Share

ตอนที่๓

last update Last Updated: 2025-07-04 07:55:20

ตอนที่ ๓

แสงตะวันอ่อนละมุนของต้นยามเฉินอาบไล้ทั่วนครเสวียนหยาง มหานครอันเป็นหัวใจของดินแดนต้าหรง วันนี้ท้องฟ้ากระจ่างใส ก็ถึงเวลาเคลื่อนขบวนรถม้าจากจวนจวิ้นอันโหว มุ่งหน้าไปยังจวนราชครูโจวเพื่อร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นในวันนี้

สวีฮูหยิน โจวหรูเจี๋ย ฮูหยินแห่งจวิ้นอันโหว สวีฉีฟ่าน อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ผู้บัญชาการทหารกว่าสามแสนนายของกองทัพเฮยหลงแห่งต้าหรง กำลังยืนอยู่ข้างรถม้าคันงามหน้าจวนโดยมีบุตรสาวคนโต สวีเจียงหลัว บุตรสาวคนรอง สวีเจียงหลี และบุตรชายคนเล็ก สวีเฉียวเฟิ่ง พร้อมกับสาวใช้และคนคุ้มกันอีกกลุ่มใหญ่ เตรียมออกเดินทาง

แต่ระหว่างที่กำลังจะขึ้นรถม้าคันโตที่นั่งได้ทั้งครอบครัวใหญ่อยู่นั้น เด็กชายวัยสิบสามหนาวกลับทำหน้าบึ้งตึงพลางเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

“ท่านแม่ข้าไม่ไปได้หรือไม่”

สวีฮูหยินทอดถอนใจยาว เหลือบมองบุตรชายคนเล็กอย่างระอา เพราะเป็นทายาทผู้เดียวของตระกูลจึงถูกท่านปู่และท่านย่าของเขาตามใจและให้ท้ายจนเสียคนไปแล้วจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้ หากนางยังตามใจเขาอีกคนต่อไปก็ยากจะแก้ไขนิสัยเสียนี้ได้แล้ว

“ไม่ได้หรอกเสี่ยวเฟิ่ง เจ้าหนีหน้าท่านตามาหลายครั้งแล้ว วันนี้แม้แต่เอ้อร์หลีเจี่ยของเจ้าที่ชอบหมกตัวในเรือนยังยอมออกจากเรือนเพื่อไปพบท่านตา เจ้าอย่าดื้อดึงเลย”

เฉียวเฟิ่งทำสีหน้าเบ้ปาก บ่นงึมงำในใจ ‘ท่านตาเอาแต่บังคับข้าคัดตำรา น่าเบื่อจะตายไป!’

“ข้าขี่ม้าไปเองมิได้หรือท่านแม่?” เฉียวเฟิ่งยังต่อรองด้วยความหวังเล็กๆ ว่ามารดาจะตามใจตนเองเช่นหลายครั้งที่เขาออดอ้อน

“ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าก็รู้ว่าถนนในเมืองหลวงพลุกพล่านเพียงใด หากเจ้าทำผู้คนบาดเจ็บ ต่อให้บิดาของเจ้าเป็นสหายสนิทกับฮ่องเต้ ก็ยากจะช่วยเจ้าได้นะเสี่ยวเฟิ่ง” สวีฮูหยินกล่าวเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

“แต่ท่านแม่...” เด็กชายแทบจะทิ้งกายลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นอยู่แล้ว และในขณะนั้นเอง...

“ขึ้นรถม้า อาเฟิ่ง!” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น ไม่หนัก ไม่เบา ทั้งสงบ และเยือกเย็น ทว่าเฉียบขาดและทรงอำนาจกว่าสวีฮูหยินอยู่เจ็ดส่วน!

สวีเฉียวเฟิ่งสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปสบตากับผู้เป็นพี่สาวคนโตที่อายุมากกว่าเขาอยู่สามหนาว สวีเจียงหลัว ผู้มีใบหน้าหวานละมุนงดงามราวเทพธิดา หากสายตาของนางกลับคมดุประหนึ่งนางพญาหงส์ในตำนาน

“ต้าหลัวเจี่ย...” เฉียวเฟิ่งเสียงอ่อยลงทันที ไม่กล้าต่อรองอีก รีบก้าวขึ้นรถม้าแต่โดยดีเพราะจากประสบการณ์ หากเขายังมัวชักช้าอาจถูกคนสนิทของพี่สาวใหญ่จับโยนขึ้นไปแทนการเดิน

สวีฮูหยินเห็นภาพนั้นก็คลี่ยิ้มอย่างพอใจ หันไปกล่าวกับบุตรสาวคนโตด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“มีแต่เจ้านี่ล่ะ ต้าหลัว ที่ปราบเจ้าตัวแสบนี้ได้”

เจียงหลัวยิ้มบางเบาหากแต่ดูสง่างามนัก “รีบออกเดินทางเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ หากสายไปจะไม่ทันเวลาน้ำชาของท่านตา”

“เอ้อร์หลี เจ้าก็ขึ้นรถเถอะ” เจียงหลัวหันไปบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าดูห่างเหิน

“เจ้าค่ะ ต้าหลัวเจี่ย” สวีเจียงหลีก้มหน้านอบน้อม รับคำสั้นๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าอย่างเงียบงัน ภายในใจกลับรู้สึกหวั่นเกรงต่อพี่สาวใหญ่ของตนอย่างบอกไม่ถูก

สวีฮูหยินยิ้มพึงใจ มองบุตรสาวทั้งสองด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะตามขึ้นรถม้าเป็นคนสุดท้ายมีลูกสาวเช่นนี้ก็สมควรแล้วที่บิดาจะรักเอ็นดูเจียงหลัวมากกว่าผู้ใด

พอทุกคนขึ้นรถม้าพร้อม รถม้าคันใหญ่เริ่มเคลื่อนออกจากจวนจวิ้นอันโหวไปตามถนนใหญ่ใจกลางนครเสวียนหยาง สองข้างทางคลาคล่ำด้วยผู้คนมากมาย เสียงสนทนาคึกคัก รถม้าน้อยใหญ่วิ่งสวนกันเนืองแน่นสมกับเป็นมหานครหลวงแห่งต้าหรง

ไม่นานนักขบวนรถม้าก็มาจอดเทียบหน้าจวนราชครูโจวอันโอ่อ่า ผู้ซึ่งแม้ปลดเกษียณมาแล้วสองปี แต่ชื่อเสียงเกียรติยศยังคงไม่จางหาย

สวีฮูหยินนำบุตรทั้งสามลงจากรถม้า เดินผ่านประตูใหญ่ของจวนเข้าสู่สวนสวยอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้ร่วมงานนับห้าสิบชีวิต ไม่รวมบ่าวรับใช้ที่ติดตามเจ้านายมา

“ท่านพ่อ...” สวีฮูหยินย่อกายคารวะบิดาอย่างอ่อนช้อย

“ท่านตาเจ้าคะ” สวีเจียงหลัวนำเจียงหลีกับเฉียวเฟิ่งก้าวตามไปคารวะท่านตา

“หรูเจี๋ย ต้าหลัว เอ้อร์หลี เสี่ยวเฟิ่งพวกเจ้ามาแล้วรึ!”

โจวเซิงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นทันทีที่เห็นหลานสาวสุดรักปรากฏกาย เขาไม่เคยปิดบังว่ารักใคร่และภูมิใจในตัวสวีเจียงหลัวผู้เป็นหลานคนโตเพียงใดเพราะเขาคิดเสมอว่าเจียงหลัวของงดงาม ฉลาดเฉลียวกว่าใครในใต้หล้า วันนี้เขาจะได้โอ้อวดนางให้ทุกคนประจักษ์!

ท่านราชครูเกษียณวัยห้าสิบแปดหนาวคิดในใจ พลางกวาดสายตามองไปยังสวีเจียงหลัวและหลานชายหลานสาวอีกสองคนรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอ่ยเรียกสวีเจียงหลัวเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมรักใคร่

“ต้าหลัว มาๆ มานั่งข้างท่านตาเร็ว”

“เจ้าค่ะ ท่านตา” เจียงหลัวก้าวเข้าไปนั่งข้างชายชราด้วยกิริยางดงามสูงส่งตามแบบสตรีผู้สูงศักดิ์ ใบหน้านางงามดุจดอกโบตั๋นผลิบาน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวสง่างามจับใจดังหงส์เหิน

ราชครูโจวแนะนำหลานสาวคนโตของเขาแก่บรรดาแขกเหรื่อด้วยท่าทีภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เขาบรรยายความสามารถของเจียงหลัวตั้งแต่การดีดพิณ หมากล้อม จรดศาสตร์การครัวและบทกวี ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังเจียงหลัวด้วยความชื่นชมยินดี

ในขณะที่เจียงหลีได้แต่นั่งเงียบเชียบ นางก้มหน้าซ่อนสายตาหม่นหมองไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนหวานอันจืดจางของตนเองเป็นระยะ

‘ต้าหลัวเจี่ยช่างเป็นที่รักยิ่งนัก ส่วนข้าเล่า ต่อให้ข้าพยายามเพียงใด ก็ยังเป็นได้แค่เงาที่ถูกลืมในสายตาของทุกคน’

เสียงหัวเราะชื่นชมดังคลอไปทั่วสวน ขณะที่ใจของสวีเจียงหลียิ่งหม่นเศร้าลงทุกขณะ สายลมอบอุ่นพัดแผ่ว แต่ในอกของนางกลับหนาวเหน็บดุจอยู่กลางเหมันต์ที่มืดมนครั้นได้เวลาเหมาะสมสวีฮูหยินจึงพาบุตรสาวและบุตรชายล่ำลาท่านตาของพวกเขาเดินทางกลับจวน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ ๑๐

    ทว่า…สำหรับนาง กลับรู้ดี ว่าเป็นเพราะเขารู้จักชินอ๋องดีเกินไป มิใช่แค่รู้จักนิสัยของชินอ๋องดี แม้แต่นิสัยของพระนาง ขุนนางสองแผ่นดินตรงหน้าก็คงถ่องแท้เช่นกันถ่องแท้จนเข้าใจว่าหากเขารีบเอ่ยปาก ‘ขอร้อง’ ต่อหน้ามารดาเช่นนาง อาจกลายเป็นการยั่วไฟโทสะให้ลุกท่วมง่ายกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นตัวของพระนางหรือไป๋อี้หานเองจ้านไทเฮาหลุบตาลงเล็กน้อย ในแววตาฉายความซับซ้อนทั้งเป็นห่วงสวีเจียงหลัว ทั้งโกรธบุตรชาย และทั้งอ่อนใจในคราเดียวกันเพียงชั่วอึดใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไป“เจ้ากล่าวว่า…ต้าหลัวบาดเจ็บหนัก…เป็นหรือตายมิอาจทราบ แต่กลับถูกชินอ๋องพาตัวไป…เช่นนั้นหรือ…อาฟ่าน”สุ้มเสียงนุ่มลึกล้ำซึ่งเคยสงบ บัดนี้ไม่หลงเหลือรอยตกพระทัยอีก มีเพียงความเด็ดขาดที่น่าหวาดเกรง“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ…”“เช่นนั้น…พวกเจ้าจึงยังไม่รู้เลยสินะ…ว่านางเป็นเช่นไรแล้วบ้างหลังจากอาหานพานางจากไป…”พระเนตรทอดลงต่ำ แววในดวงตาประหนึ่งพายุซึ่งค่อยๆ ก่อตัว“กราบทูลไทเฮา…”เสียงสวีฉีฟ่านสั่นพร่า มือใหญ่ที่คุกเข่ากำจนสั่น“ต้าหลัว…นางบาดเจ็บหนัก…กระหม่อมกับฮูหยินมิอาจตามไปตำหนักชินอ๋องได้…จนปัญญาจริงๆ พ่ะย่

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ ๑๐

    “…”“…”สองสามีภรรยาสวีมิกล้าตอบคำถามนั้นของจ้านไทเฮาในทันใด แม้พระนางจะวางพระองค์เป็นกันเองเพียงใด แต่จะอย่างไร…ราชวงศ์ก็คือราชวงศ์ มิอาจวางใจได้ทั้งหมดจ้านไทเฮาประทับนิ่ง ดวงเนตรทอดมองร่างทั้งสองที่หมอบอยู่บนพื้นไม่กล้าขยับทั้งกังขาทั้งไม่อยากเชื่อว่าที่ตนเองได้ยินนั้นเป็นความจริงสีพระพักตร์ของพระนางเผยอารมณ์ตื่นตระหนกชัดเจนมิอาจเก็บซ่อนอารมณ์ อาการดังกล่าวนี้แทบไม่เคยปรากฏให้ผู้ใกล้ชิดได้เห็นบ่อยนักทว่าวันนี้ ทุกคนล้วนได้เห็นเต็มสองตา และนั่นย่อมแสดงว่า คุณหนูใหญ่สวีผู้นี้ย่อมมีน้ำหนักในพระทัยจ้านไทเฮามากกว่าที่ใครเข้าใจอึดใจหนึ่ง พระวรกายที่เคยนั่งอิงหมอนค่อยๆ ขยับเหยียดตัวตรง เรียวพระหัตถ์วางบนตั่งหยก แล้วเผลอกำแน่น ดวงเนตรคู่งามเบิกขึ้นเล็กน้อย ริมพระโอษฐ์ขยับเปล่งวาจาถามย้ำ“พวกเจ้าสองผัวเมีย…” สุ้มเสียงนั้นจริงจังไม่หยอกล้ออีกแล้ว จนทุกคนที่ได้ฟังล้วนขนลุก“ใครก็ได้…พูดกับไอเจี่ยอีกครั้งเถอะ…ว่าที่ไอเจี่ยได้ยินเมื่อครู่…มิใช่เรื่องเพ้อฝัน…มิใช่เพราะไอเจี่ยหูฝาดไปเอง…”สองสามีภรรยาเหลือบตามองกันไปมา แล้วสวีฮูหยินก็พยักหน้าให้สามี…เป็นเชิงบอกให้ตอบแทนตน“ไทเฮามิได้ฟังผิดไปพ่

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ ๙

    เวลาบ่ายคล้อย แสงแดดสีทองทอดเงายาวเหนือลานหินกว้างจนสุดสายตาสองสามีภรรยาสกุลสวีเดินตามขันทีเข้าสู่เขตพระราชฐานด้านในสองข้างทางเรียงรายด้วยต้นบ๊วยที่กำลังชูช่อดอกขาวสะพรั่งเต็มกิ่งหากในยามนี้กลับไม่มีผู้ใดคิดใส่ใจความงามนั้นแม้เพียงคนเดียวสวีฮูหยินยังคงก้าวเดินช้ารักษามารยาทสตรีชั้นสูงไว้อย่างดี แต่ลมหายใจของนางใน บ้างจังหวะก็มีสะดุดขาดเป็นห้วง ฝ่ามือเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลที่กัดกินทุกครั้งยามก้าวเดินไปข้างหน้า นางเคยชื่นชมความสงบของตำหนักหนิงเฟิ่งเสมอกว่าจะมาถึง พวกเขาใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามในที่สุด ประตูสูงประดับลายหงส์สยายปีก ปากคาบรวงข้าวสาลี จึงปรากฏในครรลองสายตาที่แห่งนี้คือเขตตำหนัก ‘หนิงเฟิ่ง’ ของจ้านไทเฮาสตรีผู้ทรงอำนาจสูงสุดแห่งวังหลังแม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องยำเกรงพระนางแสงแดดต้นยามเว่ยแผดจ้าเงาสะท้อนระยิบอยู่บนตัวอักษรสองคำ หนิงเฟิ่ง ที่หมายถึงหงส์ผู้สงบ...ชื่อที่ประกาศถึงพระปณิธานรักความสงบของเจ้าของตำหนักว่ามีมากเพียงใดทว่าในยามนี้ ความสงบนั้นกลับกดทับจิตใจของทั้งสองสามีภรรยาจนแทบสิ้นเรี่ยวแรงหลังสวีฉีฟ่านแจ้งกับขันทีเฝ้าตำหนักไม่นานนัก เสียงฝี

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๘

    ลานหินอ่อนหน้าประตูวังหลวงของต้าหรงด้านใต้ในวันนี้ สะท้อนแสงอาทิตย์ต้นยามอู่จนเกิดไอร้อนลอยระยับในอากาศ มองไปราวกับเปลวเพลิงกำลังเริงระบำเสียงลมพัดเสียดสีกับธงสีดำที่ปักมังกรทองเหยียบเมฆา อยู่บนแผ่นผ้าที่ยอดเสาสูงโบกสะบัดจนเกิดเสียงหวีดหวิวน่าหวาดหวั่น คล้ายมังกรตัวนั้นกำลังคำรามข่มขู่ผู้คนทหารรักษาพระองค์เดินลาดตระเวนเข้มงวด นางกำนัลกับขันทีเดินเข้าออกประปรายใต้ร่มผ้าแพรสีอ่อน มีสตรีผู้หนึ่งยืนเงยหน้าจ้องประตูวัง ไม่ละสายตาด้วยกิริยาร้อนใจยิ่งนางคือสวีฮูหยิน ในอาภรณ์สีฟ้าครามแกมม่วง ใบหน้าของนางซีดขาว ดวงตาคลอหยาดน้ำตาจนขอบตาแดงช้ำบุตรสาวคนรองกับบุตรชายคนเล็กนางส่งกลับจวนไปแล้ว เหลือเพียงนางยืนรออยู่กับข่งหมัวมัวและสาวใช้อีกสองคน ด้วยเกรงจะเอิกเกริกจนผู้คนเพ่งมองแดดยิ่งแรง เหงื่อยิ่งซึมตามขมับ แต่หัวใจกลับร้อนราวไฟแผดเผามากกว่าแสงแดดยามอู่ข่งหมัวมัวมองแล้วเอ่ยขึ้นเสียงอ่อน “ฮูหยิน…ขึ้นรถม้าสักครู่เถิดเจ้าค่ะ…”สวีฮูหยินส่ายหน้า แลเห็นน้ำตาเป็นเงาอยู่ในดวงตาไม่จาง “ไม่…ข้าจะรอท่านพี่ที่ตรงนี้”ไม่นานนัก ฝีเท้าหนักของคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านในอึดใจต่อมาบานประตูวังชั้นนอกถูกผ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๗

    ตอนที่ ๗เสียงล้อรถม้าบดผ่านถนนช่วงปลายยามเฉินด้วยความเร่งรีบ เงารถทอดยาวบนพื้น แล้วค่อย ๆ หดสั้นลงตามแสงอาทิตย์ที่เคลื่อนขึ้นสูงในยามอู่ (12 นาฬิกา) องครักษ์ชุดดำร่วมสองร้อยคนขนาบข้างแน่นหนา ชาวบ้านต่างรีบหลีกทางเมื่อเห็นขบวนเกรียงไกร คาดว่าต้องเป็นขุนนางผู้มีอำนาจสูงส่งหรืออาจเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่ จึงกล้าเฆี่ยนม้าบนถนนหลวงอย่างอุกอาจได้เช่นนี้ผ้าม่านหน้าต่างรถม้าถูกตลบขึ้น เผยสายตาคมเข้มที่จับจ้องทุกความเคลื่อนไหวขององครักษ์และฝีเท้าอาชาแม้ลมหายใจไป๋อี้หานจะราบเรียบ แต่ภายในอกกลับอึดอัดราวมีหินกดทับ อาจเพราะร่างบอบบางที่นอนนิ่งหนุนตักเขานั้นเริ่มเย็นเฉียบราวไร้ร่างวิญญาณขึ้นทุกขณะลมหายใจของนางก็แผ่วเบาแทบไม่เหลือเค้าลางของคนมีชีวิตจนเขาอดจะกดปลายนิ้วแตะลงบนชีพจรข้างลำคอเสียมิได้ หวังตรวจดูว่านางยังหายใจหรือไม่ เมื่อสัมผัสได้ว่ายังคงเต้นอยู่ แม้อ่อนระโหย ใบหน้าคมจึงคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย ก่อนหลุบตาจ้องใบหน้าซีดเผือดนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน“หวางเยี่ย ถึงตำหนักกวางผิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงฉีเหล่ยเอ่ยขึ้นเมื่อขบวนชะลอลงและหยุดสนิทในท้ายที่สุดไป๋อี้หาน จึงได้สติแล้วละสายตาจ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๖

    ตอนที่ ๖ เสียงเกือกม้าศึกนับร้อยกระทบพื้นถนนดังก้องสะท้อนทั่วตลาดตะวันตก ทุกสรรพสิ่งพลันเงียบงันราวต้องมนตร์ ผู้คนที่เพิ่งแตกตื่นต่างเบียดตัวถอยจนชิดแนวกั้น ทหารที่จัดเตรียมไว้ยืนเรียงแถวแน่นขนัด สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความหวาดเกรง จนแม้แต่เสียงหายใจก็อึดอัดหนักอึ้งรถม้าคันใหญ่หรูหราที่มีอักษร หาน สีทองอร่ามประดับเด่น ชัดเจนในสายตาค่อย ๆ ชะลอหยุดลง ทหารองครักษ์ในเกราะดำสองแถวรั้งบังเหียนอาชาเรียงแถวราวกำแพงเหล็ก หน้าขบวนปักธงผ้าสีแดงเข้มลายกิเลนเพลิงเหยียบเมฆซึ่งเป็นธงประจำกองทัพอวี้หลินที่ชินอ๋องควบคุมอยู่ ทหารทุกนายจับด้ามกระบี่ประจำเอวแน่น ไม่มีใครกล้าไหวติงบัดนั้นเอง เสียงตวาดกังวานดุจอสนีพลันปะทุจากองครักษ์ร่างใหญ่บนหลังม้าสีน้ำตาลแดง เจ้าของนาม ฉีเหล่ย ผู้เป็นหัวหน้าขบวนและหัวหน้าองครักษ์เงาคุ้มกันชินอ๋องแห่งต้าหรง“เป็นผู้ใดบังอาจมาขวางรถม้าของชินอ๋องจนเสียขบวน?!”เสียงเย็นจัดเสียจนผู้คนพากันก้มหน้า ใจคิดตรงกันว่านี่แค่เสียงองครักษ์นำขบวนยังน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ หากเป็นชินอ๋องตัวจริง…จะน่ากลัวเพียงใดไม่ทันสิ้นความคิด ม่านแพรสีดำปักลายกิเลนหน้ารถม้าแผ่วไหว มือเรียวยาวเลิกม่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status