กัสหยุดนิ่งไปยอมเขียนต่อ เพราะช่วงนี้จิตใจของเขายังว้าวุ่นอยู่มาก กัสจึงหยิบบทละครมาอ่านและทบทวน เพื่อจะได้เล่นให้ดีเป็นที่พึ่งพอใจแกพีค คนที่เขาแอบรักและฝันใฝ่หาอยู่ตลอดเวลาทุกเช้าบ่าย กัสจึงเริ่มอ่านตอนต่อจากเมื่อวานที่ได้ทำการซ้อมกัน
นิวได้ตอบรับคำชวนของมีนไปดูหนังในค่ำคืนนี้ ทีแรกเขาก็ไม่กล้าไปแต่ในเมื่อใจของเขาต้องการจึงไม่ยากที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้ ซึ่งในส่วนตัวของนิวก็ไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไร แต่เมื่อได้ไปดูกับคนที่แอบปลื้มนั้น ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป
เป็นครั้งแรกที่นิวต้องมาดูหนังสยองขวัญในช่วงเวลากลางคืน เขามีความกลัวอยู่บ้างแต่อย่างน้อยยังมีคนข้างกายเป็นชายหนุ่มที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ นิวจึงคลายความหวาดกลัวไปได้พอสมควร
“ปิดหน้าทำไม”มีนเอ่ยถามเมื่อหันมาเห็นวินปิดหน้าเพราะกลัวฉากหวาดเสียว
“กลัวนิดหน่อย”
“อยู่ใกล้ๆผมไม่ต้องกลัวหรอก”
มีนดึงมือของนิวมาจับไว้บนต้นขาของเขา เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและไว้ใจว่าไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้นในช่วงเวลานี้ มืออันใหญ่หยาบเล็กน้อยที่ได้สัมผัสมือเรียวงามอ่อนนุ่ม ทำให้จิตใจของนิวหวานชื่นขึ้นมาอย่างมาก
ช่วงเวลาร่วมสองชั่วโมงนิวไมได้เป็นอันได้ดูหนังแต่อย่างใด เพราะเขารู้สึกหวั่นไหวอย่างเหลือล้น เพราะมือของมีนไม่ได้ปล่อยไปจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนหนังเลิกต่างลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโรงหนัง
“คืนนี้เรารู้สึกผิดมากเลยที่พานายมาดูหนังผี ดูท่าทางนายก็ไม่ชอบด้วยใช่ไหม”
“ไม่ถึงกับไม่ชอบหรอก แต่ก็กลัวบ้างนิดหน่อย”
“เราว่าไม่นิดหน่อยแล้วนะ ถ้าเราไม่จับมือนายไว้คงร้องกรี๊ดลั่นแน่เลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
ด้วยนิสัยของนิวที่นิ่งเฉยถึงแม้เขาจะกลัวมากปานใด แต่ก็แสดงออกมานิดหน่อยแค่นั้น ไม่มีวันที่เขาจะกรี๊ดออกมาอย่างแน่นอน
“เชื่อก็ได้ ดูหนังจบแล้วไปไหนต่อกันดีล่ะ”
“กลับห้องดีไหม”
“ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากไปเที่ยวต่อไหนๆเราก็ออกมากันแล้วน่าจะไปที่อื่นต่อดีไหม”
นิวอยากจะปฏิเสธแต่ก็ไม่สามรถที่จะห้ามใจตัวเองได้ เพราะเขารู้สึกชอบพอมีนอย่างมาก ด้วยนิสัยของมีนเป็นคนช่างเอาอกเอาใจอย่างนี้ นิวจึงหลงอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าได้ออกเดทกับผู้ชาย
“ก็ได้แต่อย่าดึกมากนะ”
“ได้เลย มันต้องอย่างนี้สิ”
“อือ”
“เราไปเที่ยวนั่งฟังเพลงกันดีไหม”
“ดีเหมือนกันจะได้คลายเครียดไปในตัว”
“เครียดเรื่องอะไร มาเที่ยวกับเราเครียดเหรอ”
“ไม่ใช่ อย่าคิดมากสิ”นิวอมยิ้มนิดนึง
“ถ้างั้นก็ดีไปกันเลย”
มีนได้พานิวมายังร้านอาหารที่มีนักร้องมาร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งเมื่อนิวมาถึงเขาก็รู้สึกแปลกตาแปลกใจอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกได้มาเที่ยวสถานที่แบบนี้
“เป็นไงบ้างโอเคไหม”มีนถามในระหว่างสั่งอาหารและเครื่องดื่ม
“ก็ดีนะ”นิวไม่กล้าพูดอะไรเยอะ เพราะทั้งแปลกในสถานที่และยังไม่ได้สนิทกับมีนมากนัก แต่ที่มากับมีนเพราะความชอบล้วนๆ
“ถ้ากับเราไม่ต้องห่วงหรอก เราจะดูแลนิวเป็นอย่างดี พรุ่งนี้วันหยุดเที่ยวได้เต็มที่เลย”
“นายมาบ่อยเหรอ”
“อาทิตย์ละครั้ง”
“มากับใคร”
“มากับเพื่อนบางครั้งก็มาคนเดียว อาหารกับเครื่องดื่มมาแล้วกินเลย”มีนรีบเปลื่ยนเรื่องทันที เพราะเป็นคำถามที่แทงใจเขาไม่ใช่น้อย
“อือ กำลังหิวอยู่พอดีเลย กินไปฟังเพลงไปเป็นอะไรที่ดีอย่างมาก”
“นายไม่ค่อยได้มาสถานที่แบบนี้เหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ได้มาต้องพูดว่าไม่ได้มามากกว่า ความจริงเพื่อนเราก็ชวนมาบ่อยๆนะรายนั้นขาปาร์ตี้เลย”
“นายมีเพื่อนแบบนี้ด้วยเหรอ นึกว่าจะมีแบบตั้งใจเรียนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน”
“มีสิ สนิทกันมากด้วย”
“ดีเลย วันหลังแนะนำให้เรารู้จักบ้างนะ”
“อือ”นิวงงนิดหน่อยกับคำพูดของมีน ซึ่งนิวไม่เข้าใจจะรู้จักเพื่อนของเขาทำไม
“ไม่ต้องงงเพื่อนนายก็เหมือนเพื่อนเรานั่นแหละ ก็อยากรู้จักไว้เป็นธรรมดาเผื่อวันไหนนิวหายตัวไป เราจะได้รู้ไงว่านิวอยู่ไหน”
“เราจะหายไปไหนเราก็อยู่ตรงนี้ นายมากกว่ามั้งไม่แน่หลังจากคืนนี้นายอาจจะหายไปจากชีวิตเราก็ได้”
“ไม่มีวันนั้นหรอก”
“จะพยายามเชื่อนะ”
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน กินดีกว่าเดี๋ยวอาหารเย็นหมด”
นิวจึงกินอาหารไปเรื่อยๆพร้อมฟังเพลงและนั่งฟังมีนพูดเรื่องของตัวเอง บอกทุกอย่างจนแท่บจะรู้ว่าพ่อแม่ชื่ออะไรกันทีเดียว นิวก็เป็นผู้ฟังที่ดีจนเขาอดคิดไมได้ว่าถ้ามีนกับวินเพื่อนรักของเขา ได้มาเจอกันอะไรจะเกิดขึ้นเพราะนิสัยเหมือนกันมากสายปาร์ตี้พูดเก่ง
ทั้งสองนั่งฟังเพลงจนเกือบร้านปิด นิวจึงเป็นฝ่ายชวนมีนกลับเพราะเขารู้สึกง่วงนอนมาก โดยปกติเวลานี้นิวได้นอนหลับไปแล้ว แต่ในค่ำคืนนี้เขายังไม่ได้หลับนอนเลย มีนจึงมีอาการมึนๆหาวนอนอย่างหนัก
“กลับเหอะเราง่วงนอนมาก”
“เหรอ ก็ได้ถ้างั้นเช็คบิลก่อนนะ”
นิวกำลังจะนำเงินออกมาจากกระเป๋าเพื่อออกคนละครึ่งกับมีน แต่มีนนั้นห้ามไว้เพราะเขาจะเป็นออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“ไม่ต้องหรอก เราชวนนายเราก็ต้องเลี้ยงนายเราออกเองได้”
“ไม่เป็นไร เรามาด้วยกันกินด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกใช่ไหม”
“เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน แต่วันนี้เราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง”
“ถ้างั้นก็ได้ วันหลังเราจะพานายไปกินอาหารตามสั่งข้างทางนะ”นิวอมยิ้มนิดๆ
