LOGINนายหัวหิรัญ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายหัวสิบทิศเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งและฟาร์มหอยมุกที่หมู่เกาะรังนก เกาะส่วนตัวที่เป็นทรัพย์มรดกตกทอดมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ชายหนุ่มในวัย 45 เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งในขณะนั้นหิรัญมีอายุได้ 25 ปี ส่วนนรี หญิงสาวผู้โชคดีแต่อายุสั้น เธอแต่งงานกับนายหัวหิรัญในวัย 23 ชายหนุ่มหญิงสาวแต่งงานอยู่กินกันได้เพียงไม่นาน นรีก็ต้องลาจากด้วยอุบัติเหตุทางน้ำ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น หิรัญได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือหญิงสาวอันเป็นที่รักของตนได้เลย เขาได้แต่ยืนมองเธอจมหายไปในทะเลต่อหน้าต่อตา
เย็นวันนั้นนายหัวหิรัญพาเมียรักไปดูฟาร์มหอยมุกด้วยกัน แต่ตอนขากลับเกิดมีพายุฝนฟ้ากระหน่ำรุนแรงทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนมีเกลียวคลื่นขนาดยักษ์ซัดเข้ามายังลำเรือขนาดกลางของนายหัวหิรัญครั้งแล้วครั้งเล่าจนโคลงเคลงไปหมด นรีพลัดตกลงไปในทะเล เกลียวคลื่นหมุนวนดูดกลืนร่างกายของเธอจมหายไปยังก้นบึ้งในพริบตา หิรัญพยายามตามหาเมื่อพายุฝนฟ้าสงบลงแต่ก็ไม่พบศพของเธอเลย ไม่รู้ว่าเกลียวคลื่นจะดูดกลืนและซัดจนร่างกายของเธอลอยไปติดอยู่แห่งหนใด หรืออาจจะกลายเป็นอาหารของฉลามเพชฌฆาตแห่งสายน้ำไปเสียแล้วก็ไม่รู้ หิรัญจมอยู่กับความโศกเศร้า เขากลายเป็นคนสำมะเลเทเมา ผมเผ้ารกรุงรัง งานการไม่เป็นอันทำอยู่นานเป็นปีกว่าอาการจะดีขึ้น นายหัวสิบทิศผู้เป็นพ่อทนดูไม่ได้พยายามความหาสาวงามมาประเคนให้แต่เจ้าลูกชายก็ไม่เอา ชายหนุ่มไล่ตะเพิดหญิงสาวที่พยายามเข้ามายั่วยวนเขาจนหนีหางจุกตูดกันแทบทุกราย ชายหนุ่มผู้ตกพุ่มม่ายในวัย 25 ปี เขาใช้เวลารักษาหัวใจเป็นแรมปีกว่าจะคิดได้ว่า คนเรามีพบก็ย่อมมีวันจากลา หลังจากที่ทำตัวเสเพลอยู่เป็นนานสองนาน เขาก็กลับมาเป็นนายหัวหิรัญคนเดิม ที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน วันๆ เขาทำแต่งานแทบจะไม่ได้ดูแลตัวเอง จนตอนนี้หน้าตาเขาคล้ายกับโจรเข้าไปทุกที 20 ปี ต่อมา...นายหัวหิรัญในวัยสี่สิบห้า กำลังจะมีเมียอีกครั้ง เพราะนี่คือคำสั่งของพ่อ ถ้าไม่ยอมทำตาม คุณพ่อบังเกิดเกล้าขู่จะยกเกาะรังนกให้การกุศล เรื่องอะไรจะยอมให้พ่อยกมรดกทั้งหมดให้การกุศล ในเมื่อเขาเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดกว่าจะสร้างทุกอย่างมาได้จวบจนทุกวันนี้ "นี่หนูยิ้ม ลูกสาวเพื่อนพ่อเอง อายุ 18 ปี พ่อหมายตาเด็กคนนี้เอาไว้ หวังว่าแกคงพอใจ" รูปถ่ายของยุวดาถูกส่งมาทางแอปพลิเคชั่นไลน์โดยปรีชาชัยเพื่อนรุ่นน้องที่ผูกสมัครรักใคร่กันเหมือนคลานตามกันมา ผู้เป็นบิดาส่งโทรศัพท์มือถือให้หิรัญ ลูกชายรับโทรศัพท์เครื่องบางเปิดดูรูปที่ถูกส่งมาทางไลน์ พลันทำให้หัวคิ้วกระตุก "นี่คุณพ่อหาคุกมาให้ผมเหรอครับ เด็กมาก! ผมคงแก่คราวพ่อเขาได้กระมัง" "ไม่หรอก เพื่อนพ่อก็อายุน้อยกว่าพ่อแค่ไม่กี่ปี แต่มันเพิ่งมีหนูยิ้มเอาตอนแต่งงานครั้งที่สอง ภรรยาคนแรกของอาปรีชาเขาเป็นหมัน อาหญิงเขาอายุสั้นเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ อาปรีชาก็เลยแต่งงานใหม่แล้วก็ได้หนูยิ้มมานี่แหละ ทำไม..หรือแกไม่ชอบ น้องอายุครบ 18 ปีแล้วนะ เมื่อวานนี้อะ" "เมื่อวานนี้!" หิรัญสวนกลับบิดาทันทีด้วยท่าทีตกใจ "แต่ถึงยังไงผมก็อายุเยอะกว่าเธอมากอยู่ดี หลายปีเลยนะครับ ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะอะ" "ไม่เหมาะยังไงวะ นี่ตาหิน..สาวๆ สมัยนี้เขาชอบทรงแดดดี๊กันทั้งนั้น บางทีหนูยิ้มเขาก็อาจจะชอบสไตล์นั้นบ้างก็ได้ ผู้ชายทรงลุงเท่จะตาย" "แหมคุณพ่อวัยรุ่นจังเลยนะครับ รู้จักทรงแดดดี๊ ทรงลุงกับเขาด้วย แล้วถ้าเธอไม่ชอบผมล่ะครับ พ่อจะให้ผมทำยังไง" "ก็ใช้เสน่ห์ของแกมัดใจเธอสิวะ ทำไม..หรือห่างหายเรื่องอย่างว่ามานาน ทำไม่เป็นแล้วเหรอวะ" "โอ้โห..คุณพ่อครับ เล่นสบประมาทกันอย่างนี้ เดี๋ยวก็เสกหลานให้เลี้ยงหัวปีท้ายปีเสียเลย" สิบทิศตบโต๊ะฉาดใหญ่ ลุกขึ้นชี้หน้าลูกชาย "อย่าลืมว่าแกพูดอะไรไว้กับฉัน ทำให้ได้แล้วกัน พรุ่งนี้ไปรับตัวหนูยิ้มมาเลย" "พรุ่งนี้!" "เออดิ!" "มันเร็วเกินไปไหมครับคุณพ่อ เด็กนั่นเพิ่งจะสิบแปดเมื่อวาน พรุ่งนี้คุณพ่อก็ใช้ให้ผมไปรับ" "ก็เออสิวะ..แกจะได้ปั๊มหลานให้ฉันไวไวยังไงล่ะ ฉันอยากจะอุ้มหลานก่อนตายนะเว้ยไอ้หิน" "แล้วคุณพ่อแน่ใจได้ยังไงกันครับ ว่าคุณพ่อจะได้อุ้มหลาน บางทีเด็กนั่นอาจจะเป็นหมันก็ได้" "ไม่มีทางที่หนูยิ้มจะมีหลานให้ฉันไม่ได้ เพราะฉันสั่งให้ปรีชาชัยพาหนูยิ้มไปตรวจร่างกายมาแล้วเธอปกติดีทุกอย่าง" "นายหัวสิบทิศรอบคอบเสมอเลยนะครับ" "แกทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกันนะ มรดกทั้งหมดฉันจะยกให้แก ทันทีที่แกพาหนูยิ้มมาที่นี่ไอ้หิน" หิรัญยกยิ้มมุมปาก นายหัวสิบทิศเจ้าเล่ห์ชะมัด นี่อยากอุ้มหลานจนกระทั่งต้องใช้ไม้นี้เลยเหรอเนี่ย เขาไม่อยากจะเชื่อ หิรัญเลื่อนโทรศัพท์ส่งคืนให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีนิ่งๆ แต่แอบอมยิ้ม คนเป็นพ่อถึงกับฉีกยิ้มออกมานิดๆ อย่างรู้สึกพึงพอใจ ถ้าลูกชายเขาไม่เต็มใจคงจะอาละวาดโวยวายจนบ้านแตกกันไปข้าง นี่แสดงว่าหิรัญพอใจในตัวหนูยิ้มสินะ เขากระตุกยิ้มมุมปากมองดูรูปถ่ายของว่าที่สะใภ้ "ดูๆ ไป หนูยิ้มก็มีส่วนคล้ายนรีอยู่บ้าง สเปคไอ้หินสินะ" สิบทิศฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้ง ด้านหิรัญ เขากลับมายังห้องนอนด้วยท่าทีสบาย สบาย แต่ในหัวใจรู้สึกวูบไหวแปลกๆ ยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาไม่คิดจะมีรักครั้งใหม่ เพราะไม่เคยลืมนรีเลยแม้สักวัน ภาพใบหน้าหวานของหญิงสาวที่แสนน่ารักยังอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอมา บางครั้งเขาก็ยังฝันถึงเธอ ภาพเหตุการณ์ในอดีตบนเรือ ทำให้เขาสะดุ้งตื่นกลางดึกอยู่เสมอ เขามักจะฝันถึงเธอเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีไข้ แต่ตอนนี้เขาเข้มแข็งแล้ว เธอเสียชีวิตจากเขาไปนานแล้ว เขาจะเก็บเธอไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ ส่วนเขาก็คงต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีเธอ ภาพเด็กสาวใบหน้าเปื้อนยิ้มหน้าตาจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยแว็บเข้ามาในห้วงคำนึงของหิรัญ เขายอมรับว่าเธอน่ารัก เป็นสาวสะพรั่ง เด็กสาวในวัยเจริญพันธุ์ ดูสดใส อ่อนวัย ไร้เดียงสา หล่อนมีดวงตากลมโตสุกใส คล้ายนรี หิรัญเผลอยิ้ม นั่นคือเรื่องราวในหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วก่อนที่เขาจะเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมารับเด็กดื้อที่เถียงคำไม่ตกฟาก ตะโกนด่าเขาปาวๆ อย่างไม่กลัวเกรง จนเขาต้องปราบพยศแม่เด็กตัวแสบโดยการจูบตั้งสองครั้งสองคราว กว่าแม่ตัวดีจะหยุดแผลงฤทธิ์ เห็นตัวเล็กๆ เขาไม่คาดคิดว่าหล่อนจะสำแดงฤทธิ์ได้เยอะขนาดนี้ เขาจะปราบแม่เด็กคนนี้ให้อยู่หมัดเลยคอยดู นายหัวหนุ่มคิดในใจ สตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบ้านของปรีชาชัยทันทีหิรัญลากตัวหญิงสาวลงมาแบบถูลู่ถูกัง ยุวดาทำหน้างอง้ำ สะบัดข้อมือบางที่ถูกกอบกำไว้ด้วยมือแข็งแกร่ง"นี่คุณปล่อยแขนฉันนะ ฉันเจ็บรู้บ้างสิคะ"หิรัญไม่ฟังยังคงลากแขนของเธอต่อไป "ชะเอม..เดี๋ยวเธอขึ้นไปยกกระเป๋าของคุณยิ้มแล้วตามฉันไปที่รถนะ""ค่ะคุณหิน"หิรัญสั่งแม่บ้านเสร็จก็หันไปพูดกับคนเป็นพ่อต่อ"คุณพ่อครับ..ผมกลับเกาะก่อนนะครับ ถ้าพัสดุมาส่งคุณพ่อไม่ต้องรับปล่อยให้พัสดุตีกลับไปเลย""ได้" นายหัวสิบทิศรับคำลูกชาย "แกอย่าทำอะไรน้องรุนแรงนะ น้องยังเด็กมาก""ครับ"เขาตอบแค่นั้น จับกระชับข้อมือบางลากมายังรถกระบะแล้วยัดตัวเธอเข้าไป ชะเอมยกกระเป๋าเดินทางของยุวดามาให้ เขาก็จับยัดมันเข้าไปในรถดังโครม"นี่! เบาๆ หน่อยสิคุณ ทำแบบนี้กระเป๋าฉันก็พังหมดกันพอดี""ผมไม่สน พังก็ซื้อใหม่"หญิงสาวหันขวับไปทางด้านซ้ายจ้องมองใบหน้าคมคร้ามแล้วแหวใส่"คุณรู้รึเปล่าว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไหร่""เท่าไหร่""หึ! ฉันก็ลืมไปคนบ้านนอกอย่างคุณคงอ่านยี่ห้อไม่ออกสินะ" หญิงสาวกรอกตาเบะปากอย่างน
หิรัญออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะเขาต้องนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะรังนก เพื่อดูแลฟาร์มหอยมุกและบ่อเลี้ยงกุ้งในกระชัง ทำให้เขาต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าในทุกๆ วัน กว่าจะถึงเกาะก็ใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อถึงเกาะรังนก นายหัวหนุ่มก็เริ่มสำรวจบ่อเลี้ยงกุ้ง เขาสุ่มวัดอุณหภูมิของน้ำ จับกุ้งมาวัดขนาดและชั่งน้ำหนัก มีคนงานกำลังให้อาหาร เขาจึงไปดูหอยมุกต่อ หอยมุกที่เขาเลี้ยงคือหอยมุกซีกและหอยมุกจาน หอยมุกจานเป็นหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่สามารถผลิตหอยมุกได้เม็ดใหญ่และสีสวย ส่วนหอยมุกซีกคือหอยปีกนกจะมีขนาดเล็กกว่าหอยมุกจานและมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สั้นกว่าหอยมุกซีกใช้เวลาเลี้ยงแค่หนึ่งปีกว่าในขณะที่หอยมุกจานต้องเลี้ยงกันถึงสองปีถึงจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตนายหัวหิรัญเลี้ยงหอยมุกในกระชัง การดูแลไม่ต่างจากหอยมุกแบบธรรมชาติสักเท่าไหร่เพื่อให้ได้ไข่มุกที่มีความสวยงามจึงจำเป็นต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด หอยมุกจะต้องเลี้ยงในระดับความลึกที่เหมาะสม อุณหภูมิและอาหารเป็นปัจจัยสำคัญ หอยมุกจะโตและให้สีสวยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แหล่งน้ำต้องเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สงบ ไร้คลื่น
นายหัวสิบทิศเดินมาที่โต๊ะอาหารแต่กลับว่างเปล่า ไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้น มีเพียงอาหารหลายอย่างที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว และสาวใช้ที่ยืนรอตักข้าวให้เจ้านาย"ชะเอม..เธอขึ้นไปตามคุณหนูให้ลงมาทานข้าว ป่านนี้แกคงตื่นแล้วล่ะ""ได้ค่ะนายหัว""แล้วนี่ไอ้หินไปไหน ได้เวลากินข้าวแล้วยังไม่มา""หนูไม่ทราบค่ะ" สาวใช้รูปร่างสันทัดตอบกลับนายใหญ่ของบ้านด้วยถ้อยคำฉะฉาน"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเลยไปดูคุณหินที่ห้องด้วยนะว่าอยู่หรือเปล่า บางทีเขาอาจจะนอนพัก""ได้ค่ะนายหัว"สาวใช้ตอบรับยังไม่ทันจะก้าวไปจากห้องรับประทานอาหารเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหิรัญก็ดังขึ้นพร้อมเสียงทัก"ผมมาแล้วครับ แล้วนี่คุณหนูขี้วีนยังไม่ลงมาอีกเหรอครับ""ยัง..นี่พ่อกำลังจะให้ชะเอมขึ้นไปตามให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ป่านนี้หนูยิ้มคงตื่นแล้วกระมัง""ครับ"นายหัวสิบทิศและนายหัวหิรัญนั่งรอยุวดาให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ไม่อยากเสียมารยาททานก่อน สักพักชะเอมสาวใช้ก็เดินกลับมาบอกกับเจ้านายทั้งสองว่ายุวดาจะไม่ลงมา แต่จะให้ยกอาหารขึ้นไปให้เธอทานข้างบนหิรัญกัดกรามจนเป็นสันนูนด้วยความไม่พอใจ นึกว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหน ถึงได้ไม่ลงมาทานอาหารต้องให้คนยก
หลายชั่วโมงต่อมา..รถกระบะสี่ประตูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ มุ่งหน้าลงใต้ หิรัญไม่แวะที่ไหนเพราะเติมน้ำมันมาเต็มถัง ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังนั่งทำหน้างอง้ำอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันสักคำ ชายหนุ่มทำหน้าที่พลขับได้เป็นอย่างดี เขาหรี่แอร์ลงเมื่อมองเห็นอาการขนลุกซู่ของยัยเด็กเอาแต่ใจ ชายหนุ่มขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงประจวบคีรีขันธ์ ภาพใบหน้าหวานในยามหลับก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาอีก เขาคิดพลันกระตุกยิ้มตรงมุมปาก หิรัญพาเธอมาถึงบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ เขาดับเครื่องยนต์ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะหันไปมองสาวสวยที่นั่งหลับคอพับศีรษะเอนพิงพนักไปทางด้านซ้าย หิรัญถึงกับถอนหายใจ"นี่หลับหรือตาย"เขาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที อันที่จริงยุวดาตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนตัวโตในขณะนี้ ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวแอบแย้มเปลือกตาเปิดออกนิดๆ เพื่อดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ปรากฏว่าเธอกำลังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลสาบหิรัญเดินอาดๆ มาทางคนหลับ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงฉับเมื่อ
นายหัวหิรัญ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายหัวสิบทิศเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งและฟาร์มหอยมุกที่หมู่เกาะรังนก เกาะส่วนตัวที่เป็นทรัพย์มรดกตกทอดมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ชายหนุ่มในวัย 45 เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งในขณะนั้นหิรัญมีอายุได้ 25 ปี ส่วนนรี หญิงสาวผู้โชคดีแต่อายุสั้น เธอแต่งงานกับนายหัวหิรัญในวัย 23 ชายหนุ่มหญิงสาวแต่งงานอยู่กินกันได้เพียงไม่นาน นรีก็ต้องลาจากด้วยอุบัติเหตุทางน้ำ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น หิรัญได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือหญิงสาวอันเป็นที่รักของตนได้เลย เขาได้แต่ยืนมองเธอจมหายไปในทะเลต่อหน้าต่อตา เย็นวันนั้นนายหัวหิรัญพาเมียรักไปดูฟาร์มหอยมุกด้วยกัน แต่ตอนขากลับเกิดมีพายุฝนฟ้ากระหน่ำรุนแรงทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนมีเกลียวคลื่นขนาดยักษ์ซัดเข้ามายังลำเรือขนาดกลางของนายหัวหิรัญครั้งแล้วครั้งเล่าจนโคลงเคลงไปหมด นรีพลัดตกลงไปในทะเล เกลียวคลื่นหมุนวนดูดกลืนร่างกายของเธอจมหายไปยังก้นบึ้งในพริบตา หิรัญพยายามตามหาเมื่อพายุฝนฟ้าสงบลงแต่ก็ไม่พบศพของเธอเลย ไม่รู้ว่าเกลียวคลื่นจะดูดกลืนและซัดจนร่างกายของเธอลอยไปติดอยู่แห่งหนใด หรืออาจจะกลายเป็นอาหารของฉลามเพชฌฆา
"ไม่!..หนูยิ้มจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หนูยิ้มจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับพ่อกับแม่ที่นี่ได้ยินไหมคะ"เสียงกรีดร้องของยุวดาแสลงหูหิรัญยิ่งนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังเอามือล้วงกระเป๋าไว้ทั้งสองข้าง ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งปากอย่างคนอารมณ์เสีย เขาอยากจะไปกระชากตัวแม่ตัวดีมาตีก้นสักสองสามทีเสียจริง รูปร่างหน้าตาก็ดูน่ารักจิ้มลิ้มแต่เจ้าหล่อนฤทธิ์เยอะไม่ใช่เล่น แถมยังเป็นจอมอาละวาดโวยวาย ดูก็รู้ว่าคงเป็นเด็กเอาแต่ใจ คงจะถูกพ่อแม่ตามใจเสียจนเคยตัว ก็เจ้าหล่อนมันลูกคุณหนูนี่นะ เขาก็ลืมไป"หนูยิ้มหยุดโวยวายได้แล้วนะ ไม่อายคุณหิรัญเขาบ้างเหรอ ความเป็นผู้ดีมีบ้างไหม"บิดาทนความเอาแต่ใจของบุตรสาวไม่ได้จึงขึ้นเสียงใส่หล่อน แต่แทนที่หญิงสาวจะสลด กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างคนลำพองตน"จะอายทำไมคะ กะอีแค่ผู้ชายจนๆ หน้าตาก็คงอัปลักษณ์สุดๆ ถึงได้ไว้หนวดไว้เคราอย่างกับโจร" เธอแหวใส่คนที่ความอดทนเริ่มจะเป็นศูนย์"ก็ผู้ชายจนๆ ทรงโจรคนนี้นี่แหละที่กำลังจะเป็นผัวคุณ..คุณยุวดา"เพียงเท่านั้น เสียงกรีดร้องสิบแปดหลอดก็ถูกส่งออกมาพร้อมเท้าที่ขยับย่ำไปมากระทืบเต้นเร่าๆ"เอ้า! กรี๊ดเข้าไป เพิ่งรู้ว่าคนที่พ่อให้ผมมารับกลับไปเป็นบ้า""อ๊าย!!!







