กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล
“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ
“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”
“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”
“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”
“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ
“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันที
กัสครุ่นคิดและกลัดกลุ้มพร้อมเสียใจอย่างหนักกับพล็อตนิยายที่ทำให้สลับซับซ้อน ซึ่งส่งผลต่อเขาที่ต้องเผชิญหน้าอันตรายที่กำลังจะก่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อจากนี้
“ทำไมนายถึงไม่เป็นองค์ชายเอง เอาข้ามาเป็นทำไมข้าไม่มีฝีมือในการสู้รบเลยแม้แต่น้อย” กัสลองเชิงเสือเข้มว่าจะเป็นแบบในนิยายที่เขาร่างไว้หรือไม่
“มึงก็ดูสารรูปกูสิว่าเหมือนองค์ชายไหม และอีกอย่างถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกูจะไม่ได้เดือดร้อน”
“นายเห็นแก่ตัวอย่างมาก เอาเราเป็นโล่กำบัง แต่ก็ช่างมันเถอะ สมมุติถ้าแผนการยึดเมืองคืนได้สำเร็จนายจะทำอย่างไง”
“มึงก็เป็นราชาต่อไป ส่วนกูก็เป็นแม่ทัพอย่างที่กูต้องการ”
“มันมีประโยชน์อะไรเสี่ยงอันตรายจะตาย”
“กูไม่เหมาะที่จะมาบริหารบ้านเมือง มีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรด กูรำคาญถ้ากูได้เป็นฆ่าทิ้งหมดนั่นแหละ”
“นายเป็นแค่แม่ทัพอำนาจมันไม่เยอะเหมือนเป็นราชาไม่ใช่เหรอ”
“ทำไม มึงคิดจะทรยศกูเหรอ เตือนไว้ก่อนนะไอ้โสภณถ้ามึงคิดหักหลังกู มึงจะตายอย่างทรมาน ที่กูเอามึงเป็นตัวแทนกูก็เพราะว่าเผื่อมีใครคิดจะฆ่าองค์ชายเมธี มึงจะได้ตายแทนกูไง แต่มึงไม่ต้องกลัวไปหรอกมีกูอยู่ข้างๆ คอยปกป้องมึง” เสือเข้มหัวเราะดังลั่น
“นายมันบ้าเห็นแก่ตัว แต่เอาเถอะเราจะรักษาชีวิตของเราไว้ นายก็เหมือนกันระวังตัวด้วยนะ อย่าคิดว่าเป็นแม่ทัพแล้วจะรอดปลอดภัย นายอาจจะปลอดภัยจากศึกใน แต่ศึกนอกหวังว่านายคงเอาตัวรอดได้อยู่นะ”
“ปากดีนะมึงไอ้โสภณ”
น้ำเสียงห้วนและดุดันของเสือเข้มทำให้กัสเงียบลง เพราะเขายังจำเหตุการณ์ในค่ายกองโจรที่เสือเข้มพาเขาเข้าไปได้ไม่เคยลืม ทั้งที่ๆ กัสเขียนให้ดูเบาๆ แต่พอเข้าไปมันช่างน่ากลัวกว่าในสิ่งที่เขาคิดและเขียนไว้อีก
“เงียบทำไมเมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย” เสือเข้มเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมบีบปากของกัสไว้แน่น
“มึงจำไว้นะไอ้โสภณมึงคือองค์ชายเมธี ที่ถูกพวกกบฏชิงบัลลังก์ไป มันฆ่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ของกูอย่างโหดเหื้ยม เพื่อบัลลังก์นี้เมื่อพวกมันทำสำเร็จ แม้แต่ชีวิตเด็กแรกเกิดไม่ถึงวันมันยังไม่ยอมปล่อย”
“เราเข้าใจนายข้อนี้ดี” กัสได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาเป็นคนเขียนโครงร่างไว้เอง
“แต่เขาว่าเวรกรรมมีจริงมันทำกับครอบครัวกู ซึ่งตอนนี้มันก็ได้รับผลกรรมแล้วตายอย่างทรมาน”
กัสเข้าใจดีทุกอย่างเพราะเขาเป็นคนร่างมากับมือในความคิดตัวเอง ยิ่งเขาคิดย้อนกลับไปรู้สึกผิดที่ตัวเองเขียนตัวละครในนิยายโหดร้ายเกินไป ซึ่งเมื่อมีเหตุบังเอิญให้เขาได้เข้ามาอยู่ในนิยาย จึงทำให้กัสต้องตกอยู่ในความขัดแย้ง เขาจึงคิดย้อนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีเสือเข้ม
ในเมืองเมรีนครซึ่งเป็นชื่อเดิมของเมืองเมฆาบุรี เมืองแห่งนี้มีราชาเมษาเป็นผู้ครองนคร และมีราชินีสีวิกาผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยกันบริหารบ้านเมืองจนแพรขยายอำนาจไปไกล โดยมีอนุชาเมฆาเป็นมือขวาที่ออกรบทำศึกทุกคราได้รับชัยชนะตลอดทุกครั้ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อนชาเมฆาไม่ค่อยพอพระทัยราชาเมษา ที่อยู่บนบัลลังก์ทั้งที่ไม่ได้ออกศึกทำสงครามแต่อย่างใด
ด้วยความเป็นพระเชษฐาราชาเมษาจึงไว้ใจอนุชาเมฆาทุกอย่าง ถึงแม้ราชินีสีวิกาจะทัดทานก็ไม่เป็นผล ราชาเมษามอบอำนาจทางทหารให้อนุชาเมฆาได้ดูแลเพียงผู้เดียว ซี่งตรงนี้ทำให้อนุชาเมฆาเหิมเกริมอยากครองบัลลังก์ จึงวางแผนชั่วร้ายก่อกบฏขึ้นในวันครบกำหนดคลอดของราชินีสีวิกา
