“ได้สิเจ้าค่ะ อย่างนั้นข้าจะไปเอาผ้ามาปูนอนข้างล่างนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก มานอนบนเตียงกับข้าก็ได้”
“!!!” เสี่ยวหลี่ตกตะลึงดวงตาเบิกโต นางกับหลิวหลิงลี่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผู้เป็นนายหญิงกลับให้สาวใช้อย่างนางนอนบนเตียงด้วยอย่างไม่รู้สึกรังเกียจ
“ไม่ได้เจ้าค่ะ อย่างไรท่านก็เป็นถึงนายหญิงนะเจ้าคะ จะให้ข้าไปนอนบนเตียงกับท่านได้อย่างไร”
หลิวหลิงลี่จึงเล่าเรื่องของเหนียวเหนี่ยวให้เสี่ยวหลี่ฟัง ทำให้สาวรับใช้คิดกับผู้เป็นนายหญิงต่างไปจากเดิม ก่อนหน้านี้ในสายตาเสี่ยวหลี่เจ้าของเรือนตะวันตกดูหยิ่งวางตัวเป็นนายหญิงฐานะสูงส่ง และยังชอบวางอำนาจข่มขู่ข้ารับใช้อีกด้วย
ที่เสี่ยวหลี่คิดเช่นนั้นเพราะเพียงแค่เจอกันวันแรกหลิวหลิงลี่ก็บังคับนางให้กินอาหาร หากไม่กินก็ขู่ว่าจะฟ้องท่านโหว เสี่ยวหลี่เลยแอบไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหลิวหลิงลี่จิตใจดีอ่อนโยนไม่ถือตัว ถึงผู้เป็นนายหญิงจะอายุมากกว่านาง แต่เสี่ยวหลี่กลับรู้สึกได้ว่าหลิวหลิงลี่ช่างอ่อนต่อโลกมากนัก
เมื่อฟังหลิวหลิงลี่เล่าเรื่องสาวรับใช้คนสนิ
หลิวหลิงลี่เห็นท่าทีของหลัวหยางโหวก็รู้ทันทีว่าแผนการของจงเอ่าได้ผล ดังนั้นหญิงสาวจึงรีบเอ่ยต่อโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวอันใด เพราะกลัวว่าคำที่พ่นออกมาจากปากอีกฝ่ายจะเป็นคำพูดที่ฉีกหน้านางต่อหน้าผู้คน“ศึกครั้งนี้ข้ารู้ว่าท่านโหวจะต้องชนะอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ต้องถนอมตนเองด้วยนะเจ้าคะ ส่วนข้าจะกลับเมืองอันหยางไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่รอท่านโหวกลับมา ส่วนเรื่องที่ท่านโหวกำชับข้าเมื่อคืน ข้าไม่มีทางลืมแน่นอนเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน ครั้นกล่าวจบหลิวหลิงลี่ก็ไม่รอช้า นางผินหน้าไปยังผู้ติดตามทั้งสี่คนของหลัวหยางโหวทันที“ข้าขอฝากพวกท่านดูแลท่านโหวด้วยนะเจ้าคะ” พูดจบหญิงสาวก็ยอบกายลงเล็กน้อยให้คนทั้งสี่ที่อยู่บนหลังม้า“ฮูหยินมิต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว” ข่ายตั๋วกล่าวพร้อมผสานมือ“ใช่ ๆ” แม่ทัพอีกสามคนเอ่ยเสริมพร้อมพยักหน้าเนิบนาบเมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็มิเอ่ยอันใดกับผู้ติดตามทั้งสี่คนอีก นางได้แต่คลี่ยิ้มให้พวกเขาก่อนจะหันหน้ากลับมาที่หลัวหยางโหว ครั้นหลิวหลิงลี่เห็นเขา
ประตูเมืองหนานเหลียนกองทัพทหารของเมืองอันหยางบวกกับกองทัพทหารของเมืองหนานเหลียนบางส่วน ตั้งทัพที่นอกประตูเมืองเรียบร้อยพร้อมเดินทางไปทำศึกในครั้งนี้ เวลานี้นายทหารทุกคนรอเพียงแม่ทัพใหญ่ทั้งสามกับกุนซือและหลัวหยางโหวมานำทัพเท่านั้น กองทัพร่วมแสนนายก็จะเคลื่อนกองกำลังไปยังเมืองฟางตงทันทีหลังจากหลัวหยางโหวได้เอ่ยฝากฝังขุนนางที่จะเดินทางมารับตำแหน่งเจ้าเมือง กับเหล่าขุนนางและแม่ทัพของเมืองหนานเหลียนเสร็จแล้ว