“หึ หึ.. ฮ่าๆ ๆ ๆ ว้าววว ขอบคุณเทพเจ้ายี่ซิงงงงง ขอบคุณท่านมาก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” ซู่หรานดีใจจนหัวเราะเหมือนคนบ้า กระโดดโลดเต้นเข้าไปในห้อง ถอดเสื้อผ้า ทิ้งตัวลงนอน
สาวใช้ต่างตกใจ แต่ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใด
“นี่ ข้าไม่เอาข้าวเช้านะ ไม่ต้องเตรียมมา ข้าจะนอนจนถึงเที่ยง ถึงตอนนั้นก็ขออาหารเบาๆ อย่างโจ๊กสักถ้วยก็พอ ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ ขอบใจพวกเจ้ามาก ออกไปเถิด ข้าจะนอน” ซู่หรานไล่สาวใช้ ลงมือปิดม่านเองและล้มตัวลงนอนต่อไป นี่มันสวรรค์ชัดๆ
เมื่อสาวใช้กลับไปรายงานสิ่งที่เห็นนายหญิงผู้เฒ่ารู้
“เฮอะ เสแสร้ง ข้าจะคอยดูว่านางจะเสแสร้งได้กี่วันกันเชียว”
แต่หลังจากนั้นอีกหลายวัน ซู่หรานยังคงอยู่แต่ในห้อง สาวใช้บอกว่านางเอาแต่นอน พอตื่นก็กิน กินเสร็จก็วิ่งรอบเรือน อาบน้ำและนอนกลางวันอีก ตอนบ่ายจะยิงธนูตลอด เย็นๆนางจะนั่งเย็บผ้าบ้าง แต่ฝีมือแย่มาก บางครั้งนางจะทำท่าทางแปลกๆ ฉีกแข้งฉีกขาอยู่นาน บางครั้งก็อ่านหนังสือที่มี บางครั้งถึงขั้นขออ่านหนังสือของท่านขุนนาง
แรกๆ ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงไม่เชื่อ แต่พอครบเดือน ซู่หรานยังคงอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนจริงๆ ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มหวั่นใจ ในที่สุดนางก็ยอมอนุญาตให้ซินซินที่ขอตลอดทุกเช้าว่าอยากไปเยี่ยมพี่สาวได้เข้าไปเยี่ยมซู่หรานสักครั้ง นางอยากรู้ว่าซู่หรานจะมีแผนร้ายอะไรอีก
“พี่ซู่หราน พี่เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงตะโกนดีใจของซินซินดังมาแต่ไกล
ยามนี้ซู่หรานกำลังนอนอาบแดดช่วงเช้าอยู่ เธอนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลังสวน อยู่ติดกับระเบียงเรือนส่วนตัวของเธอเอง บนตักมีกระเป๋าผ้าที่ยังเย็บไม่เสร็จ ทั้งยังหน้าตาน่าเกลียดมาก ซู่หรานทำแค่ปรือตา เห็นว่าเป็นน้องสาวต่างแม่ของตัวเองก็ไม่คิดจะลุกขึ้นมามีมารยาทอะไร
“สบายดี” ซู่หรานส่งเสียงทั้งที่ยังหลับตา รู้สึกหงุดหงิดเบาๆที่มีคนมากวนเวลานอนของเธอ
ซินซินเดินเร็วๆ ด้วยท่าทางที่ผู้คนต่างเรียกว่างดงามราวกับเทพธิดาลอยมา แม้จะไม่มีใครมองแต่ซินซินก็เป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะปกติจะถูกท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่าสั่งสอนอย่างดี
“ข้าทำขนมที่พี่ชอบมาให้ ในที่สุดท่านย่าก็อนุญาตให้ข้ามาหาท่านได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านรีบลุกมาดูสิ ข้าทำด้วยตัวเองเลยนะเจ้าคะ” ซินซินพูดเหนื่อยหอบ แต่ยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ
ซู่หรานไม่ชอบกินของหวาน แต่ในความทรงจำของเธอ เมื่อสมัยยังเด็ก ซู่หรานเคยสอนให้น้องสาวทำขนมต่างๆ สองพี่น้องทำไปชิมไป ต่างยิ้มร่าหัวเราะด้วยความดีใจ
ซู่หรานจึงจำใจลืมตาลุกขึ้นมามองดูขนมพวกนั้น มันเป็นขนมถั่วที่ปั้นเป็นรูปดอกไป๋รื่อเฉ่า[1]หลายชั้น แต่ละชั้นละเอียดประณีตงดงาม
“โห สวยมาก” ซู่หรานชม แม้เธอจะไม่ชอบกิน แต่มันสวยจนอดมองไม่ได้ สวยจนซู่หรานไม่กล้ากิน
“เมื่อก่อนพี่ซู่หรานเป็นคนสอนข้าเอง แม้ฝีมือของข้ายังสู้พี่ไม่ได้ รสชาติคงอร่อยน้อยสักหน่อย แต่วันนี้ท่านย่าอนุญาตแล้ว พี่รีบกินเถิด”
ซู่หรานลองหยิบเข้าปาก แม้ไม้อยากกินแต่สายตาเฝ้ารอของซินซินทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ
“อื้อ อร่อยมาก” ซู่หรานยิ้มให้น้องสาว และโกหกหน้าตาย
ซินซินยิ้มจนตาแทบปิด นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่หลังออกมาจากคุกคราวก่อน พี่ซู่หรานดูจะใจดีกับนางมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่พี่ซู่หรานเป็นเช่นนี้ มันดีมากเหลือเกิน
สองพี่น้องไม่ได้พูดคุยอะไรนอกจากถามสารทุกข์สุกดิบเรื่องทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นซินซินที่เป็นคนถาม และซู่หรานตอบผ่านๆ ซินซินมีน้อยใจบ้างที่พี่สาวทำเหมือนไม่อยากพูดด้วย แต่ยังดีกว่าพี่สาวเกลียดนางจนอยากฆ่าทิ้ง
“ที่แท้ ข้าถูกท่านย่าสั่งขังหรือ หึ ๆ อืม..นั่นสิ ข้ายังนึกว่ามีด้วยหรือชีวิตที่อยู่บนสรวงสวรรค์เช่นนี้ เจ้ากลับไปบอกท่านย่าว่าข้าชอบถูกขัง ท่านพ่อของพวกเราเป็นขุนนาง มีเงินรายปีใช้ไปตลอดชีวิต ลูกสาวเช่นข้ายินดียิ่งที่ไม่ต้องออกไปพบเจอผู้คน ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่มีแผนร้ายใด”
ซู่หรานรู้ความจริงในที่สุด แต่เธอกลับชอบชีวิตแบบนี้มาก จะถูกสั่งขังหรือไม่อนุญาตให้ใครมาหา ไม่เป็นปัญหาทั้งนั้น เธอชอบอยู่คนเดียว มันสบายใจกว่า ไม่ต้องคอยปั้นหน้ายิ้มหาเรื่องมาชวนพูดคุย
“บอกท่านย่าว่าจะสั่งขังข้าเป็นปีๆ ก็ยินดี ข้ากินน้อย เลี้ยงไม่ยากหรอก เจ้าไม่รู้อะไร แม้แต้โจ๊กที่ไม่มีอะไรเลยยังอร่อยมาก บ้านขุนนางมีดีเช่นนี้นี่เอง ต้องเหนื่อยท่านพ่อแล้วล่ะ ฮ่าๆ ” ซู่หรานพูดติดตลก
