หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี! / ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

แชร์

ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

ผู้เขียน: 28พิจิกาเฉิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-03 07:16:31

ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจ

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ นางสาวอรรัมภา จิตพิสุทธิ์ สิ้นสุดลงพร้อมกับจิตสุดท้ายที่น้อยอกน้อยใจสวรรค์ความมืดกลืนกินทุกสรรพสิ่ง โลกของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีที่2 เงียบงันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด

คล้ายกับหญิงสาวตกลงไปอยู่ในห้วงอวกาศ กว้างใหญ่แต่ว่างเปล่า ทว่าไม่หนาวเหน็บกัดลึกเข้ากระดูกดังที่เคยได้ยินได้ฟังมา กลับอบอุ่นกำลังสบาย แต่รอบข้างมีแค่ความเงียบงันไม่มีแม้แต่เสียงของลมพัดหวีดหวิว

และในห้วงว่างนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในห้วงคำนึงของวิญญาณสาว

“เจ้า…ช่างเป็นคนประหลาดนัก…มีแต่ผู้คนขอพรจากสวรรค์ แต่เจ้ากลับใฝ่หานรก…ครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่ข้าก็ชอบนะ…เพราะคนเช่นเจ้ายากนักจะหาเจอในหนึ่งหมื่นปี”

เสียงนั้นหนักแน่น เหมือนสะท้อนออกมาจากใต้ดินหมื่นฟุต อรรัมภาลืมตาขึ้นช้า ๆ พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางลานกว้างมิได้มืดมิดทว่าก็มิได้สว่างไสว คงเพราะรอบกายมีหมอกสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่เต็มไปหมดก็เป็นได้

ตรงหน้าคือร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลดำยี่ห้อดัง ใบหน้าขาวราวกับหยก แต่เครื่องหน้าของเขากลับคมเข้มโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นทั้งว่างเปล่าและมืดสนิทจนดูน่ากลัวและหนาวเหน็บไปพร้อมกัน

เขาคือท่านพญายม...

เสียงในหัวดังบอกกับอรรัมภาเช่นนั้นแต่แทนที่อรรัมภาจะทันได้คิดหวาดกลัวเพราะได้พบกับจ้าวแห่งขุมนรก ทว่าหญิงสาวกลับมัวแต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าตนเองเคยพบกับเขามาก่อนจนลืมความกลัวที่สมควรจะมีไปชั่วขณะเพราะมัวนึกว่าตนเองไปเคยพบเคยเจอพญายมได้อย่างไร และที่ไหน

ท่านพญามัจจุราชเชียวนะไม่ใช่คนปกติทั่วไปที่จะบังเอิญไปเดินชนอีกฝ่ายได้!

“ไม่ต้องสงสัย” เสียงเขาดังขึ้น ราบเรียบจนชวนขนลุกยังดีวิญญาณไม่มีอะไรแบบนั้น

“นับจากครั้งแรกที่เจ้าขอพรจากนรก เราก็พบกันแล้ว…สองพันเอ็ดครั้ง”

“…ฉันน่ะนะ เจอท่านมาแล้วตั้งสองพัน…เอ็ดครั้ง?”

พอจบคำถามดังกล่าวเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกหลุดจากริมฝีปากสีซีดของท่านพญายม ราวกระดิ่งลมในคืนหิมะ

“เจ้าลืมแล้วหรือ สวีเจียงหลัว…ลืมความเจ็บปวดที่ถูกฝังทั้งเป็นในโลงไม้พร้อมกับลูกในครรภ์ เจ้าลืมเสียงกรีดร้องของตนเองที่ไม่มีใครได้ยิน ลืมดวงตาของสวามีที่มองเจ้าด้วยความเมินเฉย…ลืมแล้วหรือกับสายตาเย้ยหยันของน้องสาวตัวดีผู้นั้น”

“!!?”

อรรัมภาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และยิ่งเสียขวัญหนักขึ้นหลังท่านพญายมโบกมือหนึ่งภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าถาโถม

จนดวงจิตของอรรัมภาสั่นสะท้านไหวเอนไปมาราวกับผืนผ้าถูกลมพายุพัดพาจนปลิวไสว หลังภาพบางอย่างแทรกเข้ามาในหัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับน้ำหลาก

เสียงลมโหยหวนในสุสานรกร้าง แรงตะกุยเล็บใส่ฝากระดานจนเล็บหลุดหายเหลือเพียงเนื้อแท้แต่ฝาโลงก็ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย

อาการปวดท้องอย่างรุนแรงตามมาด้วยความรู้สึกได้ถึงอาการตกเลือดที่บอกแก่สวีเจียงหลัวว่าบัดนี้ลูกน้อยในครรภ์จากนางไปแล้ว ความรู้สึกแตกสลายอยู่มิสู้ตาย

“นี่มัน…”

เสียงเธอสั่นเคือง คล้ายน้ำตาคลอขึ้นมาเต็มสองตาทั้งที่ขณะนี้เธอคือดวงจิตเท่านั้นไม่มีน้ำตาอยู่จริง เพราะความเจ็บแค้นมันอัดแน่นเกินไปเลยมีความรู้สึกดังกล่าวเด่นชัดนัก

“...ฉันคือสวีเจียงหลัว…จริงหรือ?”

ความสิ้นหวัง ความคับแค้นใจนับพันปี ตีตื้นขึ้นมาจนเจ็บร้าวคล้ายดวงจิตจะแตกสลาย

“ใช่” ท่านพญายมตอบรับคำหนักแน่น

“และทุกชาติที่ผ่านมา เจ้าล้มเหลว…เพราะความใจอ่อนมีเมตตา เป็นคนดีเกินไป อาจเป็นที่เจ้าคงมีความเชื่อว่าสวรรค์จะเห็นความดีกระมัง จึงมิอาจปล่อยวางความดีเดินเข้าสู่หนทางชั่วร้าย ได้สักครา”

ริมฝีปากอรรัมภาหรือในอดีตคือสวีเจียงหลัวกระตุกยิ้มทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยเพลิงแค้นสุมทรวง!

“สวรรค์? สวรรค์ที่มองดูข้าถูกฝังทั้งเป็น…สวรรค์ที่ปล่อยให้ข้าต้องตายเพราะช่วยคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า…?”

เสียงของเธอขาดห้วง สั่นเครือ

“ตลอดสองพันเอ็ดชาติ…ข้าทำได้แค่…ตายอย่างอนาถราวกับหมาข้างถนนตัวหนึ่ง เพื่อความดีไร้ค่าของตัวเอง…เพราะตัดอาลัยจากสวรรค์มิได้ น่าขันนัก!”

จากหมอกสีเทาอ่อนคล้ายควันบุหรี่ลอยวนรอบดวงจิตของอรรัมภาเช่นท่านพญายมค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาอมม่วงและกลายเป็นแดงเข้มเกือบดำสนิทในท้ายที่สุดซึ่งเกิดจากแรงอาฆาตแค้นรุนแรงของดวงจิต มุมปากสีเข้มของท่านพญายมยกยิ้มพึงใจ ก่อนเสียงเขาจะดังขึ้น

“เจ้ารู้ดีว่าทุกชาติ ข้าเสนอทางเลือกเดียว โอกาสให้เจ้าได้แก้แค้นสักครั้ง แลกกับสิ่งเดียว…ห้ามเจ้าทำความดี ห้ามช่วยผู้คน ต่อให้คนผู้นั้นจะน่าสงสารเพียงใดก็ห้ามใจอ่อนมีเมตตา!”

คราวนี้อรรัมภาหัวเราะเสียงขมขื่นออกมาแล้วจริงๆ เพราะตามข้อตกลงตลอดสองพันเอ็ดครั้งทุกชาติหญิงสาวไม่เคยทำได้ตามข้อแลกเปลี่ยนเดียวที่ท่านพญายมเสนอให้คือห้ามทำความดี ต่อให้เห็นจะตายต่อหน้าก็ห้ามเข้าไปช่วย ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดใหม่มาสองพันเอ็ดชาติ พออายุครบ ยี่สิบปีบริบูรณ์ หรือเท่ากับตอนที่สวีเจียงหลัวถูกฝังทั้งเป็นคราวนั้น หญิงสาวจึงจบชีวิตแล้วกลับมาพบกับท่านพญายมที่ตรงนี้เสมอ

“แล้วข้าก็ยังคงทำพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องตายซ้ำตายซากถึงสองพันเอ็ดครั้ง เพราะดันคิดจะเป็นคนดีให้สวรรค์เห็นใจ หึ ดียิ่งนัก!”

“คราวนี้…เจ้าจะเลือกอย่างไร?” เสียงของท่านพญายมที่ดูหนุ่มแน่นไม่เหมือนดังเรื่องเล่ามากมายกดต่ำ เย็นชาราวจะแช่แข็งทุกสรรพชีวิตในใต้หล้า

“แต่คราวนี้มีข้อแม้มากกว่าทุกครั้งที่เจ้าได้โอกาสนะ”

“ข้อแม้อันใดเจ้าค่ะ”

ข้อแม้ว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย โอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว หากเจ้ายังใจอ่อน เป็นคนดี เข้าช่วยคนเฉียดตายอีก เจ้าจะตายแทนคนผู้นั้น แล้วจะตกนรก ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไปชั่วกัปชั่วกัลป์เจ้ายินดีจะยอมแลกหรือไม่”

“……”

เป็นข้อแม้ที่เลือกได้ยากเสียจริง อรรัมภา หรืออดีตก็คือสวีเจียงหลัวนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“มีทางเลือกเดียวหรือคะ?”

“แน่นอนว่าข้ามีเมตตา เหลือทางเลือกให้เจ้าอีกข้อ หากเข้าไม่เลือกข้อแรก ข้อสองเจ้าสามารถไปเกิดใหม่ได้ แต่เป็นการเวียนว่ายตายเกิดตามวัฏสงสารมิอาจหานกลับไปแก้แค้นได้อีก”

ดวงจิตอาฆาตพลันสั่นสะท้านกับข้อเสนอดังกล่าว คล้ายมีหมอกเย็นเกาะหนาทั่วแผ่นหลัง หากเลือกทางสอง ไปเกิดใหม่ ไม่จองเวร ไม่แก้แค้นย่อมไม่ใช่นางแล้ว จะต้องยอมลืมทุกอย่าง ยอมให้อีกสองคนอยู่สุขสบายในชะตาเดิม ความคิดนั้นเหมือนไฟเผาไหม้อยู่ภายในอกยากจะทนไหว

วิญญาณสาวคิดอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจได้ แค้นในใจอัดแน่น คนอื่นไม่รู้ หรือหากยังเป็นเพียงอรรัมภาอยู่ไม่ได้รับรู้ว่าอดีตตนเองคือสวีเจียงหลัวอาจปล่อยวางแล้วไปเกิดใหม่ได้

แต่เพราะครู่ก่อนหญิงสาวได้ซาบซึ้งถึงวาระสุดท้ายของสวีเจียงหลัวแล้ว ในนิยายที่อ่านไม่อาจกล่าวถึงได้ว่ามันคือทุกข์แสนสาหัส ดังนั้นต่อให้คราวนี้คือโอกาสสุดท้าย หญิงสาวก็ยอม

“ข้าเลือกข้อแรกเจ้าค่ะ”

“ดี! ต้องเช่นนี้สิ จึงสมกับที่ข้าให้โอกาสเจ้ามาถึงสองพันเอ็ดครั้ง!”

เขากล่าวจบหมอกสีเทาเข้มจนเกือบเป็นสีดำสนิทขุมใหญ่ก็พุ่งเข้าหาดวงจิตของอรรัมภารวดเร็วเพียงแค่พริบตา อรรัมภารู้สึกคล้ายตนเองจะหายใจไม่ออกทั้งที่คนตายแล้วไม่มีลมหายใจ ก่อนจะรู้สึกหนาวยะเยือกจนถึงกระดูก!

ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ อรรัมภายังพึมพำเสียงแผ่วว่า...

“สวรรค์ทอดทิ้งข้า…อย่าโทษว่าข้าจะละทิ้งสวรรค์ก็แล้วกันคราวนี้…”

เสียงทุ้มของพญายมลอยมาเป็นครั้งสุดท้าย “ตัดอาลัยจากสวรรค์เสียที…เจียงหลัว หากเจ้าจะเกิดใหม่”

“สามพันปีแล้วหากคราวนี้เจ้ายังอาวรณ์สวรรค์อยู่อีกแค้นของเจ้าคงหมดโอกาสแล้ว แต่หากเจ้าเลือกจะเป็นลูกรักของข้า จ้าวแห่งขุมนรก…แค้นใดที่เจ้าคาดหวังจะสำเร็จแน่!”

จบเสียงตวาดกึกก้องพลันนั้นความหนาวเหน็บก็ยิ่งกัดลึกจนถึงแก่นวิญญาณ ความมืดมิดก็เริ่มกลืนทุกสรรพสิ่ง เหลือเพียงเปลวเพลิงอาฆาตในหัวใจที่ไม่อาจมอดดับของนาง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 50

    ในที่สุดรุ่งอรุณของวันแต่งงานระหว่างชินอ๋องไป๋อี้หานกับคุณหนูใหญ่สวีเจียงหลัวก็มาถึง…ก่อนตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ลมเหมันต์พัดความเย็นกระจายทั่วแผ่นดินต้าหรง เกล็ดหิมะโปรยบนพื้นขาวโพลน ดอกเหมยแดงเข้มบานสะพรั่งรอแสงแรกให้หยดน้ำค้างส่องประกายในจวนจวิ้นอันโหวยามโฉ่ว แม้ฟ้ายังมืด แต่บรรยากาศครึกครื้น กลิ่นธูปมงคลอบอวล บ่าวไพร่วิ่งวุ่นต้อนรับแขก ญาติมิตรกว่าห้าร้อยชีวิตหลั่งไหลเข้ามาผืนแพรแดงทอดจากประตูใหญ่สู่ลานใน ผ้าริ้วมงคลสะบัดไหว อักษร ซังซี่ สีทองสะท้อนแสงคบเพลิง เครื่องเซ่น ขนมมงคล โคมมังกรหงส์ถูกจัดรอฤกษ์สมเกียรติว่าที่สะใภ้ราชวงศ์ณ เรือนฉาฮวา บ่าวสาวขวักไขว่ “คุณหนูเจ้าคะ…ได้เวลาตื่นแล้ว”เสียงข่งหมัวมัว คนสนิทของสวีฮูหยินดังขึ้น นุ่มนวลพอปลุกคนบนเตียงได้ ม่านลูกไม้ปักโบตั๋นเลื่อมทองถูกรูดขึ้น กลิ่นกำยานผสานดอกเหมยแห้งโชย ร่างบอบบางใต้ผ้าห่มแพรขยับ ดวงตาเรียวยาวสะท้อนประกายเยือกเย็นลึกยากหยั่งถึงเจียงหลัวมิได้งัวเงีย นางตื่นก่อนนานแล้ว เฝ้าฟังเสียงวุ่นวายจากเรือนใหญ่ ทุกเสียงบอกว่าวันสำคัญเริ่มต้นแล้ว“ในที่สุด…วันนี้ก็มาถึง” นางพึมพำ แฝงทั้งความยินดีและความหมายที่ลึกกว่าเพียงการออ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่49

    หลังพระราชโองการสมรสประกาศออกมา พร้อมฤกษ์มงคลเพียงสิบห้าวันข้างหน้า จวนจิ้นอันโหวที่เคยสงบจึงพลันกลับมาคึกคักราวรังผึ้งแตกผู้ดูแลพิธีจากตำหนักกวางผิงในเมืองหลวงของชินอ๋องและคนจากตำหนักหนิงเฟิ่งของเว่ยไทเฮาผลัดกันเข้าออกเช้าเย็นไม่ขาด ราชเลขาฝ่ายในเองก็ส่งคนมาตรวจความพร้อมในทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่แบบพิธีฝ่ายเจ้าสาว รายการสินสอดและสินเดิมตำรานำขบวนหมั้น ไปจนถึงกระดาษมงคลที่จะใช้ในพิธีช่างหลวงตัดเย็บชุดสมรส ช่างไม้ ช่างแกะลาย ช่างเงิน ช่างทอง เดินเข้าออกจวนมิขาดสาย จนคฤหาสน์ขุนนางเก่าแก่แห่งนี้คล้ายกลายเป็นโรงพิธีของวังหลวงไปโดยปริยายเพราะหย่งหมิงฮ่องเต้กับพุดตานไทเฮากำชับมาด้วยพระองค์ว่าแต่งลูกสะใภ้กับน้องสะใภ้คนนี้ต้องยิ่งใหญ่ที่สุด!แม้ในใจของสวีฮูหยินและจวิ้นอันโหวจะอาลัยนักที่ต้องส่งบุตรีคนโตออกเรือนใกล้เคียงกันถึงสองคน ทว่าฐานะขุนนางชั้นสูงย่อมไม่มีทางปล่อยให้พิธีบกพร่องสักเสี้ยว ทั้งสองรักลูกเท่ากันไม่เคยลำเอียงคนรองเต็มที่เพียงใด คนพี่ก็ต้องเต็มที่ไม่ต่างกันและมิใช่เพียงจวนจวิ้นอันโหวแต่จวนสกุลโจวของท่านราชครูโจวอดีตอาจารย์ของหย่งหมิงฮ่องเต้และเป็นท่านตาของสวีเจียงหลัวเองก็จัดเ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่48

    ช่วงสายของวันที่เจ็ดหลังจบสิ้นเทศกาลล่าสัตว์หน้าประตูใหญ่ของจวนจวิ้นอันโหว ก็ปรากฏขบวนขันทีแปดคน ด้านหลังของพวกเขาเป็นองครักษ์ราชสำนักถืออาวุธครบมือดูสง่าและน่าเกรงขามยิ่งชาวบ้านมากมายเริ่มเยี่ยมหน้าออกมาดูชมความอึกทึกครึกโครมของจวนโหวในรอบสามเดือน บางคนเริ่มซุบซิบว่าจะมีเรื่องมงคลเกิดขึ้นอีกแล้วกระมังท่ามกลางสายลมโบกแรง แสงแดดยามเฉินแผดจ้า ธงประจำสำนักราชเลขาสีทองปักลายมังกรงามสง่าปลิวสะบัดอยู่หน้าขบวนขันทีหลวง คล้ายจะประกาศให้รู้ทั่วทั้งเมืองหลวงว่าพระราชโองการอันสำคัญกำลังจะตกลงสู่จวนนี้อีกครา…เสียงฆ้องทองสามครั้งดังก้องกังวาน ก่อนที่ขันทีหลวงผู้มีตำแหน่งสูงจะก้าวนำขบวนออกมาอย่างสง่างามโดยมีพ่อบ้านใหญ่ออกมาต้อนรับขับสู้ในมือของหัวหน้าขันทีใหญ่คือห่อผ้าแพรสีแดงสดล้อมปักทอง ลวดลายมังกรเหยียบเมฆาสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าจนแสบตาภายในคือพระราชโองการทองคำจำนวนหนึ่งฉบับ!เสียงของพ่อบ้านกวงผู้ดูแลเรือนหลักตะโกนประกาศด้วยอันดังเสียงให้บ่าวไพร่รีบคุกเข่านำหน้าขบวนอีกที“ทุกคนคุกเข่าเร็วเข้า พระราชโองการมาถึงแล้ว”เหล่าคนทั้งจวน ตั้งแต่ สวีเหล่าไท่เย่ สวีเหล่าไท่ไท่ จิ้นอันโหวผู้เป็นเจ้าเรื

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่47

    ช่วงบ่ายของเดียวกันนั้นเอง...หย่งหมิงฮ่องเต้ได้เรียกสวีฉีฟ่านเข้ามาเจรจาส่วนตัวอีกครั้งในกระโจมหลวงบรรยากาศเงียบสงบแต่มากด้วยแรงกดดันไม่นานเสียงฝีเท้ามั่นคงเช่นนักรบกล้าแกร่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ“จวิ้นอันโหวมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขุนทีหน้ากระโจมหลวงรายงาน “เชิญเขาเข้ามาได้” ไป๋อี้เซียวที่กำลังกุมขมับรีบจัดอาภรณ์และทรงผมให้เข้าที่จึงเอ่ยอนุญาติจบคำของคนด้านใน ม่านกระโจมจึงถูกเปิดออกด้วยฝีมือขององครักษ์ ท่านโหวสวีฉีฟ่าน เดินเข้ามาอย่างสำรวม สีหน้าท่าทางแม้ดูสงบ หากแต่ใต้แววตานั้นเต็มไปด้วยความระวังและไม่วางใจ ร่างสูงก้มลงทำความเคารพ“ฉีฟ่านถวายพระพรฝ่าบาท อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้รับคำเรียบ ๆ ดวงเนตรจับจ้องใบหน้าของขุนนางอาวุโสอย่างใคร่ครวญ“ฉีฟ่านนี่ก็ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว เจ้าได้เจียงหลัวกลับกระโจมไปแล้วตัดสินใจเช่นไรเล่า?”สวีฉีฟ่านนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะอ้ำอึ้งเอ่ยด้วยเสียงต่ำติดขัด “คือว่า…กระหม่อม…”ฮ่องเต้หลุบพระเนตรลง คล้ายกลั้นลมหายใจไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “เจิ้นรู้ว่ามันเร็วเกินไป…แต่เจ้าก็เห็นแล้ว ว่าอี้หานไม่ได้เอ่ยคำเหล่านั้นเพราะหล

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่46

    ภาพที่ไป๋อี้หานทรุดกายคุกเข่าต่อหน้าทุกคนยังไม่สะเทือนใจผู้คนในโถงชั่วคราวนี้ได้เท่ากับตอนที่ชินอ๋องหนุ่มเอ่ยทวงความเป็นธรรมให้ตนเอง...อย่างหน้าด้านหน้าทน!หย่งหมิงฮ่องเต้ ทำสีหน้าราวกลืนยาขม ส่วนเกาฮองเฮาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นราวกับตนเองกลายเป็นอากาศไปแล้วท่านโหวสวีฉีฟ่านและฮูหยินโจวหรูเจี๋ยยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและคาดไม่ถึงว่าชินอ๋องผู้มีสมยานาม ‘เทพสังหาร’ แห่งต้าหรงนั้นยามจะขอสตรีจากบิดามารดาจะหน้าด้านได้ถึงเพียงนี้นับว่าเกิดมาสี่สิบกว่าปีพวกเขาสองสามีภรรยาได้เปิดโลกแล้วจริงๆ ...แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือความกังวล ความห่วงใย และความหวงลูกสาวคนโตที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคำพูดใดจะบรรยาย ชินอ๋องปกครองแคว้นอยู่เจียงหนานไกลจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้สองเดือนก่อนพวกเขาทำใจปล่อยเจียงหลีให้แต่งกับองค์ชายสามอี้เฉินก็เพราะอีกฝ่ายยังอยู่เสวียนหยาง คิดถึงก็แค่ไปหาไม่ไกลถึงร้อยลี้ แต่เจียงหลัวออกแต่งออกไปไกลเพียงนั้นบิดามารดาเช่นพวกตนมิอาจทำใจท่านโหวถอนหายใจหนัก ๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายความปวดร้าว “ฝ่าบาท ได้โปรดเห็นใจกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ สองเดือนก่อนเพิ่งจะแต่งบุตรสาวคนรองไ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่45

    ยามอิ๋นสามเค่อ... แสงแรกของวันจากทิศตะวันออกยังไม่ปรากฏ ในกระโจมของชินอ๋องไป๋อี้หานที่เพิ่งสงบลงได้ไม่ถึงชั่วยาม...บัดนี้บนเตียงสองร่างที่เคียงกันหนึ่งคือเจ้าของกระโจมผู้กำยำ อีกหนึ่งคือร่างอรชรซึ่งหลับพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษ ที่ไม่เคยอ่อนโยนต่อใคร... ยกเว้นนางไป๋อี้หานจึงขยับกายลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างเงียบเชียบ เขาห่มผ้าคลุมให้หญิงสาวแน่นหนา ก่อนรีบออกจากกระโจมของตนเองโดยใช้เส้นทางลับเร่งตรงไปพบจวิ้นอันโหวเขามิอาจเสี่ยงให้สวีเจียงหลัวตกเป็นเป้าสายตาและวาจาร้ายจากผู้คนในสนามล่าสัตว์ได้ถึงจะป้องกันเอาไว้ดีแล้วจากการกำชับคนของตนแต่ไป๋อี้หานไม่เสี่ยงให้คนนอกรู้ว่าตลอดคืนนางอยู่กับเขาแม้ในใจแทบพุ่งเข้าไปสังหารไป๋อี้เฉินและซูกุ้ยเฟยกับพวกของนาง แต่เขาก็ห้ามใจไว้ รอเวลา รอโอกาสเหมาะ เขาไม่ปล่อยแน่ ไม่ว่าผู้ใดที่แตะต้องสวีเจียงหลัว!เนื่องจากไป๋อี้หานคิดจนถี่ถ้วน เขามิอาจทำตามใจตนเองได้ เพราะหากเขาทำเช่นนั้น เรื่องที่สวีเจียงหลัวถูกวางยาจะต้องกระจ่ายไปทั่วค่ายพักแรมนี้ และไม่ถึงชั่วยามคงลื่อกระฉ่อนไปทั่วเสวียนหยางแต่จะให้เขาไม่เอาความเลยคงเป็นไปมิได้ ทว่าคนแรกที่เขาต้องไปพบย่อมเป็นบิดา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status