“ได้หมด ขอให้นายเป็นคนเลี้ยงเราและได้เจอนายบ่อยๆแบบนี้เราก็ดีใจแล้ว”
นิวเจอคำหวานของมีนเข้าไปเขาจึงไม่พูดอะไรต่ออีกจากนี้ นิวจึงนั่งมองมีนจ่ายเงินกับพนักงานเสริฟจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเขาและมีนได้เดินออกมาจากร้านและขึ้นรถในทันที แล้วจึงขับรถออกจากร้านอาหารไป
“เห็นนายบอกว่าพักกับเพื่อนเหรอ”
“อือ”นิวพยักหน้า
“อือ ตอนแรกกะว่าจะไปห้องนายซะหน่อย”
“ไปทำไม”นิวมีสีหน้าที่ตกใจ
“อ่อ ไม่มีอะไร อือ”มีนมีท่าทีครุ่นคิด
“คิดอะไร หรือว่าอยากทำอะไร”นิวใช้สายตาอันกลมโตมองมีน
“ไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่อยากจะไปในห้องนายซักหน่อย จะได้คุ้นเคยกันมากกว่านี้ไง”
“อ่อ นึกว่าอะไร”
“หรือว่าไป เอ่อ”
“ไปไหน”นิวถามอย่างรวดเร็ว
“เปล่าไม่ไปไหนหรอก เราจะไปส่งนายที่ห้องไง”
นิวสงสัยท่าทางเลิ่กลั่กของมีนพอสมควร เขาอยากรู้อยากถามมีนใจจะขาดว่าต้องการอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมาได้แต่นั่งนิ่งๆส่วนมีนก็พยายามชวนนิวคุยตลอดทาง จนมาถึงห้องพักของนิว
“ถึงแล้วขอบใจมากนะ ที่ได้พาเราไปเปิดหูเปิดตา”
“เปลื่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”
“อะไรล่ะ”
ในระหว่างที่นิวกำลังจะเปิดประตูรถ มีนก็ยื่นใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ๆนิว เพียงชั่ววินาทีริมฝีปากของมีนได้สัมผัสแก้มอันขาวใสของนิว
“ทำอะไรนะ”นิวรู้สึกอายเขาจึงรีบลงจากไปและเดินเข้าไปในห้องเช่าทันที
เมื่อนิวเข้าไปในห้องพักเขาก็ได้เห็นวินเพื่อนของเขาที่กำลังออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งนิวก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าวันหยุดวินจะไม่มีทางอยูห้องเช่าอย่างเด็ดขาด
“คืนนี้แปลกหนอนายไม่ไปไหน”
“เหมือนกัน คืนนี้ก็แปลกนายกลับห้องดึก พร้อมกับกลิ่นเหล้า”วินเดินเข้าไปใกล้ๆ
“สรุปเราเป็นเหมือนกัน ต่างสลับขั้วสักวันหนึ่ง”นิวนั่งลงบนเตียงเพราะเขารู้สึกง่วงนอนมาก
“ไปไหนมาถึงกับมากับมาซะดึกเลย”
“ตอนค่ำๆไปดูหนัง แล้วก็ไปหาอะไรกินนิดหน่อย”
“กับใคร”เสียงของวินดูตื่นเต้น
“เพื่อน”
“นายมีเราคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิท และอีกอย่างหนึ่งนายไม่น่าจะไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นได้หรอก บอกมาซะดีๆว่าไปกับใคร”
“ก็เพื่อนไง พึ่งรู้จักกัน”
“อะไรนะ พี่งรู้จักกันไปเที่ยวกันกลับจนดึกดื่นขนาดนี้ น่าจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาซะแล้วมั้ง เห็นเงียบๆแต่แอบ อือ ใช่ไหม”
“นายพูดไปเรื่อยไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พูดแต่เรื่องของเรานายก็เหมือนกันออกไปบ่อยๆกลางค่ำกลางคืนไปทำอะไรที่ไหนกับใคร”นิวจ้องมองสายตาของวินว่าจะแสดงออกมาอย่างใด
“แหมก็ต้องมีบ้างนะสิ ก็เหมือนนายนั่นแหละ”
“แฟนเหรอ”
