นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าคนงามพลันระบายยิ้มกว้างออกมา น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างเย้ายวน “เช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าค่ะ”
สองมือของนางประคองกอบกุมเอ็นอวบเอาไว้แทบไม่รอบจากนั้นจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้ปากครอบงำส่วนหัวเห็ดบานแดงกำเอาไว้ ส่วนรอยแยกพลันมีน้ำเมือกสีใสปริ่มออกมาด้วยความเสียวซ่าน “อือมม..อื้ม!” อ่า…เอ็นอวบของเขาใหญ่เกินไปแล้ว จ๊วบบ…จ๊าบบ! จ๊วบ! เผ่ยเหยียนซือสะดุ้งพลางกัดฟันกรอดจนขึ้นเป็นสันกราม“อาา…ส์” น้ำเสียงทุ้มคำรามแหบพร่า ภายในโพลงปากของนางทั้งร้อนและอุ่นไม่น้อย สายตาคมกริบเพ่งมองการกระทำของนางด้วยความหื่นกระหาย เลือดในกายพลันแล่นพล่าน “อาา…กลืนกินมันเข้าไปทั้งลำเถอะเมียข้า” นางกำลังจงใจทำให้เขาคลั่งงั้นรึ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มครางกระเส่าปานใจจะขาดเช่นนี้ นางยิ่งได้ใจอยากจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้สยบใต้เรือนร่าง ถิงเฟยดูดเลียส่วนหัวอย่างเมามัน สองมือของนางประคองชักรูดแท่นเอ็นอวบขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะ “อ่ก! อื้มม” “อ่าาส์…ซี๊ดด” ยามนี้เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านไม่น้อยจนต้องเด้งสะโพกกระแทกสวนขึ้นไป“ซี๊ดดส์..อาถิงเฟย” เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านจนขนลุกซู่ สายตาคมกริบมองการกระทำของนางด้วยความตื่นเต้นเลือดภายในกายแล่นพล่านด้วยความเสียวกระสัน ดีเหลือเกิน… แม้ว่านางจะเป็นดรุณีน้อยที่พึ่งผ่านพ้นวัยปักปิ่นมาแล้วอย่างไรกัน ทว่าเรื่องเช่นนี้ถิงเฟยย่อมไม่อ่อนด้อยไปกว่านางคณิกาทีาหอนางโลมแน่ ไม่ว่าอย่างไรนางจะทำให้เขาลีมสตรีผู้นั้นไปให้ได้! ยิ่งนางได้ยินน้ำเสียงทุ้มคำรามด้วยความเสียวซ่าน..ถิงเฟยก็ค่อยๆ ขยับชักรูดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้ปากครอบงำกลืนกินเอ็นอวบเข้าไปในโพลงปากทั้งลำ “อ่อก!...อัก” เผ่ยเหยียนซือสะดุ้งตัวสั่นขนลุกซู่ “อ่าาส์!” อึกกก! อึกๆๆ อึก! อ๊อกกๆๆ อ่อก! “อาาา..ซี๊ดด! ถิงเฟย” เผ่ยเหยียนซือกัดฟันกรอดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อน ฝ่ามือหนาเรือนไปกอบกุมเรือนผมงามก่อนจะค่อยๆ ออกแรงดันให้ขยับขึ้นลงตามจังหวะห้วงอารมณ์หื่นกระสาย ยามนี้เรือนร่างของเขาร้อนรุ่มไม่น้อย “อาา..ขยับขึ้นมานั่งทับมันซะ” อ่อกกก! อ๊อกกกๆๆ! อ่กก! ยามนี้นางเองก็พลันรู้สึกหื่นกระหายไม่น้อยเพียงแค่กำนึกว่าเอ็นอวบที่กำลังกลืนกินอยู่นี้หายเช้าไปในรูสวาทของนางก็พลันขนลุกซ่านทันที เผ่ยเหยียนซือเด้งสะโพกสวนขึ้นไป “ซี๊สส์..อาส” อ่อก! อ่กๆๆ! ภายในโพลงปากของนางคับแน่นไปด้วยลำอวบจนแทบหายใจไม่น้อย น้ำไหลพลันไหลย้อยออกมาตามมุมปาก “อ่กก..!” นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเงยขึ้นสบกับดวงตาคบกริบหวานเยิ้ม ไม่ไหวแล้ว! เผ่ยเหยียนซือกัดฟันกรอดแม้ในโพรงปากจะคับแน่นอุ่นร้อนแล้วอย่างไรทว่าเขาต้องการมากกว่านี้ “อ้าข้าของเจ้าออกมาให้กว้าง” เพียงชั่วพริบตาเดียวถิงเฟยพลันถูกจับแจ้งให้นอนราบแผ่ลงไปบนเตียง สองขาของนางถูกชันอ้าออกให้กว้างเผยให้เห็นรูสวาทงามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานสีใส น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า “สามีช่างใจร้อนนัก” มุมปากหนายักยกขึ้น “หึ!” เผยเหยียนซือเงยหน้าขึ้นไปมอง “เจ้าเองก็ร้อนไม่น้อยเมียข้า” ปลั่กก! “อร๊างงงส์…!” “อาา…แน่นยิ่งนัก!” เผยเหยียนซือไม่เคยรู้สึกหื่นกระหายอยากปลดปล่อยเช่นนี้มาก่อนทยามนี้เรือนร้อนกำยำร้อนรุ่มถูกไฟสวาทราคะแผดเผา เขาจ่อแก่นกายไปยังรูสวาทก่อนจะออกแรงขยับสะโพกทีเดียวก็พลันหายไปถูกกลืนกินจนมิดลำ ปั่กกก! ปั่กๆๆๆ สองขาเรียวของนางสั่นระริก ถิงเฟยยังไม่ทันตั้งตัวก็พลันถูกเขาออกแรงโหมกระแทกใส่อย่างรุนแรงราวกับพายุห่าใหญ่แล้ว “อื้ออ! แรงไปอ๊ะ! ไปแล้ว” ปั่กก! ปั่กกกๆๆๆ ตั่บบๆ! เผยเหยียนซือพึงพอใจไม่น้อย ยามนี้เลือดในกายแล่นพล่านจนไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้ “อ่าส์! จะให้ข้าหยุดงั้นหรือ” ตั่บๆๆๆ ตั่บบ! ถิงเฟยส่ายหน้า “อร๊างงส์….ดีเหลือเกินอ๊ะ!” “คุณชายมาหาผู้ใดหรือขอรับ” “…..” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ไป๋เฟิ่งอี้พลันมาหยุดอยู่หน้าจวนหลังนี้เสียแล้ว หากเขาจำไม่ผิดนั้นเกรงว่านางคงอยู่ที่แน่นี้ เขากระแอมไอทีหนึ่งน้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น “นายหญิงของเจ้าอยู่ที่จวนหรือไม่” ว่ากันตามตรงแล้วคุณชายผู้นั้นนี้ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยแม้ แต่น้อย ชายฉกรรจ์เฝ้าหน้าประตูพลันหรี่สายตามองท่ามางไม่ไว้วางใจอีกฝ่ายและครุ่นคิดเล็กน้อย นายหญิงแต่งเข้ามาในจวนสกุลเผ่ยหลายปีแต่กลับไม่เคยมีผู้ใดมาถามหาเยี่ยมเยือนมาก่อน ไป๋เฟิ่งอี้ไม่เคยถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน เขาพลันถอนหายใจฮึดฮัดออกมา “นางอยู่หรือไม่” “นายหญิงอยู่ที่จวนขอรับ” ไป๋เฟิ่งอี้พยักหน้าไม่พูดพร่ำก็เดินดุ่มๆ เข้าไปภายในจวนทันที เขาเป็นชายชู้แล้วอย่างไร…มีผู้ใดรู้งั้นหรือ พอนึกถึงใบหน้าของนาง..เขาก็ระบายยิ้มจางๆ ออกมา เสียงร้องครวญครางปานใจจะขาดของชายหญิงดังสนั่นลั่นจวนไม่ว่าเหล่าสาวใช้ลานซักล้างหลังจวนย่อมได้ยินทั้งสิ้น การกระทำเช่นนั้นนับว่าไม่เกียรติภรรยสเอกเลยแม้แต่น้อย สาวใช้ภายในเรือนที่คอยปรนนิบัติชุนฟางชินต่างพากันมองด้วยสายตาเวทนาและสงสารไม่น้อย นายหญิงช่างใจแข็งจริงๆ สามีกล้าแต่งสตรีอื่นข้ามหน้าข้ามตาไม่พอมิหนำซ้ำยังกล้าเสพสมมีความสุขในที่โจ่งแจ้งอีก! ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ต้องเจ็บใจทั้งสิ้น แต่ทว่าชุนฟางชินในยามนี่นั้นเอาแต่นอนหลับเสมือนกลับไม่ได้นอนมานานหลายวันไม่ยินดีหรือทุกข์ร้อนใจทั้งสิ้น “นายหญิงเจ้าขา..จะปล่อยให้นายท่านมำเช่นนี้จริงๆ หรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกายผู้หนึ่งของชุนฟางชินเอ่ยขึ้น นางปวดใจแทนอีกฝ่ายจริงๆ น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยงัวเงีย “หยุดถามได้แล้วมารดาจะนอน” หากบุรุษผู้นั้นอยากจะทำอันใดหรืออยากจะร่วมรักกับสตรีอีกสักกี่คนก็ทำไปเถอะ นางหาได้สนใจแล้ว..ยามนี้แม้แต่ตอนที่ชุนฟางชินปิดเปลือกตาลงก็พลันเอาแต่นึกถึงเอ็นอวบและใบหน้าหื่นกระหายดิบเถื่อนของบุรุษผู้นั้น เกรงว่านางคงต้องไปโรงเตี๊ยมอีกครา “นายหญิงเจ้าค่ะ…” “พอได้แล้ว!” ชุนฟางชินขึ้นเสียงด้วยความรำคาญ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลงกว้างตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย “เผ่ยเหยียนซือมีดีอันใดให้ข้าต้องเสียดายงั้นหรือ” “มีแขกมาพบเจ้าค่ะ” ชุนฟางชินเห็นแล้ว…พอตอนที่นางลืมตาขึ้นก็พลันเห็น เฟิ่งอี้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า นี่เป็นเรื่องจริงหรือแท้จริงแล้วนางกำลังฝันอยู่งั้นรึ นางลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย “เฟิ่งอี้งั้นหรือ” มุมปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “อันใดกันเล่าแม่นาง…เพียงแค่นอนหลับไปหนึ่งตื่นก็หลงลืมข้าไปแล้วงั้นหรือ” ไป๋เฟิ่งอี้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะโน้มกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวเนียน เป็นเขาจริงๆ นี่คือเรื่องจริงหาใช่ความฝัน! ชุนฟางชินสะดุ้งขนลุกซุ่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกระพริบตามองปริบๆ ก่อนจะรีบคว้าแขนอีกฝ่ายให้รีบเดินตามมา “เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี้กัน” “กลัวอันใดหรือ” นางชะงักฝีเท้าก่อนจะเหลียว ใบหน้าระบายยิ้มจางๆ “กลัวอันใดกันเล่า…ข้ากำลังคิดถึงท่านอยู่พอดี” “หึ!” ไป๋เฟิ่งอี้แค่นเสียงออกมา พอมองตาสายตาของนางแล้วเขาพลันเห็นว่าดวงตาคู่งามกำลังจดจ่อแก่นกายของเขาด้วยความหื่ยกระหายอย่างปิดไม่มิด “คิดถึงข้าแน่หรือ” “คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว” นางคิดถึงแก่นกายใหญ่ของเขามากกว่าฝ่ามือหนาประคองใบหน้าคนงาม สายตาคมกริบพลันสบเข้ากันนัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มก่อนจะนางหลับตาพริ้มรอรับจุมพิตจากเขา มุมปากหนายกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เหอะ! คิดว่าข้าจะรังแกตอนที่เจ้าไม่ได้สติหรืออย่างไร”ชุนฟางชินพลางยกมือคล้องโอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าคนงามซบบนอกแกร่งท่าทางออดอ้อน“ทว่าข้าต้องการท่าน..เฟิ่งอี้”เห็นได้ชัดว่านางจงใจยั่งยวนเขา!ไป๋เฟิ่งอี้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “รีบนอนเถอะก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วไม่ได้นอนชุนฟางชิน”“งั้นหรือ” ชุนฟางชินหัวเราะคิกคัก แม้สติของนางจะเหลือน้อยนิดแล้วอย่างไรทว่านางนั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอันใดอยู่ นางผละออกจากเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกระตุกผ้าคาดอกออกและค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างเชื่องช้า เรือนร่างอรชรผอมผายปรากฏต่อหน้าของไป๋เฟิ่งอี้“เช่นนี้แล้วท่านยังจะมีความอดทนอยู่อีกหรือไม่”เฟิ่งอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วไฉนเขาจะยังอดอยู่เล่า“หึ! สตรีร่าน” เขากัดฟันกรอดก่อนจะสอดมือเข้าเรือนผมงามรั้งท้ายทอยอีกฝ่าเข้าใกล้ประกบจูบอย่างดูดดื่มทันที“อื้อ…อือ” นางพลันเงยหน้ารับจูบลิ้มหนาสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากพลางกวาดตวัดไล่เลียความหวาน น้ำเสียงทุ้มคาางออกมาอย่างพึงพอ
เรื่องต้องเป็นตามแผนการที่นางเอาไว้ ถิงเฟยถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหน้าอึ้ง ใบหน้าคนงามเสแสร้งแสดงความเห็นใจออกมาไม่มิด “ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใดก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา”เผ่ยเหยียนซือแค่นเสียงฮึดฮัดสบถออกมา “เหอะ!”เขายังต้องมีอันใดผู้กับนางสตรีร่านผู้นี้อีก ดั่งคำที่เคยกล่าวไว้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆเกรงว่าหากเขาไม่ได้ยินน้ำเสียงร้องครวญครางกระเส่าของคนทั้งรู้เล็ดลอดออกมาหรือถิงเฟยจงใจคิดจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกเขา….เผ่ยเหยียนซือคงไม่ยอมหย่าง่ายๆ แน่เขาม้วนกระดาษวางลงบนโต๊อย่างลง“เหลือเพียงแค่เจ้าลงนามเท่านั้นชุนฟางชิน” น้ำเสียงทุ้มของเผ่ยเหยียนซือกล่าวออกมาอย่างแข็งก้าวฉายแววความโกรธออกมาอย่างชัดเจนใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ “เหตุใดถึงได้ทำตัวราวกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำและข้าเป็นคนผิดกันเล่าเผ่ยเหยียนซือ”ชุนฟางชินเกลียดคนเช่นนี้ยิ่งนักไป๋เฟิ่งอี้นั่งอยู่ข้างกายชุนฟางชิน สายตาคมกริบปรายมองสตรีข้างอยู่บ่อยครั้งทว่ากับมองไม่เห็นความเสียใจเลยแม้แต่น้อย “มิใช่เป็นคุณชายหรอกหรือที่แต่งสตรีอื่นเข้ามาก่อน” น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นหากนางหย่าสามีก็ด
ยามค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดสนิทมีเพียงแสงจันทราที่สาดส่องลงมาเท่านั้นไร้แสงระยิบระยับจากดวงดาวให้ความสว่างไป๋เฟิ่งอี้สวมใส่ชุดอาภรณ์สีดำสนิทปกปิดเรือนร่างและใบหน้าจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ดวงตาคมกริบสอดส่องมองไปทั่วทั้งจวนก่อนที่จะปืดกระโดดผ่านทางหน้าต่างเข้าไปในเรือนตุบบ..บ!จู่ๆ ตอนที่เขาหวนกลับมายังจวนหลังนี้ก็คราก็พลันพบว่าหน้าประตูจวนเต็มไปด้วยเวรยามจนหาทางเข้าไปไม่ได้ภายในห้องเกือบสงบมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออกของเจ้าของร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเท่านั้น ไป๋เฟิ่งอี้ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกรวนจนปลุกนางให้ตื่น“…..” ใบหน้าคนงามนอนหลับพริ้ม ดวงตาคู่งามปิดสนทิท มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้มเกรงว่านางคงกำลังนอนหลับฝันดีไม่น้อย“หึ” ไป๋เฟิ่งอี้มองเห็นแล้วจึงระบายยิ้มออกมาจางๆ อย่างไม่รู้ตัว ยามที่สายตาคมกริบเพ่งมองสตนีตรงหน้าล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างปิดไม่มิด“หลับลึกถึงเพียงนี้เลยหรือไร” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาคาดว่าหากเป็นโจรปล้นสวาทปานนี้นางคงหนีไม่พ้นแน่“อื้อออ…อือ” น้ำเสียงหวานส่งเสียงร้องงัวเงียออกมาด้วยความรำคาญ ชุนฟ
“เจ้าไปที่ใดมาหรือ”“…..” ชุนฟางชินชะงักฝีเท้าก่อนจะปรายสายตาเหลียวไปมองทางต้นเสียง นางพลันมองเห็นเผ่ยเหยียนซือจ้องมองเขม่งท่า ทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเพ่งมองมาทางนี้เขาเป็นอันใดไปงั้นหรือ..ใบหน้าของชุนฟางชินขมวดคิ้วมุ่น นางมองแลซ้ายแลขวาก่อนจะยกนิ้วชี้ตนเองพลางคิ้วถามอีกฝ่าย “พูดกับข้างั้นรึ”“เหอะ!” เผ่ยเหยียนซือเค้นเสียงออกมาไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินไปหาผู้เป็นภรรยา ใบหน้าหล่อเหล่าถมึงทึงฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาตื่นนอนตั้งแต่ต้นยามเหม่า (เวลา 05.00 – 07.00 น.) พอตอนที่เข้าไปในเรือนของชุนฟางชินก็พบว่าเงียบสงบจนกระทั่งบนเตียงว่างเปล่ามิหนำซ้ำยังเย็นเฉียบเสมือนว่าไม่มีผู้ใดอยู่มาตลอดทั้งคืนเผ่ยเหยียนซือสอบถามพูดคุยกับบ่าวรับใช้ภายในเรือนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ความว่า ชุนฟางชิชออกจากจวนไปตั้งแต่ตอนพลบค่ำจนถึงตอนนี้ฟ้าสางแล้วนางก็ยังไม่กลับมาอารมณ์ของเผ่ยเหยียนซือในตอนนี้โมโหไม่น้อยแล้วจึงพอเห็นท่าทางของภรรยาอิดโรยแล้วนั้น…เขาหาได้ตาบอดจนมองไม่ออก“ตรงนี้มีแค่เจ้ากับข้า” เผ่ยเหยียนซือเดินมาหยุดอยู่ตรง หน้าภรรยา “หากข้าไม่พูดกับเจ้าแล้วจะให้พูดกับผู้ใด”เห็นได้ช
ชุนฟางชินนอนหายใจเหนื่อยหอบอยู่นานครู่หนึ่งก่อน ที่น้ำเสียงหวานแหบแห้งจะเอ่ยขึ้น “หึงหวงข้าอย่างงั้นรึเฟิ่งอี้” เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นแล้วนายโลมเช่นเขาจะตกหลุมรักแขกได้อย่างไรมิหนำซ้ำนางก็มีสามีแล้วแม้จะดูไม่ลงรอยกันก็ตาม“…..”ไป๋เฟิ่งอี้ยันตัวขึ้นก่อนจที่ดวงตาคมกริบจะจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาเมล็ดซิ่งของอีกฝ่ายเขามองนิ่งๆ หาได้เอ่ยอันใดก็ออกหึงหวงนางงั้นหรือ?..ไป๋เฟิ่งอี้ตอบไม่ได้เช่นกันพอเห็นอีกฝ่ายเงียลงไปเช้นนี้นางจึงพลันหัวเราะคิกคักออกมากลบเกลื่อนด้วยความเก้อเขินทันที “ช่างเถอะ…คงเป็นข้าที่เสียสติเลอะเลื่อนไปแล้ว”บุรุษผู้นี้จะหึงหวงนางได้อย่างไรกันเช่นนั้นสตรีที่ร่วมรักกัน..เขาก็งตามรังควานหาเรื่องผูเอื่นไปทั่วแล้ว“เสร็จแล้วก็ลุกออกไปเถอะเฟิ่งอี้”“ข้าบอกงั้นหรือว่าเสร็จแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ แม้จะเสร็จสมแล้วอย่างไรแต่ทว่าไป๋เฟิ่งอี้หาได้ถอดแก่นกายออกจาก รูสวาทของนางภายในทั้งคับแน่นและอุ่นร้อนพลันเอาไป๋เฟิ่งอี้ไม่อยากปล่อยไปง่ายๆ แก่นกายที่ดูเหมือนว่าจะสงบลงไปแล้วพลันค่อยๆ ตื่นตัวและแข็งทื่อขึ้นมาอย่างช้าๆ!!!!เกิดอันใดขึ้นกัน..?นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลง
เป็นเพราะว่านางพูดจายั่วยุโทสะเขาหรือไป๋เฟิ่งอี้เห็นนางอยู่กับบุรุษอื่นถึงได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมาเช่นนี้ตุบ!ชุนฟางชินงอตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จู่ๆ ระหว่างทางมานั้นนางพลันมีปากเสียงกระบุรุษผู้นี้จนถูกอุ้มขึ้นยกพาดบ่ามายังที่ที่หนึ่งก่อนจะถูกโยนเตียงอย่างแรง“โอ๊ย..! มารดามันเถอะ” นางหันมองอีกฝ่ายตาขวาง“เจ็บเป็นด้วยงั้นหรือ”เพ่ย! เหตุใดถึงถามเช่นนี้“ท่านเห็นข้าเป็นตุ๊กตาผ้ารึ”ไป๋เฟิ่งอี้เพียงแค่นเสียงฮึดฮัดออกมาเท่านั้น สายตาคมกริบยามนี้ดูแข็งกร้าวและเจ้าเล่ห์ในคราเดียวกัน เขาพลางถอดอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าของนางชุนฟางชินไม่เข้าใจ “ท่านจะทำอันใดกันแน่เฟิ่งอี้”“แม่นางโง่งมหรือตาบอดมองไม่เห็นงั้นรึ”“เฟิ่งอี้! ข้าถามดีๆ ไฉนถึงได้ยอกย้อนประชดประชัน”ยามนี้ชุนฟางชินงุนงงไม่น้อย บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปแล้ว.…เหตุใดถึงได้ทำตัวเสมือนคนไร้สติเช่นนี้“ปรนเปรอสตรีร่าอย่างไร”!!!!“กรี๊ดดด…ปล่อยข้า!” ชุนฟางชินหวีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ จู่ๆ แขนทั้งสองข้างของนางพลันถูกรวบขึ้นเหนือหังก่อนจะถูกพันธะด้วยเศษผ้าชุนฟาง