ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน
พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึงไม่อยากจะกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง เพราะอยู่ในร่างของกัสหน้าตาของกัสจัดว่าดีทีเดียว ขาวใสแบ้วออกแนวน่ารักเหมือนกับเขา ยิวจึงพอใจในร่างนี้ประมาณหนึ่ง
ในระหว่างที่ยิวกำลังคิดและค้นหาความเป็นตัวตนของกัส เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ยิวลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะออกไปเปิดประตู ซึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าเขาก็จำได้ทันที เพราะนั่นคือพีคคนที่ทำให้เขาและเขื่อนทะเลาะกัน
“พี่พีคมานี่มีอะไรเหรอ”ยิวจำชื่อนี้ได้แม่น อีกอย่างหนึ่งคือรูปร่างหน้าตาตรงสเปคเขาอย่างมาก ขาวตี๋ใสล่ำสูงจมูกโด่งเป็นสัน
“พี่มาเขื่อนกับกัสนั่นแหละ พี่เขาไปข้างในได้ไหม”
“ได้ พี่พีคเข้ามาสิ”ยิวเดินนำหน้าพีคเข้ามายังห้อง
“ทำไมห้องว่างจังเขื่อนไม่อยู่เหรอ”พีคมีสีหน้าที่สงสัย
“ไปแล้ว ไปอยู่ที่อื่น”
“เอ่อ คือ พี่ขอโทษด้วยนะที่ทำให้น้องสองคนผิดใจกัน”พีคมีสีหน้าที่ซึมลง
“ไม่ต้องขอโทษหรอกพี่พีค มันไม่ใช่ความผิดพี่พีคแต่เป็นความผิดของเขื่อนเอง ที่หึงหวงเกินเหตุไม่มีเหตุผลใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง”
“กัสเปลื่ยนไปเยอะ เหมือนอย่างไม่ใช่กัสเลย”พีคพูดขึ้นเพราะเห็นท่าทางสีหน้าของกัสที่มีความไม่พอใจเขื่อน
“ทำไมเหรอ ยิว เอ่อ กัสก็เป็นแบบนี้ของกัสอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่กัสเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่น เป็นคนอ่อนแออ่อนไหวพอสมควร แต่นี่พี่ดูแล้วกัสเข้มแข็งมากไม่เห็นเสียใจอะไรเลย”
“ทำไมต้องเสียใจ ชีวิตเป็นของเราใครอยากคบเราก็คบไม่อยากคบก็ไป ใครแคร์ใครสนอยู่ได้ตัวเองไม่ได้ขอข้าวใครกิน”
“กัส”พีครู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมากกับความคิดของกัสที่เปลื่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างที่เขาไม่ได้สัมผัสก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“แล้วกัสรู้ไหมว่าเขื่อนไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยิว เฮ้ย กัส ไม่ได้คุยกับเขื่อนเลยตั้งแต่เขามาขนของออกไป แล้วทำไมพี่พีคไม่โทรหาเขื่อนล่ะ”
“พี่โทรแล้วแต่เขื่อนไม่รับ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขื่อนไปอยู่ที่ไหน กัสพอจะรู้บ้างไหมว่าเขื่อนมีเพื่อนอยู่ที่ไหนบ้าง”
“กัสไม่รู้หรอก และไม่อยากจะรู้ด้วย”
“ถ้ากัสคิดแบบนั้นแล้วจะเล่นละครเวทีด้วยกันได้อย่างไร เพราะเราสามคนต้องเล่นละครเวทีด้วยกัน”
ยิวรู้สึกว้าวุ่นสับสนทันทีเมื่อรู้ว่าต้องเล่นละคร ซึ่งเขาคิดว่าไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนความวิตกกังวลนั้นไม่เผยให้เห็นบนหน้าของเขา
“กัสเล่นละครด้วยเหรอ”
“กัสเป็นอะไรหรือว่าหัวกระแทกพื้นเมื่อวาน ทำให้สมองของกัสนั้นได้รับผลกระทบหรือเปล่า”พีคมีสีหน้าที่วิตกกังวลยิ่งนัก
“เปล่า”รอยยิ้มของยิวเจี่ยนอย่างมากด้วยความรู้สึกหวั่นวิตก ถ้าได้ไปเล่นละครจริงๆ
“ถ้ากัสไม่เป็นอะไรแล้ว พี่ไม่รบกวนแล้วนะ เดี่ยวพี่จะไปตามเขื่อนก่อน ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงที่ไหน”
ร่างของพีคหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ส่วนยิวนั้นรีบค้นหาบทละครทันที่ ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเล่นละครแต่เรื่องอ่านยิวค่อนข้างพึงพอใจอย่างมาก อ่านหนังสือหรืออะไรก็แล้วแต่ยิวสามารถอ่านได้เป็นวัน โดยที่ไม่ต้องกินข้าวดื่มน้ำแม้แต่น้อย
ยิวค้นหาบทละครอยู่พักเขาก็เจอ พอเห็นชื่อเรื่อง ฉันหรือเธอที่เผลอใจเขารีบอ่านทันที ที่ยิวรีบอ่านไม่ใช่เพราะอยากจำบทละคร แต่เขาต้องการรู้ว่าบทละครเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง ยิวจึงอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงตอนที่ทั้งสามทะเลาะกัน จนตัวต้นเหตุคือมีนบอกว่าให้อยู่กันสามคน
ความคิดของยิวแล่นมาทันที นี่หรือเปล่าที่ทำให้ทั้งกัสและเขื่อนมีปัญหากัน อีกอย่างหนึ่งบทละครนี้ช่างละหม้ายคล้ายชีวิตของร่างที่เขามาอาศัยอยู่ ยิวอยากรู้ความเป็นมาของละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร เขาจึงตั้งใจอ่านต่อไปอย่างใจจดจ่อจนจบเรื่องภายในเวลาอันสั้น เมื่อเขาอาจเจ็บยิวรู้สึกชอบบทละครเรื่องนี้ เขาจึงคิดว่าจะลองเล่นดู และอีกอย่างหนึ่งในเมื่อเขามาอยู่ในร่างของกัสแล้ว ยิวจึงคิดต้องทำตัวให้เป็นกัสให้ได้
เช้านี้ยิวรีบไปเรียนแต่เช้า เพราะเขาอยากไปคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามที่นิยายเรื่องที่เขาอ่านก่อนหลงเข้าไปในนั้น เมื่อไปถึงเขาก็มองไปรอบๆซึ่งยิวไม่รู้จักใครแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกันไม่มีใครมาทักทายเขาเลย ซึ่งยิวก็พอเข้าใจได้ว่าเขามาจากนิยายและคนเขียนไม่ได้เจาะลึกชีวิตในยุคปัจจุบันของเขามากนัก ยิวจึงรู้สึกโกรธและเคืองคนเขียนพอสมควร แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก ยิวจึงเดินกลับไปยังคณะนิเทศศาสตร์ที่เขาเรียนอยู่
“กัสทำไมวันนี้มาแต่เช้า เมื่อกี้เราเห็นนายไปคณะเทคโนโลยสารสนเทศ หรือว่าไปดูใครเอย”เป็กเพื่อนนักศึกษาคณะเดียวกันทักขึ้น ซึ่งนิสัยของกัสเงียบๆจึงไม่ค่อยสนิทกับใครอย่างจริงใจ ซึ่งผิดกับยิวที่เป็นคนที่ไม่เรื่องมากและเข้ากับคนง่าย เขาจึงทักทายตอบกลับอย่างยินดี เพราะนั่นจะทำให้เขามีเพื่อนคนแรกในโลกแห่งความจริง และเป็นถือว่าเป็นหล่อคนหนึ่งทีเดียว ซึงหน้าตาคมเข้ม หุ่นบึกซึ่งไม่ใช่เสปคยิวเท่าไร แต่สามารถที่จะคบเป็นเพื่อนได้อย่างแน่นอน
“ไปเหล่ๆดูนิดหน่อยเผื่อมีใครน่าสนใจ”ยิวเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเล็กน้อย
“จริงเหรอเนี่ย”เป็กอ้าปากค้างเล็กน้อยพร้อมกับใช้สมองครุ่นคิดว่าเกิดอะไรกับกัสกันแน่
ยิวเห็นอาการของเป็กเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมเป็กถึงมืออาการแปลกๆในเมื่อเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ
“เป็นอะไรทำไมทำสีหน้าอย่างนั้น”
“เอ่อ เราไม่คาดคิดว่านายจะแรงขนาดนี้”
“แรงอะไรกัน เราก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“เห้ย นายนี่เป็นหนักเหมือนกันนะ เราชื่อเป็กนายจำไม่ได้เลยเหรอ แต่ก็จริงเพราะนายไม่ค่อยสนิทกับเราอยู่แล้วนี่ เลิกเรียนนายก็ไปซ้อมละครแล้วไปกับเพื่อนนายที่เรียนเอกภาษาอังกฤษ”
“เขื่อนน่ะเหรอเลิกคบกันแล้ว ว่าแต่หลังเลิกเรียนนายว่างไหม”
“ทำไมจะชวนเราไปไหน”
“ไปเป็นเพื่อนเราดูซ้อมละครหน่อย”
“อือ ก็ได้”
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ”
“เอ่อเราไปเรียนกันเถอะ”เป็กเอ่ยขึ้น
ยิวรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เพื่อนใหม่ เพราะตัวของเขาเองยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ถ้ามีเพื่อนสักคนถือเป็นการดีพอสมควร ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็กเป็นคนอย่างไรนิสัยดีหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักให้คบค้าสมาคม แต่เมื่อเขาคิดย้อนไปก็อดเสียดายเขื่อนไม่ได้ ถ้าไม่ทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเขาคงจะรู้สึกดีมากกว่านี้พอสมควร
เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนยิวได้พาเขื่อนมายังชมรมละคร ซึ่งยิวอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าชมรมละครอยู่ที่แห่งนี้ เพียงยิวก้าวเท้าเข้าไปในห้องชมรมละคร ทุกสายตาได้จ้องมองมายังเขาเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะเขื่อนกับพีคมองเขาแท่บไม่กะพริบตา
“เป็กนายรออยู่ตรงนี้นะ”เมื่อยิวพูดจบเป็กก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆห้อง
ถึงแม้ยิวจะมีความมั่นพอสมควรแต่เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ เมื่อต้องปะทะสายตาทุกคู่ที่จ้องเขาอย่างใคร่สงสัยในการมาครั้งนี้
“เอาล่ะเมื่อน้องกัสมาแล้วก็ช้อมเลยก็แล้วกัน”จีน่าผู้กำกับสาวเอ่ยขึ้นพร้อมอธิบายบทที่จะซ้อมในวันนี้
ยิวได้รับรู้บทที่จะซ้อมละครวันนี้คร่าวๆ เขารู้สึกสะใจเพราะเป็นฉากเลิฟซีน สาเหตุที่เขาสะใจเพราะยิวรู้สึกหมั่นไส้เขื่อนที่มีท่าทีรังเกียจ แล้วด่าทอเขาเมื่อสองวันก่อนยิ่งเมื่อวานทำเหมือนเขาไร้ตัวตน ยิ่งสร้างความเกลียดชังตัวเขื่อนอย่างมาก
“วันนี้จะเป็นบทที่ต่อจากหลายวันก่อนนะ คือ ก่อนหน้านี้ทั้งนิวและวินรู้แล้วว่ามีนนั้นเป็นแฟนคนเดียวกัน และในวันนี้จะต่อจากฉากก่อนหน้านี้นะ คือ พี่จะให้นิวนั่งอยู่บนเก้าอี้และทำท่านิ่งๆครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับวิน ส่วนมีนก็จะเข้ามาจากด้านหลังและโอบกอดนิวไว้ พร้อมกับจูบแก้มซ้ายขวาทั้งสองข้างนะ แล้วในช่วงเวลาเดียวกันวินก็เข้ามาเห็น ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ กัส พีค เขื่อน โอเคไหม”
“โอเคครับพี่”ยิวพูดขึ้นก่อนทันที
อาการที่แสดงออกมาตอนนี้ทำให้พีคและเขื่อนรวมทั้งจีนกับเกรซอดแปลกใจไม่ได้ แต่ในเมื่อเวลามีน้อย จีน่าผู้กำกับสาวก็ให้เริ่มแสดงได้ทันที
นิวนั่งเหม่อลอยคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงแม้เขาจะรู้สึกเสียดายที่ต้องผิดใจกับเพื่อนรักอย่างวิน แต่ถ้าให้เขาเลือก สิ่งที่นิวต้องการคือมีนมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นนิวจึงสามารถที่จะตัดวินออกจากชีวิตได้ ถ้าวินไม่ยอมคบแบบสามคนอย่างที่มีนเสนอ
ในช่วงเวลานี้ยิวนั่งนึ่งๆทำอารมณ์ตามบทที่ได้รับ แต่แล้วเขาก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อพีคเข้ามากอดเขา ยิวแกล้งหันหน้าไปมองพีคแล้วแสร้งหลบตาต่ำชะม้อยตามอง ยิ่งพีคพรหมจูบทั่วใบหน้าซ้ายขวายิวแสดงท่าทีขัดขืนเล็กน้อย
“อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวใครมาเห็นเขา”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราเป็นแฟนกันแล้วนิครับ”
“เมื่อวานยังมีปัญหากับวินอยู่เลย วันนี้มาทำลุ่มล่ามเดี๋ยววินเข้ามาเห็นจะมีปัญหาอีกหรอก”
“ไม่หรอกก็เราตกลงกันแล้วนี่อยู่กันสามคนก็ได้”
“เราไม่มีปัญหา แต่วินยังไม่ตกลงด้วยนิจะให้ทำอย่างไง”
“ปล่อยไปก่อนก็ได้”
“ทำอะไรกันนะ”เขื่อนได้เข้ามาในบทของวิน
พีคแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยแล้วคลายกอดยิวทันที ส่วนยิวเอียงคอพอประมาณเบิกตามองเขื่อนอย่างเย้ยหยันในท่าที
“นายนี่มันจริงๆเลยหน้าด้าน”เขื่อนเอ่ยขึ้น
“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะวิน”สายตากับคำพูดของยิวนั้นไปคนละทาง
“มันจะไม่ใช่ได้อย่างไงเห็นคาตาอย่างนี้ นายก็รู้ว่าเรานั้นชอบมีนมาก”
“เรารู้ว่านายชอบ แต่เราไม่รู้ว่าแฟนนายเป็นมีนนี่”
“ในเมื่อนายรู้แล้วทำไมไม่สละให้เราล่ะ”
“แล้วทำไมนายไม่สละให้เราล่ะ นายก็รู้เหมือนกันรู้ว่าเรารักมีน”
“แต่เรารู้จักก่อน”
“หลังก่อนไม่สำคัญหรอก นายไม่ต้องพูดอะไรเยอะ ในเมื่อมีนบอกแล้วนี่ว่าเราอยู่กันแบบสามคนก็ได้ ทำไมนายไม่ยอมล่ะเรากับนายก็เป็นเพื่อนกัน การที่เรามีแฟนคนเดียวกันมันก็ไม่น่าใช่สิ่งที่เลวร้ายนินะ”
“มันความคิดนายแต่ไม่ใช่ความคิดเรา มันเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้หรอก”
“ถ้านายรับไม่ได้ก็ยกมีนให้เราก็ได้”
“ไม่มีทาง”สีหน้าของเขื่อนขมึงตึง
“ถ้างั้นก็ให้มันคาอยู่อย่างนี้แหละ”สายตาของยิวพร้อมฟาดมาก
“คัท”เจนนี่ผู้กำกับสาวสั่งหยุดทันที
วันนี้การแสดงของยิวไม่เป็นที่พึงพอใจต่อเจนนี่อย่างมาก เมื่อสั่งคัทเจนนี่จึงให้แยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือเพียงยิวที่เจนนี่ให้พบเป็นการส่วนตัว เพื่อปรับในส่วนของการแสดงวันนี้ ซึ่งผิดแผกแตกต่างจากวันก่อนๆหน้านี้อย่างมาก
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว