5 จวนตระกูลหลี่
จวนตระกูลหลี่
แม่ทัพหนุ่มแหงนดวงหน้าแกร่งคมสันกร้าวดุดันมองป้ายตระกูลก่อนกระโดดลงจากหลังม้า เดินตรงมุ่งหน้าขึ้นบันไดกว้างของจวน
“หยุด!!”
ทหารตัวน้อยร่างผอมยื่นทวนยาวขวางหน้าทันควัน สีหน้าขึงขังน่าหัวร่อจนหลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก มือสะบัดยกทวนออกแล้วสาวเท้าออกเดินพลันมีทหารหนุ่มอีกคนดูบึกบึนกว่ายกทวนขวางไว้เช่นกัน
“เจ้าบังอาจนัก จวนตระกูลหลี่หากจะเข้าต้องแจ้งชื่อ เจตจำนงเสียก่อน”
หลี่เหว่ยก้มมองร่างเล็กของทหารหนุ่มแล้วส่ายหน้า เพียงจากไปรบสองปี จวนตระกูลหลี่ตกต่ำถึงขนาดให้ทหารอายุน้อยซ้ำผอมโกรกเดินยามเฝ้าหน้าประตู ดูแล้วช่างน่าอับอายยิ่ง
“พวกเจ้าอยากรู้ชื่อข้า”
หลี่เหว่ยเอ่ยด้วยเสียงทุ้มดังไร้ความกลัว ขยับเท้าจะเดินแต่ทวนสองทวนยังขวางไว้
“หากเจ้ายังขืนดึงดัน ข้าคงต้องทำร้ายเจ้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำร้ายข้า คงเป็นเจ้ามากกว่าทหารน้อย”
สิ้นคำหลี่เหว่ยรวบทวนสองทวนไว้มือเดียวสะบัดโยนทหารน้อยผอมหล่นลงบันไดแล้วก้าวอาดเข้าจวน
“เจ้า เจ้า”
สองทหารน้อยวิ่งตามทุลักทุเลหน้าตื่น ยกทวนตั้งท่าแทงจากด้านหลังพลันเสียงตะคอกดังขึ้น
“เจ้าโง่ เจ้าโง่บัดซบ”
พ่อบ้านตระกูลหลี่ เทียนหยูตะโกนเสียงกร้าวรีบวิ่งซอยเท้าด้วยวัยเกือบห้าสิบหน้าตาตื่นตระหนก หยุดลงตรงหน้าร่างแกร่งสูงใหญ่โค้งคำนับฝ่ามือซ้ายประกบมือขวา ก้มโค้งต่ำยิ่งสีหน้าสำนึกผิด เอียงหน้าไปทางทหารหน้าเซ่อสองนาย
“ยังไม่รีบสำนึกผิด นี่ท่านแม่ทัพหลี่เหว่ย”
สองทหารตัวสั่นทิ้งทวน หัวเข่ากระแทกพื้นโขกศีรษะแนบพื้นเอ่ยเสียงสั่น
“ข้า ข้า มิรู้ที่ต่ำที่สูง ขอท่านแม่ทัพโปรดอภัย”
หลี่เหว่ยชายตามองแล้วปัดมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนมองพ่อบ้าน
“พ่อบ้านเทียนหยู ท่านแม่อยู่ไหน”
“ฮูหยินอยู่เรือนกุ๋ยฮวาด้านหลัง เออ กำลังดื่มชากับคุณหนูจวนกั๋วกง”
คิ้วเข้มกระตุก รู้ทั้งรู้ว่ากองทัพมาถึงวันนี้ยังนัดคุณหนูห้องหอมา คงคิดแผนการจับคู่กระมัง
“ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านแม่ตามสบาย ข้าค่อยไปคารวะช่วงเย็น”
“เดี๋ยวท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”
พ่อบ้านเทียนหยูวิ่งตามร่างใหญ่ของท่านแม่ทัพทันที เขาได้รับคำสั่งมาโดยเฉพาะให้พาท่านแม่ทัพไปยังเรือนเล็กเพื่อทำความรู้จักให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะโดนตัดเงิน สีหน้าร้อนรนยิ่ง
หลี่เหว่ยยังเดินก้าวยาวไม่ใส่ใจกระทั่งใกล้ถึงเรือนหลงจึงหยุดเท้าหันกลับไปมองพ่อบ้านหอบฮักวิ่งตามเกือบถึงตัว
“ท่านหยุดเถิดพ่อบ้าน ข้าต้องการพักผ่อน เพิ่งกลับจากการรบ ขืนให้ข้าไปทำความรู้จักแม่นางน้อย ข้าคงได้ทำให้คุณหนูอะไรนั่นกลัวเสียเปล่า ๆ อีกเรื่อง เจ้าสองคนหน้าจวนปลดออกเสีย ข้าจะให้มู่เฉินหาทหารคนใหม่มาแทน”
ปัง!!
หลี่เหว่ยปิดประตูใส่หน้าทันทีเมื่อเอ่ยจบ ถอนหายใจออกยาวแล้วสะบัดเสื้อเกราะเหม็นอับออกพร้อมหมวกเหล็ก เดินไปทางห้องน้ำที่บัดนี้ทางเรือนได้จัดเตรียมไว้คอยท่าแล้ว หย่อนร่างเปลือยเปล่าลงแช่ เอนดวงหน้าแหงนเงยพิงขอบอ่างยิ้มมุมปาก
“ยี่หวา ชื่อแปลกประหลาดนัก”
¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨
ยามโหย่วของจวนเริ่มวุ่นวาย บ่าวในจวนเตรียมตั้งสำรับ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยกระทบนาสิก เป็นเวลานานมากแล้วที่หลี่เหว่ยมิได้กลิ่นอาหารหอมเยี่ยงนี้ ขยับร่างลุกขึ้นจากตั่งนอนเล่นยามบ่าย
“ท่านแม่ทัพ”
มู่เฉินเมื่อได้ยินเสียงภายในห้องพักจึงค่อยส่งเสียงเรียกหน้าห้อง
“มีอะไร”
“ฮูหยินหลี่เรียกหาขอรับ”
มู่เฉินยืนนิ่งรอกระทั่งประตูเปิดออกพร้อมร่างของท่านแม่ทัพสูงใหญ่แต่งกายเรียบร้อยเกล้าผมสูงเป็นมวยด้านบนสวมกว้านหยกงดงาม ใบหน้าไร้หนวดเคราสะอาดสะอ้าน เสียเพียงผิวยังคล้ำแดดจากการกรำศึกมายาวนาน
หลี่เหว่ยเดินผ่านมู่เฉินมุ่งตรงไปยังเรือนซิ่วอิง แสงอาทิตย์ลำสุดท้ายกำลังสาดกระเบื้องหลังคากระทบยอดจั่วลายเสือฉาบสีทอง
“ท่านแม่ทัพ ยังอีกเรื่อง”
หลี่เหว่ยยังก้าวยาวไม่หยุดเดิน บ่าวรับใช้ย่อกายทำความเคารพตลอดทาง หางตาเห็นหญิงแปลกหน้ารูปร่างอรชร หน้าตางดงามยิ่ง ย่อกายทำความเคารพหน้าบันไดทางขึ้นเรือนฮูหยินหลี่ เขาเพียงชำเลืองหางตา หาได้ใส่ใจ
“คืนนี้ เพื่อเป็นการตกรางวัลจากทางการได้เปิดประมูลสาวงามหอคณิกามาให้ท่านแม่ทัพหนึ่งคน”
เรื่องนี้ทำให้หลี่เหว่ยหยุดเท้าได้ในที่สุด หันกลับมามองมู่เฉินเต็มตัว หรี่ตาเหยี่ยวลง
“ขยายความ”
“นอกจากเงินรางวัล ตำแหน่งที่ฮ่องเต้พระราชทานลงมาแล้ว พวกอำมาต ข้ามิรู้ว่าผู้ใดเป็นคนโพล่งพูดขึ้นมาว่าเห็นควรตกรางวัลด้วยหญิงงาม”
“หญิงงามกระนั้นหรือ”
“ขอรับ จากนั้นก็เกิดเสียงเซ็งแซ่แตกออกดังระงมท้องพระโรงกระทั่งฝ่าบาทต้องถึงกับทุบโต๊ะ”
หลี่เหว่ยพยักหน้ารับรู้ มือหนึ่งไพล่หลังอีกมือเผลอลูบเคราทั้งที่โกนสะอาดเรียบร้อย
“แล้วสรุป”
“สรุปความแล้ว ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์เปิดประมูลสาวงามขอรับ คืนนี้ที่หอเย่วโหลวกับหอซีหยางโหลว”
“ซีหยางโหลว นั่นมันหอคณิกาชายมิใช่หรือ”
“เออ...ว่ากันว่า” มู่เฉินกลืนน้ำลาย “มีคนในท้องพระโรงพูดกันหนาหูว่าท่านแม่ทัพพึงใจชายหนุ่มขอรับ”
“ว่าอะไรนะ” หลี่เหว่ยส่งเสียงตะคอกดังจนมู่เฉินต้องรีบคุกเข่ากับพื้น
“ท่านแม่ทัพ เป็นเพียงข่าวลืออย่าได้ใส่ใจ”
คิ้วกระบี่กระตุกถี่ก้มมองมู่เฉินดวงตาแข็งกร้าวก่อนฉุกคิดได้ค่อยคลี่ยิ้มออกมาจากนั้นจึงแหงนหน้าหัวเราะลั่น
“ท่านแม่ทัพ”
“ลุกขึ้นเถอะมู่เฉิน ฮ่า ฮ่า ดียิ่ง ฮ่า ฮ่า”
มู่เฉินยืนเกาศีรษะตาค้าง ได้แต่สงสัยว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงเห็นเรื่องนี้เป็นสิ่งดี หรือ ... ท่านแม่ทัพชื่นชอบบุรุษจริง ๆ
ส่วนท่านแม่ทัพยังเดินไปพลางยิ้มในหน้ากระหยิ่มดีใจยิ่งที่ชื่อเสียงป่นปี้ กระทั่งถึงหน้าประตูเรือนจึงได้หุบยิ้มทอดถอนใจยาวเหนื่อยอ่อน
30 บทส่งท้ายใบกระจับล้อคลื่นในบัวลู่ลมเรือน้อยชมจงกลกลางนทีพบชายนางก้มยิ้มกลั้นวจีนารีทำปิ่นหยกตกลงน้ำ[1]หลี่เหว่ยยกมือป้องแดดยามบ่ายคล้อยกลางฤดูร้อนที่ยังแผดเผา อีกมือค้ำถ่อเรือลำน้อยลอยละล่องเหนือบึงบัวดอกหลากสี คลี่ยิ้มยามเห็นฮูหยิน ภรรยายอดดวงใจเอนกายพิงกาบเรือแกว่งมือกวักน้ำ บ้างแตะหยอกดอกบัวเอียงดวงหน้างดงามส่งรอยยิ้มอ่อนหวาน“เจ้าร้อนหรือไม่”ยี่หวาส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วค่อยคลานเข่าไปยังแม่ทัพใหญ่หยิบเซาปิ่งแบ่งชิ้นส่งเข้าปากหนาก่อนปัดเศษขนมปังข้างแก้มให้“ปีนี้ร้อนยิ่ง ทว่าข้ามาบึงบัวแห่งนี้คราไร กลับรู้สึกเย็น”ยี่หวาขยับร่างกลับไปที่เดิม ลูบปอยผมออกจากดวงหน้ายามลมโชยพัดจนปลิวไสว เท้าข้อศอกบนกาบเรือเกยคางบนหลังมือ“ข้ามีเรื่องยังไม่ได้บอกเจ้ายี่หวา”น้ำเสียงจริงจังทั้งหลบสายตาทำให้ยี่หวาคิ้วขมวดนิ่ง“อีกไม่กี่วันข้าอาจต้องไปลั่วหยาง”ร่างอ้อนแอ้นที่เอนกายอยู่พลันเหยียดตึงนั่ง
29 NC “ทะ ท่าแม่ทัพ นั่น อะ อะไรน่ะ”ยี่หวากอบผ้าขึ้นปิดทรวงอกกระเถิบถอยหนีเมื่อเห็นท่านแม่ทัพใหญ่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเตียงขณะโรมรันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกำลังได้ที่ใกล้สอดใส่ เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าสีแดงเส้นเล็กพันมือทั้งสองข้างแล้วกระตุกขึงจนตึงมือพรึบ ๆ ..“เชือกผ้าไหม”“ทะ ท่านเอาสิ่งนี้มาทำอะไร” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเหลือบมองเชือกแล้วตวัดสายตาขึ้นมองสีหน้าท่านแม่ทัพดูคล้ายพึงพอใจสุดขีดด้วยรอยยิ้มมารร้าย“ตำราปกขาวเขียนไว้ว่า หากต้องการมัดใจภรรยาให้อยู่หมัด ไม่ให้ปั่นใจหนีหายไปที่อื่น จงมัด...” พึมพำในลำคอไม่เต็มเสียง กลัวภรรยารักถอยหนี แต่ยี่หวายังได้ยินอยู่ดี“มัด!!!”ตึก ... คุกเข่าลงเตียง“ตามตำราบอกว่าสตรีทุกนางล้วนชื่นชอบยิ่งนัก ซ้ำร้องครางลั่นราวขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า”“...”ยี่หวาอ้าปากเหวอ ‘ตำรา’ นี่ท่านแม่ทัพของนางถึงขั้นอ่านตำรากามสูตรเพื่อมาทำสิ่งนี้กับนาง“ข้า ข้า ไร้ซึ่งคำพูด ท่านแม่ทัพ”“เจ้าไม่ต้อง
28 ดื่มเหล้ามงคล“เจ้าคิดสิ่งใดยี่หวา ต้องไม่ใช่เรื่องดี” หลี่เหว่ยใช้นิ้วดีดเบากลางหน้าผากเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยนก่อนนั่งลงบนเตียงด้านหลัง ชะโงกหน้าผ่านซอกไหล่ก้มมองบุตรชายนอนนิ่งไม่ส่งเสียงร้องดั่งเด็กทั่วไป“ท่านขยับออกห่างหน่อยไม่ได้หรือไร ข้าร้อน แล้วไยไม่ไปทำงาน”“ข้าลางานแล้ว”“ลางาน?”“ข้าต้องอยู่เดือน”“...”ยี่หวาคิ้วกระตุก อยู่เดือนมิใช่หน้าที่ของสามี แต่นี่มันคือข้ออ้างชัด ๆ“ท่านแม่ทัพเพียงต้องการเป่าประกาศว่าเป็นชายมีน้ำยาใช่หรือไม่” แค่นลมเมื่อพูดจบจนอกแกร่งด้านหลังกระเพื่อม“รู้ดีเยี่ยงนี้ต้องรีบยกน้ำชา”“ข้าไม่ได้รับปาก ท่านอย่าซี้ซั้วพูดเองฝ่ายเดียว ข้ายอมมาอยู่จวนท่านเพราะเห็นแต่เจ้าก้อนแป้งต่างหาก”หลี่เหว่ยไม่นำพาปล่อยให้ยี่หวาพูดไปเรื่อยส่วนมือเริ่มเลื้อยอ้อมมาด้านหน้ารัดเอวนางไว้ผ่าง...ไม่ทันได้ลวนลามมากไปกว่านั้นประตูเปิดกว้างออกอย่างแรงพร้อมใบหน้าของหญิงวัยกลางคนพรวดพราดเดินเข้ามา“หลานข้า หลี่จง” น้ำเสียงโหยหวนสักเล็กน้อย
28 คลอดแล้วจ้า“อุแว้ แง ........ แง......”ยี่หวาทิ้งตัวอ่อนแรงทันใดยามลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัย มือห้อยลงขอบเตียงหอบหายใจ ได้ยินเสียงยินดี เสียงท่านหมอ เสียงหมอตำแยวุ่นวายผสมปนเปจนมั่วเละเทะ“ยินดีด้วย ยินดีด้วยท่านแม่ทัพ บุตรชายเจ้าค่ะ”แว่วเสียงหมอตำแยร้องบอกยินดี ยี่หวาหลับตาถอนหายใจ ในที่สุดบุรุษหน้าหนาก็มาเสียทีหลังจากที่ปล่อยให้ทหารมาเฝ้านางเสียหลายเดือนบัดนี้นางผู้คลอดลูกนอนหมดแรงไม่ทันได้เห็นหน้าบุตรชาย กลายเป็นชายหน้าด้านได้โอบอุ้มเห็นหน้าก่อนข้าเสียอีก - - ข้าต้องโกรธให้นานเสียหน่อยยี่หวาพลิกตัวตะแคงหันหนีทันที ไม่ต้องการเห็นหน้าคนหลอกลวง“ฮูหยินเจ้าคะ บุตรชายเจ้าค่ะ”ในที่สุดคงถึงคราวข้าได้ยลโฉมบุตรชายตนเองเสียที เอียงหน้ากลับไปพลันพบสบสายตาที่ยืนนิ่งข้างเตียง ในอ้อมแขนใหญ่โอบอุ้มบุตรชายตัวน้อยที่ยังร้องจ้า“หลี่จงต้องการดื่มนม”คิ้วเรียวสวยกระตุกยามได้ยินชื่อบุตรชาย ‘หลี่จง’ เจ้าหน้าตายบังอาจตั้งชื่อลูกข้า“เออ..เจ้าลุกไหวห
27 ตามหมอ หมอหลวงงงงงง“นางใกล้คลอดหรือยัง”มู่เฉินยืนนิ่งด้านข้างเก้าอี้ในห้องทำงาน เบื้องหน้าคือหมอหลวงที่ท่านแม่ทัพให้แฝงตัวเข้าไปดูแลครรภ์แม่นางยี่หวาในหอซีหยางโหลว ทั้งส่งคนเฝ้าห่าง ๆ ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา“ใกล้แล้วท่านแม่ทัพ คงอีกไม่กี่วัน”“ถึงวันให้ส่งคนมาแจ้ง ข้าจะไปดูด้วยตนเอง”กล่าวจบหลี่เหว่ยยกมือโบกไล่แล้วกลับไปอ่านเอกสารราชการตรงหน้าต่อ มือยังถือพู่กัน ดวงหน้านิ่งเฉย มู่เฉินรินน้ำชาเพิ่มช่วยลดความตึงเครียด“น้ำชาท่านแม่ทัพ”“กำชับคนให้ดูแลหอซีหยางโหลวอย่างดี อย่าแสดงตัวให้นางเห็น แล้วเมียเจ้า เยี่ยนฟางเป็นเยี่ยงไรบ้าง”“ใกล้คลอดเช่นกันท่านแม่ทัพ คงไล่เลี่ยห่างกันไม่กี่วัน”“ดี”มู่เฉินนิ่งเงียบเมื่อท่านแม่ทัพหมดคำถาม“อากาศเริ่มร้อนแล้ว เจ้าส่งน้ำแข็ง ไม่สิ ไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้าให้คนนำพัดอันใหม่ไปให้นางหรือยัง”“ขอรับท่านแม่ทัพ ฝากฮุ่ยซิ่งไปเช่นเดิม แม่นางยี่หวาไม่มีทางรู้ว่าส่งมาจากท่านขอรับ”“อืม...กว่าจะเคี
26 ลำแสงแรกพระอาทิตย์ตึก ตึก ตึกเสียงวิ่งบนพื้นหิมะทำให้ทั้งสองหันตัวกลับไปมองต้นเสียง เห็นจินเยว่วิ่งหน้าตั้งสีหน้าเบิกบานยิ้มกว้างจนถึงใบหู หน้าแดงฝ่าลมหนาวเหน็บแล้วหยุดหอบหายใจตรงบันไดขึ้นเรือนเล็ก“อันใดกันจินเยว่ วิ่งราวกับวิ่งหนีใครมา”“แฮก ๆ ข้า เดี๋ยวก่อน ขอพัก”จินเยว่ยังหอบหายใจมือกุมท้องขณะก้าวขึ้นเรือนแล้วนั่งลงข้างยี่หวา“สงสัยเรื่องดี ดูจินเยว่สิ ยิ้มกว้างขนาดนี้” ยี่หวาเอ่ยเย้าขณะส่งมือดึงแก้มแม่นางน้อย“อุ๊ย..เจ็บพี่ยี่หวา มีม้าเร็วมา แจ้งว่าท่านแม่ทัพกำลังเข้าเขตเมืองฉางอานแล้ว อีกไม่กี่วันจะถึงจวน”สิ้นเสียงจินเยว่ ดวงหน้าของยี่หวาพลันสดชื่นขึ้นทันตา นางเผยรอยยิ้มสดใสเป็นครั้งแรกไม่แสแสร้งในรอบหลายเดือน รวมไปถึงแววตาพราวเปล่งประกาย“เพิ่งพูดถึงก็มาเสียแล้วกองทัพเสือดำ” ฮุ่ยซิ่งพูดเย้ายี่หวาที่บัดนี้พวงแก้มแดงระเรื่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“เจ้าจะรอก่อนไหมฮุ่ยซิ่ง”“ไม่ ข้าตั้งใจแล้วไม่เคยเปลี่ยนใจ”“รออะไร พี่ฮุ่ยซิ่งจะไปไหน”“ข้าต้องจากจวนห