ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด
“ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า”
“มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ”
“เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ”
“ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม”
“พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร”
“คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน”
“พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร”
“คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ”
“น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ”
“อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ”
“อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด้วยกลัวเหตุการณ์ที่จะเห็นจะรับไมได้ พีคจึงขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อจะได้ถึงห้องพักของเขื่อนให้เร็วขึ้น หลังจากถึงห้องพักของเขื่อนเขารีบไปยังห้องทันที เมื่อไปถึงเขายืนนิ่งสงบสติอารมณ์และทำใจเนื่องด้วยกลัวในห้องมีใครอยู่ในนั้น
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
สิ้นเสียงเคาะประตูห้องก็เปิดออกทันที โดยภาพตรงหน้าเป็นเขื่อนซึ่งพีคไม่ได้สนใจตรงนี้ เขารีบมองเข้าไปข้างในและภาพที่ได้เห็น เป็นเจษกำลังนี่งอยู่บนเก้าอี้ นี่คือสิ่งที่พีคกลัวอย่างที่สุด และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิดเพี้ยน
“เขื่อน”พีคผลักร่างของเขื่อนและเดินเข้าไปข้างในทันที
“นี่มันอะไรกัน”พีคจ้องหน้าเจษชั่วครู่ก่อนหันไปมองเขื่อนที่ยังทำหน้านิ่ง
“ก็ไม่มีอะไรนิครับ น้องแค่มาขอใช้โน๊คบุ๊ค”
“พี่ไม่เชื่อ”
“ถ้าพี่ไม่เชื่อเขื่อนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว”เขื่อนยังทำสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม เพราะเขาไมได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ไม่ว่าพีคจะโกรธหรือเฉยๆกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
“จะไม่แก้ตัวซะหน่อยเหรอ”พีคจ้องมองด้วยดวงตาไม่กระพริบแม้แต่ครั้งเดียว
“แก้ตัวอะไร เขื่อนบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องแก้ตัวทำไม”เขื่อนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“พี่พีคผมกับพี่เขื่อนไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดหรอก ผมแค่มายืมใช้โน๊ตบุ๊คจริงๆ ถ้าพี่พีคไม่พอใจต่อไปผมจะไม่มาห้องพี่เขื่อนอีกแล้วครับ”
“เจษ เราไม่ผิดทำไมเราต้องยอมด้วย”
“เห็นคาตาอย่างนี้ยังไม่ผิดอีกเหรอ พี่นี่ผิดหวังในตัวเขื่อนมาก พี่อุตส่าห์รักเขื่อนอย่างหมดใจ แต่ทำไมต้องมาทำกับพี่อย่างนี้ด้วย”พีคมีสีหน้าที่เศร้าลง
“จะให้เขื่อนบอกอีกกี่ครั้งว่าไม่มีอะไรระหว่างเราสองคน ถ้าพี่ไม่เชื่อเขื่อนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”สีหน้าของเขื่อนเริ่มบึ้งตึงขึ้นมาอย่างทันที
“ไม่ต้องบอกก็เห็นอยู่ชัดเจน ยังจะมาบอกว่าไม่มีอะไรอีก”พีคหายใจถี่ขึ้นด้วยความโกรธอย่างมาก
“ถ้างั้นพี่พีคพูดมาเลยว่าจะเอาอย่างไร เพราะเขื่อนก็ขี้เกียจพูดกับพี่พีคแล้ว”
“ผมกลับนะครับ”เจษพูดเสียงค่อยๆ
“ไม่ต้อง จะได้เป็นพยานเรื่องของพี่กับพี่พีค”สายตาของเขื่อนเบิกกว้างเม้มปากเล็กน้อย
“จะให้พี่เอาอย่างไงล่ะ ก็ต้องแล้วแต่เขื่อนเพราะพี่ไม่ผิด เขื่อนต่างหากที่มีพฤติกรรมเปลื่ยนไป”
“โอเค เขื่อนผิดเอง เลิกกันก็ได้ไหม ถ้ายังมาหวาดระแวงกันอย่างนี้ คบกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”ที่เขื่อนพูดเช่นนั้นออกไป เพราะเขาก็เริ่มรำคาญพีค และอีกอย่างเขาก็แอบมีใจให้เจษบ้างเล็กน้อย ข้อสำคัญเพราะมีเวลาให้กัน ซึ่งแตกต่างจากพีคพักหลังไม่ค่อยมีเวลาได้พบเจอกันเลย
“เขื่อนต้องการอย่างนั้นจริงๆเหรอ เขื่อนไม่ได้รักพี่แล้วใช่ไหม”
“มันไม่เชิงซะทีเดียว มีหลายผลหลายอย่างเข้ามาพัวพันด้วย”
“เพราะไอ้เด็กหนุ่มนิใช่ไหมที่ทำให้เขื่อนเปลื่ยนไป”
“เราสองคนนั่นแหละที่ต่างคนต่างเปลื่ยนกันไป เราไม่ค่อยมีเวลาให้กันเลย”ห้วงเวลานี้อารมณ์ของเขื่อนก้ำกึ่ง
“พี่เข้าใจเรื่องนี้ ถ้าอย่างงั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่าไหม”
“พอเถอะพี่พีค เราไม่เหมาะกันหรอก”
“ทำไมไม่เหมาะ”
“เป็นความรู้สึกของเขื่อนในตอนนี้ ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไง”
“พี่เข้าใจแล้ว เพราะเด็กหนุ่มนั่นแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ยื้อไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ก็ได้พี่เป็นฝ่ายไปเอง”พีคหลับตาไม่กี่วินาทีแล้วลืมขึ้น หลังจากนั้นเดินจากไปในทันที
ในห้องของเขื่อนมีแต่ความนิ่ง ความเศร้า ความลังเล ความแตกแยก เขายืนไม่ยอมพูดจาอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว โดยมีเจษนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีนิ่งเฉยเช่นกัน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาเขื่อน
“พี่เขื่อนผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก เจษไม่ผิดแต่เป็นความผิดของพี่เอง”เขื่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตาลอยพร้อมกระพริบตาถี่ๆ
“คือ ที่ผมขอโทษไม่ใช่เรื่องพี่พีคหรอกครับ”สายตาอันใสซื่อได้เปลื่ยนไป
“หมายความว่าอย่างไง”ใบหน้าของเขื่อนหันควับมามองเจษทันควัน
“เป็นอันว่า ต่อไปนี้ผมจะอยู่ห่างๆพี่ก็แล้ว จะได้ไม่มีปัญหาแบบนี้อีก”
“อ่ะ”เขื่อนเอียงคอเหล่ตามองพร้อมใจสั่นระรัว
“ผมกลับก่อนนะครับ อ่อ พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้ไปทำงานแล้วครับ เพราะต้องทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย”เจษพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนเก็บเอกสารใส่กระเป๋าและเดินจากไป
เขื่อนเผยอปากเล็กน้อย ตาแข็งกระด้างใบหน้าส่ายซ้ายขวา ก้มหน้าเล็กน้อยกรอกตาไปมา ส่วนมือนิ้วโป้ถูวนกับนิ้วชี้ เขื่อนยังตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายืนนิ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้ม ด้วยความรู้สึกไม่ดีและผิดหวังอย่างอดสูตัวเอง
พีคนั่งอยู่ในรถด้วยใจทุกข์ระทม สองมือกุมศรีษะหลับตาพริ้มเงยหน้าขึ้น พร้อมเบิกตาขึ้นและหยิบมือถือโทรกัสในทันที
“ฮัลโหล พี่พีคมีอะไรเหรอ”
“พี่ขอบใจมากนะ ที่ทำให้พี่ได้รู้ความจริง”
“อ่อ มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
“พี่เลิกกับเขื่อนแล้ว”
“ทำไม”
“ไม่ใช่สิ เขื่อนบอกเลิกกับพี่เองต่างหาก คงจะรักเด็กนั่นอย่างแน่นอน”
“พี่พีคอย่าคิดมาก อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เป็นไปได้ครับ”
“ขอบใจมากนะที่ปลอบใจพี่ แต่พี่เป็นคนยอมรับความจริงได้เสมอ เอาล่ะเดี๋ยวพี่กลับบ้านก่อน คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไม่ต้องมีห่วงต่อไปนี้พี่จะได้ทำงานและเรียนได้อย่างเต็มที่ แค่นี้ก่อนนะ”
เมื่อพีคกดวางสายกัสถึงกับยิ้มอย่างยินดี ที่แผนการของเขานั้นสำเร็จเป็นที่ถูกใจ เขาจึงไม่รอช้ารีบโทรหาเจษอย่างทันท่วงที
“ฮัลโหล”
“อยู่ไหนน้องเจษ”
“กำลังจะกลับห้องครับ”
“อ้าว ทำไมไม่อยู่ต่อกับพี่เขื่อนล่ะ”
“ผมไม่ได้รักพี่เขื่อน ผมชอบผู้หญิง ผมแค่ทำตามแผนของพี่เป็กกับพี่กัสนั่นแหละ หวังว่าจะถูกใจพี่นะ”น้ำเสียงของเจษไม่สู้ดีนัก
“ขอบใจน้องเจษมากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจผมหรอกครับ ผมทำเพื่อพี่สองคน ต่อไปนี้อย่าให้ผมทำอะไรที่ฝืนใจอีกนะ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
“พี่เปลื่ยนจากคำขอบใจเป็นขอโทษก็แล้วกัน ทุกอย่างที่เราตกลงกันไว้ เดี๋ยวพี่เป็กจะเอาไปให้ในวันพรุ่งนี้นะ”
“ขอบคุณครับ”
“แค่นี้ก่อนนะ”
“ครับ”
เมื่อสิ้นเสียงของกัสร่างหนุ่มวัยใสค่อยๆเดินต่อไปอย่างช้าๆ เพราะรู้สึกผิดที่หลอกให้เขื่อนได้รักอย่างรวดเร็ว และสลัดทิ้งอย่างไว แต่ในเมื่อรับปากเป็กพี่รหัสไว้แล้ว เขาก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ในระหว่างนั้นนั่นเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“พี่กัสบอกพี่ทุกอย่างแล้วนะ อย่าคิดมากเลยน้องพี่”
“ครับพี่เป็ก”
“บอกเลขบัญชีมาเดี๋ยวพี่จัดการให้”
“เอาเบอร์พร้อมเพย์ไปนะครับ”
“ได้”
เจษบอกหมายเลขพร้อมเพย์ไปไม่นานเสียงข้อความก็ดังขึ้น เขาจึงเปิดมือถือดูก็เห็นจำนวนเงินที่โอนมา ตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เพราะเขาต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมค่าหอพร้อมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
“ขอบคุณครับ”
“อืม”
เป็กกดวางมือถือและโทรต่อในทันที ซึ่งเขาก็โทรอยู่หลายครั้งกว่าจะติด ซึ่งได้สร้างความไม่พึงพอใจอย่างมากที่กัสทำอะไรไม่ทันใจเขาเลย
“ฮัลโหล”
“ทุกอย่างเรียบร้อย”
“อืม ขอบใจมากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก แค่ไม่กลับไปหาไอ้พี่พีคก็พอ ที่เรายอมทำให้นายก็เพราะรักนะ ถึงแม้จะเสี่ยงว่านายหลอกเราก็ตาม”
“ใครจะไปหลอกนายล่ะ เราแค่ทำไปเพื่อแก้แค้นเขื่อนเท่านั้น ส่วนพี่พีคเราไม่ได้สนใจอะไรเลยตั้งนานมากแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริง นายจะเข้ามาหาเราไหม”
“ไปสิ อยากได้สิ่งตอบแทน”
“เราจะรอ”
“แค่นี้นะ”
“อืม”
กัสกดวางมือถือพร้อมอมยิ้มด้วยความสะใจที่ทำในสิ่งต้องการได้สำเร็จ และต่อไปนั่นคือเป็นคิดของยิวในนิยาย ต้องได้รับผลของการกระทำอย่างทารุณอีกคน เขาจึงไม่รอช้ารีบเขียนนิยายต่อก่อนที่เป็กจะมาถึง
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว