เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย
“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”
สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย
“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”
นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไง
ภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้างอดขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มตามเดิมพร้อมทั้งส่งคำทิ้งท้ายหยอดไว้อีกนิด
“ถ้าไม่อยู่.. หนูเปิดห้องรอเลยนะคะ”
รอยยิ้มเก๋กระชากใจสาวส่งไปทำให้สาวน้อยยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะเดินเหมือนปลิวลมออกไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่เจ๊.. จะมาตามแขกเรียก เพราะตาอินกับตานาที่เฝ้าปลาอยู่นั่นไง
“คุณคินครับ ทำไม..”
“ทำไมอะไรนุ ก็พามากินไก่ไง”
เสียงทุ้มตอบเรียบๆ ขณะที่ดวงตาคมโปรยเสน่ห์ให้กับไก่ทุกตัวที่เดินผ่าน และดูเหมือนไก่หลายตัวนั้นอยากจะกระโจนใส่เตาถ่านร้อนๆ อย่างเขาเสียจริง
“ให้มันจริงเถอะครับ คืนก่อน..สุดท้ายผมก็ต้องกลับไปกินอาหารญี่ปุ่นตามเดิม ไก่..ไม่ได้กินสักตัว”
นุติเอ่ยแบบเคืองๆ เพราะตั้งแต่คืนก่อนแค่เห็นว่าลินลดามีที่หมายที่สูงกว่า ภคินก็หอบเอาอารมณ์กราดเกรี้ยวกลับบ้านโดยไม่สนใจไก่สักตัว แล้วเขาจะกล้าสั่งไก่ไปกินบนห้องคนเดียวได้ไง สุดท้ายก็จำต้องกลับออกมาตามกัน
“วันนี้จะอนุญาตให้กินไก่..ว่างั้น!”
ดวงตามองลอดแว่นผ่านไปยังเจ้านายที่หล่อเสียจนเขาหมดความหมายไปเลยเวลามาอยู่คู่กันอย่างนี้ เพราะเชื่อได้ร้อยทั้งร้อยคงไม่มีไก่ตัวไหนอยากจะกระโจนใส่หม้อซุปของเขาแน่ ทว่าเตาถ่านร้อนๆ นั้นกลับชอบกันจริง
“ก็คงงั้น เลือกเอาสักตัวซิ เพราะฉันเจอตัวที่ถูกใจแล้ว”
ภคินทอดสายตาคมเข้มที่เจือไปด้วยแรงปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมไปยังสาวน้อยคนเดิมที่เดินเยื้องย่างเข้ามาหา รอยยิ้มอย่างกุมชัยชนะพร้อมกับฝ่ามือน้อยๆ ที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างเชื้อเชิญ ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้และก็ไม่อยากปฏิเสธเสียด้วย เพราะไก่สาวตัวนี้อาจจะทำให้เขาได้รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีใครเคยรู้ก็ได้ และที่สำคัญ..ไก่มันก็น่ากินซะ
“อ้าว! คุณคิน ไหงทิ้งกันดื้อๆ อย่างนี้ล่ะ”
“ต้องการเพื่อนคุยไหมคะ”
เสียงหวานที่ดังอยู่ข้างกายทำให้นุติถึงกับต้องกลืนน้ำลายสอๆ ของตัวเองลงคอ เพราะไก่ที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบนั้น ทั้งสั้น ทั้งเดี่ยว ทั้งอึ๋มไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะส่วนที่แม่ให้มานั้นทำให้เขาต้องแอบคิดถึงอ๊อกซิเจนหากหายใจไม่ออกขึ้นมา
“พี่จะมาอีกไหมคะ”
สาวน้อยเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะแม้เจ๊..จะไม่ห้ามเรื่องการถามไถ่แขกในเรื่องทั่วไป แต่เรื่องที่ถามนั้นก็ควรจะเป็นจริตจะกร้านที่จะชักพาให้แขกที่ใช้บริการกลับมาอีก เพราะยิ่งแขกติดใจงานก็จะมี ทว่าสิ่งที่กลัวมันกลับกลายเป็นว่าเธอกำลังจะติดใจแขกพิเศษในวันนี้เสียเอง
“อืม.. ทำไมเหรอ อยากให้ผมมาอีก..”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถามทำให้สาวน้อยรู้สึกประหม่าอายเป็นครั้งแรก ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนใคร พายุอารมณ์ที่ผ่านพ้นไปการันตีได้เป็นอย่างดีว่า เขา..สุดยอดจริงๆ อิจฉา..ผู้หญิงที่เขาจะเลือกเป็นเมียนัก
ร่างสูงสมส่วนและแข็งแกร่งไปทุกสัดส่วนลุกขึ้นยืนก่อนจะพาร่างเปลือยเปล่าเข้าสู่ห้องน้ำที่ตั้งใจสร้างไว้เพื่อรองรับสมรภูมิที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ภายในห้องแห่งนี้ ฝาผนังประดับไปด้วยท่าทางร่วมรักตามแต่มนุษย์จะสรรค์สร้างขึ้นมาได้ เพียงแค่เห็นก็ให้นึกอยากลองท่าที่ยังไม่เคยทำ
“ชื่ออะไรน่ะเรา..”
ร่างเปลือยเปล่าที่พิสูจน์แล้วว่าเต็มไม้เต็มมือเดินตามเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ของเธอให้จบ ฝ่ามือบางลูบไล้ฟองครีมสบู่อาบน้ำที่ด้านหลังแกร่งขณะที่ละอองน้ำจากฝักบัวรดรินทั้งสองร่างให้เปียกปอนพร้อมๆ กัน
“จะเอาชื่อจริง ชื่อเล่น หรือว่าชื่อที่ใช้ในการแสดงดีคะ”
เสียงกระซิบสั่นพร่าขณะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อประทับเรื่อยไปบนไหล่หนา ฝ่ามือบอบบางโอบกอดร่างแกร่งพร้อมลูบไล้ครีมฟองด้วยจังหวะอารมณ์ที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง ภคินยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันมาเผชิญหน้า
“ชื่อที่อยากจะให้เรียก เวลา..”
“เชอรี่ค่ะ”
“อืม.. เชอรี่ น่ากินจัง”
ใบหน้าอ้าปากหวออย่างคาดไม่ถึงยิ่งทำให้ภคินถูกใจเธอมากขึ้น ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาแบบนี้ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอย่างแรง หากต้องปล่อยให้เธอกร้านโลกไปตามลำพังสู้เขาเลี้ยงเธอไว้เองจะดีกว่า เสียงหัวเราะในลำคอนั้นเพราะขำขันกับความคิดของตัวเอง มันจะแปลกไหมนะที่ชายโสดอย่างเขาอยากจะเลี้ยงสาวๆ ไว้ใช้งานส่วนตัวสักครั้ง “บ้า! คุณมันบ้า คุณคิดว่าฉันมาฝึกงานอะไร คุณมัน..” “แล้วในเล้านี้เธอคิดว่าจะมาฝึกอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...” ร่างสูงคุกคามถึงตัวภายในพริบตายิ่งทำให้ลลิลสะดุ้งชิดผนังตัวลีบ หัวใจเต้นรัวทั้งตื่นกลัวทั้งตกใจกับคำนั้น “เล้า” เล้าอะไร อย่างนั้น “ไก่” ที่เขาพูดถึงก็คงคือ... “เล้า..ไก่..” “อือฮึ!..”แววคมเข้มล้อๆ ที่โค้งกายคร่อมอยู่ด้านบนทำเอาลลิลสั่นไปทั้งตัว ใบหน้างามหันรีหันขวางหาทางหนีหรือคนช่วย และโชคก็เข้าข้างแม้สภาพของคนที่เห็นจะดูเหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!” ร่างอวบอัดเต็มตึงไปทุกสัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดและกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ทั่วทั้งกา
ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อุ๊บ!..อื้อ..” ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน “หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน” ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อ
เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลงที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้องนอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้งเดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดทีละขั้นๆ “ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ” ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาดน้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพาไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไปอยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะทิ้งขว้างนี้หรือไม่ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูกตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่
เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไงภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้า
น้ำเสียงปนหยันที่จับได้ ทำให้ภควัฒน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียว “ภคิน บริรักษ์” บุตรชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อำนาจการบริหารงานในบริษัททั้งหมดเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะนับตั้งแต่วางมือ เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในบริษัทหรือในโรงงานอีกเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ภคินจะไม่มายุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย“คิน.. ทำไมถึงพูดอย่างนั้น โอกาสของคินและของพ่อมันไม่ได้แตกต่างกันนะ โอกาสในเชิงธุรกิจกับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน”“พ่อครับ!”“อย่ามาคุยกันเรื่องนี้เลย แค่พ่อยอมให้เจ้ายอดมันขับรถรับส่งให้ทุกวัน มันก็เป็นสิ่งที่คินต้องการแล้วไม่ใช่รึ ถ้าคินรู้แล้วก็อย่าถาม นอกเสียจากคินอยากรู้ความจริงจากปากพ่อ”แววตาที่มองสบมาเขารู้ว่าพ่อทำจริง สิ่งที่เขารู้พ่อจะทำจริงๆ แต่จะให้เขายอมรับคงไม่มีทาง ผู้หญิงดีๆ มีถมเถและทำไมต้องเป็นผู้หญิงพรรค์นั้น ผู้หญิงที่บินสูงเกินตัว“คิน.. กินข้าวมาหรือยัง พ่อให้ยายนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ คงจะยังร้อนๆ อยู่”ภคินหันหลังก้าวเดินทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองฝูงปลาในน้ำอยู่เช่นเคยทำให้ภคินชะงักฝีเท้าอีกหน ใบหน้าหล่อคมสลดวูบก่อนจะ
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าพุงพุ้ยที่ยื่นออกมานั้นทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น บุคลิกนิ่งๆ ที่มีเพียงสายตาที่กวาดมองรอบด้านอย่างจะประเมินมองสถานการณ์ ภายใต้ชุดตำรวจครึ่งท่อนนั้นยิ่งทำให้คนของอีกฝ่ายต้องทำท่าแขยงๆ ไม่กล้าจะทำตามที่นายสั่ง “เฮ้ย! กูสั่งให้รุมมันไง ทำไมมึงถึงไม่ทำ” “ฮะ..เฮีย เอาจริงหรือครับ ผมกลัวปืนผู้กำกับ” ไอ้ลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหันมาบอกปากคอสั่น ขณะที่ดวงตาหวาดๆ ของมันส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ล้อมรอบผู้กำกับบัญชาให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ทำอะไรวู่วาม “โธ่โว๊ย! แค่ตำรวจแก่ๆ คนนึง พวกมึงก็ป๊อดซะแล้ว ต้องให้ถึงมือกูทุกที” เสียงพูดอย่างไม่เกรงกลัวใครเอ่ยบอกก่อนจะดันลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ให้พ้นทาง เสี่ยพงศกรมองดูผู้กำกับบัญชาที่อยู่ในวงล้อมลูกน้องเขาอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนยกยิ้ม ดวงตาคมปานเหยี่ยวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองผู้กำกับวัยใกล้เกษียณที่จ้องประสานสายตาไม่หลบเช่นกัน “ผู้กำกับ วันนี้มันคิวผม ผู้กำกับจะมาชุบมือเปิบได้ไง โน่น! เด็กใหม่ๆ เยอะแยะ ทำไมต้