“พี่ซู่หราน พี่พูดอะไรกัน เดี๋ยวท่านย่าหายโกรธ ท่านก็อนุญาตให้พี่ออกไปได้ พี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะขอร้องอีกคน” ซินซินคิดว่าพี่สาวถูกทำโทษจนเสียสติไปแล้ว พี่สาวคงเสียใจมาก
“ไม่ต้องๆ ข้าชอบเช่นนี้จริงๆ มันดีกว่าต้องไปพบหน้าผู้คน”
“พี่ชอบเช่นนี้จริงหรือ” ซินซินถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม ชอบมาก” อยู่ในห้องก็ดี ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะชุดแบบโบราณใส่ลำบากเหลือเกิน และที่สำคัญ ซู่หรานอกใหญ่มาก! จะออกไปไหนต้องใส่เสื้อหลายชั้นจนอึดอัด
“ได้เช่นนั้นข้าจะช่วยพูดกับท่านย่าให้” ซินซินเสนอตัวช่วย
“อืม ขอบใจนะ เธอดีกับฉันมาก เอ่อ..หมายถึง เจ้าดีกับข้ามาก”
“พี่ซู่หรานก็เคยดีกับข้ามาก” ซินซินก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่สาวถึงได้เปลี่ยนไปมาก
แต่ซู่หรานรู้ดี หลังจากเธอทบทวนความทรงจำหลายวัน เป็นเพราะสองสาวชอบผู้ชายคนเดียวกัน และในใจของซู่หรานคนเก่าไม่อาจปล่อยผู้ชายคนนั้นไปได้ นางต้องได้เป็นคนแต่ง จึงเริ่มแย่งชิงกับน้องสาวต่างแม่ และเกลียดน้องมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนน้องสาวกลับไม่รู้สิ่งใดเลย
“หากว่าอิงเถาหายดีแล้ว ให้นางมาอยู่กับข้าอีก..ได้ไหม” ซู่หรานถาม
“ที่จริงแล้ว ช่วงนี้นางดีขึ้นมาก จะให้ข้าพานางมาหาพี่เลยดีหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ เจ้า..เจ้าถามนางให้ก่อนว่านางอยากมาอยู่กับข้าอีกหรือไม่” ซู่หรานกลัวว่าอิงเถาจะไม่อยากมาอยู่กับเธอ โดนไปขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องกลัว แต่ถ้าเป็นเจ้านายสั่ง สาวใช้คนหนึ่งจะทำอะไรได้ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเท่านั้นแหละ
“ได้ ข้าจะถามนางให้” ซินซินรับปาก
สองพี่น้องยังคุยกันต่ออีกเล็กน้อย แต่เพราะท่าทางที่เหมือนง่วงนอนอยากนอนตลอดเวลาของซู่หราน ซินซินแม้จะอยากอยู่พูดคุยต่อแต่ก็เกรงใจพี่สาวจึงขอตัวกลับ
[1] ดอกบานชื่น
"ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง ข้าบอกได้เพียงว่า เพราะเป็นเจ้า ข้าจึงหลง ไม่ว่าจะอกโตของเจ้า ริมฝีปากนุ่มนิ่ม เสียงร้อง รอยยิ้ม ความหน้าด้าน ความบ้าคลั่ง หรือกระทั่งหยดน้ำตา ข้าก็ทั้งหลงทั้งรักไม่อาจสูญเสียไปได้จริงๆ" คำบอกรักของเขาชวนใจเต้นแล้วแต่คำขอแต่งงานยิ่งชวนให้รู้สึกดีใจจนอยากร้องไห้มากยิ่งกว่าอีกซู่หรานมือเท้าสั่นเทาจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร"ขะ ข้า..ข้ากลัว" เธอบอกเขาถึงความในใจ เธอก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรแต่เธอรู้สึกกลัวการต้องใช้ชีวิตกับคนอื่นมากจริงๆ"ข้าก็กลัว" เขาตอบเสียงทุ้ม"เจ้า..เจ้ากลัวแล้วยังขอแต่งงานอีกหรือ""อืม""เจ้าโง่ไปแล้วหรือ" ซู่หรานน้ำตาร่วง มือสั่นจนเริ่มควบคุมไม่ได้"ข้ากลัวว่าเจ้าจะทิ้งข้าอยู่ทุกวัน กลัวว่าพรุ่งนี้เจ้าอาจเปลี่ยนใจไปหาผู้อื่น แต่ข้ากลัวจะไม่ได้อยู่กับเจ้ามากกว่า ไม่ว่าอะไรข้าก็จะโยนทิ้งให้หมด""ข้ากลัวจะเสียใจ" ซู่หรานบอกเขาตามตรง"แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะเสียข้าให้ผู้อื่นหรือ" เขาถามตรง จี้ความกลัวของเธอ"กลัว กลัวสิ ฮือ" เธอตอบพร้อมเสียงสะอื้น"เช่นนั้นก็แต่งเถิด" เขาเริ่มใช้น้ำเสียงออดอ้อนขอร้อง และเธอรู้สึกว่ามันน่ารักจนไม่อาจทนได้จริงๆ"อ
"ไม่ เจ้าน่ารัก ข้าไม่กลัวแล้ว"สิ้นคำตอบของคนน่ารัก จิ้งจื่อก็ค่อยๆ ดันมังกรยิ่งใหญ่ของเขาเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับนาง เขารู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง ดีใจจนอธิบายไม่ถูก ในใจมีความสุขยิ่ง ร่างกายยิ่งกว่าสุขสมจนน้ำพุพุ่งกระจาย แต่เขาตัวสั่นกอดร่างเล็กอยู่เพียงครู่เดียวก็เริ่มขยับต่อไป ความคับแน่นทรมานก่อนหน้านี้ที่คับแคบจนเขาขยับลำบากก็เริ่มลื่นไหลมากขึ้น"อ้า อะ อ้า อื้อ จิ้ง อึก..อึก อื้อ"จิ้งจื่อเงยหน้ามองดูคนน่ารักของเขาที่ปกติแม้จะสุขสมเพียงใดก็ไม่ค่อยส่งเสียง นางมักจะกัดปากเก็บเสียงเงียบ แต่ยามนี้นางกำลังครางไม่เป็นภาษา ลืมเลือนแม้กระทั่งกัดปาก ได้แต่ร้องรับแรงกระแทกของเขาอย่างลืมตัวเขาดีใจมากที่สามารถเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งจนนางทำตัวไม่ถูกได้บ้างแล้ว ยิ่งเวลาที่เขาบดเบียดจนนางเสร็จสม แต่เขาไม่ยอมพักและกระแทกกระทั้นต่อไปทันที นางจะจะจับไหล่เขาจนแน่น บางครั้งถึงขั้นจิกเล็บลงไปบนหลังเขา ร้องครางจนลืมตัวเขาต้องรีบจูบปิดปากเพราะกลัวใครจะได้ยิน แน่นอนว่าเขาชอบเสียงครางของคนน่ารักยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยิน เขาอยากเก็บเอาไว้เป็นของเขาคนเดียว ดังนั้นเขาจึงชอบกระแทกให้นางสุขสมจนแทบก
"อีกครู่เดียว..ได้หรือไม่ ทำเช่นนี้ช่วยให้หายหนาว เจ้าเป็นคนบอก จำไม่ได้หรือ" เขาพยายามต่อรองซู่หรานรู้สึกสงสารท่าทางน่ารักนั้นยิ่งนัก เธอเสร็จสมแล้ว แต่เขายังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกว่าสงสารยิ่ง แต่ตัวเองก็ไม่มีแรงแล้ว เธอจึงยกมือชี้ที่ปากตัวเองแทน"เอ่อ..เจ้า.." เขาอยากพูดว่าหากนางไม่ไหวแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ความร้อนรุ่มก็กำลังกัดกินเขา"มาสิ" เธอพูดอย่างอ่อนแรงจิ้งจื่อตัดสินใจขยับตัวขึ้นไปคร่อมอยู่ตรงคอของร่างเล็ก เขาพยายามจัดท่าทางไม่ให้ทับจนนางหายใจไม่ออก ก่อนจะจ่อหัวมังกรชมพูไปที่ปากเล็กของนางซู่หรานยามนี้ เหนื่อยจนอ่อนแรง แต่อยากเอาใจเขาจึงอ้าปากแลบลิ้นไปเลียหัวมังกรร้อนผ่าวลำนั้น"อื้อ อะ" เธอเพียงเลียแผ่วปลาย เขาก็ส่งเสียงครางสุขสันต์จนน่าสงสารไปหมดซู่หรานอยากให้เขาสุขสมยิ่งขึ้นจึงยกมือดันก้นแน่นของเขาเพื่อให้เจ้ามังกรใหญ่ขยับเข้าปากมากขึ้นจิ้งจื่อรู้สึกดีจนตัวสั่น นางไม่เพียงอ้าปากให้ความสุขเขา แต่ยังขยับลิ้นไปมาเพื่อดุนดันลิ้นไปทั่วหัวมังกร ยิ่งทำให้เขาสุขสมยิ่งขึ้น เขาชอบสัมผัสนั้นมากจนไม่อาจห้ามใจไหว จึงขยับสะโพกขึ้นลงเบาๆ"อ้า อา" เขามีความสุขมากเกินไป
"ใช่แล้ว หากไม่ได้เขาข้าอาจตายไปนานแล้ว หรือไม่ตายก็คงเหมือนตายอยู่ดี" เขาพูดและรวบตัวคนขี้สงสัยเข้ามากอด"ครั้งแรกที่ข้าเข้าสู่สนามรบ ข้าฆ่าคนไปมากมายจนไม่อาจนับได้ หลังจากนั้นข้าไม่อาจมองผู้คนเช่นเดิมอีกเลย ผู้คนต่างยกย่องข้าแต่ก็หวาดกลัวข้าราวกับปีศาจร้าย ถึงพวกเขาจะเรียกข้าว่าวีรบุรุษสงคราม แต่ข้าก็คือฆาตกรที่ฆ่าคนไปมากมาย ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรจะยืนอยู่บนพื้นโลกกับผู้อื่นต่อให้พวกเขาจะมองข้าด้วยความชื่นชมแต่ก็มองด้วยความกลัวเช่นกัน จนข้าได้มาพบเขา ปณิธานของเขาทำให้ข้าอยากจะลองมีชีวิตอยู่และลงมือช่วยเหลือเขาสักครั้ง ต่อให้ต้องลงมือฆ่าคน ข้าก็รู้สึกว่าคุ้มค่า ข้าศรัทธาในตัวเขาและความตั้งใจของเขามาก""เพราะเช่นนี้ เจ้าจึงไม่ชอบที่ถูกจ้องมองหรือ" ซู่หรานถาม"อืม""เจ้าเป็นไท่เหอเจียนหู่ตั้งแต่อายุสิบสองเช่นนั้นหรือ" เธอตัดสินใจถามคำถามในสิ่งที่เธอกังวลตั้งแต่รู้ว่าเขาคือไท่เหอเจียนหู่"อืม" คำตอบของเขาเรียบง่าย แต่บีบคั้นหัวใจของซู่หรานจนเจ็บปวด เธอรู้สึกหายใจไม่ออกแทนเขา เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ต้องแบกภาระมากขนาดนี้ โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ซู่หรานอยากปลอบประโลมเขาให้สมกับเป็นเพีย
"จิ้งจื่อ ไม่เอา" เธอผลักและพยายามถอยหนี แต่มือแข็งแกร่งของเขารวบจับสองมือเธอขึ้นไปไว้บนหัว และเริ่มจูบวนรอบยอดถัน พยายามดูดดันหัวมังกรเข้าไปอีกครั้ง"ไม่เอาแบบนี้ จิ้งจื่อ อย่าทำเช่นนี้ ขอร้อง" เธอเสียงสั่นกลัว"เพราะเหตุใด" เขายอมพูดคุยกับเธอแล้ว"ขะ ข้ากลัว" "แล้วต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะไม่กลัว" เสียงของเขาสั่นเครือ แต่ไม่ใช่เพราะความกำหนัด คล้ายว่าเขากำลังจะร้องไห้มากกว่า"จิ้ง..จิ้งจื่อ" ซู่หรานเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียง"ต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ" เขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอในที่สุด"ข้ารักเจ้า รักมากกว่าเขา เขาไม่ได้รักเจ้า เหตุใดเจ้าจึงยึดติดกับเขานัก" นัยน์ตาของจิ้งจื่อแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ใกล้จะร้องไห้เต็มทีซู่หรานชะงักค้าง เธอตกใจทั้งกับคำบอกรักและท่าทางเจ็บปวดของเขา หัวใจของเธอกำลังพองโต"เป็นข้าไม่ได้หรือ ข้ารักเจ้า รักมาก..รักจนไม่อาจสูญเสียไปได้ เปลี่ยนเป็นข้าเถิด ข้าสาบานด้วยชีวิต ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าล้วนยินยอมทั้งสิ้น" จิ้งจื่อสบตาหญิงสาว พูดความในใจตัวเองออกมาด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกพ่ายแพ้ยิ่งแต่สำหรับซู่หราน เธอคล้ายตกหลุมรักความน่ารักของเขาเป็นครั้ง
"ข้าคิดถึงเจ้า คืนก่อนเจ้าก็ยังบอกว่าคิดถึงข้าอยู่เลย วันนี้เจ้าน้อยใจอะไรอีก เจ้าไม่พูดข้าจะรู้ได้อย่างไร" เธอพยายามพูดง้อเขา มือหนึ่งเกาะเอวไว้อีกมือก็ลูบคลำจนสิ่งนั้นของเขาเริ่มจะพองโตใหญ่ขึ้นบ้างแล้ว"หยุด!" เขาพยายามพูดเสียงให้ดุที่สุด แต่สองมือของเขากลับทำได้เพียงกุมข้อมือบางเล็กของนางไว้เท่านั้น ยิ่งนางลูบคลำ ขายาวของเขาก็ยิ่งสั่นมากขึ้น"เจ้าหนาวหรือ ให้ข้าช่วยนะ" เธอพูดออดอ้อนและเริ่มดึงเข็มขัดของเขาออก"หยุด!!" เขาแทบจะตะคอกใส่เธอซู่หรานตกใจจนสองมือหยุดชะงักเธอค่อยๆ หดมือกลับมาไว้ข้างตัวจิ้งจื่อเดินไปตรงกำแพงและโขกหัวตัวเองกับกำแพงแรงๆ หนึ่งที"เจ้าทำอะไร!!" ซู่หรานตกใจเธอรีบร้อนจะวิ่งไปดูเขา"อย่าเข้ามา!!" เขาตะเบ็งเสียงใส่จนเธอไม่กล้าเข้าใกล้"เจ้า..เจ้าเป็นอะไร อย่าทำเช่นนี้" หัวใจของซู่หรานเจ็บปวดมากเมื่อเห็นเขาต้องเจ็บเช่นนี้"ข้าเกลียดเจ้า" จิ้งจื่อเสียงเย็น"...อ้อ ได้ ขะ ข้าเข้าใจแล้ว" ซู่หรานรู้สึกแย่มากที่พยายามไล่ตามผู้ชายคนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัดสินใจผิดพลาดแล้ว เธอไม่น่าฟังคำของน้องสาวจนมาทำเรื่องน่าอายพวกนี้เลย"เจ้ามันเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นสตรีหน้าด้าน ไ