공유

ตอนที่1

last update 최신 업데이트: 2025-12-11 12:34:40

ตอนที่ 1

แสงอาทิตย์ยามอู่ร้อนแรงเจิดจ้า เสียงประทัดและเสียงดนตรีดังสะท้านไปทั่วถนนจากจวนรองเจ้ากรมโยธากู้ กู้อวี้จิ่ว มุ่งสู่จวนติ้งถิงโหว สวีฟ่านเย่ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวใหญ่โตเคลื่อนผ่านอย่างเอิกเกริก ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าวันนี้คือวันมงคลสำคัญ

หน้าจวนฝ่ายเจ้าบ่าวถูกประดับด้วยผ้าแพรแดงและตัวอักษรซังฮี่อย่างอลังการ เพราะนี่คืองานแต่งของหลานชายคนโตของติ้งถิงโหว แม้เจ้าบ่าวจะกำพร้ามารดาหายสาบสูญบิดาตายจาก แต่ท่านปู่รักและ ในตัวเขามาก งานแต่งจึงยิ่งใหญ่ไม่แพ้ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง

สองฝั่งถนนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มารอดู ไม่เพียงชาวบ้านแต่แขกผู้มีเกียรติจากแทบครึ่งมหานครฉางเล่อก็มารวมตัวกัน ยาวไปจนถึงลานหน้าจวนติ้งถิงโหว ต่างรอคอยดูขบวนเจ้าสาวของสองตระกูลผู้มีอำนาจแห่งแผ่นดินต้าเฉิง

เมื่อหัวขบวนหยุดอยู่หน้าใหญ่ประตูจวน ร่างเจ้าบ่าว สวีเฟิ่งเยี่ยน หลานชายนอกคอกของติ้งถิงโหว ผู้เลื่องลือไปทั่วเมืองว่าเหี้ยม โหด เย็นชา และแข็งกร้าวราวน้ำแข็งนั่งบนหลังอาชาสีน้ำตาลเข้มอย่างองอาจ และในแผ่นดินนี้มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่เขายอมเกรงใจ

แม้สกุลสวีจะเป็นตระกูลหมอหลวงคู่บัลลังก์ของหยางตี้ฮ่องเต้มาหลายสิบปี ดังนั้นสวีเฟิ่งเยี่ยนซึ่งเป็นหลานชายคนโตเหมาะสมที่สุดจะสืบทอดวิชาแพทย์จากท่านปู่เช่นติ้งถิงโหว แต่เขากลับเลือกจับดาบตั้งแต่อายุหกขวบ พอครบสิบสามก็แอบหนีไปเป็นทหาร ไม่ยอมเข้าสำนักแพทย์หลวงตามที่ถูกเคี่ยวเข็ญ ทั้งยังปฏิเสธการเตรียมตัวเป็นติ้งถิงโหวซื่อจื่อตามที่บิดาผู้ล่วงลับก่อนวันอันควรส่งต่อให้

เฟิ่งเยี่ยนเลือกเส้นทางของตนเองไปอยู่ชายแดน ทนลำบากเสี่ยงชีวิตนานหกปีจนขึ้นเป็นแม่ทัพหลังสร้างผลงานปราบศัตรูเช่นแคว้นเหลียง กระทั่งบังเอิญช่วยชีวิตไม่จื่อจ้าวหานและองค์หญิงโซ่วหนิงซึ่งแอบหลบหนีไปท่องเที่ยวชายแดนไม่เปิดเผยฐานะจากโจรภูเขา ทำให้ฮ่องเต้เห็นความสามารถและเรียกกลับมารับตำแหน่งแม่ทัพหน่วยอวี้หลินในวัยเพียงยี่สิบเอ็ด จึงได้กลับสู่เมืองหลวงอีกครั้ง

วันนี้เขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มปักลายนกยวนยางคู่ สง่างามไม่แพ้ใคร ทว่าบนใบหน้าใต้หมวกกว้างกลับไร้รอยยิ้ม ริมฝีปากเม้มตึง ดวงตาคมเย็นชาเห็นได้ชัดเจ้าบ่าวผู้นี้ ไม่เต็มใจแต่งงานเลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว

ซึ่งทุกคนก็พอจะรู้สาเหตุอยู่บ้าง เนื่องจากเขามีหญิงคนรักที่คบกันมากว่าสองปี ทว่านางเป็นลูกหลานตระกูลเจียง ศัตรูเก่าแก่ของติ้งถิงโหว ท่านหัวหน้าหมอหลวงเฒ่าจึงไม่ยอมให้หลานชายแต่งกับลูกหลานของคู่อริเด็ดขาด

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นงานแต่งที่เจ้าบ่าวไม่ได้เลือก เจ้าสาวก็เป็นผู้ที่ติ้งถิงโหวเห็นชอบเอง หากเฟิ่งเยี่ยนไม่ยอมแต่ง เขาจะถูกบังคับให้ลาออกจากกองทัพที่รัก และกลับมาเป็นว่าที่ติ้งถิงโหวซื่อจื่อ ต้องดูแลร้านยาสมุนไพรของสกุลสวีแทนตำแหน่งแม่ทัพอวี้หลินอันทรงเกียรติ

เรื่องนี้…แม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบสามไม่มีวันยอม!

เขาดื้อกับท่านปู่ได้ แต่ขัดพระบัญชาของหยางตี้ฮ่องเต้ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อท่านปู่เป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ให้เกียรติอย่างสูง เมื่อผู้เฒ่าไปขอร้อง ฮ่องเต้ย่อมคล้อยตาม แม้จะเสียดายฝีมือของเขามากก็ตาม

จึงไม่แปลกที่วันนี้เฟิ่งเยี่ยนหน้าบึ้งจนใครเห็นก็รู้ว่าอยากพังงานวิวาห์ให้รู้แล้วรู้รอด หากไม่ติดว่าตำแหน่งแม่ทัพค้ำคออยู่ คงได้เห็นเขาควบม้าออกนอกเมืองไปนานแล้ว เมื่อทนแต่งไม่ได้ ก็แน่นอนว่าหลังแต่ง…กรรมทั้งปวงย่อมตกที่เจ้าสาวเต็มๆ

งานแต่งนี้เพิ่งเริ่มก็ขื่นขมแล้ว

และสิ่งที่ทุกคนคิดก็ตรงกับใจเขาไม่มีผิด ยิ่งเฟิ่งเยี่ยนรู้ว่าเจ้าสาวยอมแต่งเพราะมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน เขายิ่งรังเกียจนางเข้าไปใหญ่ ท่านปู่เขายอมควักสินสอดไม่น้อย ยังถึงขั้นช่วยรับรองบุตรชายคนที่สามของใต้เท้ากู้เข้าสำนักศึกษาหลวงเพื่อแลกหลานสาวคนโตของตระกูลกู้มาเป็นสะใภ้

สตรีเช่นนี้…ในสายตาเขาใครจะไม่ดูแคลน

‘คอยดูเถอะ ข้าจะทรมานให้นางร้องขอหย่าให้ได้ภายในสามวัน!’

เพราะหากนางเป็นฝ่ายร้องขอ เขาย่อมไม่ผิดทั้งต่อท่านปู่และต่อฮ่องเต้ ดีที่เขาฉลาดพอ รีบตอบตกลงแต่งก่อนที่ฮ่องเต้จะประทานสมรส ไม่งั้นคราวนี้ได้ย่อมเป็นเขาที่ถึงคราวซวย เพราะสมรสพระราชทาน…หย่าไม่ได้!

แต่ความจริงก็คืองานแต่งวันนี้มิใช่แค่เจ้าบ่าวที่ไม่เต็มใจ ฝั่งเจ้าสาวเองก็ถูกบีบบังคับไม่ต่างกัน กู้หลิงเซียว ผู้เป็นเจ้าสาว นั่งนิ่งอยู่ในเกี้ยวหรูหราที่ประดับผ้าโปร่งแดง ได้ยินทั้งเสียงกลอง เสียงฝีเท้า และเสียงซุบซิบเรื่อยมาตลอดทาง นางกำมือบนตักแน่นเพียงเพื่อยืนยันว่าตนยังมีชีวิตมิได้กลายเป็นตุ๊กตาผ้าเก่าๆ ตัวหนึ่งที่ถูกยัดขึ้นเกี้ยวมา

หลิงเซียวเป็นบุตรีคนโตของใต้เท้ากู้ รองเจ้ากรมโยธา ชาติกำเนิดดีแต่โชคชะตาไม่เคยเมตตา ความผิดพลาดเมื่ออายุหกขวบทำให้ลบไม่ออกนางเผลอผลักมารดาเลี้ยงตกสะพานจนแท้งลูก บิดากับท่านย่าโกรธจัดจึงส่งนางขึ้นอารามซือไท่เมี่ยวถังบนเขาไท่ซาน อยู่ยาวนานเก้าปีเต็ม

เด็กหญิงที่เพิ่งเสียมารดาไม่ถึงปีก็ถูกส่งขึ้นเขาลำพัง ต้องทนกับความเงียบเหงาและความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจวันแล้ววันเล่า จนครบเก้าปี นางเติบโตในอารามกับสาวใช้นามเผยโหย่วเพียงสองคน ภายใต้กฎระเบียบอันเคร่งครัด เพิ่งถูกรับตัวกลับจวนเมื่อปีก่อนเพราะถึงวัยปักปิ่น

ท่านย่าต้องการให้หลิงเซียวออกเรือน ตอบแทนที่เกิดมาเป็นคนสกุลกู้ ต้องเรียนตำราสอนสตรีและเรียนรู้ชีวิตอย่างคนทั่วไปเสียที ไม่ใช่นักบวชหญิงที่สวดมนต์ตลอดวัน หนึ่งปีที่อยู่จวนกลับถูกท่านย่ากับแม่เลี้ยงเข้มงวดหนักกว่าเดิม

หลิงเซียวรู้ดีว่านางไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ก้าวลงจากเขา บิดาห่างเหิน ฝั่งญาติสกุลเดิมของมารดาก็ลืมนางไปนานแล้ว นางกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ มีเพียงเผยโหย่วที่เคียงข้าง หากท่านย่าไม่คิดดองกับสกุลใหญ่ติ้งถิงโหว นางคงยังติดอยู่บนเขามิได้ลงมาเป็นแน่

สองเดือนก่อน นางถูกบีบให้เลือกระหว่างแต่งเป็นฮูหยินแม่ทัพสวีบุรุษหนุ่มอนาคตไกลที่หยางต้ฮ่องเต้เมตตาและไท่จื่อหยางหลงรักใครประดุจพี่น้อง หรือเป็นฮูหยินรองของสหายบิดา ผู้มีอายุเกือบเท่าท่านปู่ที่ล่วงลับไปแล้ว ตัวเลือกหลังนี้ถึงไม่ใช่หลิงเซียวก็คงไม่มีวันยอม ดังนั้นก่อนยื่นข้อเสนอท่านย่าย่อมรู้ว่านางจะเลือกทางใด แต่เหตุผลสำคัญที่หลิงเซียวตอบตกลงแต่งกับสวีเฟิ่งเยี่ยน เพราะติ้งถิงโหวรับปากว่าจะให้นางเข้าไปดูแลร้านสมุนไพรเหอเซียงหยู๋

เก้าปีในอาราม นางไม่ได้แค่สวดมนต์กลับศึกษาการปรุงยา เก็บสมุนไพรขายประทังชีวิต ทั้งนางและสาวใช้ บิดากับท่านย่าแทบไม่ส่งเงินมาให้ตลอดหลายปี คงคิดว่าเมื่ออยู่ในอารามก็คงจะมีข้าวกินและมีอาภรณ์สวมเพียงพอกระมัง

ดังนั้นตลอดมาหลิงเซียวจึงมีความฝันอยากเปิดร้านขายสมุนไพร ยิ่งมีสวนสมุนไพรเป็นของตนเองยิ่งดี แต่ทุกความฝันหลิงเซียวรู้นางมีราคาต้องจ่ายและครั้งนี้ราคาที่นางต้องจ่ายก็คือแต่งงานกับบุรุษที่มีคนรักอยู่แล้ว อนาคตนางจึงเตรียมใจแต่แรกแล้วว่าตนเองคงไม่ได้ความรักจากสามีเป็นแน่

แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้ความรัก ขอเพียงนางได้เงินทองก็พอแล้ว ไม่มีความรักนางอยู่ได้พิสูจน์มาแล้วตลอดเก้าปีบนเขา แต่ไม่มีเงินนางลำบากมาก หลิงเซียวจึงขอเลือกมีเงินไม่เอาความรัก!

คิดถึงตรงนี้ ขบวนเกี้ยวก็มาถึงหน้าประตูตระกูลสวีพอดี บรรยากาศคึกคักจนพื้นดินสั่น

“เจ้าสาวลงจากเกี้ยว!” เสียงบ่าวผู้ทำพิธีดังขึ้นปลุกหลิงเซียวออกจากห้วงคำนึง หญิงสาววัยสิบหกปีขยับก้าวลงจากเกี้ยวด้วยฝีเท้ามั่นคงเพราะนางเลือกแล้ว

ปลายผ้าแพรแดงในมือตึงเมื่อเจ้าบ่าวกระชากราวกับเขาลืมตัว หลิงเซียวมองผ่านผ้าโปร่งแดงนางเห็นเพียงมือแกร่งจับผ้าไว้มั่นราวกับกำลังบังคับม้าพยศไม่อ่อนโยนแต่ไม่หยาบคาย เป็นสัมผัสของผู้ที่ทำแค่ตามหน้าที่หลังจากเขาคงตั้งสติได้ว่าตกอยู่ในสายตาของแขกมากมาย

หลิงเซียวคิดไม่โกรธเคืองที่ตนเองถูกกระชากจนเกือบล้ม เพราะตนเองก็ทำตามหน้าที่เช่นกัน แม้หัวใจเต้นแรงเหมือนกลองรบ นางยังคงยืดหลังตรง จากนั้นสูดลมหายใจเข้าท้องเติมกำลังใจให้ตนเอง

เสียงซุบซิบสองข้างทางดังระงม แต่เงียบลงทันทีเมื่อนางก้าวเข้าสู่พรมแดงยาวสุดสายตาเหมือนเส้นชะตาที่หลิงเซียวเลือกแล้ว ไม่ว่าภายหน้าจะเจอสิ่งใดยากลำบากขนาดไหนนางจะไม่เสียใจ

“เจ้าสาวเดินข้ามกระถางไฟเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย!” ผู้เฒ่านำพิธีประกาศ

เปลวไฟเต้นรำในสายลม เงานางทอดยาวบนพื้นแดง กลิ่นควันผสมไม้หอมชวนขลัง หลิงเซียวสูดลมหายใจ จับปลายแพรแดงแน่น ยกชายกระโปรงเพียงเล็กน้อยก่อนก้าวข้ามไฟที่เหมือนตัดอดีตทั้งมวลทิ้ง

ทันทีที่เท้าแตะพื้นอีกฝั่ง เสียงไชโยดังลั่น สาวใช้โปรยกลีบโบตั๋นแดงราวสายโลหิตตามธรรมเนียม

บ่าวชายสองคนยกถาดทองมาวางตรงหน้า เจ้าบ่าวขยับเข้ามาใกล้เพียงเล็กน้อยเหมือนทำหน้าที่บังลมให้ผ้าไม่ปลิว

“โปรยธัญพืช นำพาความอุดมสมบูรณ์และลูกหลาน”

ในถาดมีข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ลูกเดือย ถั่วแดง สัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงาม เสียงเมล็ดพืชหล่นกระทบพรมแดงเบาๆ แต่สะท้อนไปถึงหัวใจของคู่บ่าว-สาวชัดเจนนัก

เจ้าบ่าวยืนอยู่ข้างๆ ไม่แตะต้องนางสักนิด แต่การมีอยู่ของเขาหนักแน่นพอจะรู้สึกได้ทะลุผ้าโปร่งว่าเขาไม่พึงใจนางมากเพียงใด แต่แล้วอย่างไร เพียงไม่พึงใจหากเขายังไม่ทำร้ายนาง หลิงเซียวอดทนได้

เมื่อโปรยธัญพืชเสร็จ เส้นทางสู่ประตูเฮ้อเหมินเปิดตรงหน้าประตูชีวิตคู่ที่ไม่มีใครถามว่าพร้อมหรือไม่ เสียงนินทาก็เริ่มขึ้นอีก

“แม่ทัพสวีไม่ยิ้มเลยสักนิด”

“ใครจะยิ้มออกล่ะ แต่งกับสตรีที่ตนเองไม่ได้รัก”

“นั่นสิ แต่คุณหนูใหญ่กู้ผู้นี้ก็เห็นแก่ผลประโยชน์ไม่สนใจเลยสักนิดว่าตนเองไปตัดวาสนารักของผู้ใดเข้า”

“นางคงกลัวจะได้แต่งไปเป็นอี๋เหนียงกระมัง เห็นว่าใต้เท้ากู้ส่งบุตรสาวคนนี้ไปอยู่อารามเมี่ยวถังตั้งเก้าปี”

“หากเป็นข้าก็เลือกแต่งกับท่านแม่ทัพสวี ใครจะอยากแต่งไปเป็นอี๋เหนียงของตาเฒ่าวัยใกล้ตายกัน”

ถ้อยคำเหล่านั้นพัดผ่านหูหลิงเซียวเหมือนลมหนาว นางไม่หยุดฟัง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันบั่นทอนใจอยู่เล็กน้อย ทว่าแววตาใต้ผ้าคลุมหนายังคงนิ่ง...นิ่งอย่างที่ตลอดเก้าปีนางถูกฝึกมานานในฐานะซือไท่

เฟิ่งเยี่ยนเดินนำ หลิงเซียวเดินตามร่างกายของทั้งสองห่างเพียงไม่กี่คืบ แต่หัวใจของเขาและนางกลับห่างกันราวพันลี้

พิธีการทั้งหมดดำเนินเร็ว ทั้งคู่คุกเข่าไหว้ฟ้า ไหว้ดิน ไหว้บรรพชน และไหว้กันเอง เฟิ่งเยี่ยนทำทุกขั้นตอนราวกับเขาไร้ความรู้สึก ขนาดไม่คิดจะมองเจ้าสาวของตนเองตรงๆ แต่มีจังหวะหนึ่งที่ปลายนิ้วของทั้งสองแตะกันในยามที่รับถ้วยชามงคลโดยบังเอิญทำเอาท่านแม่ทัพหนุ่มรู้สึกราวตนเองถูกเข็มนับพันแทงจากปลายนิ้วสู่หัวใจเลยรีบถอยห่างเจ้าสาวราวกับโดนถ่านแดงๆ

ไม่นานพิธีก็สิ้นสุด แสงโคมทั่วจวนไล่เงาทั้งคู่ยาวไปบนพื้นหิน พ่อบ้านใหญ่ลู่เค่อประกาศ เสียงดังกังวาน “ส่งเจ้าสาวเข้าห้องหอ!”

เสียงโห่ร้องดังทันที งานเลี้ยงคึกคัก แขกเหรื่อทยอยดื่มกิน ลุ้นให้เจ้าบ่าวรีบไปหาเจ้าสาวเพื่อแกล้งหยอกเย้าตามธรรมเนียม

แต่ในห้องหอ มีเพียงความเงียบ สาวใช้ในจวนติ้งถิงโหวเปิดประตูพาหลิงเซียวเข้าไปแล้วถอยออก ทิ้งให้นางนั่งอยู่บนเตียงแดงปักลายนกยวนยางคู่ แสงเย็นยามพลบค่ำสะท้อนผ้าไหมระยิบระยับ

หลิงเซียววางมือลงบนตัก สูดลมหายใจลึก แม้หวาดกลัวคืนเข้าหอแต่นางไม่คิดถอยหนี แต่พอคิดไปถึงท่าทางรังเกียจสามีแปลกหน้านางก็มีความหวังอยู่เล็กน้อยว่าคืนนี้เฟิ่งเยี่ยนอาจไม่เข้าหอกับตนเอง แต่สุดท้ายไม่ว่าเจ้าบ่าวจะตัดสินใจอย่างไรนางก็ทำได้เพียง เตรียมรับมือเท่านั้น

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่14

    ตอนที่ 14กว่าสวีเฟิ่งเยี่ยนจะรู้สึกตัว กู้หลิงเซียวก็แน่นิ่งไปแล้ว เวลาเหมือนหยุดลง ใจแม่ทัพที่ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วนกลับว่างเปล่าจนเหมือนถูกคว้าน เขารีบกระชากใบหน้านางขึ้นจากน้ำ นิ้วมือสั่นไม่หยุด ร่างของฮูหยินอ่อนปวกเปียก ไร้เรี่ยวแรงจนตาเขาเบิกกว้างเขาอุ้มนางขึ้นจากถังน้ำ แขนแกร่งที่เคยยกคนทั้งตัวกลับสั่นระริก หลิงเซียวเบาหวิวราวตุ๊กตาผ้า ใบหน้าซีดราวกระดาษ ดวงตาปิดสนิทไร้สัญญาณของชีวิต เมื่อวางนางลงบนพื้นไม้ ก็เห็นเพียงเงาว่างเปล่าที่สะท้อนอยู่ในสายตาตนเอง“หลิงเซียว!”เสียงของเขาแหบพร่า สั่นจนแทบไม่เหมือนตัวเอง ร่างใหญ่นั้นสั่นไม่ใช่เพราะความเย็น หากเพราะความกลัวที่พุ่งขึ้นจากอก มือที่สัมผัสแก้มนางชะงักทันทีเมื่อเจอความเย็นเฉียบ เขาตบแก้มนางเบาๆ ซ้ำๆ“ตื่นสิ… เจ้าได้ยินข้าหรือไม่!”ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงความเงียบอัดแน่นจนเหมือนบดหัวใจเขา เฟิ่งเยี่ยนแทบลืมหายใจ ใบหน้าที่เคยนิ่งเหมือนหิน กลับเต็มไปด้วยความตระหนกไม่อาจปิดบังเฟิ่งเยี่ยนแทบหยุดหายใจไปพร้อมนาง ใบหน้าที่ปกติแข็งเหมือนศิลากลับเต็มไปด้วยความตระหนกและความกลัว ไม่ปิดบังแม้เสี้ยวเดียว หัวใจที่เคยแข็งเหมือนเหล็กกล้ากลับสั่

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่13

    ตอนที่ 13“ท่านเสียสติหรือเฟิ่งเยี่ยน!”เสียงตวาดถามแหบแห้งของหลิงเซียวพุ่งออกจากริมฝีปากสั่นระริกทันทีที่นางกระชากศีรษะขึ้นจากน้ำแล้วยืนมั่นคง ใบหน้าซีดเผือดเพราะขาดอากาศยังไม่กลับคืนสีของ เลือดฝาดแทบไม่มี แต่ดวงตาหงส์คู่งามของนางก็เบิกกว้างแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกกดทับจนแทบระเบิด ริมฝีปากสั่นเทาเพราะทั้งหนาว ทั้งหวาดหวั่น ทั้งเดือดดาล ระคนกันจนไม่รู้ว่าอันไหนแรงกว่ากัน“ท่านมาทำร้ายข้าด้วยเหตุอันใด?”หลิงเซียวยืนเกาะขอบถังอีกฟากห่างจากสวีเฟิ่งเยี่ยนไปสองช่วงแขนเพราะไม่วางใจเขาอีกแล้ว เนื้อตัวของนางสั่นเทา เส้นผมเปียกแนบแก้มเหมือนสายโซ่ที่ย้ำเตือนว่าตนเพิ่งถูกคนตรงหน้าจบกดลงน้ำจนเกือบไม่รอด นางหอบจนหน้าอกกระเพื่อมแต่ก็ยังถามหาสาเหตุที่ตนเองถูกทำร้าย“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือสตรีแพศยาทำเรื่องต่ำทรามมากจนจำไม่ได้แล้วกระมัง”นอกจากไม่ตอบสวีเฟิ่งเยี่ยนยังถามนางกลับขณะที่เอ่ยปากเขาก็ขยับเข้ามายืนตรงหน้าของหลิงเซียวอีกสองก้าว ดวงตาคมเกรี้ยวกราดที่ปกติหนักและนิ่งราวเหล็กกล้า ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นประกายมืดวาววับราวกับคนเสียสติ“ข้าแพศยาอย่างไร ข้าไม่รู้ตัว ท่านแม่ทัพช่วยชี้แนะข้าให้รู้ด้ว