หลัวหยางก็ขึ้นหลังม้าพร้อมที่จะนำทัพออกจากเมืองทว่าเพียงผู้นำทัพขึ้นหลังม้า กลับมีรถม้าคันหนึ่งพยายามจะเข้ามาใกล้กลุ่มเหล่าขุนนางที่หลัวหยางโหวเพิ่งหารือไป แต่โชคดีที่ทหารสกัดรถม้าคันนั้นเอาไว้เสียก่อน“พวกเจ้ากล้าขวางรถม้าของฮูหยินท่านโหวอย่างนั้นหรือ?” ฟางเซียวที่ขี่ม้าตามมาทีหลัง เอ่ยเสียงแข็งกร้าวดังกังวาน เมื่อเห็นว่ามีทหารมาล้อมรถม้าของหลิวหลิงลี่เอาไว้เพียงได้ยินว่าคนข้างในคือ ‘ฮูหยินของท่านโหว’ เหล่าทหารก็ลดอาวุธลงอย่างรวดเร็วหลัวหยางโหวรวมถึงผู้ติดตามทั้งสี่คนที่จะไปออกรบกับเขาที่เมืองฟา
หลังจากที่หลิวหลิงลี่ตัดสินใจทำตามแผนการของจงเอ่า หญิงรับใช้อายุมากกว่าก็ให้เสี่ยวหลี่ไปเลือกชุดสีชมพูอ่อน พร้อมเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นให้ผู้เป็นนายหญิง ส่วนสตรีอายุมากที่สุดเป็นคนลงมือแต่งหน้าให้กับหลิวหลิงลี่ด้วยตนเองจงเอ่าจงใจแต่งหน้าให้หลิวหลิงลี่ราวกับคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หญิงรับใช้แต่งแต้มสีปากให้นายหญิงด้วยสีชมพูอ่อน ก่อนใช้ผงแป้งทาทับลงเล็กน้อย ให้ริมฝีปากซีดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเขียนคิ้วเป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จแล้ว หญิงรับใช้ทั้งสองก็รีบพาหลิวหลิงลี่ไปขึ้นรถม้าเพื่อจะไปส่งหลัวหยางโหวที่ประตูเมืองหนานเหลียน แต่ทว่ากลับถูกฟางเซียวรั้งเอาไว้“ฮูหยินจะไปไหนขอรับ” ฟางเซียวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลิวหลิงลี่โดยไม่มีสิ่งใดปิดบังใบหน้า ความงามของนางสมกับคำเล่าที่เขาได้ยินมาจากแม่ทัพห่าวซวนหลิวหลิงลี่มองหน้าฟางเซียวด้วยความงุนงง เพราะนางมิเคยเห็นหน้าของบุรุษผู้นี้มาก่อน เนื่องจากปกติหลัวหยางโหวจะส่งห่าวซวนมาตลอด“ท่านนี้คือแม่ทัพฟางเซียวเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลี่เห็นสีหน้าของหลิว
วันต่อมาหลัวหยางโหวไปยังค่ายทหารตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อสั่งให้กองทหารเตรียมตัวเคลื่อนกำลังพลออกจากเมืองหนานเหลียนไปสมทบกับกองกำลังทหารที่จะบุกโจมตีเมืองฟางตง ทั้งที่เดิมทีเขาคิดจะเคลื่อนทัพในอีกสามวันข้างหน้า เพราะจะรอให้ขุนนางจากเมืองอันหยางที่เขาเลือกให้เป็นเจ้าเมืองหนานเหลียนมาถึงเสียก่อนสาเหตุที่เขาออกจากเมืองหนานเหลียนเร็วกว่ากำหนด เป็นเพราะเขาอยากหลบหน้าสตรีแซ่หลิว เนื่องจากเมื่อคืนนี้ หลัวหยางโหวนอนไม่หลับแทบทั้งคืน เพราะเพียงแค่เขาหลับตาลงก็เห็นใบหน้าของนางลอยมา ต่อให้สาเหตุอาจมาจากฤทธิ์สุรา แต่การไม่พบหน้าของหลิวหลิงลี่ในยามนี้คงดีต่อใจเขามากกว่าการไปรบกับเมืองฟางตงครั้งนี้ หลัวหยางโหวมิได้ให้แม่ทัพน้อยฟางเซียวตามทัพไปด้วย แต่กลับให้หนุ่มน้อยคุ้มกันหลิวหลิงลี่กลับไปยังเมืองอันหยาง เพื่อให้นางไปรับหน้ามารดาของเขาที่จะกลับมาจากเมืองเฉิน หลังจากเขากลับมาจากเมืองฟางตง มารดาของเขาก็คงจะสงบใจลงไปได้ไม่มากก็น้อยส่วนเมืองหนานเหลียนแห่งนี้ หลัวหยางโหวเห็นว่าคืนที่เขาฉลองกับเหล่าทหาร เหล่าขุนนางกับเหล่าทหารของเมืองหนานเหลียนก็ไม่มีทีท่าจะตลบหลังเขา ดังนั้น
หญิงสาวที่มักนอนต่างที่ไม่ค่อยหลับ แต่วันนี้กลับนอนหลับสนิทราวกับที่นี่คือห้องนอนของตนเอง นั่นอาจเป็นเพราะกลิ่นกายของบุรุษเจ้าของห้องที่ติดอยู่บนเตียงนอน ที่ทำให้สตรีอาภรณ์แดงรู้สึกผ่อนคลายปลอดภัย นางจึงนอนหลับได้สนิททั้งที่มิใช่เตียงนอนของตน จนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเปิดประตูเพียงหลัวหยางโหวก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องหอก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง เพราะที่เขาหวังไว้นั้นคือภาพที่หญิงสาวนั่งรอเขาเข้ามาในห้องหอจนร่างกายเกิดเหน็บชา หรือไม่ก็เห็นเจ้าสาวของเขานั่งร้องห่มร้องไห้ เนื่องจากถูกเขาเหยียบหยามที่จัดงานแต่งให้นางไม่สมฐานะแต่ทว่าภาพที่เขาได้เห็นอยู่ในตอนนี้ กลับเป็นภาพที่หญิงสาวชุดสีแดงนอนตะแคงหลับตาสนิทอย่างไร้ความกังวลใด ๆ ราวกับนางต่างหากที่ไม่ได้อยากร่วมหอกับเขา ดังนั้นเขาจะมาหรือไม่มาก็หาใช่เรื่องสำคัญสำหรับนางไม่หลัวหยางโหวก้าวเท้ายาวเข้าไปใกล้เตียงนอน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของสตรีที่นอนอยู่บนเตียงแล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ สองสามทีด้วยแรงดึงชายแขนเสื้อทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวแต่ทว่านางก็ยังมิยอมตื่น นางหมุนตัวหนีเข้าไปด้านในของเตียง แต่ทว่ามีหรือบุร
ท่ามกลางเสียงประกาศของกุนซือที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงาน หลิวหลิงลี่เดินไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วโดยมีเสี่ยวหลี่กับจงเอ่าคอยนำทาง นางเดินมาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของบุรุษหนุ่มชุดแดงหลัวหยางโหวเมื่อเห็นสตรีที่มาจากตระกูลของศัตรูเดินมาหยุดที่หน้าของตนเอง ก็ใช้สายตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเชิดหน้าใส่นาง ถึงเจ้าบ่าวผู้เย่อหยิ่งจะทำเมินใส่สตรีชุดเจ้าสาว ทว่าในใจเขากลับยอมรับว่ารูปร่างของนางเย้ายวนใจบุรุษได้ดี และเมื่อหลิวหลิงลี่มายืนใกล้ ๆ ก็ยิ่งทำให้เขาเห็นว่านางตัวเล็กและบอบบางต่างจากเขามากเพียงใดหลิวหลิงลี่ที่ได้เห็นหลัวหยางโหวเป็นครั้งแรกก็รู้สึกไม่พอใจกับสายตาที่เขามองมานัก แต่ต้องยอมรับว่าเขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม คิ้วคมจมูกเป็นสันรับกับใบหน้า รูปกายสูงกำยำ หัวไหล่ผายหน้าอกกว้างดูองอาจ เสียแต่สายตาที่ดูดุดันและท่าทางเหยียดหยามผู้อื่นทำให้ใบหน้าดูเย็นชาไม่น่าเข้าหาเมื่อจบพิธียิบย่อยแล้วก็มาถึงพิธีผูกเงื่อนผม ผู้ติดตามตัดปอยผมของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาผูกเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างกล่าวแสดงความยินดีเมื่อเสร็จพิธีการทั้งหมดที่ห้องโถง หลิวหลิงล