ในห้องบรรทมของราชินีสีวิกาที่กำลังร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะเด็กในครรภ์กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้า โดยมีราชาเมษาเฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ห่างกาย
“เบ่งอีกนิดนะเพคะพระมเหสี” หมอตำแยเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึก
เสียงนี้ราชาเมษาได้ยินจากภายในออกมาสู่ภายนอก เขารู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และหวังว่าจะได้พระโอรสสมใจ ในระหว่างที่กำลังลุ้นระทึกอยู่นั้น ราชาเมษาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่นอกตำหนัก เขาหวั่นผวากลัวเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่เขาคาดคิดไว้ก็เป็นความจริงขึ้นมา เมื่อมีทหารคนสนิทเข้ามาในตำหนักอย่างหอบเหนื่อยและตื่นกลัว
“เอ็งมีอะไรรึวิ่งหน้าตื่นมาทีเดียว”
“คือพระอนุชาเมฆาก่อกบฏพระเจ้าค่ะ” ทหารนายนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“ไม่จริงอนุชาข้าไม่ทำอย่างงั้นหรอก” ราชาเมษาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ทหารนายนั้นพูดจริงq
“จริงพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะทูลเท็จทำไมพระเจ้าค่ะ”
ราชาเมษาครุ่นคิดและฉุกคิดได้ว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ที่อนุชาเมฆา เขาจึงประหวั่นกลัวเกรงและต้องรีบหาทางแก้ไข
“ตามข้ามา” ราชาเมฆารีบออกจากตำหนักของราชินีสีวิกาทันที
ห้องบรรทมยังเต็มไปด้วยเสียงวีดร้องของราชินีสีวิกาอย่างเจ็บปวด ในท้ายที่สุดเสียงความเจ็บปวดก็ได้จางหายไป เหลือเพียงแต่เสียงหอบเหนื่อยแต่ยังมีลมหายใจและสติอยู่เหมือนเดิม และอีกเสียงหนึ่งนั่นคือเสียงเด็กร้อง
“พระมเหสีพระองค์ได้พระโอรสเพคะ”
“ดีมาก แล้วเสด็จพี่ไปไหนทำไมไม่เข้ามาหาข้า” เสียงมเหสีสีวิกาโรยรินเหมือนคนกำลังจะสิ้นใจ
“เอ่อ อ่า” สาลินีนางกำนัลคู่ใจอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“เอ็งมีอะไรบอกข้ามาตรงๆ”
“คืออนุชาเมฆาก่อกบฏเพคะ”
“ข้าว่าแล้ว” ราชินีสีวิกาไม่ได้มีความรู้สึกแปลกใจอะไรเลยแม้แต่ เพราะเธอคิดไว้อยู่แล้ว แต่ไม่สามารถที่จะล้างความคิดความไว้ใจของราชาเมษาได้
“เราจะทำอย่างไงกันต่อดีเพคะ” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้น
“ลูกของมาริสาคลอดหรือยัง” ราชินีสีวิกาเอ่ยขึ้นถึงพระชายาของอนุชาเมฆา ที่ครบกำหนดคลอดพร้อมกัน
“เท่าที่รู้กำลังจะคลอดเหมือนกันเพคะ แต่หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าคลอดหรือยัง ถ้าคลอดมันฑนาคงจะพามาที่นี่อย่างแน่นอนเพคะ” สาลินีอดกังวลใจไม่ได้ว่ามันฑนานางกำนัลที่สนิทรุ่นเดียวกันจะพามาสำเร็จหรือไม่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเองเอาลูกข้าไปสลับกับลูกของมาริสา เอาไปตอนนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์”
ราชินีสีวิกาพยายามพยุงตัวลุกขึ้นมองพระโอรสของตัวเอง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกดั่งสายน้ำที่ไหลลงธารา เธอหลับตากลั้นใจความรู้สึกที่ปวดร้าวยิ่งนัก
“เอ็งเอาลูกข้าไปเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชินีสีวิกาล้มตัวลงนอนด้วยความปวดร้าวยวดยิ่งนัก
นางกำนัลสาลินีรีบอุ้มโอรสของราชินีสีวิกาไปสลับเปลื่ยนตัวทันที โดยปล่อยราชินีสีวิกากับหมอตำแยอยู่กันเพียงลำพัง
“ขอบใจเอ็งนะหมอ เอ็งรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวจะได้รับอันตราย”
“เพคะ”
“ข้าเตรียมอัฐไว้ให้เอ็งแล้ว”
“เพคะ”
เมื่อหมอตำแยออกไปจากห้องบรรมทมของราชินีสีวิกาแล้ว ความเศร้าความหวั่นวิตกกลัวได้เข้ามาครอบงำเธออย่างเหลือล้น ใจของเธอลุ้นระทึกว่าต่อจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น แต่เธอก็พร้อมที่จะรับมันไว้เพียงแต่ขอให้โอรสของเธอนั้นปลอดภัย
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว