ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้
“อุ๊บ!..อื้อ..”
ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน
“หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน”
ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อนแรงไปหมด ใบหน้าหล่อหันซ้ายหันขวาก่อนจะประคองเธอให้มานั่งบนโซฟาตัวยาวที่เขาใช้บริการเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ลลิลกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างเหลือเชื่อเพราะความมึนๆ งงๆ ที่ได้รับทำให้ประสาทสั่งงานดูเหมือนจะเป็นอัมพาตชั่วคราว แต่เพียงสัมผัสได้ถึงเบาะนุ่มร่างบางก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาในทันที
“บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย!”
เสียงหวานแหววขึ้นในทันทีพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากฝ่ามือแกร่งที่กระชับต้นแขนทั้งสองข้างไว้ ทว่ามันไม่เพียงไม่หลุดแต่เจ้าของฝ่ามือเหมือนจะยิ่งถูกใจที่เห็นแววพยศในดวงตาคู่สวย
“ถ้าดิ้นหลุดจะให้รางวัล” เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะที่ยังเจือไว้ด้วยแววขำขันทั้งสีหน้าและแววตาไม่เว้นแม้แต่เสียงหัวเราะในลำคอ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้..แม่..ช่วย”
คำพูดที่เหมือนจะไม่ต้องการเอ่ยคำว่า “แม่” ออกมา แม้จะทำให้ภคินรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในน้ำเสียงนั้น แต่ทว่าจะมีอะไรมากไปกว่าที่เธอจะไม่ต้องการเอ่ยคำนั้นออกมา “แม่เล้า” ก็ใครล่ะจะกล้า
“หึ! แม่.. เรียกให้เต็มตำแหน่งก็ได้ฉันไม่ถือหรอก ว่าแต่..นี่จะมาทำประจำหรือว่าชั่วคราวล่ะ จะได้เรียกใช้ได้ถูก”
สิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยออกมาแม้จะรู้สึกแปลกๆ ทั้งสีหน้า น้ำเสียงรวมทั้งความหมายแต่มันก็ไม่เท่าที่เขาเหมือนจะเป็นดูเป็นคนมีอำนาจในร้านอาหารแห่งนี้ หรือว่าเขาจะเป็นหุ้นส่วนอย่างที่แม่เคยบอกไว้ และดูเหมือนเขาจะคิดว่าเธอมาสมัครงาน
“ว่าไงล่ะ จะมาทำประจำหรือว่ามาแค่ชั่วคราวจะได้บอกคุณดาถูก เวลา..เรียกใช้ หึหึหึ..”
“เขารู้จักแม่ด้วย หรือจะเป็นหุ้นส่วนของแม่จริงๆ แต่ไอ้ที่เขาทำเมื่อกี้ไม่ชอบจริงๆ แล้วจะบอกแม่ยังไงดี จะมองหน้ากันติดไหมเนี๊ย”
“จะ..มาฝึกงาน”
ใบหน้าสวยหวานก้มต่ำกับลักษณะพูดไปกัดริมฝีปากล่างไปอย่างอึดอัดที่จะบอก มันให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ภคินกวาดสายตาสำรวจตรวจตราเรือนร่างงามตรงหน้าดั่งกำลังประเมินมองสินค้าว่าจะคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปหรือไม่
“34.. 24.. 35.. 170.. ไม่น่าเกิน 50 อืม.. กำลังดี”
“จะฝึกไปทำไม ทำไมไม่ทำจริงจังเสียเลยล่ะ หรือว่ามีที่ทำงานประจำที่เงินดีกว่าที่นี่แล้ว”
เขายิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เธองงมากขึ้น ฝ่ามือแกร่งที่คลายออกทำให้ลลิลเขยิบตัวครั้งเดียวร่างบางก็ไปอยู่จนชิดติดขอบเก้าอี้ ใจอยากจะออกให้ห่างกว่านั้นแต่ติดตรงที่ว่าเขาที่นั่งขวางปิดทางเข้าออกทำให้เธอไม่กล้า แม้จะเป็นยามเช้าแต่บรรยากาศด้านในกลับมืดทึบเพราะไม่มีประตูหรือหน้าต่างบานใดเลยที่เปิดออก
