Masuk“ฉันอยากไปหาพี่อลิซ”
นาเดียเอ่ยขึ้นในเช้าวันใหม่ เธอลงมาด้านล่างค่อนข้างสายและชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ขึ้นมาตาม หญิงสาวเห็นเขาวิ่งอยู่บนลู่วิ่งตรงห้องกระจกข้างระเบียง ทั้งคู่สบตากันเพียงเล็กน้อย เธอไม่อยากรบกวนเขา ทั้งยังรู้สึกไม่กล้าที่จะมองอีกฝ่ายนานนักเพราะสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจเมื่อวานทำให้เดินเลี่ยงไปยังห้องครัว
ในนั้นมีจานใส่แซนด์วิช ใกล้ๆ มีกากาแฟอยู่ด้วย และเห็นโน้ตแปะบนโต๊ะอาหาร
‘อาหารเช้าของคุณ มีนมกับน้ำส้มในตู้เย็น’
หญิงสาวนึกทึ่งกับเรื่องอาหารของอีกฝ่ายไม่น้อยตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา หน้าโหดอย่างเขาไม่น่าเชื่อว่าจะทำอาหารได้รสชาติดีขนาดนั้น
ทว่านาเดียก็ไม่เสียเวลาคิดเรื่องชายหนุ่มนาน เพราะเธอค่อนข้างหิวจึงลงมือกินแซนด์วิชและเอานมมาใส่กับกาแฟที่ชงไว้เรียบร้อยแล้ว ดื่มทั้งกาแฟและน้ำส้มเพราะได้รสชาติหวานอมเปรี้ยวเพื่มความสดชื่น
ขณะเดียวกันก็คิดว่าเธอคงรู้สึกอึดอัดแน่ๆ หากต้องอยู่ร่วมบ้านกับคลินตันตามลำพัง ถ้าต้องอยู่แค่ในห้องเธอก็เบื่อเพราะอยู่โรงพยาบาลมานาน แล้วก็นึกถึงอลิซขึ้นมา เมื่อเสร็จมื้ออาหารเช้าของตน นาเดียจึงเอ่ยขึ้นขณะที่ออกจากห้องครัวมาแล้วพบเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่มีเหงื่อท่วมตัวกำลังเดินผ่านไป
คลินตันหันมามองเธอ ตาคมเข้มครุ่นคิด จนคนรอฟังถึงกับลุ้นตาม กระทั่งเขาพยักหน้าพร้อมบอก
“เดี๋ยวผมโทรถามแทนดูก็แล้วกันว่าอลิซอยู่บ้านหรือเปล่า”
“ขอบคุณ”
นาเดียส่งยิ้มบางให้เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ขัดอะไร ทว่าชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางตอบรับหรือใส่ใจ เขาเดินตรงไปยังมุมหนึ่งที่หญิงสาวมองเห็นว่ามีห้องอยู่โดยไม่พูดอะไรอีก
“อะไรของเขา ไม่สนิทก็ไม่เห็นต้องทำตัวเย็นชาใส่เลยนี่”
เจ้าของร่างเล็กบ่นอยู่คนเดียว แล้วยกแขนสองข้างกางขึ้นเล็กน้อย
“เราก็ออกจะใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย”
เธอมองตัวเองแล้วยักไหล่ เช้านี้เธอใส่เสื้อวอร์มแขนยาวขายาว ทำตามที่ชายหนุ่มตั้งกฎเอาไว้ ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องทำท่าเย็นชาใส่เธอแบบนั้น
หลังรอประมาณหนึ่งชั่วโมงคลินตันก็ออกมายังห้องรับแขกที่นาเดียเปิดทีวีดูอยู่
“แทนกับอลิซอยู่บ้าน เขาบอกว่าไปได้ อลิซอยากเจอคุณมาก”
ร่างเล็กผลุดลุกขึ้นในทันที ตาคู่กลมโตวาววาม พร้อมกับยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“จริงเหรอ”
“อืม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เอาที่ทะมัดทะแมงหน่อยนะ”
“ชุดนี้ก็โอเคแล้วนะ”
ตาคมกวาดมองเธอ เป็นอีกครั้งที่รู้สึกแปลกๆ กับสายตาของอีกฝ่าย แต่เธอไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอหายใจไม่ค่อยสะดวกนัก
“แน่ใจนะ”
“ใช่สิ”
นาเดียยืนยัน อีกฝ่ายจึงพยักหน้า แต่เธอเห็นเขายิ้มตรงมุมปากจึงอดสงสัยไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร
“งั้นก็ลุยกันเลย”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน แต่ก็บอกอีกฝ่ายว่าขอไปหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือก่อน ชายหนุ่มจึงบอกว่าจะไปรอข้างนอก ทว่าเมื่อเธอไปเอาของแล้วออกไปตรงหน้าบ้านนาเดียก็ต้องชะงักเท้า
“เราจะไปด้วยไอ้นี่เหรอ”
“งั้นสิ”
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเจ้าสองล้อคันโตที่เดาได้ว่าราคาคงแพงอย่างไม่ธรรมดา แต่เธอไม่เคยขึ้นอะไรที่น้อยกว่าสี่ล้อมาก่อนในชีวิต
“แต่ฉัน...”
“ไปเถอะ นี่ก็กลางวันแล้ว เดี๋ยวทางนั้นจะรอนาน อลิซบอกว่าจะรอกินข้าวกับคุณ”
เมื่อชายหนุ่มบอกมาอย่างนั้นนาเดียก็ไม่อยากเรื่องมาก จำใจเดินไปยังเจ้าสองล้อคันใหญ่ ขณะเดียวกันร่างสูงใหญ่ของคลินตันก็ขึ้นไปนั่งคร่อมเตรียมพร้อม ทว่าหญิงสาวลังเลไม่รู้จะขึ้นอย่างไร
คลินตันหันมองพร้อมกับส่งหมวกมาให้เธอ โดยเขาใส่หมวกอยู่ก่อนแล้ว แต่คนร่างเล็กกลับยืนมองด้วยสายตางุนงงเขาจึงพยักพเยิดบอกซ้ำ หญิงสาวก็สวมหมวกลงเบาๆ อย่างระวัง ขณะที่ชายหนุ่มมองอยู่ด้วย เมื่อเห็นอีกฝ่ายใส่ยังไม่กระชับเรียบร้อยเขาก็วางมือกดลงไป จับให้พอดีกับใบหน้าเล็กแล้วล็อกให้
นาเดียมองคนที่จัดการกับหมวกให้ตนเองแวบเดียวแล้วหลบสายตาคมลงต่ำแทน ด้วยอาการหายใจติดขัดกลับมาอีกครั้ง
“ไม่ขึ้นมาล่ะ”
ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเขาดูหมวกให้เสร็จแล้วสตาร์ตรถทว่าหญิงสาวยังยืนนิ่ง
“เอ่อ ฉัน...ไม่เคยขึ้นน่ะ”
เขามองเธอราวกับไม่เคยเห็นก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ
“เหยียบข้างล่าง จับไหล่ผม แล้วก้าวขาข้ามมาเลย”
คนบอกบอกง่ายๆ ทว่าคนต้องทำกลับรู้สึกว่ามันยาก หากก็ยอมทำตามโดยไม่บ่นสักคำ พอมือบางวางบนไหล่กว้างเขาก็พูดขึ้นอีก
“จับทั้งสองข้างเลยก็ได้จะได้มั่นคง”
นาเดียวางมือเกาะไหล่หนาสองข้างเกร็งเล็กน้อยก่อนจะทำตามคำแนะนำจนขึ้นไปนั่งซ้อนหลังบนมอเตอร์ไซค์คันโต ทว่ากลับรู้สึกว่าเบาะนั่งมันลาดเอียงและสั้นเกินไป เพราะมันทำให้เธอไหลลงไปหาชายหนุ่มในทันที แต่เธอพยายามวางแขนทาบหลังเขาอย่างป้องกันตัวเองไม่ให้ใกล้ชิดอีกฝ่ายมากเกินไป
“ไปกันเลยนะ”
พร้อมคำพูดสองล้อคันโตก็เคลื่อนตัวออกอย่างรวดเร็วทำเอานาเดียถึงกับกัดริมฝีปากตัวเอง หลับตาก้มหน้าลงเมื่อเริ่มรู้สึกถึงลมที่ตีผ่านข้างตัวแล้วนั่งเกร็งมือบางกำจิกไหล่หนาไปตลอดทาง
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