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่12

    ตอนที่ 12เมื่อเฟิ่งเยี่ยนมาถึงหน้าเรือนเหลียนฮัว เขาก็รีบก้าวเข้าในเรือนด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นแต่มั่นคง น้ำหนักของรองเท้าหนังทหารที่กระทบพื้นทำให้พื้นเรือนสั่นทีละก้าว ราวกับเสียงเตือนภัยที่ดังก้องเข้าหูของทุกคนในเรือน ดวงตาเข้มขรึมของเขากวาดมองไปรอบโถงเรือนทันที ราวกับนักล่าที่กำลังมองหาเหยื่อที่ต้องเจอ เขาหวังจะพบร่างของหลิงเซียวที่มักออกมายืนรอรับเขาเป็นประจำ ไม่ว่าแดดจะร้อนหรือหิมะจะตก นางก็มักมารอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ กับสายตาที่สงบเยือกเย็น แต่วันนี้…...วันนี้ราวกับนกรู้ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง!ในอกของเขาถึงกับสะท้านวูบ คล้ายมีไอเย็นคืบคลานขึ้นจากสันหลัง ไม่ใช่เพราะความหนาวเย็น แต่เป็นเพราะความโกรธระคนความคับแค้นที่ตีขึ้นมาจนล้นอก“ทะ…ท่านแม่ทัพ”แวบแรกที่กุ้ยหนิงหันมาพบกับร่างสูงใหญ่ของสวีเฟิ่งเยี่ยน สาวใช้ตัวน้อยถึงกับสะดุ้ง นางรีบย่อกายคารวะอย่างลนลานจนเกือบโค้งตัวมากเกินไป ใบหน้าขาวซีดไปในบัดดล หากแต่พอเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาคมกล้ากระทบกับแสงอาทิตย์อัสดง ดวงตาที่มืดลึกไร้ก้นบึ้งราวกับหลุมเหวสีดำมืด นางถึงกับแข้งขาสั่นแทบล้มลงเดี๋ยวนี้“ท่าน…กะ…กลับมาแล้ว…หรือเจ้าค่ะ”เสียงเด็กสา

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่11

    ตอนที่ 11เมื่อเดินผ่านสวนหญ้าหน้าห้องหนังสือ แสงแดดยามบ่ายสาดเข้าหากระเบื้องเคลือบสีเข้มจนเป็นประกายงามจับตา เฟิ่งเยี่ยนที่สวมชุดแม่ทัพสีดำเข้มขลิบเงิน คิ้วเข้มขมวดแน่น ใบหน้าคมดุดันดั่งหยกสลักหยุดหน้าประตูไม้เก่าอย่างชั่วครู่ สายตาของเขาแข็งกร้าวนิ่งงันอยู่ที่บานประตูราวกับต้องการจะส่องทะลุเข้าไปในห้อง เขายกมือขึ้นเคาะสามครั้งดังถี่ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยให้คนภายในห้องทราบถึงการมา “ท่านปู่ เป็นเฟิ่งเยี่ยนขอรับ”เสียงท่านโหวจากด้านในดังออกมาอย่างหนักแน่น ราวกับคนที่ถือชะตาของบ้านทั้งหลัง “เข้ามาเถิด เยี่ยนเอ๋อ ข้ารอเจ้าอยู่”เฟิ่งเยี่ยนก้าวเข้าไปทันที ราวกับทหารเข้าสู่สนามหน้าศึก สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาสูดกลิ่นน้ำหมึกกับไม้พยุงที่อบอวลในอากาศเต็มปอด กลิ่นเก่าแก่ของหนังสือ ตำราบัญชี เศษกระดาษที่ทับซ้อน หยดน้ำหมึกที่ซึมบนผิวโต๊ะ ไอความเก่าแก่เหล่านั้นทับถมประสาทสัมผัสของเขา ทั้งหมดทำให้ความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจค่อยๆ ถูกขับออกมาเขาประสานมือคำนับ กิริยาแข็งแรงสมกับเป็นคนเดียวในตระกูลที่เป็นทหาร ก่อนดวงตาคมจะเหลือบเห็นกองบัญชีและตำราย

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่10

    ตอนที่ 10ยามเช้าวันถัดมา แสงแดดสีทองอ่อนสาดลงเหนือจวนติ้งถิงโหว คล้ายจะผลักความเงียบสงบให้ปนกลิ่นความวุ่นวายบางเบาในสายลม แต่ความนิ่งเรียบของลานด้านนอกมิได้เข้าไปถึงห้องหนังสือ ท่านโหวผู้ชรานั่งอยู่ในห้องหนังสือมาตั้งแต่ก่อนยามเฉิน เขานั่งหลังตรงอย่างผู้ทรงอำนาจ แม้ผมหงอกจะแทรกครึ่งศีรษะและกระดูกเริ่มอ่อนล้า แต่แววตายังคมกริบราวดาบเก่าแก่ที่ผ่านศึกมาไม่รู้กี่ครา ทั้งเช้านั้นเขาใช้เวลากับกู้หลิงเซียวในห้องบัญชีเก่าของสกุลสวีกองสมุดบัญชีซ้อนกันบนโต๊ะไม้สักจนเป็นป้อมปราการแห่งตัวเลขและจำนวนเงิน กลิ่นหมึกเก่าและชาหอมลอยคลุ้งชวนให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมากว่าครึ่งชีวิตที่เขาดูแลตระกูลนี้ เสียงพู่กันลากผ่านแผ่นไม้ไผ่ได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบ“หากไม่เข้าใจเรื่องตัวเลขเจ้าถามท่านปู่ได้” ผ่านไปครู่ใหญ่ชายชราจึงเอ่ยกับหลานสะใภ้เสียงอ่อนโยน“ขอบคุณท่านปู่ที่เมตตาเซียวเซียวเจ้าค่ะ” หลิงเซียวรีบวางลูกคิดกับสมุดบัญชีประสานมือคำนับท่านปู่ของสามีจากใจสีหน้าของเด็กสาวท่าทางสงบ แต่ลึกในดวงตาแฝงประกายแห่งการจดจำแม่นยำและความมุ่งมั่น นางมิได้ทำเพียงเพื่อเอาใจ หากจริงจังเรียนรู้ ทุกตัวเลขที่อ่านผ่า

  • ท่านแม่ทัพหย่ากับข้าเถอะ!    ตอนที่9

    ตอนที่ 9แต่สุดท้ายหลิงเซียวก็ได้รู้ว่าตัวบัดซบนามสวีเฟิ่งเยี่ยนไม่เคยรักษาคำพูด เพราะทันทีหลังมื้อค่ำ เขาก็จับนางกินแทนของหวานล้างปากอย่างไม่ปรานี และนับแต่นั้น หากเขาไม่มีงานราชการให้ค้างในค่ายแม่ทัพหนุ่มก็กลับเรือนติ้งถิงโหวทุกคืน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาเสพติดร่างกายนางนัก ชอบร่วมรักกับนางจนนางแทบจะหมดแรงอยู่ทุกวัน ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เขาจับนางร่วมรักทุกคืนจนรู้แม่นว่าแต่ละเดือนระดูของนางมาวันใดหมดวันไหนแต่งเข้าจวนมาสามเดือนเศษ ชีวิตของหลิงเซียวกลับตั้งหลักได้เร็วกว่าที่คาด แม้นางไม่คาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะเคยคิดว่าจะถูกญาติของสามีรังเกียจ แต่ภายในเวลาเพียงสามเดือน บ่าวไพร่ในเรือนเหลียนฮัวต่างยอมรับนางแล้ว ส่วนญาติบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่ก็ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายกับนางเลย แถมน้องสามีเช่นสวีเฟิ่งหยวนยังดีกับนางมากส่วนท่านโหวคงไม่ต้องเอ่ยเอ่ยถึงอีกฝ่ายสนับสนุนมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วจะติดก็เพียงสามีแม่ทัพของนางที่ยังตั้งแง่ไม่เลิก โชคยังดีที่งานของเขาสุมหัวจนแทบไม่มีเวลาหาเรื่องใส่นาง นอกจากกลับมาอาบน้ำ กินข้าว แล้วก็ลากนางเข้าห้องไปร่วมรักจนค่อนคืน ในฐานะแม่ทัพอวี้หลิน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status