพียงหวังว่าในช่วงเวลาที่นางจะซาบซึ้งใจ เป็นหนทางเดียวที่ตนสามารถเข้าไปแทนที่ของเจิ้งเจี๋ยได้ ดวงตาเจ้าเล่ห์เพ่งมองสตรีผู้งดงาม ในชุดนางกำนัลชั้นผู้น้อยอย่างหลงใหล กลับมาครั้งนี้นางมิต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป ดวงตาสวยเพ่งมองเงาตนเองในน้ำ ด้วยท่าทางเหม่อเลย ภายในใจครุ่นคิดว่าจะทำเช่นไรกับชีวิตต่อไป"เจ้าดูซูบผอมลงไปมาก มีเรื่องอะไรให้ครุ่นคิด บอกข้าได้หรือ
ค่ำคืนมีเพียงเมฆดำบดบังแสงเรืองทองของจันทราจนหมดสิ้น เป็นค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยวอย่างน่าหวาดหวั่น แม้มองไปในทิศทางใดก็มีแต่ความเงียบสงัด หลงเหลือไว้เพียงแสงสว่างอันริบหรี่ของเปลวเพลิงเพื่อส่องทาง เพราะเส้นทางที่นางกำนัลผู้นั้นว่าไว้ มิได้ซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงไม่กี่เวลาร่างบางหยุดนิ่งตรงประตูบานหนึ่งที่ทำด้วยแผ่นไม้หนา ดูเก่าแก่ตั้งสง่าเป็นจุดศูนย์กลางของกำแพง ด้านในมันช่างน่าค้นหาเสียจริงแอ๊ดดดด!...แกร็บ บานประตูเปิดเองอย่างง่ายดาย เหมือนเชื้อเชิญนาง เสี่ยวเหยาไม่เพียงแต่ไม่สงสัยใดๆ อีกทั้งยังไร้ความหวาดกลัว ถึงไม่รู้ว่าทางข้างหน้านี้มีสิ่งใดซ่อนอยู่ และต้องเจอกับอะไรก็ตามก็ไม่มีอะไรที่น่าหวาดกลัวไปกว่าความทรงจำของเหมยหลินที่พรั่งพรูเข้ามา ดวงตาคู่สวยถูกสะกดด้วยสวนดอกโบตั๋นสีขาวสลับแดงบานสะพรั่งไปทั่ว แม้จะถูกความมืดบดบัง ทว่าก็มิอาจบดบังความงามไว้ได้เลย" เอ๊ะ! เหมือนเคยเห็นดอกไม้เช่นนี้ ที่ไหนมาก่อน" นางเพ่งมองอย่างพินิจทบทวนความจำของตน คลับคล้ายว่าเจอดอกไม้ที่ใดกัน กลับต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยของใครผู้หนึ่ง"เจ้ามาทำอันใดที่นี่!!""ท่านกูกู!!""ข้าเอง เจ้าคิดว่าเ





![จอมนางคู่บัลลังก์ [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