“ก็น่าจะเกือบๆแล้วนะ ไม่เกือบแล้วมั้ง”วินอมยิ้มคิดถึงเรื่องที่เขาพูดถึง
“นั่นแน่ บางคืนไม่กลับมานอนห้อง แสดงว่าไปอะไรอย่างไงกับใครหรือทำอย่างงั้นเหรอ”
“มันก็ต้องมีบ้างใช่ไหม เรื่องแบบนี้นายก็เหมือนกัน อย่าทำเป็นเล่นตัวนะระวังจะอด ถ้าเจอคนที่ใจกล้ากว่า ว่าแต่เป็นใครเหรอต้องให้เรามาสแกนก่อนนะว่าผ่านไหม”
“ก็รุ่นเดียวกันนี่แหละ อยู่มหาลัยเดียวกัน เรียนคณะบริหารธุรกิจ”
“อะไรนะทำไมบังเอิญขนาดนี้ ของเราก็เหมือนกันไม่แน่เขาอาจเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ”
“จริงเหรอ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นอีกล่ะ ชื่ออะไรบอกหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ เขาชื่อ อุ๊ย มีคนโทรเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“อือ”นิวพยักหน้า
นิวนั่งฟังวินพูดคุยโทรศัพท์อย่างไม่ตั้งใจ ซี่งก็พอจะจับใจความได้บ้าง ว่าวินน่าจะคุยกับแฟนที่กำลังคบกันอยู่
“ฮัลโหล”
“ว่าง”
“โอเค แต่งตัวแปล๊บนึงเดี๋ยวไป ทีเดิมใช่ไหมเดี๋ยวเราขับรถไปหา”
“พูดปุ๊บมาปั๊บเลย เดี๋ยววันหลังค่อยคุยกันนะ”
นิวนั่งมองและฟังพร้อมกับดูวินแต่งตัวอย่างเร่งรีบ เพื่อออกไปหาผู้ชายในช่วงเวลาเที่ยงคืนกว่า ซึ่งนิวถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
กัสวางบทละครไว้บนโต๊ะแล้วนั่งจินตนาการตัวเป็นนิว ที่กำลังมีความสุขได้กินได้เที่ยวกับมีน แทนความต้องการในตัวเองที่อยากจะไปไหนมาไหนกับพีคชายหนุ่มคนที่เขาแอบรัก
“คิดอะไรกัส”เขื่อนเพื่อนรักของกัสจับที่บ่าของเขา
“มาเงียบๆตกใจหมด”
“เงียบซะที่ไหนเราเรียกตั้งหลายครั้ง นายมัวคิดถึงอะไรอีกล่ะ”
“อ่อ เราพึ่งอ่านบทละครพออ่านจบก็คิดไปเรื่อยๆนั่นแหละ”
“คิดถึงมีนในบทละครเหรอ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่หาแฟนซักคนล่ะ”
“ใครจะมาชอบคนอย่างเรา ว่าแต่นายไปไหนมาเลิกงานตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พอดี พี่พีคไปรับหลังเลิกงานน่ะ พี่พีคเขาก็เลยพาไปเที่ยวกินข้าวขับรถเล่น”
“พี่พีคคงชอบนายมากเลย เห็นไปไหนมาไหนกับนายตลอด”นิวพยายามหลบตาต่ำลงและแอบน้อยใจตัวเองอย่างมาก
“ไม่รู้สิต้องดูไปนานๆก่อน เอาอะไรแน่นอนไม่ได้หรอก”
“อือ จริงด้วย ดูไปนานๆก่อน ขนาดอยู่กันมานานยังไม่ค่อยรู้จักกันเลย”
“อะไรนะ”เขื่อนหันหน้าเอียงข้างถามด้วยความสงสัย
“เราหมายถึงขนาดคบกันมานาน บางคนยังนอกใจได้เลย ไม่มีอะไรหรอก”
“เหรอ ถ้าอย่างงั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ”
กัสไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่นั่งนิ่งๆด้วยความสับสนทางอารมณ์ ถึงแม้เขาค่อนข้างแน่ใจอย่างมากว่าทั้งสองน่าจะรักกัน แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้และอยากให้เป็นตัวเขาเองที่เป็นอย่างเขื่อน
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว