ตึกเล็กๆ ที่ว่านั่น ตั้งเคียงข้างกับตึกสวยทรงทันสมัย มันเป็นตลกร้ายอย่างหนึ่งของเขตพลาก้า อาคารสามชั้นสุดเก่าแก่ แทรกตัวอยู่ระหว่างกลางโรงแรมอธีนาอันยิ่งใหญ่และตึกสูงของสำนักงานใหญ่เกี่ยวกับสายการบินและการคมนาคมที่มีชื่อว่าอธีนาเหมือนกัน เล็กกระจ้อยล่อย ดูโอหังดีทีเดียวที่สามารถยืนยงอยู่ได้อย่างอาจหาญเช่นนี้
“ที่นี่เอง” เธออ่านที่อยู่ในกระดาษนั่นอีกครั้ง แล้วก็พบว่า ชื่อโรงแรมก็จริง แต่ที่อยู่กลับเป็นของร้านขนมปังเก่าแก่แห่งนี้ต่างหาก เธอเข้าใจผิดไปเองแท้ๆ ถึงต้องไปมีเรื่องกับหมอนั่น
“อันนี้สิ คือที่ของเรา”
รอยยิ้มงดงามปรากฏบนใบหน้าเหนื่อยอ่อนของหญิงสาว
“หวังว่า จะไม่มีใครโยนฉันออกมาจากร้านนี้อีกนะ”
มาลินีออกแรงลากกระเป๋าใบใหญ่เดินเข้าไปในร้านขนมปังเก่าแก่แห่งนั้น พอประตูเปิดออก ก็ได้เห็นบรรยากาศอบอุ่นของร้านขนมปังและกาแฟเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนย เมล็ดกาแฟ และเครื่องเทศบางชนิดที่แสนรัญจวนใจ
ภาพที่เธอเห็นก็คือ โต๊ะไม้เล็กๆ ที่ได้กลิ่นของความโบราณ ตั้งเรียงรายอย่างน่ารักเพียงสี่โต๊ะเท่านั้น เธอเห็นความสดชื่นของดอกไม้หลากสีสัน หลายชนิด บรรจุอยู่ในกระถาง จัดวางอย่างเหมาะสม กลมกลืน ทุกซอกทุกมุมล้วนประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบกรีกโรมันที่ลงตัวจนน่าพิสมัย
คงมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าที่นี่มีคนไทยซ่อนอยู่ แน่นอนที่สุด กลิ่นของอาหารกระมัง เธอรู้มาจากแม้นมาศว่าน้องสาวฝาแฝด มักจะมีเมนูไทยๆ เสิร์ฟลูกค้าเสมอ ซึ่งในวันนี้ก็น่าจะเป็น...
“หอมแกงมัสมั่นจังเลย”
มาลินีรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใจ หลังจากที่อารมณ์เน่ามากับการต้อนรับแขกของพวกมาเฟีย เธอหันมองไปทั่วร้าน เห็นว่าที่โต๊ะติดกระจก มีลูกค้านั่งอยู่สองคน หนุ่มสาวคู่รักในวัยแรกแย้ม กำลังกุมมือกันและกันอย่างน่าอิจฉา เธอเลือกนั่งที่โต๊ะติดผนังทึบซึ่งเป็นกระเบื้องดินสีน้ำตาลแดงที่สวยงาม เพื่อรอคอยการเข้ามารับออเดอร์ของพนักงานเสิร์ฟ
“ไม่อดตายแล้วเรา”
และเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น หญิงไทยร่างอวบอ้วน ดูคุ้นตา เดินยิ้มแย้มออกมาจากในครัว นำกาแฟและขนมหอมกรุ่นไปเสิร์ฟหนุ่มสาว ก่อนจะหันมามองลูกค้าคนใหม่ หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมง ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิง แก้มแดงปากแดงจมูกแดงดูน่ารัก เธอกำลังระบายยิ้มสดใส ขณะลุกขึ้นยืน
“น้องญาญ่ารึเปล่าคะ” แม้เวลาจะคลาดเคลื่อนไปเยอะ แต่บางสิ่งบางอย่างก็บอกว่านี่แหละ คือผู้หญิงที่เธอคุยผ่านทางอีเมล์และเฟชบุ๊คมาตลอดสามเดือน
“พี่ศจี”
สองสาวยิ้มให้กัน ก่อนเดินเข้าหาอ้อมกอดของกันและกันเพื่อทักทาย ด้วยความดีใจและตื่นเต้นพอสมควร มาลีนีรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเลยทีเดียว ตัวจริงของศจีมาศ ดูอ้วนกว่าในรูปนิดหน่อย แต่รอยยิ้มสวย ดูก็รู้ว่าตอนสาวๆ ก็สวยไม่เบา
ส่วนสาวน้อยจากเมืองไทย สำหรับศจีมาศแล้ว เธอดูสวยกว่าในรูปมาก แถมรอยยิ้มยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ แววตาของเจ้าหล่อนอย่างกับแมวเปอร์เซียที่ซุกซนและน่ารัก
“พี่ต้องขอโทษญาญ่าด้วยที่ไม่ได้ไปรับ วันนี้วันเกิดเจ้าอ้วน ต้องเตรียมของหลายอย่าง”
