Home / รักโบราณ / นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี! / ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

Share

ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

last update Last Updated: 2025-07-03 07:16:31

ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ นางสาวอรรัมภา จิตพิสุทธิ์ สิ้นสุดลงพร้อมกับจิตสุดท้ายที่น้อยอกน้อยใจสวรรค์ความมืดกลืนกินทุกสรรพสิ่ง โลกของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีที่2 เงียบงันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด

คล้ายกับหญิงสาวตกลงไปอยู่ในห้วงอวกาศ กว้างใหญ่แต่ว่างเปล่า ทว่าไม่หนาวเหน็บกัดลึกเข้ากระดูกดังที่เคยได้ยินได้ฟังมา กลับอบอุ่นกำลังสบาย แต่รอบข้างมีแค่ความเงียบงันไม่มีแม้แต่เสียงของลมพัดหวีดหวิว

และในห้วงว่างนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในห้วงคำนึงของวิญญาณสาว

“เจ้า…ช่างเป็นคนประหลาดนัก…มีแต่ผู้คนขอพรจากสวรรค์ แต่เจ้ากลับใฝ่หานรก…ครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่ข้าก็ชอบนะ…เพราะคนเช่นเจ้ายากนักจะหาเจอในหนึ่งหมื่นปี”

เสียงนั้นหนักแน่น เหมือนสะท้อนออกมาจากใต้ดินหมื่นฟุต อรรัมภาลืมตาขึ้นช้า ๆ พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางลานกว้างมิได้มืดมิดทว่าก็มิได้สว่างไสว คงเพราะรอบกายมีหมอกสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่เต็มไปหมดก็เป็นได้

ตรงหน้าคือร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลดำยี่ห้อดัง ใบหน้าขาวราวกับหยก แต่เครื่องหน้าของเขากลับคมเข้มโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นทั้งว่างเปล่าและมืดสนิทจนดูน่ากลัวและหนาวเหน็บไปพร้อมกัน

เขาคือท่านพญายม...

เสียงในหัวดังบอกกับอรรัมภาเช่นนั้นแต่แทนที่อรรัมภาจะทันได้คิดหวาดกลัวเพราะได้พบกับจ้าวแห่งขุมนรก ทว่าหญิงสาวกลับมัวแต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าตนเองเคยพบกับเขามาก่อนจนลืมความกลัวที่สมควรจะมีไปชั่วขณะเพราะมัวนึกว่าตนเองไปเคยพบเคยเจอพญายมได้อย่างไร และที่ไหน

ท่านพญามัจจุราชเชียวนะไม่ใช่คนปกติทั่วไปที่จะบังเอิญไปเดินชนอีกฝ่ายได้!

“ไม่ต้องสงสัย” เสียงเขาดังขึ้น ราบเรียบจนชวนขนลุกยังดีวิญญาณไม่มีอะไรแบบนั้น

“นับจากครั้งแรกที่เจ้าขอพรจากนรก เราก็พบกันแล้ว…สองพันเอ็ดครั้ง”

“…ฉันน่ะนะ เจอท่านมาแล้วตั้งสองพัน…เอ็ดครั้ง?”

พอจบคำถามดังกล่าวเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกหลุดจากริมฝีปากสีซีดของท่านพญายม ราวกระดิ่งลมในคืนหิมะ

“เจ้าลืมแล้วหรือ สวีเจียงหลัว…ลืมความเจ็บปวดที่ถูกฝังทั้งเป็นในโลงไม้พร้อมกับลูกในครรภ์ เจ้าลืมเสียงกรีดร้องของตนเองที่ไม่มีใครได้ยิน ลืมดวงตาของสวามีที่มองเจ้าด้วยความเมินเฉย…ลืมแล้วหรือกับสายตาเย้ยหยันของน้องสาวตัวดีผู้นั้น”

“!!?”

อรรัมภาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และยิ่งเสียขวัญหนักขึ้นหลังท่านพญายมโบกมือหนึ่งภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าถาโถม

จนดวงจิตของอรรัมภาสั่นสะท้านไหวเอนไปมาราวกับผืนผ้าถูกลมพายุพัดพาจนปลิวไสว หลังภาพบางอย่างแทรกเข้ามาในหัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับน้ำหลาก

เสียงลมโหยหวนในสุสานรกร้าง แรงตะกุยเล็บใส่ฝากระดานจนเล็บหลุดหายเหลือเพียงเนื้อแท้แต่ฝาโลงก็ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย

อาการปวดท้องอย่างรุนแรงตามมาด้วยความรู้สึกได้ถึงอาการตกเลือดที่บอกแก่สวีเจียงหลัวว่าบัดนี้ลูกน้อยในครรภ์จากนางไปแล้ว ความรู้สึกแตกสลายอยู่มิสู้ตาย

“นี่มัน…”

เสียงเธอสั่นเคือง คล้ายน้ำตาคลอขึ้นมาเต็มสองตาทั้งที่ขณะนี้เธอคือดวงจิตเท่านั้นไม่มีน้ำตาอยู่จริง เพราะความเจ็บแค้นมันอัดแน่นเกินไปเลยมีความรู้สึกดังกล่าวเด่นชัดนัก

“...ฉันคือสวีเจียงหลัว…จริงหรือ?”

ความสิ้นหวัง ความคับแค้นใจนับพันปี ตีตื้นขึ้นมาจนเจ็บร้าวคล้ายดวงจิตจะแตกสลาย

“ใช่” ท่านพญายมตอบรับคำหนักแน่น

“และทุกชาติที่ผ่านมา เจ้าล้มเหลว…เพราะความใจอ่อนมีเมตตา เป็นคนดีเกินไป อาจเป็นที่เจ้าคงมีความเชื่อว่าสวรรค์จะเห็นความดีกระมัง จึงมิอาจปล่อยวางความดีเดินเข้าสู่หนทางชั่วร้าย ได้สักครา”

ริมฝีปากอรรัมภาหรือในอดีตคือสวีเจียงหลัวกระตุกยิ้มทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยเพลิงแค้นสุมทรวง!

“สวรรค์? สวรรค์ที่มองดูข้าถูกฝังทั้งเป็น…สวรรค์ที่ปล่อยให้ข้าต้องตายเพราะช่วยคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า…?”

เสียงของเธอขาดห้วง สั่นเครือ

“ตลอดสองพันเอ็ดชาติ…ข้าทำได้แค่…ตายอย่างอนาถราวกับหมาข้างถนนตัวหนึ่ง เพื่อความดีไร้ค่าของตัวเอง…เพราะตัดอาลัยจากสวรรค์มิได้ น่าขันนัก!”

จากหมอกสีเทาอ่อนคล้ายควันบุหรี่ลอยวนรอบดวงจิตของอรรัมภาเช่นท่านพญายมค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาอมม่วงและกลายเป็นแดงเข้มเกือบดำสนิทในท้ายที่สุดซึ่งเกิดจากแรงอาฆาตแค้นรุนแรงของดวงจิต มุมปากสีเข้มของท่านพญายมยกยิ้มพึงใจ ก่อนเสียงเขาจะดังขึ้น

“เจ้ารู้ดีว่าทุกชาติ ข้าเสนอทางเลือกเดียว โอกาสให้เจ้าได้แก้แค้นสักครั้ง แลกกับสิ่งเดียว…ห้ามเจ้าทำความดี ห้ามช่วยผู้คน ต่อให้คนผู้นั้นจะน่าสงสารเพียงใดก็ห้ามใจอ่อนมีเมตตา!”

คราวนี้อรรัมภาหัวเราะเสียงขมขื่นออกมาแล้วจริงๆ เพราะตามข้อตกลงตลอดสองพันเอ็ดครั้งทุกชาติหญิงสาวไม่เคยทำได้ตามข้อแลกเปลี่ยนเดียวที่ท่านพญายมเสนอให้คือห้ามทำความดี ต่อให้เห็นจะตายต่อหน้าก็ห้ามเข้าไปช่วย ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดใหม่มาสองพันเอ็ดชาติ พออายุครบ ยี่สิบปีบริบูรณ์ หรือเท่ากับตอนที่สวีเจียงหลัวถูกฝังทั้งเป็นคราวนั้น หญิงสาวจึงจบชีวิตแล้วกลับมาพบกับท่านพญายมที่ตรงนี้เสมอ

“แล้วข้าก็ยังคงทำพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องตายซ้ำตายซากถึงสองพันเอ็ดครั้ง เพราะดันคิดจะเป็นคนดีให้สวรรค์เห็นใจ หึ ดียิ่งนัก!”

“คราวนี้…เจ้าจะเลือกอย่างไร?” เสียงของท่านพญายมที่ดูหนุ่มแน่นไม่เหมือนดังเรื่องเล่ามากมายกดต่ำ เย็นชาราวจะแช่แข็งทุกสรรพชีวิตในใต้หล้า

“แต่คราวนี้มีข้อแม้มากกว่าทุกครั้งที่เจ้าได้โอกาสนะ”

“ข้อแม้อันใดเจ้าค่ะ”

ข้อแม้ว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย โอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว หากเจ้ายังใจอ่อน เป็นคนดี เข้าช่วยคนเฉียดตายอีก เจ้าจะตายแทนคนผู้นั้น แล้วจะตกนรก ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไปชั่วกัปชั่วกัลป์เจ้ายินดีจะยอมแลกหรือไม่”

“……”

เป็นข้อแม้ที่เลือกได้ยากเสียจริง อรรัมภา หรืออดีตก็คือสวีเจียงหลัวนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“มีทางเลือกเดียวหรือคะ?”

“แน่นอนว่าข้ามีเมตตา เหลือทางเลือกให้เจ้าอีกข้อ หากเข้าไม่เลือกข้อแรก ข้อสองเจ้าสามารถไปเกิดใหม่ได้ แต่เป็นการเวียนว่ายตายเกิดตามวัฏสงสารมิอาจหานกลับไปแก้แค้นได้อีก”

ดวงจิตอาฆาตพลันสั่นสะท้านกับข้อเสนอดังกล่าว คล้ายมีหมอกเย็นเกาะหนาทั่วแผ่นหลัง หากเลือกทางสอง ไปเกิดใหม่ ไม่จองเวร ไม่แก้แค้นย่อมไม่ใช่นางแล้ว จะต้องยอมลืมทุกอย่าง ยอมให้อีกสองคนอยู่สุขสบายในชะตาเดิม ความคิดนั้นเหมือนไฟเผาไหม้อยู่ภายในอกยากจะทนไหว

วิญญาณสาวคิดอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจได้ แค้นในใจอัดแน่น คนอื่นไม่รู้ หรือหากยังเป็นเพียงอรรัมภาอยู่ไม่ได้รับรู้ว่าอดีตตนเองคือสวีเจียงหลัวอาจปล่อยวางแล้วไปเกิดใหม่ได้

แต่เพราะครู่ก่อนหญิงสาวได้ซาบซึ้งถึงวาระสุดท้ายของสวีเจียงหลัวแล้ว ในนิยายที่อ่านไม่อาจกล่าวถึงได้ว่ามันคือทุกข์แสนสาหัส ดังนั้นต่อให้คราวนี้คือโอกาสสุดท้าย หญิงสาวก็ยอม

“ข้าเลือกข้อแรกเจ้าค่ะ”

“ดี! ต้องเช่นนี้สิ จึงสมกับที่ข้าให้โอกาสเจ้ามาถึงสองพันเอ็ดครั้ง!”

เขากล่าวจบหมอกสีเทาเข้มจนเกือบเป็นสีดำสนิทขุมใหญ่ก็พุ่งเข้าหาดวงจิตของอรรัมภารวดเร็วเพียงแค่พริบตา อรรัมภารู้สึกคล้ายตนเองจะหายใจไม่ออกทั้งที่คนตายแล้วไม่มีลมหายใจ ก่อนจะรู้สึกหนาวยะเยือกจนถึงกระดูก!

ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ อรรัมภายังพึมพำเสียงแผ่วว่า...

“สวรรค์ทอดทิ้งข้า…อย่าโทษว่าข้าจะละทิ้งสวรรค์ก็แล้วกันคราวนี้…”

เสียงทุ้มของพญายมลอยมาเป็นครั้งสุดท้าย “ตัดอาลัยจากสวรรค์เสียที…เจียงหลัว หากเจ้าจะเกิดใหม่”

“สามพันปีแล้วหากคราวนี้เจ้ายังอาวรณ์สวรรค์อยู่อีกแค้นของเจ้าคงหมดโอกาสแล้ว แต่หากเจ้าเลือกจะเป็นลูกรักของข้า จ้าวแห่งขุมนรก…แค้นใดที่เจ้าคาดหวังจะสำเร็จแน่!”

จบเสียงตวาดกึกก้องพลันนั้นความหนาวเหน็บก็ยิ่งกัดลึกจนถึงแก่นวิญญาณ ความมืดมิดก็เริ่มกลืนทุกสรรพสิ่ง เหลือเพียงเปลวเพลิงอาฆาตในหัวใจที่ไม่อาจมอดดับของนาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

    ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ ‘นางสาวอรรัมภา จิตพิสุทธิ์’ สิ้นสุดลงพร้อมกับจิตสุดท้ายที่น้อยอกน้อยใจสวรรค์ความมืดกลืนกินทุกสรรพสิ่ง โลกของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีที่2 เงียบงันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดคล้ายกับหญิงสาวตกลงไปอยู่ในห้วงอวกาศ กว้างใหญ่แต่ว่างเปล่า ทว่าไม่หนาวเหน็บกัดลึกเข้ากระดูกดังที่เคยได้ยินได้ฟังมา กลับอบอุ่นกำลังสบาย แต่รอบข้างมีแค่ความเงียบงันไม่มีแม้แต่เสียงของลมพัดหวีดหวิวและในห้วงว่างนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในห้วงคำนึงของวิญญาณสาว“เจ้า…ช่างเป็นคนประหลาดนัก…มีแต่ผู้คนขอพรจากสวรรค์ แต่เจ้ากลับใฝ่หานรก…ครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่ข้าก็ชอบนะ…เพราะคนเช่นเจ้ายากนักจะหาเจอในหนึ่งหมื่นปี”เสียงนั้นหนักแน่น เหมือนสะท้อนออกมาจากใต้ดินหมื่นฟุต อรรัมภาลืมตาขึ้นช้า ๆ พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางลานกว้างมิได้มืดมิดทว่าก็มิได้สว่างไสว คงเพราะรอบกายมีหมอกสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่เต็มไปหมดก็เป็นได้ตรงหน้าคือร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลดำยี่ห้อดัง ใบหน้าขาวราวกับหยก แต่เครื่องหน้าของเขากลับคมเข้มโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นทั้งว่างเปล่าและมืด

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๑||จุดจบคนดี(จบตอน)

    ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษพวกเธอก็ลงจากห้องพัก เดินฝ่าลมร้อนตอนหัวค่ำตรงไปยังหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเรียกรถไปยังร้านที่นัดกับพวกรุ่นพี่เอาไว้พอถึงร้านประจำที่รุ่นพี่ชอบนัดรวมตัว อรรัมภา ไปทักทายทั้งเพื่อนร่วมคณะและรุ่นพี่จนครบจึงปลีกตัวมาทรุดนั่งมุมสุดที่ประจำตามประสาพวกโลกส่วนตัวสูงแต่จำเป็นต้องเข้าสังคมบ้าง ขณะเพื่อนคนอื่นส่งแก้วเบียร์มาให้ เธอถอนใจรับไปดื่มเงียบ ๆ เช่นเดิมปล่อยให้ทุกคนสนุกสนานกันไปส่วนเธอชอบเฝ้าโต๊ะนังมองมากกว่าให้ตาย...ฉันนี่มันโง่เองที่คาดหวังตอนจบดี ๆ ...พอดื่มไปหลายแก้วและไม่มีใครมารบกวน ความคิดของอรรัมภากลับหวนไปถึงชีวิตรันทดของสวีเจียงหลัวอีกครั้งเจียงหลัวของฉัน...ถ้าฉันอยู่ในเรื่อง...ฉันจะลากไอ้พระเอกกับนางเอกลงนรกช่วยเธอเอง!“เฮ้ย ไอ้รัม ไม่ออกไปเต้นเหรอวะ!” เสียงเพื่อนเรียก แต่เธอไม่ตอบ เพียงยกแก้วขึ้นซดจนหมดกระทั่งใกล้เที่ยงคืน เสียงเพลงเริ่มเบาลง ผู้คนทยอยกลับ เพียงจันทร์บอกเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย “ฉันจะไปต่อกับรุ่นพี่เพรียวนะ แกกลับหอคนเดียวได้ใช่ไหม?”“ได้...เดี๋ยวจะแวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวหอก่อนกลับ แกเองก็ระวังด้วยล่ะอย่าหลงคนหล่อจนลืมรักตัวเองนะเว้ย”“เออ! ฉันไม่

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่๑||จุดจบคนดี(1)

    ในหอพักนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต เธอกำลังกวาดสายตาอ่านบรรทัดสุดท้ายของ นวนิยายจีนโบราณออนไลน์เรื่อง ‘บ่วงนางหงส์’ ในไอแพดด้วยกิริยาหน้านิ่วคิ้วขมวด“สวีเจียงหลัวถูกฝังทั้งเป็น...ไป๋อี้เฉินครองบัลลังก์ปกครองต้าหรงกับยัยนางเอกเจ้ามารยาแบบเจียงหลีอย่างราบรื่นทั้งที่เด็กในท้องคือลูกของพระร้าย...จบ”เรียวปากเล็กพึมพำฉากจบอีกครั้ง ก่อนใบหน้างามจะบิดเบี้ยวไม่ชวนมองสักนิด“จบ...จบเชี่ยอะไรกัน! พระเอกฆ่าเมียพร้อมลูกตัวเองแท้ๆ แล้วเลี้ยงลูกชู้ตัวจริงเนี่ยนะ ไม่สมเหตุสมผลที่สุด!!!”อรรัมภาหรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ไอ้รัม ทิ้งไอแพดลงที่นอนด้วยท่าทางราวจะบ้าคลั่ง สองมือยกขึ้นขยี้ผมตัวเองในขณะที่ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาแทบไหลซึม ไม่ใช่เพราะซาบซึ้ง แต่เพราะอารมณ์โกรธแค้นในความชั่วร้ายที่พระเอกนางเอกของเรื่องได้ลงเอยอย่างแฮปปี้ ทั้งที่นางร้ายกับครอบครัวพร้อมลูกในท้องโดนฝังทั้งเป็นแบบโคตรจะอนาถ!“หึ! ยัยคนแต่ง! นี่แกเป็นนักเขียนโรคจิตใช่ไหม!!”เสียงด่าทอดังก้องไปทั่วห้องพัก ยังดีว่ารูมเมทของเธอยังคงไม่กลับมาไม่อย่างนั้นเธอคงโดนมันด่าอีกแน่ที่เอาแต่หมกมุ่นกับสามีทิพย์ในนิยายเกินไปอีกแน่นอน“

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   บทนำ||วิปโยคโศกศัลย์ (จบบทนำ)

    แถมออกไปแล้วนางก็หัวเราะทั้งน้ำตา เสียงหัวเราะแผ่วต่ำปนเศร้าและแค้นเคือง“หุบปากของเจ้าเสียเจียงหลัว อย่ามาใส่ร้ายฮองเฮาของเจิ้น!”“ใส่ร้าย?! ไป๋อี้เฉิน แต่ต้นจนจบล้วนเป็นท่านที่ใส่ร้ายป้ายสีคนไปทั่วกลับผิดเป็นถูกกลับขาวเป็นดำ ไอ้ตัวบัดซบ!” สวีเจียงหลัวกรีดร้องด่าทอออกมาด้วยความคับแค้นใจยิ่ง“เพราะข้ารักท่านจึงยอมทำสิ่ง และเพราะวางใจเจ้าข้าจึงมีวันนี้ พวกเจ้ามันหญิงร้ายชายชั่ว!”เผียะ!เพียงประโยคด่าทอจบลงใบหน้างามก็สะบัดตามแรงตบของบุรุษที่สวีเจียงหลัวรักเขาสุดจิตสุดใจ นางหันกลับมาปรายตามองไป๋อี้เฉินที่ยังคงเยียบเย็นดั่งภูผาน้ำแข็งทั้งที่เขาเพิ่งจะตบหน้าสตรีเช่นนางจนลำคอแทบหัก!“เจ้ามันต่ำช้า ไม่ใช่คน เด็กในครรภ์ของข้านี้ คือเลือดเนื้อตนเองเจ้าย่อมซาบซึ้งเกินกว่าผู้ใดไป๋อี้เฉิน!”กล่าวแล้วนางก็ยกมือกุมที่หน้าท้องตนเองตามสัญชาตญาณของมารดาปกป้องบุตร ถึงนางจะตั้งครรภ์ได้เพียงสองเดือนเศษก็ตามแต่กลับผูกพันกับสายเลือดในอุทรตนเองอย่างยิ่งซึ่งผิดกับบิดาของเขาโดยชิ้นเชิง เพราะนอกจากไป๋อี้เฉินจะไม่รักลูกเขายังคิดสังหารไปพร้อมกับนางอีกด้วยเขามันไม่ใช่คน!“เป็นเพราะนางหรือ เจ้าจึงวางแผนป้ายสีข้า

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   บทนำ||วิปโยคโศกศัลย์ (1

    ลมฝนห่าใหญ่พัดเกรียวกราว เปลวคบเพลิงที่ทหารองครักษ์นับสิบถืออยู่ไหวเอนแทบจะมอดดับ ทว่าแม้ไฟจะอ่อนแรงริบหรี่ สายตาของผู้คนในบริเวณนี้ก็ยังเห็นโลงศพไม้เนื้อดีตั้งตระหง่านกลางลานกว้าง ของเขตสุสานไร้ญาตินอกเมืองหลวงของต้าหรงราวเจ็ดสิบลี้อันรกร้างอยู่ดีนอกจากองครักษ์ยังมีทหารในเกราะดำเรียงแถวรอบข้าง พลางจับด้ามดาบแน่น แต่พวกเขาล้วนเงียบงันจนได้ยินเสียงหายใจสั่นระคนสะอื้นของสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งสตรีสูงศักดิ์นาม‘สวีเจียงหลัว’ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า ชุดอาภรณ์สีแดงดุจโลหิตถูกดึงทึ้งจนหลุดลุ่ย ผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิง แต่กลับมิอาจกลบฝังความสง่างามที่นางมีติดกายมาแต่กำเนิด นางเงยหน้ามองบุรุษผู้เคยเป็นสวามีนาม ไป๋อี้เฉิน ที่ยืนตรงหน้าขณะนี้ สายตาของเขาที่ทอดมองลงมายังนางเย็นเยียบประดุจธารน้ำแข็ง“เจียงหลัว...” เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา หากแฝงความเด็ดขาดและอำมหิตยิ่งนัก“เจ้าทำให้เจิ้นอับอายทั้งใต้หล้าไม่พอยังคิดลอบสังหารฮองเฮาที่กำลังอุ้มครรภ์มังกร เจ้าคิดว่าเจิ้นจะให้โอกาสเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าอีกหรือ”“ฝ่าบาทกล่าวอันใดเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ” สวีเจียงหลัวกล่าวออกมาอย่างไม่รู้จริงๆ ว่าส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status