แม้ไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัด แต่ไก่ก็น่าฟัดเสียจนเขาอดใจไม่ไหว 'ภคิน' ไม่เคยคิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบิดา แต่ที่ยอมไม่ได้ เพราะท่านคิดจะยกย่องแม่เล้าให้เป็นเมียออกนอกหน้า หนำซ้ำยังเอาลูกเล้ามาฝากเป็นนักศึกษาฝึกงานในออฟฟิศเขาเสียด้วย แถมลูกเล้าแสนสวยยังกลายเป็นลูกที่แท้จริงของแม่เล้าที่คิดจะบินสูง เขาก็ยิ่งเพิ่มความชิงชังจนแทบจะขยี้เธอให้แหลกคามือ ‘ลลิล’ เมื่อเธอต้องการฝึกงาน เขาก็อนุญาต แต่จะฝึกแบบไหนนั้น เขาจะเป็นผู้กำหนดเอง เธอจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานที่เขามอบให้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ‘นางบำเรอ’ คือตำแหน่งที่เหมาะสม
View Moreหลอดไฟสีแดงนวลที่ติดประดับไว้ตามจุดทำให้บรรยากาศที่มองเห็นสามารถสร้างความรู้สึกบางอย่างให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี บวกกับเสียงเพลงขับร้องและท่วงทำนองเครือคลอเหมือนจะปลุกเร้าอารมณ์ดิบๆ ของคนออกมาทำให้ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะเลี้ยวเข้าไปจับจองในมุมประจำที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ
เพียงแค่สัมผัสเบาะนุ่ม สิ่งยั่วยวนที่จับต้องได้ก็แทบจะถลาขึ้นมาเกยอยู่บนตัก แสงไฟสลัวแดงระเรื่อส่งผลให้ความอวบอิ่มหยาดเยิ้มดูจะเพิ่มมากขึ้น เอวคอดส่ายสะบัดตามท่วงทำนองและบทเพลงปลุกเร้า ประกอบกับความหยุ่นนุ่มที่เสิร์ฟให้ถึงมือและปาก ก็แทบทำให้เขาไม่สามารถเก็บกดความเป็นชายไว้ได้อีกต่อไป
“ขึ้นห้องกันเถอะ พะ..พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”
หญิงสาวที่ยึดตักแกร่งของเขาเป็นที่นั่ง แหงนหน้าหัวเราะอย่างใส่จริตพลางบดเบียดบั้นท้ายสัมผัสสิ่งเร้าที่อยู่ด้านล่างอย่างเย้ายั่ว ก่อนจะเคลื่อนกายยักย้ายส่ายสะโพกตรงไปยังจุดที่เขาคิดจะปีนไปให้ถึง ทว่าดวงตาหวานที่แต่งแต้มงดงามก็ยังไม่วายหันมาเชิญชวนและกระดิกนิ้วเรียก ก่อนจะเคลื่อนย้ายนิ้วน้อยๆ นั้นเข้าสู่อุ้งปาก และดูดดึงราวเอร็ดอร่อยเสียเต็มประดา ชายหนุ่มนั่งมองตาค้างก่อนจะถลันตามร่างบางที่โยกย้ายไปดังคนละเมอ
ดวงตาคมสวยที่ถูกแต่งแต้มอย่างบรรจงทอดมองภาพที่เกิดขึ้นในบาร์แห่งนี้ ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจากมุมอื่นๆ หรือแตกต่างไปจากคืนอื่นๆ ที่เคยมองเห็นเลยสักนิด “สัตว์เพศผู้” คำที่เธอนิยมใช้เรียกผู้ชายพวกนี้
“ผู้ชายจะมีอะไรมากไปกว่า SEX”
ซึ่งเธอคิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดเพราะกิจการบาร์กึ่งคาราโอเกะของเธอดูเหมือนจะดีวันดีคืนเพราะผู้ชายที่กระหาย SEX และต้องการได้รับการปลดเปลื้องจากผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่..เมีย และต้องยอมรับว่าผู้ชายประเภทนี้มีจำนวนอยู่มากเสียจน บาร์เล็กๆ ของเธอเมื่อ 5 ปีก่อนกลับกลายเป็นบาร์กึ่งคาราโอเกะขนาดใหญ่กว่า 4 คูหา
ห้องพักด้านบนที่เธอเรียกมันว่า “ห้องเชือด” มีมากมายกว่า 20 ห้อง แต่ก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่เพียงพอเอาเสียเลย เพราะบรรดาลูกค้าขาประจำของเธอมักจะนิยมค้างคืนมากกว่าชั่วคราว แม้จะมีผู้ยื่นมือช่วยเหลือขอเป็นหุ้นส่วนเพื่อให้เธอขยายกิจการได้เพิ่มมากขึ้น แต่เธอกลับคิดว่า “บาปกรรม” ที่รับเพียงเท่านี้ก็คงจะพอแล้ว สำหรับคนที่ห้องหอไม่รอคิว หากจะหิ้วกันไปต่อข้างนอกเธอก็ไม่ว่า ขอแค่กลับตรงเวลาและวันรุ่งขึ้นไม่เสียงานก็พอแล้ว จนกลายเป็นว่าโรงแรมฝั่งตรงข้ามเหมือนจะกลายเป็นบัดดี้ทางธุรกิจของเธอไปอีกแห่งหนึ่ง
ผู้หญิงที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่เคาร์เตอร์มองดูเหตุการณ์ภายในบาร์ “ลินลดา” ท่าทางของเธอเขาเห็นอยู่ทุกวัน ดวงตาคมสวยที่แต่งแต้มเสียจนดูหวานซึ้ง ทรวดทรงอกเอวที่หญิงสาววัยไม่เกิน 25 ปียังต้องอาย เพราะการดูแลและรักษาเนื้อตัวอย่างดีทำให้ใครจะรู้บ้างว่า สาวสวยที่นั่งหน้าเชิดอยู่นั้นผ่านพ้นวัยเลข 3 มานานแล้ว ความสวยที่ใครๆ เห็นก็มักจะชมไม่ขาดปาก อีกทั้งบางคนยังกล้าที่จะทุ่มเพื่อให้ได้เธอมาครอง แต่ความสวยที่ใครๆ มองเห็นนั้นเขากลับคิดว่ามันเจือไปด้วย “ความเศร้า ความเหงา” ปะปนกับการโหยหาอะไรบางอย่าง
“เธอ..ไม่มีความสุข”
ดวงตาคู่สวยกวาดมองแขกที่มาใหม่และแขกที่นั่งอยู่เดิม เพื่อดูว่าใครอาจจะต้องการอะไรเพิ่มเติมจะได้เรียกเด็กมาบริการได้ถูก ทว่าริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีแดงเป็นมันวาวก็ต้องคลี่ยิ้มเพราะ..เขา..ที่มองเห็น
“ท่านคะ มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ให้เด็กไปตามดาล่ะคะ”
เสียงหวานส่งมาในทันทีที่เดินมาถึง ร่างอวบอิ่มกลมกลึงแถมยังหอมกรุ่นไปทั้งตัวนั่งลงแนบข้าง ภควัฒน์เพียงยิ้มบางเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปกอบกุมฝ่ามือบอบบางที่เขาสัมผัสได้ถึงความกร้านสากอันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าความสวยที่มองเห็นนี้จะต้องผ่านอะไรมาบ้าง
“แค่ผมได้มองดา ผมก็มีความสุขแล้ว ให้ดาได้บริการแขกคนอื่นๆ จะดีกว่า”
“แหม.. พูดแบบนี้แปลว่าไม่ต้องการให้ดาเข้ามาคุยใช่ไหมคะ ได้ค่ะ ดาจะได้ไป แล้วท่านเรียกน้องคนไหนมาคุยล่ะคะ ดาจะได้ไปตามได้ถูก”
ลินลดาสะบัดหน้าหนีอย่างใส่จริตพร้อมทำท่าจะลุกออกไปทั้งที่ใจจริงนั้นมีความสุขมากที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น
“โธ่! ดา ล้อผมเล่นอีกแล้ว ดาก็รู้ว่าผม.. ผมคิดยังไง”
ดวงตาสื่อความหมายจากหนุ่มใหญ่วัย 50 กว่าที่ทอดมองมา มันทำให้ดวงตาคมสวยถึงกับมีน้ำตาคลอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร “ภควัฒน์” ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอมากไปกว่า “ความรัก” ดูจะน่าขำหากจะมีแขกสักคนที่บอกความรู้สึกว่า “หลงรัก” เธอหมดใจ แต่กว่า 3 ปีที่ ภควัฒน์เข้าวนเวียนมาหาเธอที่บาร์แห่งนี้ ก็คงจะเพียงพอที่จะพิสูจน์ในสิ่งที่เขายืนยันได้
ทุกครั้งที่มีแขกแข่งกันทุ่มเพื่อให้ได้ตัวเธอไปครอง เขาก็มักจะจ่ายตัดหน้าเพียงต้องการให้เธอไปนั่งคุยนั่งดื่มคลายเหงาเท่านั้น ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะต้องการอะไรจากตัวเธอ แม้เธอจะเสนอให้เขาทุกครั้งก็ตาม แต่สิ่งที่เขาเรียกร้องจากเธอในทุกครั้งนั้น เป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจได้ยากยิ่ง “เลิก” เขาขอให้เธอเลิกกิจการบาร์และไปอยู่กินกับเขา เขาเพียงต้องการเพื่อนที่จะอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่าเท่านั้น และผู้หญิงที่เขาเลือกก็คือ..เธอ ลินลดา แม่เล้าวัย 38 ปี ที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากความสวยเท่านั้น
ใบหน้าอ้าปากหวออย่างคาดไม่ถึงยิ่งทำให้ภคินถูกใจเธอมากขึ้น ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาแบบนี้ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอย่างแรง หากต้องปล่อยให้เธอกร้านโลกไปตามลำพังสู้เขาเลี้ยงเธอไว้เองจะดีกว่า เสียงหัวเราะในลำคอนั้นเพราะขำขันกับความคิดของตัวเอง มันจะแปลกไหมนะที่ชายโสดอย่างเขาอยากจะเลี้ยงสาวๆ ไว้ใช้งานส่วนตัวสักครั้ง “บ้า! คุณมันบ้า คุณคิดว่าฉันมาฝึกงานอะไร คุณมัน..” “แล้วในเล้านี้เธอคิดว่าจะมาฝึกอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...” ร่างสูงคุกคามถึงตัวภายในพริบตายิ่งทำให้ลลิลสะดุ้งชิดผนังตัวลีบ หัวใจเต้นรัวทั้งตื่นกลัวทั้งตกใจกับคำนั้น “เล้า” เล้าอะไร อย่างนั้น “ไก่” ที่เขาพูดถึงก็คงคือ... “เล้า..ไก่..” “อือฮึ!..”แววคมเข้มล้อๆ ที่โค้งกายคร่อมอยู่ด้านบนทำเอาลลิลสั่นไปทั้งตัว ใบหน้างามหันรีหันขวางหาทางหนีหรือคนช่วย และโชคก็เข้าข้างแม้สภาพของคนที่เห็นจะดูเหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!” ร่างอวบอัดเต็มตึงไปทุกสัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดและกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ทั่วทั้งกา
ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อุ๊บ!..อื้อ..” ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน “หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน” ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อ
เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลงที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้องนอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้งเดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดทีละขั้นๆ “ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ” ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาดน้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพาไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไปอยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะทิ้งขว้างนี้หรือไม่ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูกตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่
เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไงภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้า
น้ำเสียงปนหยันที่จับได้ ทำให้ภควัฒน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียว “ภคิน บริรักษ์” บุตรชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อำนาจการบริหารงานในบริษัททั้งหมดเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะนับตั้งแต่วางมือ เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในบริษัทหรือในโรงงานอีกเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ภคินจะไม่มายุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย“คิน.. ทำไมถึงพูดอย่างนั้น โอกาสของคินและของพ่อมันไม่ได้แตกต่างกันนะ โอกาสในเชิงธุรกิจกับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน”“พ่อครับ!”“อย่ามาคุยกันเรื่องนี้เลย แค่พ่อยอมให้เจ้ายอดมันขับรถรับส่งให้ทุกวัน มันก็เป็นสิ่งที่คินต้องการแล้วไม่ใช่รึ ถ้าคินรู้แล้วก็อย่าถาม นอกเสียจากคินอยากรู้ความจริงจากปากพ่อ”แววตาที่มองสบมาเขารู้ว่าพ่อทำจริง สิ่งที่เขารู้พ่อจะทำจริงๆ แต่จะให้เขายอมรับคงไม่มีทาง ผู้หญิงดีๆ มีถมเถและทำไมต้องเป็นผู้หญิงพรรค์นั้น ผู้หญิงที่บินสูงเกินตัว“คิน.. กินข้าวมาหรือยัง พ่อให้ยายนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ คงจะยังร้อนๆ อยู่”ภคินหันหลังก้าวเดินทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองฝูงปลาในน้ำอยู่เช่นเคยทำให้ภคินชะงักฝีเท้าอีกหน ใบหน้าหล่อคมสลดวูบก่อนจะ
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าพุงพุ้ยที่ยื่นออกมานั้นทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น บุคลิกนิ่งๆ ที่มีเพียงสายตาที่กวาดมองรอบด้านอย่างจะประเมินมองสถานการณ์ ภายใต้ชุดตำรวจครึ่งท่อนนั้นยิ่งทำให้คนของอีกฝ่ายต้องทำท่าแขยงๆ ไม่กล้าจะทำตามที่นายสั่ง “เฮ้ย! กูสั่งให้รุมมันไง ทำไมมึงถึงไม่ทำ” “ฮะ..เฮีย เอาจริงหรือครับ ผมกลัวปืนผู้กำกับ” ไอ้ลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหันมาบอกปากคอสั่น ขณะที่ดวงตาหวาดๆ ของมันส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ล้อมรอบผู้กำกับบัญชาให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ทำอะไรวู่วาม “โธ่โว๊ย! แค่ตำรวจแก่ๆ คนนึง พวกมึงก็ป๊อดซะแล้ว ต้องให้ถึงมือกูทุกที” เสียงพูดอย่างไม่เกรงกลัวใครเอ่ยบอกก่อนจะดันลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ให้พ้นทาง เสี่ยพงศกรมองดูผู้กำกับบัญชาที่อยู่ในวงล้อมลูกน้องเขาอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนยกยิ้ม ดวงตาคมปานเหยี่ยวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองผู้กำกับวัยใกล้เกษียณที่จ้องประสานสายตาไม่หลบเช่นกัน “ผู้กำกับ วันนี้มันคิวผม ผู้กำกับจะมาชุบมือเปิบได้ไง โน่น! เด็กใหม่ๆ เยอะแยะ ทำไมต้
Comments