บทที่ 3 บะหมี่เนื้อตุ๋น
-กิจกรรมท้าทายประจำรอบ "ต้มไข่ยางมะตูมสิบฟองเริ่มต้นได้" มู่หนิงชิงเปิดน้ำใส่หม้อ หยิบไข่ไก่วางลงไปสิบใบ ใส่เกลือหนึ่งช้อนโต๊ะ ตั้งไฟรอจนกระทั่งน้ำเดือดนางจึงตั้งเวลาไปที่สามนาทีครึ่ง ระหว่างนั้นก็ใช้เนตรปีศาจของตน เพ่งดูระดับความสุกของไข่ไปด้วย จะหาว่านางโกงไม่ได้นะ ไม่มีกติกาบอกว่าห้ามใช้ความสามารถพิเศษ ในการทำกิจกรรมท้าทาย เมื่อครบเวลาก็รีบปิดไฟ เทน้ำร้อนออก เปิดน้ำเย็นใส่หม้อแทนทันที แช่ไข่ทิ้งไว้ในน้ำเย็นครู่หนึ่ง จึงหยิบไข่ฟองแรกมาปอก ใช้มีดหั่นครึ่งเพื่อตรวจดูระดับความสุก “เยสสส!!! ไข่ต้มยางมะตูมสวยงาม” ไข่ที่เหลืออีกเก้าฟองถูกปอกเปลือกใส่จาน และหั่นครึ่งเพื่อตรวจสอบด้วยความว่องไว หากทิ้งไว้นานกว่านี้ไข่แดงจะสุกมากขึ้น “เสร็จแล้ว ผ่านหรือไม่ซินดี้” -ผลการท้าทาย ต้มไข่ยางมะตูมทั้งสิบฟองประสบความสำเร็จ ท่านต้องการรับรางวัลพิเศษ แม่ไก่พันธุ์ไข่สายดุเลยหรือไม่ “คิกๆ ชอบจริงๆชื่อพันธุ์เนี่ย ขอบใจซินดี้ ขอฝากไว้ก่อนแล้วกัน สะดวกเมื่อไหร่จะมารับนะ” มู่หนิงชิงละมือจากจานไข่ หันไปหั่นผักที่ใช้เป็นเครื่องเคียงสำหรับบะหมี่เนื้อตุ๋น นางใช้เวลาตุ๋นเนื้อราวหนึ่งชั่วยามก่อนที่จะเปิดฝาเพื่อชิมรสชาติ “อืมมม อร่อยมากอ่ะ ขนาดว่าไม่ได้ทำเนื้อตุ๋นกินเองนานแล้วนะเนี่ย ฝีมือไม่ตกจริงๆ ชิงชิง" หลายคนที่รู้จักมู่หนิงชิงต่างสงสัยว่า คนรักการกินอย่างนางไยถึงไม่อ้วน เหตุผลเป็นเพราะเจ้าตัวออกกำลังกาย และฝึกซ้อมการต่อสู้หนักทุกวัน เพื่อรักษารูปร่างให้ปราดเปรียว มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งยามต้องออกไปปฏิบัติภารกิจโจรกรรม เอ้ย จารกรรม เมื่อถึงเวลา เนื้อตุ๋นที่เตรียมไว้ก็ได้ที่ นางจึงเริ่มลวกบะหมี่ใส่ชามทั้งห้าใบ ตามด้วยตักชิ้นเนื้อที่เปื่อยนุ่ม จนแทบจะละลายในปากยามสัมผัสลงไปวาง เคียงข้างกับไข่ต้มยางมะตูมสองชิ้น โรยหน้าด้วยงาคั่วคลุกผักซอย ตักน้ำซุปใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย อืมม น้ำลายไหล ร่างบางยกชามบะหมี่ออกมาวางบนโต๊ะใกล้หน้าต่างในห้องนอน ก่อนขยี้ผมตัวเองให้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย มองคล้ายคนเพิ่งตื่นนอน จากนั้นจึงรุดออกไปจากห้องด้วยท่าทางตื่นเต้นตกใจ “ท่านพ่อ! ท่านแม่เจ้าคะ! ตื่นเถิดเจ้าค่ะ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในห้องลูกเจ้าค่ะ!” มู่เฟิงลุกพรวดพุ่งมาที่ประตูทันทียามได้ยินเสียงบุตรสาว “ชิงเอ๋อร์! เกิดอะไรขึ้นลูก บอกพ่อมา” “ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยตามลูกมาที่ห้องทีเถิดเจ้าค่ะ มีสิ่งที่ท่านต้องเห็น” เมื่อก้าวพ้นประตูห้องนอน กลิ่มหอมของบะหมี่เนื้อตุ๋นลอยเข้าจมูก มู่หนิงชิงลอบยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ นางหวังว่าทุกคนในบ้าน จะมีความสุขกับอาหารที่นางทำเองกับมือ “ท่านพ่อท่านแม่เจ้าคะ ลูกนอนหลับฝันไปว่า มีท่านเทพผู้หนึ่งมาหา และบอกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในป่า เป็นเพราะความประมาทของท่านเอง ท่านจึงขอมอบพรวิเศษให้ลูกหนึ่งข้อเพื่อทดแทน แต่สิ่งที่ขอต้องไม่ใช่เงินทอง