Mag-log inหลายชั่วโมงต่อมา..รถกระบะสี่ประตูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ มุ่งหน้าลงใต้ หิรัญไม่แวะที่ไหนเพราะเติมน้ำมันมาเต็มถัง ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังนั่งทำหน้างอง้ำอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันสักคำ ชายหนุ่มทำหน้าที่พลขับได้เป็นอย่างดี เขาหรี่แอร์ลงเมื่อมองเห็นอาการขนลุกซู่ของยัยเด็กเอาแต่ใจ ชายหนุ่มขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงประจวบคีรีขันธ์ ภาพใบหน้าหวานในยามหลับก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาอีก เขาคิดพลันกระตุกยิ้มตรงมุมปาก หิรัญพาเธอมาถึงบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ เขาดับเครื่องยนต์ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะหันไปมองสาวสวยที่นั่งหลับคอพับศีรษะเอนพิงพนักไปทางด้านซ้าย หิรัญถึงกับถอนหายใจ
"นี่หลับหรือตาย" เขาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที อันที่จริงยุวดาตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนตัวโตในขณะนี้ ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวแอบแย้มเปลือกตาเปิดออกนิดๆ เพื่อดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ปรากฏว่าเธอกำลังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลสาบ หิรัญเดินอาดๆ มาทางคนหลับ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงฉับเมื่อเห็นว่าหิรัญกำลังเปิดประตูออก เขาปลดเข็มขัดนิรภัยที่รัดลำตัวของหญิงสาวออกให้อย่างเบาที่สุด ยุวดาถึงกับลมหายใจสะดุดเมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่มกำลังเป่ารดบริเวณใบหูของเธอ เธอเผลอสูดดมกลิ่นน้ำหอมของเขาเข้าเต็มปอด มันหอมและเป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุณหนูสุดหรูแบรนด์เนมทั้งตัวอย่างเธอย่อมรู้ดี ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ยี่ห้ออะไร เพราะเพื่อนๆ ผู้ชายของเธอชอบใช้ยี่ห้อนี้เหมือนกัน dior sauvage รสนิยมดีเหมือนกันแฮ่ะ ไอ้หนวดเถื่อน เธอคิดในใจ แกล้งทำเป็นหลับต่อไปทั้งที่หัวใจเต้นโครมคราม หญิงสาวพยายามควบคุมอาการไม่ให้เขารู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว หิรัญช้อนอุ้มร่างเล็กที่คิดว่าหลับสนิทเดินเข้าไปในบ้าน เพราะไม่อยากปลุกให้ลุกขึ้นมาอาละวาดอีกครั้ง "น้องหลับน่ะครับ" หิรัญรีบตอบคำถามกับแววตาคาดคั้นของผู้เป็นบิดา "งั้นก็พาน้องไปนอนที่ห้องก่อนนะ แกคงจะเหนื่อยน่ะ" "ครับ" เสียงทุ้มต่ำของใครคนนั้นลอยเข้าโสตประสาทการได้ยินของยุวดา (เสียงแบบนี้คงเป็นคุณลุงสินะ พ่อกับแม่บอกว่าคุณลุงสิบทิศเป็นคนใจดี..ท่าจะจริง) เธอนอนนิ่งๆ ไม่ไหวติง ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย ปล่อยให้หิรัญอุ้มเธอไปจนถึงห้องนอน ทันทีที่แผ่นหลังเนียนปะทะกับที่นอนหิรัญก็เดินออกจากห้องไปแต่ไม่ลืมที่กดล็อคประตูให้ทันที หญิงสาวเองก็เบิกตาโพลงขึ้นทันทีเช่นกัน เมื่อแผ่นหลังทรงพลังพ้นขอบประตูออกไป "ฮ้าย!!.." เธอถอนหายใจหนักๆ หิรัญรูปร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่ายักษ์ปักหลั่น เขาไว้ผมยาวรวบเป็นหางม้าเอาไว้ด้านหลัง แถมไว้หนวดเครารุงรังยังกับโจร นิสัยทั้งดิบ ทั้งเถื่อน ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด นี่เธอต้องกลายเป็นเมียไอ้หนวดนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ไม่! ไม่มีทาง มันจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่ยอม หล่อนตั้งใจเอาไว้แบบนั้น ถ้าเธอต้องกลายเป็นเมียไอ้หนวดนั่นเธอยอมตาย บ้านเธอถูกฟ้องล้มละลายเมื่อสองเดือนที่แล้วเพราะบิดาจ่ายเช็คเด้งตลอด ขาดสภาพคล่อง ทางการเงินอย่างรุนแรง ไม่มีเงินทุนมาหมุนเวียนในบริษัท จนพนักงานรวมตัวกันฟ้องเจ้าของกิจการ เพราะไม่ได้รับเงินเดือนหลายเดือนติดต่อกัน คู่ค้าก็ยื่นฟ้องเช่นกันทำให้บริษัทถูกฟ้องล้มละลาย จนกระทั่งพ่อของนายหัวหิรัญยื่นมือเข้าไปช่วย พ่อเธอถึงมีเงินจ่ายให้พนักงาน และบริษัทก็ไม่ต้องปิดกิจการไม่ต้องถูกฟ้องล้มละลาย แต่สิ่งที่ครอบครัวเธอต้องจ่ายคือตัวเธอ เธอต้องมาเป็นเมียของนายหัวหิรัญ ผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นที่อายุห่างกันตั้งยี่สิบเจ็ดปี เรื่องที่ทางบ้านเป็นหนี้สาเหตุมาจากเธอ เธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ใช้จ่ายเงินเกินตัว สุรุ่ยสุร่าย กระเป๋าแบรนด์เนมออกใหม่ เธอจะต้องมีไว้ทุกสี เรื่องเทรนด์การแต่งตัวไม่ต้องพูดถึง เธอไม่เคยใส่เสื้อผ้าซ้ำ รองเท้าและเครื่องสำอางค์ จะต้องเปลี่ยนใหม่เป็นประจำทุกๆ สัปดาห์ อาหารที่กินก็ต้องหรูหราระดับภัตตาคารมาเอง ครอบครัวพาเธอไปเที่ยวต่างประเทศอยู่เสมอทุกๆ ปิดเทอมใหญ่ เธอใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่อายุได้เพียงสิบห้าปีเท่านั้น บิดามารดาไม่เคยห้ามปราม ต่อว่า กลับเฟ้นหามาประเคนให้เธอด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะอยากได้อะไรก็ตาม ราคาที่ต้องจ่ายจะแพงแค่ไหนก็ช่าง ขอแค่เธออยากได้พ่อกับแม่ก็จัดให้ตลอด ทั้งสองท่านรักและตามใจเธอตลอด ไม่เคยตักเตือนอะไรเธอเลย ปล่อยตามใจเธอทุกอย่าง จนกระทั่งครอบครัวล้มละลาย ไม่มีเงินใช้ แถมเป็นหนี้นับร้อยล้านบาท เธอต้องรับผิดชอบสินะ แต่เธอคือคุณหนูยิ้มซะอย่างมีหรือจะยอมเสียเปรียบง่ายๆ แม่จะอาละวาดให้บ้านลุกเป็นไฟเลยคอยดูหิรัญลากตัวหญิงสาวลงมาแบบถูลู่ถูกัง ยุวดาทำหน้างอง้ำ สะบัดข้อมือบางที่ถูกกอบกำไว้ด้วยมือแข็งแกร่ง"นี่คุณปล่อยแขนฉันนะ ฉันเจ็บรู้บ้างสิคะ"หิรัญไม่ฟังยังคงลากแขนของเธอต่อไป "ชะเอม..เดี๋ยวเธอขึ้นไปยกกระเป๋าของคุณยิ้มแล้วตามฉันไปที่รถนะ""ค่ะคุณหิน"หิรัญสั่งแม่บ้านเสร็จก็หันไปพูดกับคนเป็นพ่อต่อ"คุณพ่อครับ..ผมกลับเกาะก่อนนะครับ ถ้าพัสดุมาส่งคุณพ่อไม่ต้องรับปล่อยให้พัสดุตีกลับไปเลย""ได้" นายหัวสิบทิศรับคำลูกชาย "แกอย่าทำอะไรน้องรุนแรงนะ น้องยังเด็กมาก""ครับ"เขาตอบแค่นั้น จับกระชับข้อมือบางลากมายังรถกระบะแล้วยัดตัวเธอเข้าไป ชะเอมยกกระเป๋าเดินทางของยุวดามาให้ เขาก็จับยัดมันเข้าไปในรถดังโครม"นี่! เบาๆ หน่อยสิคุณ ทำแบบนี้กระเป๋าฉันก็พังหมดกันพอดี""ผมไม่สน พังก็ซื้อใหม่"หญิงสาวหันขวับไปทางด้านซ้ายจ้องมองใบหน้าคมคร้ามแล้วแหวใส่"คุณรู้รึเปล่าว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไหร่""เท่าไหร่""หึ! ฉันก็ลืมไปคนบ้านนอกอย่างคุณคงอ่านยี่ห้อไม่ออกสินะ" หญิงสาวกรอกตาเบะปากอย่างน
หิรัญออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะเขาต้องนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะรังนก เพื่อดูแลฟาร์มหอยมุกและบ่อเลี้ยงกุ้งในกระชัง ทำให้เขาต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าในทุกๆ วัน กว่าจะถึงเกาะก็ใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อถึงเกาะรังนก นายหัวหนุ่มก็เริ่มสำรวจบ่อเลี้ยงกุ้ง เขาสุ่มวัดอุณหภูมิของน้ำ จับกุ้งมาวัดขนาดและชั่งน้ำหนัก มีคนงานกำลังให้อาหาร เขาจึงไปดูหอยมุกต่อ หอยมุกที่เขาเลี้ยงคือหอยมุกซีกและหอยมุกจาน หอยมุกจานเป็นหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่สามารถผลิตหอยมุกได้เม็ดใหญ่และสีสวย ส่วนหอยมุกซีกคือหอยปีกนกจะมีขนาดเล็กกว่าหอยมุกจานและมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สั้นกว่าหอยมุกซีกใช้เวลาเลี้ยงแค่หนึ่งปีกว่าในขณะที่หอยมุกจานต้องเลี้ยงกันถึงสองปีถึงจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตนายหัวหิรัญเลี้ยงหอยมุกในกระชัง การดูแลไม่ต่างจากหอยมุกแบบธรรมชาติสักเท่าไหร่เพื่อให้ได้ไข่มุกที่มีความสวยงามจึงจำเป็นต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด หอยมุกจะต้องเลี้ยงในระดับความลึกที่เหมาะสม อุณหภูมิและอาหารเป็นปัจจัยสำคัญ หอยมุกจะโตและให้สีสวยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แหล่งน้ำต้องเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สงบ ไร้คลื่น
นายหัวสิบทิศเดินมาที่โต๊ะอาหารแต่กลับว่างเปล่า ไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้น มีเพียงอาหารหลายอย่างที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว และสาวใช้ที่ยืนรอตักข้าวให้เจ้านาย"ชะเอม..เธอขึ้นไปตามคุณหนูให้ลงมาทานข้าว ป่านนี้แกคงตื่นแล้วล่ะ""ได้ค่ะนายหัว""แล้วนี่ไอ้หินไปไหน ได้เวลากินข้าวแล้วยังไม่มา""หนูไม่ทราบค่ะ" สาวใช้รูปร่างสันทัดตอบกลับนายใหญ่ของบ้านด้วยถ้อยคำฉะฉาน"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเลยไปดูคุณหินที่ห้องด้วยนะว่าอยู่หรือเปล่า บางทีเขาอาจจะนอนพัก""ได้ค่ะนายหัว"สาวใช้ตอบรับยังไม่ทันจะก้าวไปจากห้องรับประทานอาหารเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหิรัญก็ดังขึ้นพร้อมเสียงทัก"ผมมาแล้วครับ แล้วนี่คุณหนูขี้วีนยังไม่ลงมาอีกเหรอครับ""ยัง..นี่พ่อกำลังจะให้ชะเอมขึ้นไปตามให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ป่านนี้หนูยิ้มคงตื่นแล้วกระมัง""ครับ"นายหัวสิบทิศและนายหัวหิรัญนั่งรอยุวดาให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ไม่อยากเสียมารยาททานก่อน สักพักชะเอมสาวใช้ก็เดินกลับมาบอกกับเจ้านายทั้งสองว่ายุวดาจะไม่ลงมา แต่จะให้ยกอาหารขึ้นไปให้เธอทานข้างบนหิรัญกัดกรามจนเป็นสันนูนด้วยความไม่พอใจ นึกว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหน ถึงได้ไม่ลงมาทานอาหารต้องให้คนยก
หลายชั่วโมงต่อมา..รถกระบะสี่ประตูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ มุ่งหน้าลงใต้ หิรัญไม่แวะที่ไหนเพราะเติมน้ำมันมาเต็มถัง ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังนั่งทำหน้างอง้ำอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันสักคำ ชายหนุ่มทำหน้าที่พลขับได้เป็นอย่างดี เขาหรี่แอร์ลงเมื่อมองเห็นอาการขนลุกซู่ของยัยเด็กเอาแต่ใจ ชายหนุ่มขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงประจวบคีรีขันธ์ ภาพใบหน้าหวานในยามหลับก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาอีก เขาคิดพลันกระตุกยิ้มตรงมุมปาก หิรัญพาเธอมาถึงบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ เขาดับเครื่องยนต์ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะหันไปมองสาวสวยที่นั่งหลับคอพับศีรษะเอนพิงพนักไปทางด้านซ้าย หิรัญถึงกับถอนหายใจ"นี่หลับหรือตาย"เขาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที อันที่จริงยุวดาตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนตัวโตในขณะนี้ ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวแอบแย้มเปลือกตาเปิดออกนิดๆ เพื่อดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ปรากฏว่าเธอกำลังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลสาบหิรัญเดินอาดๆ มาทางคนหลับ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงฉับเมื่อ
นายหัวหิรัญ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายหัวสิบทิศเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งและฟาร์มหอยมุกที่หมู่เกาะรังนก เกาะส่วนตัวที่เป็นทรัพย์มรดกตกทอดมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ชายหนุ่มในวัย 45 เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งในขณะนั้นหิรัญมีอายุได้ 25 ปี ส่วนนรี หญิงสาวผู้โชคดีแต่อายุสั้น เธอแต่งงานกับนายหัวหิรัญในวัย 23 ชายหนุ่มหญิงสาวแต่งงานอยู่กินกันได้เพียงไม่นาน นรีก็ต้องลาจากด้วยอุบัติเหตุทางน้ำ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น หิรัญได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือหญิงสาวอันเป็นที่รักของตนได้เลย เขาได้แต่ยืนมองเธอจมหายไปในทะเลต่อหน้าต่อตา เย็นวันนั้นนายหัวหิรัญพาเมียรักไปดูฟาร์มหอยมุกด้วยกัน แต่ตอนขากลับเกิดมีพายุฝนฟ้ากระหน่ำรุนแรงทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนมีเกลียวคลื่นขนาดยักษ์ซัดเข้ามายังลำเรือขนาดกลางของนายหัวหิรัญครั้งแล้วครั้งเล่าจนโคลงเคลงไปหมด นรีพลัดตกลงไปในทะเล เกลียวคลื่นหมุนวนดูดกลืนร่างกายของเธอจมหายไปยังก้นบึ้งในพริบตา หิรัญพยายามตามหาเมื่อพายุฝนฟ้าสงบลงแต่ก็ไม่พบศพของเธอเลย ไม่รู้ว่าเกลียวคลื่นจะดูดกลืนและซัดจนร่างกายของเธอลอยไปติดอยู่แห่งหนใด หรืออาจจะกลายเป็นอาหารของฉลามเพชฌฆา
"ไม่!..หนูยิ้มจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หนูยิ้มจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับพ่อกับแม่ที่นี่ได้ยินไหมคะ"เสียงกรีดร้องของยุวดาแสลงหูหิรัญยิ่งนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังเอามือล้วงกระเป๋าไว้ทั้งสองข้าง ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งปากอย่างคนอารมณ์เสีย เขาอยากจะไปกระชากตัวแม่ตัวดีมาตีก้นสักสองสามทีเสียจริง รูปร่างหน้าตาก็ดูน่ารักจิ้มลิ้มแต่เจ้าหล่อนฤทธิ์เยอะไม่ใช่เล่น แถมยังเป็นจอมอาละวาดโวยวาย ดูก็รู้ว่าคงเป็นเด็กเอาแต่ใจ คงจะถูกพ่อแม่ตามใจเสียจนเคยตัว ก็เจ้าหล่อนมันลูกคุณหนูนี่นะ เขาก็ลืมไป"หนูยิ้มหยุดโวยวายได้แล้วนะ ไม่อายคุณหิรัญเขาบ้างเหรอ ความเป็นผู้ดีมีบ้างไหม"บิดาทนความเอาแต่ใจของบุตรสาวไม่ได้จึงขึ้นเสียงใส่หล่อน แต่แทนที่หญิงสาวจะสลด กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างคนลำพองตน"จะอายทำไมคะ กะอีแค่ผู้ชายจนๆ หน้าตาก็คงอัปลักษณ์สุดๆ ถึงได้ไว้หนวดไว้เคราอย่างกับโจร" เธอแหวใส่คนที่ความอดทนเริ่มจะเป็นศูนย์"ก็ผู้ชายจนๆ ทรงโจรคนนี้นี่แหละที่กำลังจะเป็นผัวคุณ..คุณยุวดา"เพียงเท่านั้น เสียงกรีดร้องสิบแปดหลอดก็ถูกส่งออกมาพร้อมเท้าที่ขยับย่ำไปมากระทืบเต้นเร่าๆ"เอ้า! กรี๊ดเข้าไป เพิ่งรู้ว่าคนที่พ่อให้ผมมารับกลับไปเป็นบ้า""อ๊าย!!!