“ถ้าเธอคิดที่จะฝึกงานที่นี่จริงๆ ฝึกกับฉันคนเดียวก็พอ รับรองหลักสูตรเร่งรัดจบแล้วหางานทำง่าย ที่ไหนๆ ก็รับเข้าหมด ทั้งหมดที่ฉันรู้ฉันเชี่ยวชาญจะสอนให้เธอทุกกระบวน... สนใจไหม”
ลลิลมองผู้ชายตรงหน้าอย่างงงๆ มากยิ่งขึ้น ผู้ชายคนนี้กำลังพูดอะไรกับเธอ และงานที่เขาบอกจะให้ฝึกจะสอนให้มันเป็นงานจริงๆ หรือไม่ ทำไมเขาถึงได้มองเธอราวกับเป็นอาหารหวานอันโอชะอย่างนั้น
“ว่าไง สนใจไหมล่ะ ฉันให้สองแสน กินอยู่เสร็จ เอ..ระยะฝึกงานกี่เดือนดีน้า.. อืม..4 เดือนล่ะกัน ตกลงไหม ถ้าตกลงฉันจะให้เลขามาทำสัญญาเดี๋ยวนี้เลย”
“คะ!..คุณว่าอะไรนะ”
สิ่งที่ได้ยินไม่ใช่ว่าเธอตาโตเพราะเงินก้อนที่เขาเสนอแต่เป็นเพราะสมองเริ่มประมวลถึงงานที่เขาเอ่ยมาตั้งแต่ต้นจนจบได้ตอนนี้เองว่ามันคืองานอะไรกันแน่
“ทำไมล่ะ หรือว่ามันน้อยไป ฉันไม่เคยทุ่มให้ใครขนาดนี้เลยนะ เดือนละสามหมื่นสี่เดือนก็แสนสอง คอนโดอยู่ฟรีและอาหารสามมื้อ รวมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมช้อปได้ไม่อั้น และพิเศษสำหรับเธอ..เวอร์จิ้นอย่างนี้เพิ่มให้อีกแปดหมื่น รวมเป็นสองแสนพอดี ตัดสินใจเร็วๆ ก็แล้วกัน เลือกเอาจะฝึกงานกับฉันคนเดียวหรือจะเลือกฝึก..กับทั้งหนุ่มและแก่”
ใบหน้าอ้าปากหวออย่างคาดไม่ถึงยิ่งทำให้ภคินถูกใจเธอมากขึ้น ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาแบบนี้ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอย่างแรง หากต้องปล่อยให้เธอกร้านโลกไปตามลำพังสู้เขาเลี้ยงเธอไว้เองจะดีกว่า เสียงหัวเราะในลำคอนั้นเพราะขำขันกับความคิดของตัวเอง มันจะแปลกไหมนะที่ชายโสดอย่างเขาอยากจะเลี้ยงสาวๆ ไว้ใช้งานส่วนตัวสักครั้ง “บ้า! คุณมันบ้า คุณคิดว่าฉันมาฝึกงานอะไร คุณมัน..” “แล้วในเล้านี้เธอคิดว่าจะมาฝึกอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...” ร่างสูงคุกคามถึงตัวภายในพริบตายิ่งทำให้ลลิลสะดุ้งชิดผนังตัวลีบ หัวใจเต้นรัวทั้งตื่นกลัวทั้งตกใจกับคำนั้น “เล้า” เล้าอะไร อย่างนั้น “ไก่” ที่เขาพูดถึงก็คงคือ... “เล้า..ไก่..” “อือฮึ!..”แววคมเข้มล้อๆ ที่โค้งกายคร่อมอยู่ด้านบนทำเอาลลิลสั่นไปทั้งตัว ใบหน้างามหันรีหันขวางหาทางหนีหรือคนช่วย และโชคก็เข้าข้างแม้สภาพของคนที่เห็นจะดูเหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!” ร่างอวบอัดเต็มตึงไปทุกสัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดและกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ทั่วทั้งกา
ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อุ๊บ!..อื้อ..” ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน “หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน” ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อ
เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลงที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้องนอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้งเดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดทีละขั้นๆ “ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ” ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาดน้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพาไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไปอยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะทิ้งขว้างนี้หรือไม่ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูกตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่
เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไงภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้า
น้ำเสียงปนหยันที่จับได้ ทำให้ภควัฒน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียว “ภคิน บริรักษ์” บุตรชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อำนาจการบริหารงานในบริษัททั้งหมดเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะนับตั้งแต่วางมือ เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในบริษัทหรือในโรงงานอีกเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ภคินจะไม่มายุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย“คิน.. ทำไมถึงพูดอย่างนั้น โอกาสของคินและของพ่อมันไม่ได้แตกต่างกันนะ โอกาสในเชิงธุรกิจกับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน”“พ่อครับ!”“อย่ามาคุยกันเรื่องนี้เลย แค่พ่อยอมให้เจ้ายอดมันขับรถรับส่งให้ทุกวัน มันก็เป็นสิ่งที่คินต้องการแล้วไม่ใช่รึ ถ้าคินรู้แล้วก็อย่าถาม นอกเสียจากคินอยากรู้ความจริงจากปากพ่อ”แววตาที่มองสบมาเขารู้ว่าพ่อทำจริง สิ่งที่เขารู้พ่อจะทำจริงๆ แต่จะให้เขายอมรับคงไม่มีทาง ผู้หญิงดีๆ มีถมเถและทำไมต้องเป็นผู้หญิงพรรค์นั้น ผู้หญิงที่บินสูงเกินตัว“คิน.. กินข้าวมาหรือยัง พ่อให้ยายนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ คงจะยังร้อนๆ อยู่”ภคินหันหลังก้าวเดินทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองฝูงปลาในน้ำอยู่เช่นเคยทำให้ภคินชะงักฝีเท้าอีกหน ใบหน้าหล่อคมสลดวูบก่อนจะ
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าพุงพุ้ยที่ยื่นออกมานั้นทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น บุคลิกนิ่งๆ ที่มีเพียงสายตาที่กวาดมองรอบด้านอย่างจะประเมินมองสถานการณ์ ภายใต้ชุดตำรวจครึ่งท่อนนั้นยิ่งทำให้คนของอีกฝ่ายต้องทำท่าแขยงๆ ไม่กล้าจะทำตามที่นายสั่ง “เฮ้ย! กูสั่งให้รุมมันไง ทำไมมึงถึงไม่ทำ” “ฮะ..เฮีย เอาจริงหรือครับ ผมกลัวปืนผู้กำกับ” ไอ้ลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหันมาบอกปากคอสั่น ขณะที่ดวงตาหวาดๆ ของมันส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ล้อมรอบผู้กำกับบัญชาให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ทำอะไรวู่วาม “โธ่โว๊ย! แค่ตำรวจแก่ๆ คนนึง พวกมึงก็ป๊อดซะแล้ว ต้องให้ถึงมือกูทุกที” เสียงพูดอย่างไม่เกรงกลัวใครเอ่ยบอกก่อนจะดันลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ให้พ้นทาง เสี่ยพงศกรมองดูผู้กำกับบัญชาที่อยู่ในวงล้อมลูกน้องเขาอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนยกยิ้ม ดวงตาคมปานเหยี่ยวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองผู้กำกับวัยใกล้เกษียณที่จ้องประสานสายตาไม่หลบเช่นกัน “ผู้กำกับ วันนี้มันคิวผม ผู้กำกับจะมาชุบมือเปิบได้ไง โน่น! เด็กใหม่ๆ เยอะแยะ ทำไมต้