Home / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 3 บะหมี่เนื้อตุ๋น (ตอนปลาย)

Share

บทที่ 3 บะหมี่เนื้อตุ๋น (ตอนปลาย)

last update Last Updated: 2025-05-12 07:52:47

บทที่ 3 บะหมี่เนื้อตุ๋น

-กิจกรรมท้าทายประจำรอบ "ต้มไข่ยางมะตูมสิบฟองเริ่มต้นได้"

มู่หนิงชิงเปิดน้ำใส่หม้อ หยิบไข่ไก่วางลงไปสิบใบ ใส่เกลือหนึ่งช้อนโต๊ะ ตั้งไฟรอจนกระทั่งน้ำเดือดนางจึงตั้งเวลาไปที่สามนาทีครึ่ง ระหว่างนั้นก็ใช้เนตรปีศาจของตน เพ่งดูระดับความสุกของไข่ไปด้วย จะหาว่านางโกงไม่ได้นะ ไม่มีกติกาบอกว่าห้ามใช้ความสามารถพิเศษ ในการทำกิจกรรมท้าทาย

เมื่อครบเวลาก็รีบปิดไฟ เทน้ำร้อนออก เปิดน้ำเย็นใส่หม้อแทนทันที แช่ไข่ทิ้งไว้ในน้ำเย็นครู่หนึ่ง จึงหยิบไข่ฟองแรกมาปอก ใช้มีดหั่นครึ่งเพื่อตรวจดูระดับความสุก

“เยสสส!!! ไข่ต้มยางมะตูมสวยงาม”

ไข่ที่เหลืออีกเก้าฟองถูกปอกเปลือกใส่จาน และหั่นครึ่งเพื่อตรวจสอบด้วยความว่องไว หากทิ้งไว้นานกว่านี้ไข่แดงจะสุกมากขึ้น

“เสร็จแล้ว ผ่านหรือไม่ซินดี้”

-ผลการท้าทาย ต้มไข่ยางมะตูมทั้งสิบฟองประสบความสำเร็จ ท่านต้องการรับรางวัลพิเศษ แม่ไก่พันธุ์ไข่สายดุเลยหรือไม่

“คิกๆ ชอบจริงๆชื่อพันธุ์เนี่ย ขอบใจซินดี้ ขอฝากไว้ก่อนแล้วกัน สะดวกเมื่อไหร่จะมารับนะ”

มู่หนิงชิงละมือจากจานไข่ หันไปหั่นผักที่ใช้เป็นเครื่องเคียงสำหรับบะหมี่เนื้อตุ๋น นางใช้เวลาตุ๋นเนื้อราวหนึ่งชั่วยามก่อนที่จะเปิดฝาเพื่อชิมรสชาติ

“อืมมม อร่อยมากอ่ะ ขนาดว่าไม่ได้ทำเนื้อตุ๋นกินเองนานแล้วนะเนี่ย ฝีมือไม่ตกจริงๆ ชิงชิง"

หลายคนที่รู้จักมู่หนิงชิงต่างสงสัยว่า คนรักการกินอย่างนางไยถึงไม่อ้วน เหตุผลเป็นเพราะเจ้าตัวออกกำลังกาย และฝึกซ้อมการต่อสู้หนักทุกวัน เพื่อรักษารูปร่างให้ปราดเปรียว มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งยามต้องออกไปปฏิบัติภารกิจโจรกรรม เอ้ย จารกรรม

เมื่อถึงเวลา เนื้อตุ๋นที่เตรียมไว้ก็ได้ที่ นางจึงเริ่มลวกบะหมี่ใส่ชามทั้งห้าใบ ตามด้วยตักชิ้นเนื้อที่เปื่อยนุ่ม จนแทบจะละลายในปากยามสัมผัสลงไปวาง เคียงข้างกับไข่ต้มยางมะตูมสองชิ้น โรยหน้าด้วยงาคั่วคลุกผักซอย ตักน้ำซุปใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย อืมม น้ำลายไหล

ร่างบางยกชามบะหมี่ออกมาวางบนโต๊ะใกล้หน้าต่างในห้องนอน ก่อนขยี้ผมตัวเองให้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย มองคล้ายคนเพิ่งตื่นนอน จากนั้นจึงรุดออกไปจากห้องด้วยท่าทางตื่นเต้นตกใจ

“ท่านพ่อ! ท่านแม่เจ้าคะ! ตื่นเถิดเจ้าค่ะ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในห้องลูกเจ้าค่ะ!”

มู่เฟิงลุกพรวดพุ่งมาที่ประตูทันทียามได้ยินเสียงบุตรสาว

“ชิงเอ๋อร์! เกิดอะไรขึ้นลูก บอกพ่อมา”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยตามลูกมาที่ห้องทีเถิดเจ้าค่ะ มีสิ่งที่ท่านต้องเห็น”

เมื่อก้าวพ้นประตูห้องนอน กลิ่มหอมของบะหมี่เนื้อตุ๋นลอยเข้าจมูก มู่หนิงชิงลอบยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ นางหวังว่าทุกคนในบ้าน จะมีความสุขกับอาหารที่นางทำเองกับมือ

“ท่านพ่อท่านแม่เจ้าคะ ลูกนอนหลับฝันไปว่า มีท่านเทพผู้หนึ่งมาหา และบอกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในป่า เป็นเพราะความประมาทของท่านเอง ท่านจึงขอมอบพรวิเศษให้ลูกหนึ่งข้อเพื่อทดแทน แต่สิ่งที่ขอต้องไม่ใช่เงินทอง ลูกจึงขอท่านไปว่า ขอให้บ้านของเรามีอาหารดีๆกินทุกวัน วันละมื้อก็ยังดีเจ้าค่ะ ท่านเทพพยักหน้าบอกว่าพรที่ลูกขอสมปรารถนาแล้ว จากนั้นลูกก็สะดุ้งตื่น และพบว่ามีบะหมี่ห้าชามนี้ตั้งอยู่เจ้าค่ะ”

'โกหกขาวเพื่อครอบครัวไม่บาป ท่านเทพที่ข้าเอามาแอบอ้างโปรดอย่าถือสานะเจ้าคะ'

เรื่องราวที่ฟังดูแล้วเหลือเชื่อเช่นนี้ ทำเอาผู้เป็นบิดามารดายืนตัวแข็งดวงตาเบิกกว้าง ทว่าบะหมี่ทั้งห้าชามตรงหน้าเป็นของจริง อีกทั้งที่บ้านก็ไม่มีเนื้อเลยสักชิ้น แล้วเนื้อตุ๋นในชามจะมาจากที่ใดได้

มู่เฟิงคุกเข่าลงกับพื้น พนมมือสวดมนต์ขอบคุณสวรรค์ ซูซื่อคุกเข่าลงทำตามสามี ตัวมู่หนิงชิงเองจึงทำบ้างเพื่อความเนียน เมื่อกล่าวขอบคุณสวรรค์เสร็จสรรพ พี่สาวจึงไปปลุกน้องทั้งสองคน จากห้องนอนถัดไปมากินบะหมี่ด้วยกัน

เด็กน้อยเดินงัวเงียตามพี่สาวมาแต่โดยดี ครั้นได้กลิ่นและมองเห็นชามบะหมี่ ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวเป็นที่เรียบร้อยก็ตื่นเต็มตา

“เนื้ออ! พวกเรามีเนื้อกินด้วยหรือเจ้าคะท่านพ่อ?!” มู่หนิงอันตาโต หันไปถามบิดาเสียงสูง เด็กหญิงทั้งดีใจและประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าจะมีเนื้อให้กิน นานเท่าไหร่แล้วที่ทุกคนในบ้านหลังนี้ไม่ได้ลิ้มรสชาติของเนื้อ…

“เฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รีบๆนั่งลงกินบะหมี่ตอนที่ยังร้อนเถอะ ถ้าไม่ร้อนจะไม่อร่อยเอานะ” พี่สาวแสนดีรีบขยับชามบะหมี่มาวางตรงหน้าเด็กทั้งสอง เมื่อมู่เฟิงตักน้ำแกงเข้าปากทุกคนจึงขยับตะเกียบ

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทำเอามู่หนิงชิงถึงกับหน้าเสีย

“ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นไห้ของเด็กหญิงดังขึ้น ริมฝีปากเล็กสั่นเทาขณะเคี้ยวอาหารในปาก

“อันเอ๋อร์! น้องร้องไห้ทำไม บะหมี่ไม่อร่อยหรือ” คนทำบะหมี่เอ่ยถามอย่างร้อนรน รสชาติอาหารของนางแย่มากเลยหรือ

มู่หนิงชิงใจคอไม่ดีรีบผินหน้า มองสำรวจสมาชิกในครอบครัวที่เหลือ

เวลานี้ขอบตาของทุกคนรื้นน้ำ ซูซื่อน้ำตาไหลจากหางตา ขณะคีบชิ้นเนื้อขึ้นมาจากชาม

“อร่อยมากจริงๆ ฮึก ตั้งแต่เกิดมา แม่ไม่เคยกินบะหมี่เนื้อตุ๋น ฮึก อร่อยมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เนื้อนุ่มจนแทบละลายในปาก น้ำแกงรสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้น เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ไข่ต้มยางมะตูมก็อร่อย งาคั่วกับผักซอยนี่ก็เข้ากันกับน้ำแกงยิ่ง นี่คงเป็นรสชาติที่สวรรค์รังสรรค์มาให้พวกเราสินะ”

“อาเหม่ยพูดถูกจริงๆ ข้าก็คิดเช่นนั้น” มือใหญ่ของมู่เฟิงกุมมือภรรยา ขอบตาแดงจากน้ำตาที่เอ่อท้น

“อร่อยมากจริงๆ ขอรับ” มู่หนิงเฉิงเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเม็ดเล็กไหลอาบแก้มของเด็กชาย

มู่หนิงชิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางนึกว่างานเลี้ยงจะล่มเสียแล้ว อร่อยจนถึงขั้นน้ำตาไหลขนาดนี้ นางค่อยรู้สึกฮึกเหิมหน่อย!!

หนึ่งเค่อต่อมา บะหมี่เนื้อตุ๋นชามใหญ่ของทุกคนก็หมดเกลี้ยง ชามใส่บะหมี่สะอาดจนแทบไม่ต้องล้างเลยก็ว่าได้

ทุกคนมีสีหน้าเปรมปรีดิ์เปี่ยมด้วยความสุข นั่งลูบท้องตนเองเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอิ่มท้องเช่นนี้มานานมากแล้ว…

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ทานจนอิ่มหนำสำราญ คงเป็นงานแต่งบุตรชายคนโตเจ้าของที่ดินกระมังหากจำไม่ผิด

มู่หนิงชิงเห็นว่าโอกาสกำลังเหมาะ จึงเอ่ยปากเข้าเรื่องสำคัญทันที

“ข้ามีเรื่องอยากขอร้องทุกคนเจ้าค่ะ ข้าขอให้ทุกคนช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้พูดกับใครเด็ดขาดโดยเฉพาะกับบ้านใหญ่” สีหน้าท่าทางของมู่หนิงชิงเคร่งขรึมขณะเอื้อนเอ่ย กวาดตามองสมาชิกครอบครัวด้วยแววตาจริงจัง

“พ่อสัญญาว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ!!” มู่เฟิงรับปากเป็นคนแรก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2 วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้า

