Beranda / วาย / นิยายรักสองภาพ / เส้นทางอันโหดร้าย

Share

เส้นทางอันโหดร้าย

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-17 17:06:14

          วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ

            หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต

            “พี่ชื่ออะไรน่ะ”

            “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป  เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง

            “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว

            “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ”

            “จัน”

            “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้”

            “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้”

            ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต

            “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้ไหม”

            “ได้”ยิวหยิบแหวนทองให้จันดู

            “โอ้โห แหวนทอง”

            “ตกใจอะไรขนาดนั้น”ยิวรีบเก็บลงในย่ามทันที

            “พี่รู้อะไรไหม แหวนของพี่น่ะสามารถแลกข้าวและเสื้อผ้าของใช้ได้ตั้งหลายอย่างเลยนะ”

            “อย่างงั้นเลยเหรอ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราไปแลกของกันเถอะ”

            “ตามผมมาเลยพี่”

            ยิวเดินตามจันเด็กน้อยไปอย่างเร่งรีบ เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวเช่นเดียวกับคนอื่น และอีกอย่างหนี่งที่ยิวอยากรู้ว่าในขบวนเดินทางนี้มีอะไรมาขายบ้าง

            “ลุงซื้อข้าวหน่อย”จันเอ่ยขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงยังหัวหน้าขบวน

            “ไอ้จันมึงจะมาซื้อข้าวกูมีเงินหรือเปล่า”ชายหนุ่มอายุราวสี่สิ่บเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังหุงข้าวจากกระบอกไม้ไผ่

            “มีสิ ถ้าไม่มีผมจะกล้ามาหาลุงเหรอ”

            “ไหนล่ะอัฐของเองล่ะ”

            “ผมไม่มีอัฐหรอก”

            “กูว่าแล้วเชียวน้ำหน้าอย่างมึงจะไปหามาจากที่ไหน”ชายหนุ่มวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง

            “ผมมีแต่ทอง”จันเอ่ยขึ้น

            “ไอ้นี่พูดไปเรื่อย ไปซะกูรำคาญ”

            “นี่พอซื้อข้าวและของใช้ได้ไหม”ยิวยื่นแหวนทองให้ชายหนุ่มดู

            ชายหนุ่มผู้นั้นรีบมองไปที่แหวนทันที สายตาของเขาเป็นประกาย เพราะแค่มองชายผู้นี้ก็สัมผัสได้ว่าแหวนวงนี้ต้องมีราคา เขาจึงหยิบมาจากมือของยิว แล้วมาเพ่งพิจารณาอีกที

            “ของแท้ด้วย ว่าแต่เอ็งไปเอามาจากไหน”ชายหนุ่มมองหน้ายิว

            “ก็เอามาจากบ้านพี่ข้าสิ”จันรีบตอบแทนเมื่อเห็นยิวอึดอัดพูดไม่ออก

            “มีงนี่รู้ดีไปหมดนะไอ้จัน แล้วมึงไปรู้จักไอ้หนุ่มนี่ได้อย่างไร”

            “อ๋อ เราเป็นญาติห่างๆกัน พอรู้ข่าวว่าจะเดินทางไปเมืองศิลานคร ผมเลยรีบตามมาสมทบทีหลัง”ยิวเอ่ยขึ้น

            “ก็ดีไอ้จันมันจะได้มีคนดูแล ว่าแต่มึงสองคนอยากได้อะไรบอกมา”

            “อยากได้ข้าวกระบอกนั้น”จันพูดขึ้นก่อน

            “ใช่ อยากได้ข่าวและเสื้อผ้า”

            “ได้ แต่ข้าวได้เพียงวันนี้วันเดียวนะ ถ้าอยากได้ต้องเอาอะไรมาแลกอีก”

            “อะไรกันแหวนทองนั้นมีราคาแพงมากได้ของกินแค่มื้อเดียวเองเหรอ”

            “ใช่ เพราะตอนนี้อาหารมีค่ามากกว่าเงินทองหลายเท่านัก”ชายหนุ่มยิ้มอย่างกรุ่มกริ่ม

            “พี่โสพลผมหิวข้าว เอาวันนี้ให้รอดก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าไม่อะไรกินกันจริงๆเราค่อยหาผลไม้เผือกมันมากินก็ได้”

            เมื่อยิวได้ยินเสียงขอร้องอันเว้าวอนเขาเลยอดใจอ่อนไม่ได้ ยิวจึงตกลงเอาข้าวสองกระบอกพร้อมเนื้อแห้งย่างสองชิ้น พร้อมเสื้อผ้าและผ้าห่มสองชุด แค่นั้นเองที่ทั้งสองได้ซึ่งเมื่อเทียบราคาของทองแหวนถือว่าได้น้อยมาก

            เมื่อทั้งสองได้ของกินของใช้จากชายหนุ่มนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงหาที่นั่งกินข้าวกันตามลำพังสองคน ในระหว่างที่กินข้าวกันนั้นด้วยความเป็นคนช่างพูดของจัน เขาจึงชวนยิวคุยเรื่องต่างๆ

            “พี่โสภณพี่จะไปทำไมในเมืองศิลานคร”

            “พี่จะไปหาเพื่อนพี่ไง”ยิวยิ้มให้จันพร้อมควักข้าวจากระบอกไม้ไผ่มากิน หลังจากนั้นต่อด้วยเนื้อย่าง ซึ่งไมได้อร่อยเลยแต่ยิวต้องกินเพื่อประทังชีวิตให้ถึงเมืองศิลานคร

            “เพื่อนพี่เป็นใครเหรอ”

            “เป็นแม่ทัพไง”

            “ไม่หลอกผมใช่ไหม แต่ถ้าคิดอีกทีน่าจะใช่ เพราะพี่มีแหวนทองได้ ทำไมจะมีเพื่อนเป็นแม่ทัพนายกองไม่ได้”

            “อือ”

            “ถ้างั้น ผมขอเข้าไปในเมืองกับพี่ด้วยได้ไหม”

            “ได้สิ”

            “ทำไมพี่ช่างใจดีจังเลย”จันแท่บกันน้ำตาไว้ไม่อยู่

            “เด็กน้อยไม่ต้องร้องไห้หรอก รับรองถ้าได้เข้าไปในเมืองแล้ว เพื่อนของพี่จะดูแลเป็นอย่างดี”

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเลยผมอยากให้ไปถึงไวๆจังเลย”

            “เหมือนกันพี่ก็ไม่อยากอยู่กลางดินกินกลางป่าอย่างนี้หรอก ถ้าได้เข้าไปในเมืองไวๆคงจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน”

            “ใช่ ผมจะได้เรียนหนังสือไหม”

            “อยากเรียนหนังสือเหรอ”

            “ใช่ เพราะตอนอยู่ที่บ้านไม่ได้เรียน ผมต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหลายอย่าง เลยไม่มีเวลาไปเรียนที่วัดน่ะ”

            “เรียนที่วัดด้วย ถ้าไปถึงเมืองศิลาก่อน พี่กับท่านแม่ทัพจะสอนจัน”

            “ดีใจจังเลย”จันวาดฝันวิมานทันที

            ยิวนั่งมองจันยิ้มอยู่ตั้งสองนาน เพราะความน่ารักและไร้เดียงสาของจัน จึงทำให้ยิวพอคลายเศร้าคลายความคิดถึงบ้านได้บ้าง

            เมื่อทั้งสองได้กินข้าวอิ่มก็มืดพอดี จันจึงจัดแจงเตรียมหาที่นอนให้ตัวเองและยิวในทันที ซึ่งจันได้เลือกตรงต้นไม่ใหญ่อันห่างไกลผู้คนพอสมควร

            “พี่รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ารีบออกเดินทาง”

            “อือ”ยิวล้มตัวลงนอนใกล้ๆกองไฟที่จันเป็นก่อไว้ให้กันยุงและแมลงต่างๆ

            “พี่โสภณรู้ไหมว่าผมได้นอนห่มผ้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกเดินทางมา”

            “จริงเหรอ”

            “จริงสิพี่ คืนนี้ผมเลยอุ่นมาก ขอบใจพี่โสภณมากนะ”

            “ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงอย่างไงพี่ก็ต้องอาศัยจันอยู่ด้วยเหมือนกัน”

            “พี่ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าอยู่กับผมสบายไปแปดอย่าง”

            “อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง นอนได้แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรำคาญเอาได้”

            “ก็ได้”

            เพียงจันหลับตาเขาก็สู่ภวังค์ในทันที เฉกเช่นเดียวกับยิวเพราะวันนี้ทั้งวันเขาเดินทางไม่ได้หยุดพักจึงอ่อนเพลีย จนหลับเหมือนอย่างคนเป็นลมสลบ

            เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น เพราะบรรดากลุ่มคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน กำลังเก็บข้าวของพร้อมออกเดินทางต่อไปยังเหมือนศิลานคร จึงทำให้ทั้งจันและยิวตกใจตื่นขึ้นมาในทันที

            “สว่างไวจัง”จันรีบลุกขึ้นและเก็บข้าวของ

            “ใช่”ยิวลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็มองหาถุงย่ามที่วางไว้ข้างตัว แต่เขาก็ไม่เห็นเสียแล้ว ยิวมองไปรอบๆและลุกขึ้นยืนเดินหาถุงย่ามนั้น ที่มีทั้งพระเครื่องของขลังรวมทั้งมีดของเสือเข้ม

            “พี่หาอะไร”จันเอยถามขึ้นด้วยความสงสัย

            “ถุงย่ามพี่หายไปไหน”ยิวมองรอบๆอีกครั้งแต่ก็ไม่เจอ

            “เป็นความผิดผมเอง ผมลืมไปได้ไง ผมลืมบอกพี่ให้ระวังของหาย เพราะทุกคนต่างต้องการขอมีค่าทั้งนั้น”จันมีสีหน้าที่วิตกกังวลยิ่งกว่ายิวอีก เพราะถ้าถุงย่ามนั้นหายจริง ทั้งเขาและยิวต้องออกหาอาหารกินกันเอง

            “บ้าจริงพี่ก็ลืม”

            จันรีบมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่รายล้อมเขาหลายกลุ่ม ด้วยสายตาอันปราดเปรียวจึงทำให้จันเห็นถุงย่ามของยิว อยู่กับชายหนุ่มรุ่นเดียวกับยิว

            “นั่นใช่ไหมพี่โสภณ”จันชี้มือไปยังชายหนุ่มผู้นั้น

            “ใช่”

            “ถ้างั้นเราไปทวงคืนกันเลย”

            ยิวและจันรีบไปยังชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันในทันที เมื่อไปถึงจันพูดก่อนยิวเสียอีก เพื่อทวงถุงย่ามให้ยิว

            “พี่ขอถุงย่ามพี่ชายของผมคืนด้วย”

            “ไอ้เด็กน้อยช่างกล้า ย่ามใบนี้มันเป็นของกู ก็ในเมื่อมันอยู่ที่กูจะเป็นพี่มึงได้ไง”ชายหนุ่มมีสีหน้าที่เริ่มดุดัน

            “แต่ถุงย่ามใบนั้นมันเป็นของเราจริงๆนะ นายต้องเอามาให้เราเดี๋ยวนี้”

            “ไอ้นี่ก็อีกคน หน้าตาก็แปลกการพูดจายิ่งฟังยิ่งพิลึก แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะกูไม่สนพวกมึงสองคนโว้ย”

            “ทำไมนายหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้เอาของคนอื่นไป”

            “ใครว่าถุงย่ามนี้เป็นของมึงล่ะ มันของกูต่างหาก”ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง

            “พี่มันขี้โกง”จันโมโหเลยกระชากถุงย่าม พร้อมกันนั้นยิวช่วยอีกแรง จนสุดท้ายได้ถุงย่ามมา แต่พอจันเปิดดูก็พบกับความว่างเปล่า เพราะมีแค่ถุงย่ามของภายในไม่มีเหลือสักชิ้น

            “ของไปไหนหมด”ยิวเอ่ยถาม

            “กูยกให้พวกมึงก็แล้วกันอยากได้นักไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มผู้นั้นเดินหนีไปในทันที

            “เดี๋ยวก่อน”จันอดรนทนไม่ไหววิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มและกัดที่แขนของเขา

            “ไอ้เด็กนี่มันอย่างไงวะวอนเจ็บตัวนี่หว่า”

            ชายหนุ่มผู้นั้นจึงจับศีรษะของจันและดึงออก หลังจากนั้นเหวี่ยงจันจนล้มกระแทกก้อนหินและกิ่งไม้ที่ยังไม่ดับสนิท แต่ชายหนุ่มยังไม่พอแค่นั้นเขาเดินเข้าไปหาจันและกระทืบซ้ำอีกหลายที

            ยิวอดรนทนไม่ไหวที่เห็นจันโดนทำร้าย เขาจึงหยิบท่อนไม้ข้างเท้าของเขา หลังจากนั้นยิวเดินไปข้างหลังของชายหนุ่มและฟาดอย่างแรง ชายหนุ่มจึงหยุดกระทืบจันทันที

            “ไอ้นี่อีกคน”ชายหนุ่มจับท่อนไม้ที่ยิวกำลังฟาดดึงกระชากแล้วขว้างทิ้ง หลังจากนั้นรัวหมัดต่อยยิวอยู่หลายครั้ง จนหัวหน้าขบวนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามปรามไว้

            “หยุด ถ้ายังไม่หยุดทะเลาะกัน พวกมึงก็ออกไปจากขบวนของกูได้เลย”

            “ก็คนนี้มันขโมยถุงย่ามไปน่ะ”ยิวใช้มือเช็ดปากเพราะมีเลือดไหลออกมา

            “ไอ้นั้นมันเรื่องของพวกมึงกูไม่สน ตอนนี้กูจะเดินทางแล้ว ถ้ายังชักช้าก็อยู่นี่แหละ”           เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันที สาเหตุที่ชายหนุ่มวัยกลางคนไม่พูดเรื่องถุงย่าม เพราะเขาก็มีส่วนได้ส่วนเสียเหมือนกัน เพราะหลังจากชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับยิวขโมยมาได้ เขาก็ได้เอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้พร้อมอาหารการกินจนหมดสิ้น เหลือเพียงถุงย่ามเปล่าๆใบเดียวที่ยิวกำไว้อยู่ในมือ

           

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • นิยายรักสองภาพ   นิยายรักสองภพ จบ

    ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี

  • นิยายรักสองภาพ   วันประหาร

    ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่

  • นิยายรักสองภาพ   แผนการครั้งสำคัญ

    กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา

  • นิยายรักสองภาพ   สงครามสองผู้

    เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ

  • นิยายรักสองภาพ   ร่างให้ตัวร้ายใจให้พระเอก

    กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง

  • นิยายรักสองภาพ   แค้นที่ต้องชำระ

    ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status