ลูกจึงขอท่านไปว่า ขอให้บ้านของเรามีอาหารดีๆกินทุกวัน วันละมื้อก็ยังดีเจ้าค่ะ ท่านเทพพยักหน้าบอกว่าพรที่ลูกขอสมปรารถนาแล้ว จากนั้นลูกก็สะดุ้งตื่น และพบว่ามีบะหมี่ห้าชามนี้ตั้งอยู่เจ้าค่ะ” 'โกหกขาวเพื่อครอบครัวไม่บาป ท่านเทพที่ข้าเอามาแอบอ้างโปรดอย่าถือสานะเจ้าคะ' เรื่องราวที่ฟังดูแล้วเหลือเชื่อเช่นนี้ ทำเอาผู้เป็นบิดามารดายืนตัวแข็งดวงตาเบิกกว้าง ทว่าบะหมี่ทั้งห้าชามตรงหน้าเป็นของจริง อีกทั้งที่บ้านก็ไม่มีเนื้อเลยสักชิ้น แล้วเนื้อตุ๋นในชามจะมาจากที่ใดได้ มู่เฟิงคุกเข่าลงกับพื้น พนมมือสวดมนต์ขอบคุณสวรรค์ ซูซื่อคุกเข่าลงทำตามสามี ตัวมู่หนิงชิงเองจึงทำบ้างเพื่อความเนียน เมื่อกล่าวขอบคุณสวรรค์เสร็จสรรพ พี่สาวจึงไปปลุกน้องทั้งสองคน จากห้องนอนถัดไปมากินบะหมี่ด้วยกัน เด็กน้อยเดินงัวเงียตามพี่สาวมาแต่โดยดี ครั้นได้กลิ่นและมองเห็นชามบะหมี่ ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวเป็นที่เรียบร้อยก็ตื่นเต็มตา “เนื้ออ! พวกเรามีเนื้อกินด้วยหรือเจ้าคะท่านพ่อ?!” มู่หนิงอันตาโต หันไปถามบิดาเสียงสูง เด็กหญิงทั้งดีใจและประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าจะมีเนื้อให้กิน นานเท่าไหร่แล้วที่ทุกคนในบ้านหลังนี้ไม่ได้ลิ้มรสชาติของเนื้อ… “เฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รีบๆนั่งลงกินบะหมี่ตอนที่ยังร้อนเถอะ ถ้าไม่ร้อนจะไม่อร่อยเอานะ” พี่สาวแสนดีรีบขยับชามบะหมี่มาวางตรงหน้าเด็กทั้งสอง เมื่อมู่เฟิงตักน้ำแกงเข้าปากทุกคนจึงขยับตะเกียบ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทำเอามู่หนิงชิงถึงกับหน้าเสีย “ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นไห้ของเด็กหญิงดังขึ้น ริมฝีปากเล็กสั่นเทาขณะเคี้ยวอาหารในปาก “อันเอ๋อร์! น้องร้องไห้ทำไม บะหมี่ไม่อร่อยหรือ” คนทำบะหมี่เอ่ยถามอย่างร้อนรน รสชาติอาหารของนางแย่มากเลยหรือ มู่หนิงชิงใจคอไม่ดีรีบผินหน้า มองสำรวจสมาชิกในครอบครัวที่เหลือ เวลานี้ขอบตาของทุกคนรื้นน้ำ ซูซื่อน้ำตาไหลจากหางตา ขณะคีบชิ้นเนื้อขึ้นมาจากชาม “อร่อยมากจริงๆ ฮึก ตั้งแต่เกิดมา แม่ไม่เคยกินบะหมี่เนื้อตุ๋น ฮึก อร่อยมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เนื้อนุ่มจนแทบละลายในปาก น้ำแกงรสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้น เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ไข่ต้มยางมะตูมก็อร่อย งาคั่วกับผักซอยนี่ก็เข้ากันกับน้ำแกงยิ่ง นี่คงเป็นรสชาติที่สวรรค์รังสรรค์มาให้พวกเราสินะ” “อาเหม่ยพูดถูกจริงๆ ข้าก็คิดเช่นนั้น” มือใหญ่ของมู่เฟิงกุมมือภรรยา ขอบตาแดงจากน้ำตาที่เอ่อท้น “อร่อยมากจริงๆ ขอรับ” มู่หนิงเฉิงเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเม็ดเล็กไหลอาบแก้มของเด็กชาย มู่หนิงชิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางนึกว่างานเลี้ยงจะล่มเสียแล้ว อร่อยจนถึงขั้นน้ำตาไหลขนาดนี้ นางค่อยรู้สึกฮึกเหิมหน่อย!! หนึ่งเค่อต่อมา บะหมี่เนื้อตุ๋นชามใหญ่ของทุกคนก็หมดเกลี้ยง ชามใส่บะหมี่สะอาดจนแทบไม่ต้องล้างเลยก็ว่าได้ ทุกคนมีสีหน้าเปรมปรีดิ์เปี่ยมด้วยความสุข นั่งลูบท้องตนเองเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอิ่มท้องเช่นนี้มานานมากแล้ว… ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ทานจนอิ่มหนำสำราญ คงเป็นงานแต่งบุตรชายคนโตเจ้าของที่ดินกระมังหากจำไม่ผิด มู่หนิงชิงเห็นว่าโอกาสกำลังเหมาะ จึงเอ่ยปากเข้าเรื่องสำคัญทันที “ข้ามีเรื่องอยากขอร้องทุกคนเจ้าค่ะ ข้าขอให้ทุกคนช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้พูดกับใครเด็ดขาดโดยเฉพาะกับบ้านใหญ่” สีหน้าท่าทางของมู่หนิงชิงเคร่งขรึมขณะเอื้อนเอ่ย กวาดตามองสมาชิกครอบครัวด้วยแววตาจริงจัง “พ่อสัญญาว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ!!” มู่เฟิงรับปากเป็นคนแรกบทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย) หญิงสาวปรือตาฉ่ำน้ำตอบรับเขาอย่างลืมตัว "เจ้าเก่งเหลือเกิน อื้ออ ถูกใจข้ายิ่งนัก แรงอีกหน่อย อ๊าา ข้าเกือบถึงอีกแล้ว" เสียงครวญครางด้วยความสุขสมของหญิงสาว ดังเข้าหูชายหนุ่มอีกคนที่นั่งรออยู่ข้างห้อง มือแกร่งกำเข้ากันแน่นจนข้อนิ้วลั่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ก่อนยกจอกสุราขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ผู้ติดตามที่มาด้วยยืนก้มหลุบตาต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ผ่านไปแล้วสามเค่อ การเคลื่อนไหวในห้องข้างๆ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อีกทั้งเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าเสียงครวญครางด้วยความเมามันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ช่างเสียดแทงหูของผู้ได้ยินยิ่งนัก ปัง! "มันจะทำกันนานเกินไปแล้วนะ!" เขาตบโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง เค้นเสียงเอ่ยลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาดำทะมึนอย่างหงุดหงิด ผู้ติดตามยังคงเงียบงันไร้ซึ่งวาจา ทว่าต่างแอบคิดเหมือนกันไม่มีผิด 'ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงมีฝีไม้ลายมือเรื่องอย่างว่าน่าดู นางถึงได้ครางเสียงหลงขนาดนี้…' ราวสองเค่อต่อมาเสียงการเคลื่อนไหวก็เงียบลง ร่างกายเปลือยเปล่าขาวผ่องของหญิงสาว นอนทับอกแกร่งของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม นางหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่
บทที่ 79 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น) "หัวหน้าหมอหลวงฟ่งปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่" สุรเสียงของซวินเหิงเยว่เต็มไปด้วยความกังวลขณะรับสั่งถาม หวายกงกงส่ายหน้า “ท่านหมอฟ่งกำลังตรวจสอบหาที่มาของพิษอยู่พะย่ะค่ะ หากไม่ทราบว่าเป็นพิษชนิดใด ก็มิอาจปรุงยาถอนได้ ระหว่างนี้จึงได้ทำการฝังเข็มเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษไว้ก่อน“ "กงกงโปรดรออยู่ที่นี่สักครู่" รับสั่งเสร็จก็เดินหายไปยังห้องนอน และกลับออกมาพร้อมกล่องใบเล็กในมือ ก้มลงกระซิบบางอย่างกับหวายกงกง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องฮ่องเต้ประชวรได้ถูกแจ้งแก่ขุนนางที่มารอประชุมเช้า ราชกิจทั้งหลายถูกโอนไปให้องค์รัชทายาทรับผิดชอบแทนชั่วคราว ตำหนักหวงหยาง องค์ชายห้าซวินเหอเยี่ยนสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม หลังจากกลับออกมาจากวังหลวง ทั้งที่ปกติพระบิดาของเขามีพระวรกายแข็งแรงมาตลอด นานๆครั้งถึงจะเป็นหวัดเพราะต้องลมเย็นสักครา ทว่าจู่ๆกลับทรงประชวรหนักจนถึงขั้นมิอาจเข้าประชุมเช้า ครั้นจะขอเข้าเยี่ยมพระอาการ กลับถูกหวายกงกงห้ามไว้ โดยอ้างว่าที่ฝ่าบาทประชวร เป็นเพราะทรงเสียพระทัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของไทเฮา รวมทั้งเรื่องของฮองเฮาและตระกูลหลิน หัวหน้าหมอหลวงฟ่งกำชับให
บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย) "หรานซิง พวกเราไม่มีเวลาแล้ว หากเจ้าไม่ยอมร่วมมือกับข้า ตำแหน่งฮองเฮาที่เจ้าใฝ่ฝันคงกลายเป็นของผู้อื่น รีบตัดสินใจเสีย!" รับสั่งสุรเสียงเด็ดขาดจนคนฟังสะดุ้งเฮือก พระชายาหลินหรานซิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น สูดหายใจลึกหลุบดวงเนตรลงต่ำ พยักหน้ารับปากคำขอของสวามีอย่างจำใจ "ขอบใจเจ้ามากชายารัก ขอบใจจริงๆ" ซวินเทียนอวิ๋นดึงร่างระหงของชายาเอกมากอดแนบอก พร่ำบอกขอบใจนางซ้ำไปซ้ำมาด้วยความโล่งอก "แต่ว่า…จะไปหาคนผู้นั้นมาจากที่ไหนหรือเพคะ" หลินหรานซิงเอ่ยถามสวามีด้วยความกังวล แม้ภายในใจไม่ยินยอมแต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางก็ต้องให้ความร่วมมือ แม้ว่าหนทางนี้จะอันตราย "เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็พอ" ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น รถม้าไร้สัญลักษณ์จอดอยู่หน้าจวนเพื่อรอรับเอ้อร์หลิง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีขาวมีเสื้อคลุมกันหนาวสีดำคลุมทับ หันมาโบกมือร่ำลานายเหนือหัว และว่าที่นายหญิงด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนก้าวขึ้นรถม้าไป ราวหนึ่งครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าคันดังกล่าวได้จอดเทียบประตูทางเข้าด้านข้างหออ้ายเสิน หอโคมแดงชื่อดังของเมือ
บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น) จิตสังหารแผ่ออกรอบพระวรกายฮ่องเต้ กดข่มหลินฮองเฮาจนแทบหายใจไม่ออก ดวงเนตรนางหงส์สั่นระริกรูม่านตาหดเล็กจากความกลัวที่ผุดขึ้นจากจิตใต้สำนึก โอรสสวรรค์ละพระหัตถ์จากดวงหน้าของหลินเจาถิง ยืนฟังนางแก้ตัวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "ฝ่า ฝ่าบาททะ ทรงรับสั่งเรื่องอะไรเพคะ นักพรตอะไรกัน ทรงไปฟังใครที่ไหนมาเพคะ เรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนอะไรกันหม่อมฉันไม่เข้าใจ" ท่าทางของนางลนลานเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ตัวนักพรตหวู่หุนเองตายไปนานแล้ว ถึงครอบครัวอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ แต่จะเอาหลักฐานอะไรมาปรักปรำนาง หนำซ้ำตอนที่ครอบครัวของนักพรตหวู่หุนเดินทางออกจากเมืองหลวง นางสั่งให้คนของสำนักคุ้มภัยตระกูลหลิน ตรวจค้นข้าวของที่พวกเขานำติดตัวไปรวมถึงค้นตัวของทุกคน ไม่มีจดหมายหรือเอกสารใดๆ ซุกซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ทว่าสิ่งที่หลินฮองเฮาไม่รู้ นั่นคือเรื่องที่นักพรตหวู่หุนได้แอบส่งภาพวาดสำคัญ ฝากพ่อค้าที่รู้จักกันกลับไปยังแดนเหนือเพื่อมอบให้หลานชาย ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะล้มป่วย "หลินเจ้าถิง ข้ามีคำสารภาพผิดของนักพรตหวู่หุนอยู่ในมือ ถึงเจ้ายืนกรานปฏิเสธก็หนีไม่พ้น ชีวิตคนบริสุทธิ์มากมายเจ้าต้องชดใช้ให
บทที่ 76 ปริศนาฆาตกรรมในวังหลัง (ตอนปลาย) ตำหนักเฟิ่งอัน ห้องบรรทมหลินฮองเฮา หน้าต่างห้องบรรทมถูกแง้มออก ร่างบางปีนเข้ามาด้านในโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ตามมาตรฐานจารชนมือฉกาจ แคปซูลยาสลบถูกจ่อใต้จมูกของฮองเฮา ราวห้าลมหายใจต่อมาเสียงฝ่ามือกระทบเนื้อก็ดังขึ้นต่อเนื่อง เพียะ! เพียะ! เพียะ!…เพียะ! เมื่อเห็นว่าใบหน้าของศัตรูบวมฉึ่งกลายเป็นหัวหมูเรียบร้อย กริชของเผ่าฮวาล่าที่ด้ามทำจากเขาสัตว์ฝังอัญมณี ซึ่งองค์หญิงลี่นาซามอบให้เป็นของขวัญ ถูกกรีดลงบนใบหน้าด้านขวาของหลินเจาถิง บริเวณเดียวกันกับใบหน้าของเฉินชิงเหอ ถือเป็นการเอาคืนเล็กน้อยให้บิดาของนาง ก่อนกลับมาจัดการให้สมน้ำสมเนื้ออีกทีที่หลัง จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนเตียง ดึงเอาร่างไร้ศีรษะของว่านไทเฮาออกมาจากมิติ วางลงข้างกายหลินเจาถิง จัดท่าให้ฮองเฮานอนกอดร่างไร้วิญญาณของคู่แค้นราวกับกำลังโอบกอดคนรัก…พรุ่งนี้ตื่นมาคงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นในวังหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ยามรุ่งอรุณของวันถัดมา ท้องฟ้าสีครามปราศจากเมฆหมอกบดบัง แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องโลมไล้หิมะสีขาว เกิดประกายระยิบระยับพร่างพรางราวอัญมณีล้อแสง พาให้จิตใจผ่องใสสดชื่นในเช
บทที่ 76 ปริศนาฆาตกรรมในวังหลัง (ตอนต้น) หลังจากถูกเซียวหนิงชิงเล่นงานปางตายในคืนนั้น ว่านไทเฮาก็ย้ายตำหนักมาอยู่อีกฝากฝั่งของวังหลัง นางไม่กล้าพำนักอยู่ ณ ตำหนักเดิมอีกต่อไป ด้วยเพราะกลัววิญญาณร้ายจะตามมาหลอกหลอน นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ซู่หมัวมัวและนางกำนัลคนสนิทอีกสองนาง จึงถูกสั่งให้มานอนเฝ้าหน้าเตียงเป็นเพื่อนว่านไทเฮา เซียวหนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจกวาดตามองไปทั่ววังหลัง เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆนางก็พบห้องบรรทมใหม่ของว่านซวงเถียน "ชิ คิดว่าหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้อย่างนั้นรึยัยแก่ เตรียมตัวลงนรกไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเสียเถอะ ซีซี พวกเราไปหายายแก่ว่านซวงเถียนกันเถอะนะ" เมี้ยวววว แมวทิพย์ตอบรับเสียงหวาน มันไม่เคยขัดใจนางทาสอยู่แล้ว ไปไหนไปกันซีซีพร้อมเสมอ หน้าต่างห้องบรรทมที่ลงกลอนจากภายใน ถูกแมวทิพย์ที่สามารถเดินทะลุผนังได้ปลดกลอนออก ผู้มาเยือนยามวิกาลย่องมาเข้าอย่างเงียบเชียบ จ่อแคปซูลยาสลบไปที่ใต้จมูกของซู่หมัวมัวและนางกำนัลอีกสองคน "เรียบร้อย จะได้ไม่มีใครมาขัดจังหวะช่วงเวลาเยี่ยมผู้ป่วยของคนสวย" ร่างบางก้าวข้ามตัวของหมัวมัวและปีนขึ้นไปบนเตียงของว่านไทเฮา ดวงตาเมล็