นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าคนงามพลันระบายยิ้มกว้างออกมา น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างเย้ายวน “เช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าค่ะ”
สองมือของนางประคองกอบกุมเอ็นอวบเอาไว้แทบไม่รอบจากนั้นจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้ปากครอบงำส่วนหัวเห็ดบานแดงกำเอาไว้ ส่วนรอยแยกพลันมีน้ำเมือกสีใสปริ่มออกมาด้วยความเสียวซ่าน “อือมม..อื้ม!” อ่า…เอ็นอวบของเขาใหญ่เกินไปแล้ว จ๊วบบ…จ๊าบบ! จ๊วบ! เผ่ยเหยียนซือสะดุ้งพลางกัดฟันกรอดจนขึ้นเป็นสันกราม“อาา…ส์” น้ำเสียงทุ้มคำรามแหบพร่า ภายในโพลงปากของนางทั้งร้อนและอุ่นไม่น้อย สายตาคมกริบเพ่งมองการกระทำของนางด้วยความหื่นกระหาย เลือดในกายพลันแล่นพล่าน “อาา…กลืนกินมันเข้าไปทั้งลำเถอะเมียข้า” นางกำลังจงใจทำให้เขาคลั่งงั้นรึ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มครางกระเส่าปานใจจะขาดเช่นนี้ นางยิ่งได้ใจอยากจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้สยบใต้เรือนร่าง ถิงเฟยดูดเลียส่วนหัวอย่างเมามัน สองมือของนางประคองชักรูดแท่นเอ็นอวบขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะ “อ่ก! อื้มม” “อ่าาส์…ซี๊ดด” ยามนี้เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านไม่น้อยจนต้องเด้งสะโพกกระแทกสวนขึ้นไป“ซี๊ดดส์..อาถิงเฟย” เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านจนขนลุกซู่ สายตาคมกริบมองการกระทำของนางด้วยความตื่นเต้นเลือดภายในกายแล่นพล่านด้วยความเสียวกระสัน ดีเหลือเกิน… แม้ว่านางจะเป็นดรุณีน้อยที่พึ่งผ่านพ้นวัยปักปิ่นมาแล้วอย่างไรกัน ทว่าเรื่องเช่นนี้ถิงเฟยย่อมไม่อ่อนด้อยไปกว่านางคณิกาทีาหอนางโลมแน่ ไม่ว่าอย่างไรนางจะทำให้เขาลีมสตรีผู้นั้นไปให้ได้! ยิ่งนางได้ยินน้ำเสียงทุ้มคำรามด้วยความเสียวซ่าน..ถิงเฟยก็ค่อยๆ ขยับชักรูดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้ปากครอบงำกลืนกินเอ็นอวบเข้าไปในโพลงปากทั้งลำ “อ่อก!...อัก” เผ่ยเหยียนซือสะดุ้งตัวสั่นขนลุกซู่ “อ่าาส์!” อึกกก! อึกๆๆ อึก! อ๊อกกๆๆ อ่อก! “อาาา..ซี๊ดด! ถิงเฟย” เผ่ยเหยียนซือกัดฟันกรอดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อน ฝ่ามือหนาเรือนไปกอบกุมเรือนผมงามก่อนจะค่อยๆ ออกแรงดันให้ขยับขึ้นลงตามจังหวะห้วงอารมณ์หื่นกระสาย ยามนี้เรือนร่างของเขาร้อนรุ่มไม่น้อย “อาา..ขยับขึ้นมานั่งทับมันซะ” อ่อกกก! อ๊อกกกๆๆ! อ่กก! ยามนี้นางเองก็พลันรู้สึกหื่นกระหายไม่น้อยเพียงแค่กำนึกว่าเอ็นอวบที่กำลังกลืนกินอยู่นี้หายเช้าไปในรูสวาทของนางก็พลันขนลุกซ่านทันที เผ่ยเหยียนซือเด้งสะโพกสวนขึ้นไป “ซี๊สส์..อาส” อ่อก! อ่กๆๆ! ภายในโพลงปากของนางคับแน่นไปด้วยลำอวบจนแทบหายใจไม่น้อย น้ำไหลพลันไหลย้อยออกมาตามมุมปาก “อ่กก..!” นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเงยขึ้นสบกับดวงตาคบกริบหวานเยิ้ม ไม่ไหวแล้ว! เผ่ยเหยียนซือกัดฟันกรอดแม้ในโพรงปากจะคับแน่นอุ่นร้อนแล้วอย่างไรทว่าเขาต้องการมากกว่านี้ “อ้าข้าของเจ้าออกมาให้กว้าง” เพียงชั่วพริบตาเดียวถิงเฟยพลันถูกจับแจ้งให้นอนราบแผ่ลงไปบนเตียง สองขาของนางถูกชันอ้าออกให้กว้างเผยให้เห็นรูสวาทงามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานสีใส น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า “สามีช่างใจร้อนนัก” มุมปากหนายักยกขึ้น “หึ!” เผยเหยียนซือเงยหน้าขึ้นไปมอง “เจ้าเองก็ร้อนไม่น้อยเมียข้า” ปลั่กก! “อร๊างงงส์…!” “อาา…แน่นยิ่งนัก!” เผยเหยียนซือไม่เคยรู้สึกหื่นกระหายอยากปลดปล่อยเช่นนี้มาก่อนทยามนี้เรือนร้อนกำยำร้อนรุ่มถูกไฟสวาทราคะแผดเผา เขาจ่อแก่นกายไปยังรูสวาทก่อนจะออกแรงขยับสะโพกทีเดียวก็พลันหายไปถูกกลืนกินจนมิดลำ ปั่กกก! ปั่กๆๆๆ สองขาเรียวของนางสั่นระริก ถิงเฟยยังไม่ทันตั้งตัวก็พลันถูกเขาออกแรงโหมกระแทกใส่อย่างรุนแรงราวกับพายุห่าใหญ่แล้ว “อื้ออ! แรงไปอ๊ะ! ไปแล้ว” ปั่กก! ปั่กกกๆๆๆ ตั่บบๆ! เผยเหยียนซือพึงพอใจไม่น้อย ยามนี้เลือดในกายแล่นพล่านจนไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้ “อ่าส์! จะให้ข้าหยุดงั้นหรือ” ตั่บๆๆๆ ตั่บบ! ถิงเฟยส่ายหน้า “อร๊างงส์….ดีเหลือเกินอ๊ะ!” “คุณชายมาหาผู้ใดหรือขอรับ” “…..” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ไป๋เฟิ่งอี้พลันมาหยุดอยู่หน้าจวนหลังนี้เสียแล้ว หากเขาจำไม่ผิดนั้นเกรงว่านางคงอยู่ที่แน่นี้ เขากระแอมไอทีหนึ่งน้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น “นายหญิงของเจ้าอยู่ที่จวนหรือไม่” ว่ากันตามตรงแล้วคุณชายผู้นั้นนี้ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยแม้ แต่น้อย ชายฉกรรจ์เฝ้าหน้าประตูพลันหรี่สายตามองท่ามางไม่ไว้วางใจอีกฝ่ายและครุ่นคิดเล็กน้อย นายหญิงแต่งเข้ามาในจวนสกุลเผ่ยหลายปีแต่กลับไม่เคยมีผู้ใดมาถามหาเยี่ยมเยือนมาก่อน ไป๋เฟิ่งอี้ไม่เคยถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน เขาพลันถอนหายใจฮึดฮัดออกมา “นางอยู่หรือไม่” “นายหญิงอยู่ที่จวนขอรับ” ไป๋เฟิ่งอี้พยักหน้าไม่พูดพร่ำก็เดินดุ่มๆ เข้าไปภายในจวนทันที เขาเป็นชายชู้แล้วอย่างไร…มีผู้ใดรู้งั้นหรือ พอนึกถึงใบหน้าของนาง..เขาก็ระบายยิ้มจางๆ ออกมา เสียงร้องครวญครางปานใจจะขาดของชายหญิงดังสนั่นลั่นจวนไม่ว่าเหล่าสาวใช้ลานซักล้างหลังจวนย่อมได้ยินทั้งสิ้น การกระทำเช่นนั้นนับว่าไม่เกียรติภรรยสเอกเลยแม้แต่น้อย สาวใช้ภายในเรือนที่คอยปรนนิบัติชุนฟางชินต่างพากันมองด้วยสายตาเวทนาและสงสารไม่น้อย นายหญิงช่างใจแข็งจริงๆ สามีกล้าแต่งสตรีอื่นข้ามหน้าข้ามตาไม่พอมิหนำซ้ำยังกล้าเสพสมมีความสุขในที่โจ่งแจ้งอีก! ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ต้องเจ็บใจทั้งสิ้น แต่ทว่าชุนฟางชินในยามนี่นั้นเอาแต่นอนหลับเสมือนกลับไม่ได้นอนมานานหลายวันไม่ยินดีหรือทุกข์ร้อนใจทั้งสิ้น “นายหญิงเจ้าขา..จะปล่อยให้นายท่านมำเช่นนี้จริงๆ หรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกายผู้หนึ่งของชุนฟางชินเอ่ยขึ้น นางปวดใจแทนอีกฝ่ายจริงๆ น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยงัวเงีย “หยุดถามได้แล้วมารดาจะนอน” หากบุรุษผู้นั้นอยากจะทำอันใดหรืออยากจะร่วมรักกับสตรีอีกสักกี่คนก็ทำไปเถอะ นางหาได้สนใจแล้ว..ยามนี้แม้แต่ตอนที่ชุนฟางชินปิดเปลือกตาลงก็พลันเอาแต่นึกถึงเอ็นอวบและใบหน้าหื่นกระหายดิบเถื่อนของบุรุษผู้นั้น เกรงว่านางคงต้องไปโรงเตี๊ยมอีกครา “นายหญิงเจ้าค่ะ…” “พอได้แล้ว!” ชุนฟางชินขึ้นเสียงด้วยความรำคาญ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลงกว้างตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย “เผ่ยเหยียนซือมีดีอันใดให้ข้าต้องเสียดายงั้นหรือ” “มีแขกมาพบเจ้าค่ะ” ชุนฟางชินเห็นแล้ว…พอตอนที่นางลืมตาขึ้นก็พลันเห็น เฟิ่งอี้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า นี่เป็นเรื่องจริงหรือแท้จริงแล้วนางกำลังฝันอยู่งั้นรึ นางลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย “เฟิ่งอี้งั้นหรือ” มุมปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “อันใดกันเล่าแม่นาง…เพียงแค่นอนหลับไปหนึ่งตื่นก็หลงลืมข้าไปแล้วงั้นหรือ” ไป๋เฟิ่งอี้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะโน้มกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวเนียน เป็นเขาจริงๆ นี่คือเรื่องจริงหาใช่ความฝัน! ชุนฟางชินสะดุ้งขนลุกซุ่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกระพริบตามองปริบๆ ก่อนจะรีบคว้าแขนอีกฝ่ายให้รีบเดินตามมา “เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี้กัน” “กลัวอันใดหรือ” นางชะงักฝีเท้าก่อนจะเหลียว ใบหน้าระบายยิ้มจางๆ “กลัวอันใดกันเล่า…ข้ากำลังคิดถึงท่านอยู่พอดี” “หึ!” ไป๋เฟิ่งอี้แค่นเสียงออกมา พอมองตาสายตาของนางแล้วเขาพลันเห็นว่าดวงตาคู่งามกำลังจดจ่อแก่นกายของเขาด้วยความหื่ยกระหายอย่างปิดไม่มิด “คิดถึงข้าแน่หรือ” “คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว” นางคิดถึงแก่นกายใหญ่ของเขามากกว่าเป็นเพราะว่านางพูดจายั่วยุโทสะเขาหรือไป๋เฟิ่งอี้เห็นนางอยู่กับบุรุษอื่นถึงได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมาเช่นนี้ตุบ!ชุนฟางชินงอตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จู่ๆ ระหว่างทางมานั้นนางพลันมีปากเสียงกระบุรุษผู้นี้จนถูกอุ้มขึ้นยกพาดบ่ามายังที่ที่หนึ่งก่อนจะถูกโยนเตียงอย่างแรง“โอ๊ย..! มารดามันเถอะ” นางหันมองอีกฝ่ายตาขวาง“เจ็บเป็นด้วยงั้นหรือ”เพ่ย! เหตุใดถึงถามเช่นนี้“ท่านเห็นข้าเป็นตุ๊กตาผ้ารึ”ไป๋เฟิ่งอี้เพียงแค่นเสียงฮึดฮัดออกมาเท่านั้น สายตาคมกริบยามนี้ดูแข็งกร้าวและเจ้าเล่ห์ในคราเดียวกัน เขาพลางถอดอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าของนางชุนฟางชินไม่เข้าใจ “ท่านจะทำอันใดกันแน่เฟิ่งอี้”“แม่นางโง่งมหรือตาบอดมองไม่เห็นงั้นรึ”“เฟิ่งอี้! ข้าถามดีๆ ไฉนถึงได้ยอกย้อนประชดประชัน”ยามนี้ชุนฟางชินงุนงงไม่น้อย บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปแล้ว.…เหตุใดถึงได้ทำตัวเสมือนคนไร้สติเช่นนี้“ปรนเปรอสตรีร่าอย่างไร”!!!!“กรี๊ดดด…ปล่อยข้า!” ชุนฟางชินหวีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ จู่ๆ แขนทั้งสองข้างของนางพลันถูกรวบขึ้นเหนือหังก่อนจะถูกพันธะด้วยเศษผ้าชุนฟาง
ชุนฟางชินหาได้รู้สึกกระด้างปากหรือเขินอายใดๆ ทั้งสิ้น ยามนี้นั้นนางหื่นกระหายจนเกินกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นดวงตาคมกริบขยายใหญ่โตขึ้นด้วยความตกใจและตื่นเต้น มุมปากหนาโค้งยกขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้ม เกรงว่าเขาคงไม่ได้หูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปกระมัง“เช่นนั้นรีบขึ้นมาควบขี่มันเถอะ”ไป๋เฟิ่งอี้หาได้ชักช้ารีรอให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์เขาพลางล้มตัวนอนลงเตียงที่ว่างข้างๆ ทั้งยังจับแก่นกายชักรูดให้ตื่นตัวแข็งทื่อพร้อมให้นางได้นั่งทาบทับ ดวงใจพลางเต้นกระหน่ำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ“ใจร้อนนัก” น้ำเสียงหวานบ่นอุบอิบ“จะให้ข้าชักช้าได้อย่างไรหากถูกจับได้เล่า”เหอะ! กับผีน่ะ!ในตอนที่นางกำลังสุขสมร่วมรักสวาทสวมหมวดเขียวให้เผ่ยเยียนซืออยู่นั้น..คนผู้นั้นก็คงกำลังร่วมรักสุขสมกับสตรีอีกคนเช่นนั้นชุนฟางชินหัวเราะร่อออกมา นางค่อยๆ ขยับขึ้นคร่อม ดวงตาคู่งามหวานเยิ้มจ้องสบตาอีกฝ่าย “อ๊าา..อาส์..อ๊า!” น้ำเสียงหงานครางแหบพร่าเพียงแค่เอ็นอวบสัมผัสถูกไถรู้สวาทนางก็พลันรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง“ซี๊ดดส์.!” ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอดอดกลั้น เขาอยากจะกดสะโพกนางลงแล้วกระแทกเด้งสวนขึ้นไปสุดโคนจริงๆ ลมหายใจพลันหอบถี่ขึ้น
ปั่กๆๆ ปั่ก! ปั่ก!!ตั่บๆๆ! ตั่บ!“ซี๊ดส์..ส์ อาาา”“อื้อ! เฟิ่งอี้! อ๊าาา..ข้าเสียว”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นสนั่นพร้อมกับเสียงร้องครวญครางของบุรุษและสตรี ไป๋เฟิ่งอี้ออกแรงโหมสะโพกกระแทกใส่สตรีใต้ร่างไม่ยั้งตามห้วงอารมณ์หื่นกระหายที่พุ่งทะยานขึ้นสูงเรื่อยๆดีเหลือเกิน!เขารู้สึกดีไม่น้อย!แม้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเขาจะร่วมากสวาทกับนางอยู่หลาย ชั่วยามจนถึงรุ่งสางของวันใหม่แล้วอย่างไรกันทว่าไป๋เฟิ่งอี้กับรู้สึกหื่นกระหายต้องการนางอยู่ดีเรือนร่างอรชรของนางสั่นคลอนตามแรกงกนะแทกกระทั้นหน้าอกอวบอิ่มพลันกระเพื่อมสั่นไหว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน “เฟิ่งอี้อ๊าา..! อร๊างงส์ๆ!”ภายในช่องท้องของนางคับแน่นจนต้องจุกและต้องหดเกร็ง ลมหายมจพลันหอบถี่ปั่กกกๆๆ! ปั่ก!ปลั่กกกๆๆๆ!ไป๋เฟิ่งอี้โหมออกแรงกระแทกไม่ยั้งเสมือนกลานเป็นคนไร้สติไปแล้ว “อ่าา..ส์ ผ่อนคลายเสีย”ปั่กก!ๆๆๆตั่บบ!!!“อื้มมม! จะให้ข้าอ๊าาม! ผ่อนคลายอย่างไรอ๊ะ!”ฝ่ามือหนายึดสะโพกนางเอาไว้แน่นพลันออกแรงกระแทกถี่ๆ ด้วยความหื่นกระหายและไปราคะในกายที่ลุกโชน ยิ่งได้ยินน้ำเสียงหวานครางกระเส่าเขาก็เพิ่มแรงกระแทกใส่รูสวาทเน้นๆ ลึ
ยามนี้จวนสกุลเผ่ยตาลปัตรวุ่นวายไม่น้อย เกรงว่าไม่ช้าก็แล้วคงได้เกิดเรื่องใหญ่แน่นายท่านเผ่ยเอาแต่คลุกตัวอยู่ในเรือนกับฮูหยินรองทั้งวี่ทั้งวันหากไม่ถึงมื้ออาหารก็ไม่เห็นโผล่หน้าออกมา มิหนำซ้ำเสียงร้องครวญครางกระเส่าที่ดังออกมาทุกชั่วยามนั้นแม่แต่พวกนางที่เป็นเพียงบ่าวไพร่ยังปวดใจแทนนายหญิงไม่น้อยนี่อันใดกัน…แต่งภรรยารองยังไม่ทันพ้นวันก็พลันลุ่มหลงอีกฝ่ายจนไม่เห็นหัวภรรยาเอกแล้วทว่ายิ่งกว่านั้นวันก่อนนายท่านเผ่ยแต่งสตรีเข้าจวนและพอมาวันนี้นั้นกลับมีบุรุษรูปร่างกำยำใบหน้าหล่อเหล่ามาหานายหญิงถึงจวน!นับว่าไป๋เฟิ่งอี้เป็นบุรุษผู้แรกที่บุกมาหานางถึงจวนและยิ่งกว่านั้นคือชุนฟางชินเป็นฝ่ายจับจูงพาเข้าเรือนพร้อมทั้งปิดประตูลงกลอนหนาแน่นท่ามกลางเสียงซุบซินของบ่าวรับใช่ที่พบเห็นแล้วไฉนชุนฟางชินต้องสนใจด้วยเล่า…นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋เฟิ่งอี้เห็นใบหน้าคนงามขัดๆ ดวงตากลมโตดูแข็งกร้าวและโอนอ่อนในคราเดียว คิ้วโกงดุจลำไผ่…ริมฝีปากอวบอิ่มคล้ายผลอิงเถาน้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น “จ้องมองใบหน้าข้านานปานนี้มีอันใดผิดแปลกงั้นหรือ”ไป๋เฟิ่งอี้ได้สติ เขาค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าคล้ายกับกำลังไล่ต้อนอีกฝ่ายอยู่ ม
นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าคนงามพลันระบายยิ้มกว้างออกมา น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างเย้ายวน “เช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าค่ะ”สองมือของนางประคองกอบกุมเอ็นอวบเอาไว้แทบไม่รอบจากนั้นจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้ปากครอบงำส่วนหัวเห็ดบานแดงกำเอาไว้ ส่วนรอยแยกพลันมีน้ำเมือกสีใสปริ่มออกมาด้วยความเสียวซ่าน “อือมม..อื้ม!”อ่า…เอ็นอวบของเขาใหญ่เกินไปแล้วจ๊วบบ…จ๊าบบ! จ๊วบ!เผ่ยเหยียนซือสะดุ้งพลางกัดฟันกรอดจนขึ้นเป็นสันกราม“อาา…ส์” น้ำเสียงทุ้มคำรามแหบพร่าภายในโพลงปากของนางทั้งร้อนและอุ่นไม่น้อยสายตาคมกริบเพ่งมองการกระทำของนางด้วยความหื่นกระหาย เลือดในกายพลันแล่นพล่าน “อาา…กลืนกินมันเข้าไปทั้งลำเถอะเมียข้า”นางกำลังจงใจทำให้เขาคลั่งงั้นรึยิ่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มครางกระเส่าปานใจจะขาดเช่นนี้ นางยิ่งได้ใจอยากจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้สยบใต้เรือนร่างถิงเฟยดูดเลียส่วนหัวอย่างเมามัน สองมือของนางประคองชักรูดแท่นเอ็นอวบขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะ “อ่ก! อื้มม”“อ่าาส์…ซี๊ดด”ยามนี้เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านไม่น้อยจนต้องเด้งสะโพกกระแทกสวนขึ้นไป“ซี๊ดดส์..อาถิงเฟย”เผ่ยเหยียนซือรู้สึกเสียวซ่านจนขนลุกซู่ สา
ผู้ใดจะคิดเล่าว่าบุรุษผู้นั้นจะไม่รู้นักเหน็ดเหนื่อยเคี่ยวกรำนางอยู่หลายชั่วยามทำราวกับว่าอดยากไม่ได้แสบสมกับสตรีมาเนินนานเป็นปีกว่าชุนฟางชินจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็พลันถึงยามรุ่งสางของวันใหม่แล้วทว่านางปิดเปลือกตานอนหลับไปไม่ทันไรก็พลันมีสาวใช้เคาะประตูเข้ามาปลุกเสียแล้วใบหน้าคนงามยามนี้จึงดูหม่นหมองและบูดบึ้งอยู่มาก ชุนฟางชินอ้าปากห้าวครั้งแล้วครั้งเล่า “รีบๆ หน่อยเสียมารดาอยากจะกลับไปนอนแล้ว”“พี่หญิง…”เผ่ยเหยียนซือถอนหายฮึดฮัดออกมา “คิดว่าเจ้าเหนื่อยเป็นแต่เพียงผู้เดียวรึไร ไม่เห็นหรือว่านางต้องตื่นแต่เช้าตรู่กว่าเจ้าเมื่อมายกน้ำชาให้”พอบุรุษผู้นี้พูดออกหน้าให้เช่นนี้ถิงเฟยพลันแอบลอบยิ้มกรุ่มกนิ่มอย่างสะใจเหอะ! นางหรือจะอยากเป็นภรรยารอง!รอก่อนเถิด..อีกไม่นานนางจะเขี่ยสตรีผู้นี้ออกไปให้พ้นมางถิงเฟยปรายสายตามองเผ่ยเหยียนซืออย่างอ่อนโยน “ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าเข้าใจได้ว่าพี่หญิงรงเหน็ดเหนื่อยอีกทั้งยังไม่ยอมรับชา” น้ำเสียงหวานที่เอ่ยออกมาล้วนเต็มไปด้วยความน้อยใจทั้งสิ้นมีหรือเขาจะสู้มารยาหญิงได้!นางกำลังดูบทละครที่โรงน้ำชาอยู่งั้นหรือ…ชุนฟางชินกลอกสายตาไปมองด้วยความเบ