แชร์

ตอนที่ ๔

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-04 13:43:54

หลังออกจากคฤหาสน์สกุลโจวขบวนกลับจวนจวิ้นอันโจวได้แวะตลาดตะวันตกตามประสงค์สวีฮูหยิน นางอยากซื้อผ้าไหมกับเกาลัดหวานไว้ถวายบูชาในเทศกาลหน้าร้อนกับซื้อผลไม้เชื่อมไปฝากบิดาและมารดาของสามีเช่นเคย

ตลาดตะวันตกวันนี้คึกคักเป็นพิเศษกลิ่นเกาลัดคั่วหอมฟุ้งคลุ้งปนกับเสียงพ่อค้าแม่ค้าร้องเชิญชวน

“สาลี่สดๆ จากสวนเจ้าค่ะ เชิญมาเลือกมาชิมดูกันก่อน”

“ซาลาเปาร้อนๆ ขอรับลูกละสองอีแปะเท่านั้น”

“ผลไม้เชื่อม หวานฉ่ำเพิ่งทำเสร็จเลยจ้า!”

ขบวนของสตรีสกุลสวีมิได้โดดเด่นนัก นอกจากสาวน้อยที่เดินเคียงผู้อาวุโสอย่างสง่างาม สวีฮูหยินเดินนำหน้า มีสวีเจียงหลอยูยู่ฝุ่งขวามือเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย ส่วนสวีเจียงหลีนั้นกลับถอยไปเดินรั้งท้ายอยู่ด้านซ้ายมือโดยมีเหล่าสาวใช้คู่ใจของทั้งสามแม่ลูกคอยถือห่อข้าวของจำนวนแปดนาง

ส่วนสวีเฉียวเฟิ่งแยกไปกับคนสนิทของเขาตามประชาเด็กผู้ชายที่ชอบดูกัดปลาตีไก่และการแข่งขันจิ้งหรีดมากกว่าจะเดินดูของสวยงาม 

“ดูสิต้าหลัว ผ้าพับนี้เหมาะกับเจ้าจริง ๆ”

หลังก้าวเข้ามาในร้านขายผ้าเจ้าประจำ สวีฮูหยินหยิบผ้าสีฟ้าสดใสออกมาหนึ่งพับแล้วคลี่ออกโชว์เนื้อไหมละเอียดมันแวววาว เงาสะท้อนแดดกับเส้นไหมที่ถูกถักทอมาอย่างประณีตจนละลานตา

เจียงหลัวปรายตาดูผ้า รอยยิ้มบางประดับบนริมฝีปาก “ท่านแม่ช่างตาถึงยิ่งนักเจ้าค่ะ ผืนนี้งามมากจริงๆ” เจ้าของร้านรีบเสริมทันที

“คุณหนูใหญ่สวีเหมาะกับผ้าสีสดในนี้มากหากปักลายโบตั๋นสีแดงลงไปบนผืนผ้าจะยิ่งงดงามเจ้าค่ะ ดูสิเทียบแล้วช่างเข้ากับผิวและรูปโฉมของคุณหนูยิ่ง”

สวีฮูหยินหัวเราะเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจ “ถ้าเช่นนั้นก็เอาผืนนี้เถอะต้าหลัว”

“เจ้าค่ะท่านแม่” เจียงหลัวรับคำอย่างสงบ ในใจของนางแม้ไม่ใคร่ชอบความโอ่อ่า แต่รู้ว่ามารดาเลือกสิ่งดีที่สุดเสมอจึงรับมาโดยไร้ขัดขืน

“เอ้อร์หลี เจ้าก็มาดูด้วยกันสิ” สวีฮูหยินหันไปชวนบุตรสาวคนรองที่ยืนเงียบขรึมอยู่ด้านหลัง

“เจ้าค่ะ ท่านแม่” เจียงหลีฝืนยิ้มเดินเข้ามา แววตาดูอ่อนหวาน แต่ภายในใจของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยความไม่พึงใจและริษยา

‘มีอะไรงดงามก็ยกให้ต้าหลัวเจี่ยก่อนเสมอ แล้วข้าเล่า?’ เงาแห่งความริษยาดำมืดเพิ่มขึ้นในหัวใจนางมากขึ้นทุกขณะ

ในขณะนั้นเองอาจิ้งสาวใช้คนสนิทของสวีเจียงหลีก็ขยับมากระซิบชิดใบหูผู้เป็นนายสาวหวังเติมเชื้อไฟ

“คุณหนูรอง ท่านก็เหมาะกับผ้าสีฟ้าสดใสเช่นกันนะเจ้าคะ แต่เหตุใดฮูหยินมักเลือกแต่ของดีให้คุณหนูใหญ่ไปก่อนทุกครั้งเลยเจ้าค่ะ”

ยิ่งพอได้ฟังคำพูดยั่วยุเป่าหูนั้นของสาวใช้คนสนิทลอยมาไม่เลิก เจียงหลีขบฟันแน่น ภายในใจร้อนระอุ ทว่าภายนอกยังยิ้มหวานอ่อนให้กับมารดาเมื่ออีกฝ่ายถาม

“เอ้อร์หลีอยากได้ผ้าพับไหนเป็นพิเศษหรือไม่?” แม้คำถามจะใส่ใจมิต่างจากที่สวีฮูหยินสอบถามบุตรสาวคนโต ทว่าอคติกับคำยั่วยุของสาวใช้คนสนิทกลับปิดบังหัวใจและสติกับดวงตาของสวีเจียงหลีไปจนสิ้นนางจึงมองไม่เห็นความใส่ใจนี้ที่มารดามอบให้นางเสมอมา

“ข้าเลือกไม่เก่งเจ้าค่ะ กลัวขายหน้า ท่านแม่กับต้าหลัวเลือกเถอะ”

สวีฮูหยินไม่ได้ทันสังเกตสายตาเศร้าของบุตรสาว นางจึงหยิบผ้าผืนสีชมพูอ่อนกลีบบัวขึ้นมาเทียบกับผิวตรงหลังมือของบุตรสาวคนรองด้วยใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยนยิ่ง

“เช่นนั้นเอ้อร์หลี เจ้าลองดูผืนนี่สิ สีอ่อนหวาน เหมาะกับเจ้า เอ้อร์หลีชอบหรือไม่”

เจียงหลีรับผ้ามาถือเอาไว้ในมือส่วนริมฝีปากยังยิ้มแต่ภายในใจกลับรู้สึกไม่พึงใจจนอึดอัดความคิดของนางคือผ้านี้ก็งดงามอยู่หรอก หากแต่นางไม่ถูกใจ ทว่าในสายตากับความคิดของท่านแม่กลับชอบเลือกแต่ผ้าสีจืดจาง ให้กับนาง คิดมาถึงตรงนี้แววตาของสวีเจียงหลีจึงวาววับคล้ายจะร้องไห้ ทว่าไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดเดียว

ระหว่างที่สวีฮูหยินกับเจียงหลัวเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อผ้าให้กับบุตรและน้องสาวคนกลางอยู่นั้น อาจิ้งสาวใช้คนสนิทของสวีเจียงหลีก็ชะโงกหน้ากระซิบอีกครั้ง

“คุณหนูรอง ท่านควรบอกฮูหยินบ้างนะเจ้าคะว่าสีใดที่ท่านชอบ ถ้าไม่พูดนางก็จะนึกว่าท่านพอใจแล้วอยู่เช่นนี้”

“ข้าไม่กล้าอาจิ้ง”

“แต่ว่า…”

“เจ้าหุบปากเถอะอาจิ้ง” เจียงหลีตัดบท แต่ในใจกลับขุ่นเคืองและคิดว่าแม้จะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนางคิดไปแล้วว่าสิ่งที่งามที่สุดทุกคนมักเลือกให้กับพี่สาวเท่านั้นส่วนนางต้องรอภายหลังอยู่ดี

สายลมเอื่อยพัดเส้นผมนุ่มของเจียงหลีปลิวเล็กน้อยเด็กสาวได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ลึก ๆ ใต้รอยยิ้มและถ้อยคำอ่อนหวาน

ด้านสวีเฉียวเฟิ่งกำลังส่งเสียงเชียร์การแข่งขันจิ้งหรีดของเด็กผู้ชายดังมาแต่ไกล เขากับคนสนิทกำลังสนุกกับเหล่าลูกหลานหลานผู้มีฐานะเล่นสนุก ไม่สนใจเลยว่าฝั่งสาว ๆ กำลังเลือกผ้ากันอย่างไร

ตลาดยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักจู่ ๆ เสียงโกลาหลเบา ๆ ดังขึ้นจากปลายถนน ขณะนั้นสวีฮูหยินออกจากร้านขายผ้าแล้วนางกำลังเลือกผลไม้อยู่อดแปลกใจไม่ได้เลยเอ่ยปากถามคนขายผลไม้ที่คุ้นเคยกันดีออกไปว่าวันนี้จะมีใครผ่านถนนสายหลักเส้นนี้

“อ๋อ วันนี้ได้ยินว่าชินอ๋องจะเสด็จผ่านมาทางตลาดตะวันตกเพื่อกลับมาเยี่ยมจ้านไทเฮากับเข้าเฝ้าหย่งหมิงฮ่องเต้เจ้าค่ะ จึงมีทหารมาเปิดทางให้ขบวนเสด็จตั้งแต่ครึ่งชั่วยามก่อนแล้ว นี่ขบวนเสด็จคงใกล้จะมาถึงแล้วกระมังคนเลยฮือฮากันใหญ่”

สวีเจียงหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยฉายประกายครุ่นคิด ชินอ๋องไป๋อี้หานหรือปกติเขามักอยู่ที่เจียงหนานแคว้นบรรดาศักดิ์ไม่อย่างนั้นก็พักที่ค่ายอวี้หลินมิใช่หรือเหตุใดวันนี้จึงมาถึงเสวียนหยางได้ แต่ช่างเถิดไม่เกี่ยวกับนาง

ส่วนเจียงหลีนั้นกลับตื่นตกใจเล็กน้อย ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ชินอ๋องไป๋อี้หาน! หลายปีมานี้นางเคยได้ยินสาวใช้บอกว่าเขางดงามมากราวเทพเซียนแต่ก็โหดร้ายและอำมหิตจนถูกขนาดนามว่าเทพสังหารแห่งต้าหรง หากได้เห็นสักครั้งก็คงดี นางอยากรู้ยิ่งนักว่าเสด็จอากับหลานชายผู้ใดงดงามกว่ากัน? ...

“เช่นนั้นต้าหลัวเจ้ารีบไปบอกกับคนบังคับรถม้าหลีกทางให้ขบวนเสด็จขององค์ชินอ๋องกันก่อน เอ้อร์หลีเจ้าไปตามหาเสี่ยวเฟิ่งนะ เตือนเขาว่าอย่าไม่ขวางขบวนเสด็จ จะมีโทษ”

สวีฮูหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะในต้าหรงนี้นอกจากจักรพรรดิหย่งหมิง จ้านไทเฮา ก็มีชินอ๋องนี่แหละที่มากอำนาจและน่ากลัว แม้แต่จ้านไทเฉากับฮ่องเต้ยังเกรงใจเขาอยู่เจ็ดส่วน นางกับลูกมีหรือจะกล้าไปล่วงเกินเขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายส่วนเจียงหลัวและไป๋อี้หาน…ชีวิตคู่ของทั้งสองหาใช่ว่ามีเพียงความสุขราบเรียบ หากกลับเต็มไปด้วยทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไปตามสัจธรรมของโลกมนุษย์ บางคราย่อมมีเสียงหัวเราะกังวานสะท้อนทั้งตำหนัก แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากเสียงทะเลาะถกเถียงตามประสาสามีภรรยาที่ครองคู่ร่วมชีวิตกันยาวนานทว่า กาลเวลาอันยืนยาวนับสิบ ๆ ปี พิสูจน์ชัดว่า ไม่มีพายุใดใหญ่หลวงพอจะพรากทั้งสองจากกันได้ ไม่ว่าลมฝนจะถาโถมแรงเพียงใด ไม่ว่าภัยร้ายจากภายนอกหรือความขัดแย้งเล็กน้อยจากภายใน ต่างก็ไม่อาจทำให้มือที่จับกันมั่นคงต้องปล่อยแยกยามราตรีสงัด แสงจันทร์ขาวนวลสาดต้องเรือนผมหงอกขาวโพลนของทั้งคู่ ร่างกายแม้ชรา แต่เมื่อดวงตาของทั้งสองสบประสาน แววประกายอ่อนโยนก็ยังส่องสว่าง ราวกับวันแรกที่ได้ร่วมชีวิต ไม่พร่อง ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลาเรื่องราวแห่งรักและแค้นบนแผ่นดินต้าหรง จึงปิดฉากลงด้วยความสงบสุขที่แท้จริง สวีเจียงหลัวหลุดพ้นจากวิบากกรรมที่ติดพันมาหลายภพหลายชาติ คำสาบานต่อท่านพญายมก็ได้ถูกปลดเปลื้องแม้เขานางจะเสียดายอยู่บ้างต่อความทรงจำที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่คำไหนก็คือคำไหน ชะตาต้องหมุนเวียนต่อไปนางได้รับโอกาสเวียนว่า

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 82 (ตอนจบ)

    ในขณะที่ด้านนอกนครเสวียนหยางเต็มไปด้วยเสียงระฆังมงคลและรอยยิ้มยินดีภายในตำหนักเหมันต์กลับต่างออกไปประหนึ่งอยู่กันคนละโลกอากาศในเรือนหม่นหมอง อึมครึมราวกับมีเมฆดำบดบังตะวัน ทั้งที่แสงภายนอกสาดส่องเจิดจ้า ทว่าด้านในกลับเหมือนสวรรค์เองก็ไม่ปรารถนาจะทอดมองชะตาของผู้คนที่นี่ ความเงียบขรึมครอบคลุมไปทั่วทุกซอกมุม รั้วสูงและประตูหนาหนักปิดตายไม่ให้ผู้ใดเข้าออก กุญแจเหล็กดอกใหญ่แขวนอยู่ข้างประตูราวสัญลักษณ์ของการถูกกักขัง เสียงโซ่ตรวนเสียดสีกันในยามลมพัดพลันดังก้องสะท้อน ทำให้ทุกค่ำคืนคล้ายเสียงวิญญาณร่ำไห้สวีเจียงหลีถูกจองจำอยู่ในเรือนเล็กแห่งนี้มานานหลายเดือน นางนั่งก้มหน้ากุมหน้าท้องที่เริ่มปรากฏความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน รอยยิ้มที่ควรจะเปี่ยมสุขของสตรีตั้งครรภ์กลับไม่ปรากฏ มีเพียงแววตาหวาดหวั่นและความกังวลใจแผ่กระจายอยู่เต็มใบหน้า ยิ่งนับวันครรภ์นางยิ่งโตขึ้น นางก็ยิ่งแน่ใจว่าตนกำลังตั้งครรภ์จริง ๆหากเป็นสตรีอื่น คงเต็มไปด้วยความยินดี แต่สำหรับเจียงหลี มันคือฝันร้าย เพราะนางรู้อย่างแจ่มชัดว่าหากอี้เฉินรู้ นางจะไม่มีวันรอดพ้นแรกเริ่ม อี้เฉินมิได้เข้มงวดเรื่องยาห้ามครรภ์นัก แต่หลังเขากลั

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 81

    รุ่งอรุณวันใหม่ เสียงกลองยามเช้าและระฆังวังหลวงดังขึ้นพร้อมกัน เจิดจ้าไปด้วยแสงตะวันอุ่นที่สาดส่องเหนือกำแพงวัง ประตูท้องพระโรงเปิดออกทีละชั้น เหล่าขุนนางก้าวเข้าสู่โถงใหญ่ด้วยท่วงท่าสงบเคร่งขรึมเบื้องสูง บัลลังก์มังกรประดับมุขทองตั้งตระหง่าน หย่งหมิงฮ่องเต้ประทับเหนืออาสน์มังกรในอาภรณ์สีทอง พระพักตร์สงบเยือกเย็น หากในพระเนตรลึกเร้นยังมีเงาความเหน็ดเหนื่อยจากหลายปีแห่งการครองราชย์ ทว่าครานี้กลับฉายความปลื้มปีติแผ่วบางอยู่บนพระพักตร์เสียงขันทีขานพระนามก้อง “ชินอ๋องไป๋อี้หาน น้อมถวายรายงานใต้เบื้องพระยุคลบาท!”ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์เต็มยศสีดำปักดิ้นทองก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ทุกย่างเท้าหนักแน่นก้องสะท้อนทั่วพื้นหินหยก ไป๋อี้หานก้าวมาหยุด ณ เบื้องหน้าโถงมังกร คุกเข่าลงโขกศีรษะถวายบังคม“กระหม่อมถวายพระพรฝ่าบาท อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี พ่ะย่ะค่ะ”หย่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรลงมา พระสุรเสียงเข้มทุ้มต่ำดังไปทั่วโถง “ลุกขึ้นเถอะ อี้หาน”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“เป็นเช่นไรบ้าง สถานการณ์ที่หุบเขาอวิ๋นเซิง กบฏเหล่านั้นบัดนี้สิ้นซากแล้วหรือไม่?”ไป๋อี้หานประสานมือขึ้น น้อมกายรายงานเสียงชัดเจน “กราบท

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที 80

    ไออุ่นของน้ำสมุนไพรลอยคลุ้งปกคลุมไปทั่วห้องหิน เสียงหยดน้ำกระทบพื้นดังแผ่ว ๆ ร่างสูงใหญ่ของไป๋อี้หานเอนกายนั่งอยู่ในอ่างหิน ดวงตาคมเข้มทอดมองสตรีตรงหน้าที่กำลังถลกแขนเสื้อเช็ดแผ่นหลังให้เขาอย่างเบามือเจียงหลัวก้มหน้ามิกล้าเอ่ยวาจา ความคิดถึงที่เก็บกดมานานกว่าครึ่งเดือนตั้งแต่เขาจากไปเหมือนจะพรั่งพรูออกมากับทุกสัมผัสที่นางถนอมมอบให้ ยามผ้าเนื้อนุ่มลูบไล้ผ่านรอยแผลเก่า หัวใจนางก็หวิวไหว ทั้งยินดีที่ครานี้เขากลับมาโดยปลอดภัยไป๋อี้หานมองเสี้ยวหน้าขาวผ่องที่เงยขึ้นเพียงเล็กน้อย ดวงเนตรมืดลึกพลันแฝงรอยยิ้มบาง เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้น“ต้าหลัว…พวกเราร่วมหอกันมาครึ่งปีแล้ว เหตุใด…”เจียงหลัวชะงักปลายนิ้ว เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาสงสัยปนขวยเขิน “อันใดหรือเพคะ?”บุรุษรูปงามยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยคำเรียบง่ายทว่าหนักแน่น“เหตุใด…เจ้าจึงยังไม่มีเจ้าก้อนแป้งน้อยให้ข้าสักคราเล่า?”เจียงหลัวเบิกตาโตทันทีเมื่อฟังคำถาม อี้หานจึงกล่าวต่อ“นับจากวันแต่งงาน ข้าก็ขยันขันแข็งชวนเจ้าปั้นแป้งทุกค่ำคืน อาจเว้นบ้างยามบาดเจ็บจากศึกเจียงเหอ แต่ก่อนจะไปอวิ๋นเซิง ข้าก็…เต็มที่จนเกือบถึงรุ่งสางนะ”คำพูดตรงไปตรงมาทำใ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 79

    สายลมวสันต์ยามสายพัดผ่านม่านลูกไม้สีขาวบางของตำหนักกวางผิง แสงตะวันอ่อนลอดผ่านช่องว่างโปร่งบางเป็นริ้วระยับต้องพื้นระเบียง เงาไม้โยกไหวดังคลื่นเล็กในสระน้ำ บรรยากาศเงียบสงบประหนึ่งแผ่นดินที่เพิ่งผ่านพายุใหญ่สวีเจียงหลัวเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักลวดลายวิจิตร ดวงตาคู่งามทอดมองไปไกล มือเรียวยกถ้วยชาที่อบอวลด้วยกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ขึ้นจรดริมฝีปาก ไออุ่นของน้ำชาคลอเคลียปลายจมูก แต่ความอบอุ่นนั้นหาได้ชะล้างความเย็นเยียบในดวงตานางไม่แม้หลายวันมานี้นางมิได้ก้าวออกจากตำหนักกวางผิงสักก้าว แต่ทุกความเคลื่อนไหวในนครเสวียนหยางกลับไม่เคยหลุดพ้นหูตาของนางเลยแม้แต่น้อยหลันถิง นางกำนัลคนสนิท ก้าวเข้ามาคุกเข่ารายงานด้วยเสียงหนักแน่น“ชินหวางเฟย เพียงไม่กี่วัน ตระกูลใหญ่สิบกว่าสกุล ที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับองค์ชายสาม ถูกจวิ้นอันโหวกักขังไว้ในจวน รอชินอ๋องเสด็จกลับมาเพื่อประหารให้สิ้นแล้วเพคะ”สายตาของเจียงหลัววูบไหวเล็กน้อย ก่อนกลับมาเย็นชาเช่นเดิม หลันถิงยังมิหยุดรายงาน“พอองค์ชายสามทราบความ เขาเดือดดาลยิ่งนัก พอดีกับพระชายาสามเจียวและคนสนิทคิดหลบหนี ถูกเขาสังหารด้วยมือตนเองจนสิ้นแล้วเพคะ”เงียบไปค

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่78

    กองทัพอวี้หลินซึ่งชินอ๋องทรงนำด้วยพระองค์เอง เคลื่อนพลออกจากประตูเมืองเสวียนหยางในต้นยามเหม่า เสียงฝีเท้าม้าศึกนับหมื่นดังสนั่นราวกลองศึกสะท้อนก้องไปทั่วสะท้านฟ้าสะเทือนปฐพีสายลมต้นฤดูวสันต์พัดเอาฝุ่นผงคละคลุ้งฟุ้งกระจาย ถนนดินแข็งเป็นร่องลึกจากกีบม้าและล้อเกวียน พื้นหญ้าเหี่ยวแห้งยังเกาะหยาดน้ำค้างระยิบระยับต้องแดดยามเช้า ธงศึกสีดำขลิบทองปักตัวกิเลนเพลิงเหยียบเมฆาโบกสะบัดกลางอากาศ ดุจเงาพญามัจจุราชนำทัพออกล่าเหยื่อสองฟากฝั่งถนน ชาวบ้านก้มศีรษะส่งเสียงอวยพร แม้มิรู้แน่ชัดว่าทัพใหญ่มุ่งไปที่ใด แต่ทุกครั้งที่อวี้หลินเคลื่อนพล ภายใต้การนำของชินอ๋องเทพสังหารผู้เกรียงไกรแห่งต้าหรง ล้วนเพื่อปกป้องแผ่นดินและประชาราษฎร์ทั้งสิ้นทว่าเพียงหนึ่งชั่วยามหลังทัพใหญ่ลับสายตา เสียงขันทีหลวงอ่านพระราชโองการก็ดังก้องไปทั่วลานหน้าตำหนักเหมันต์“องค์ชายสามไป๋อี้เฉิน คิดการใหญ่ ซ่องสุมกองกำลังลับ หวังก่อกบฏล้มราชบัลลังก์ อีกทั้งยังยักยอกเงินหลวงสะสมเสบียง โทษถึงตาย! แต่ด้วยพระเมตตาที่บิดามีต่อบุตร เจิ้นจึงลงทัณฑ์เพียงสั่งปิดตำหนักเหมันต์ กักขังตลอดชีวิต หากละเมิดก้าวออกแม้เพียงครึ่งก้าว ให้ตัดศีรษะได้ใน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status