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1 เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2 ในโกดังเก็บสินค้าทางทิศตะวันตกของเมืองลวี่เฟิง ร่างเล็กของเด็กหญิงมีสภาพสะบักสะบอม ถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากเล็กมีผ้ายัดไว้ ข้างกายมีชายชุดดำยืนคุมเชิงอยู่สองคน เผยคังก้าวเข้ามาในโกดัง พิศมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตายากคาดเดา "อั่น เอ้าเอือง อ่วย อ้า อ้วย (ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าด้วย)" เด็กหญิงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าใครก้าวเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “เอาผ้าอุดปากนางออก” เผยคังสั่งองครักษ์ หลังนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นปราศจากผ้าอุดปาก เด็กหญิงก็รีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองลวี่เฟิงทันที "ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย มีคนใจร้ายจับข้ามาเจ้าค่ะ" ทว่าคนฟังกลับปรายตามองร่างเล็กอย่างเย็นชา "ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะแม่หนู เพราะข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที" แววตาของรวี่เยว่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากเผยคัง นอกจากชายวัยกลางคนตรงหน้ายังมีใครที่ต้องการชีวิตของนางอีกหรือ "มีคนสั่งท่านเจ้าเมืองมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ! ใครหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็เป็นได้…ข้าเป็นแ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1 ชายชุดดำทั้งสองแทบไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงตรงหน้ามีธาตุมืด! หรือแท้จริงแล้ว นางคือเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงของตำหนักเทวาอนธการ!! หากเป็นอย่างที่คิด พูดได้คำเดียวว่า ซวยแล้ว! ซวยทั้งพวกเขาและผู้ว่าจ้าง ในมหาพิภพทงเทียนถึงได้มีคำกล่าวไว้ว่า หาเรื่องใครก็หาไป แต่อย่าริอาจไปหาเรื่องคนตำหนักเทวาอนธการ! และอย่าไปยุยั่วคนตำหนักเทพอนันต์ ขนาดราชวงศ์ของทั้งสี่อาณาจักร ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา!!! ความหวาดผวาจู่โจมจิตใจของนักฆ่าที่ยังรอดชีวิต เด็กหญิงตรงหน้าอายุเพียงเก้าหนาว ทว่าระดับตบะสูงถึงเจี๋ยตันขั้นกลาง แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่า คืออัคคีนิลกาฬในมือของนางต่างหาก!! การถูกช่วงชิงและควบคุมจิตวิญญาณ คือสิ่งที่นักบำเพ็ญเกรงกลัวเป็นที่สุด พวกเขามิอาจไปผุดไปเกิด แต่กลายเป็นวิญญาณรับใช้ของผู้ที่ช่วงชิงออกมาได้ และหากวิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์…ทรมานยิ่งกว่าตกนรก! “ข้าบอก ข้ายอมบอกแล้ว แต่ได้โปรดอย่าช่วงชิงจิตวิญญาณของข้าเลย” นักฆ่าอีกคนรีบส่งเสียงปากคอสั่น “จะ เจ้าเมืองเผยคังขอรับคุณหนู ที่ว่าจ้างพวกเราให้

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2 วาจาของเด็กหญิงทำคนฟังขอบตาร้อนผ่าว คุณหนูของพวกนางช่างคนเป็นจิตใจงดงามและกตัญญูอย่างยิ่ง ช่างน่าเสียดายที่รองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากไปเร็วเหลือเกิน หวังว่าวิญญาณของนางที่อยู่บนสวรรค์จะมองเห็นและภูมิใจในตัวบุตรสาว ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนมองร้านที่ปิดประกาศว่าปล่อยให้เช่าอยู่นั้น บุรุษคนหนึ่งซึ่งเคยพบพวกนางอยู่สองสามครั้ง บังเอิญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสาวใช้หน้าแฉล้มนางนั้นคือชุนอิ่ง และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่มีไฝเหนือริมฝีปากด้านซ้ายคือแม่นมชุน ครั้นมองไปยังเด็กหญิงและได้เห็นใบหน้าเล็กของนาง ซึ่งเวลานี้ปราศจากปานสีชาดรูปเปลวเพลิงก็ตกตะลึง ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขามาส่งจดหมายจากเมืองหลวงให้นาง เด็กหญิงยังดูอัปลักษณ์เพราะปานนั่นอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงได้… และในชั่วขณะนั้นเอง "นั่นรวี่เยว่นี่ รวี่เยว่! เจ้านั่นเอง มาทำอะไรตรงนี้หรือ" เด็กหญิงที่ดูอายุมากกว่ารวี่เยว่สองสามปี ก้าวมาหาร่างเล็กอย่างดีใจ นางคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอิสระ ที่ตกรอบไปในรอบที่สาม และนางก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกันกับรวี่เยว่ หลัง

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1 เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status