เธอเล่า ขณะเด็กชายตัวอ้วนกลมวัยประมาณแปดขวบ เปิดประตูร้าน เดินเข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง ตึงตัง บ่นกะปอดกะแปดเกี่ยวกับการบ้านที่ครูสั่ง ก่อนจะหันมาทำตาโปนใส่หญิงสาวแปลกหน้า ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับมารดา
“เทพีเฮเลน่า”
หญิงสาวถึงกับหัวเราะ คนเป็นแม่ทำหน้าล้อเลียนลูกชาย ที่กำลังทำหน้าตาตื่นตกใจ
“หมูต้ม มานี่สิ มารู้จักกับพี่สาวคนใหม่ของเธอ”
เด็กชายเดินเข้ามาใกล้ เงยหน้ามองหญิงสาวที่มีความสูงราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบห้า ด้วยดวงตาเปล่งประกาย พี่สาวคนนี้มีรูปร่างปราดเปรียว สมส่วน และผิวสีสวยเหมือนนางฟ้าในภาพวาดไม่มีผิด
“พี่เขาชื่อญาญ่า มาจากเมืองไทย” ศจีมาศบรรยายที่มาของแขกผู้มาเยือนให้ลูกชายฟัง ด้วยน้ำเสียงสดใส ตั้งใจและเอ็นดูมิน้อย “พี่เขาจะมาพักอยู่กับเราสองสามเดือน ลูกต้องทำหน้าที่ดูแลพี่ญาญ่าให้ดีที่สุด เข้าใจไหม”
เด็กชายหน้าแดงก่ำ เห็นแล้วก็รู้เลยว่ากำลังเขินจัด เขายิ้มจนปากฉีก ยื่นมือไปจับหูลากกระเป๋าจากหญิงสาวอย่างทันท่วงที
“ฮะแม่” เจ้าหนูพูดไทยชัดปร๋อจนหญิงสาวแปลกใจ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม”
“ปกติพี่พูดภาษาไทยกับเขา สอนเขียนเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเอาไหน”
“ดีจังเลยค่ะ ญาญ่าเอง เวลาอยู่บ้านก็พูดกับพ่อด้วยภาษากรีซ หรือไม่ก็อิตาลี เวลาไปโรงเรียนก็พูดทั้งไทยและอังกฤษ เรารู้ไว้หลายภาษาก็ดีนะคะ มันจะได้เปรียบเวลาที่เราโตขึ้นและต้องทำงาน”
ศจีมาศยิ้มละมุน ยื่นมือไปจับมือของหญิงสาวไว้
“คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของเธอนะ พักผ่อนให้สบาย พี่สาวของพี่ กำชับนักกำชับหนาว่าต้องดูแลเธอให้ดีที่สุด เพราะเธอเป็นเหมือนลูกสาวของเขาเลยล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ”
“เอาไว้ตอนเย็น เวลามื้อค่ำ ค่อยมารู้จักพ่อของเจ้าอ้วนกัน ตอนนี้เขาอยู่ในครัว กำลังทำอาหารไทย หมอนั่นเก่งกว่าพี่เสียอีกนะ บางวัน พี่ก็อยู่แต่หน้าเคาน์เตอร์ ค่อยเสิร์ฟและเก็บเงินแทน อ้อ เรามีพนักงานเสิร์ฟอีกคน เป็นหนุ่มเมดิเตอร์เรเนียนของแท้ บ้านเขาอยู่ที่เกาะครีตโน่นแน่ะ เขาอาจจะเป็นไกด์ให้ได้นะ ถ้าเธออยากจะไปที่นั่น”
มาลินียิ้มจนสุดแก้ม
“ดีเลยค่ะ ยังไง ญาญ่าก็ต้องไปที่นั่นอยู่แล้ว เพราะเป็นจุดประสงค์หลักที่มาที่นี่เลยล่ะค่ะ ขอบคุณพี่ศจีมากเลยนะคะที่ช่วยเหลือญาญ่าทุกอย่างเลย ญาญ่าดีใจมากเลยค่ะที่เลือดครึ่งหนึ่งของญาญ่าเป็นคนไทย”
เมื่อเจ้าของร้านตัวอวบเดินเข้าครัวไป หญิงสาวมองส่งจนลับตา ก่อนจะหันกลับมามองเด็กชายที่กำลังลากกระเป๋าของเธอ เพื่อจะขึ้นชั้นบนของร้าน
“ไม่เป็นไรจะ มันหนักเกินไปสำหรับหนู มาเถอะ พี่จัดการเอง”
“ผมโตแล้วฮะ เป็นหนุ่มแล้วด้วย”
หญิงสาวมองเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู แอบหลงรักเจ้าหนุ่มลูกครึ่งไทยกรีซคนนี้เสียตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วสิ เธอยื่นมือไปจับแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าหนู แล้วบีบเบาๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ หนุ่มน้อยที่น่ารัก”
เจ้าหนูออกอาการเขินนิดๆ แต่ก็พยายามทำท่าทางมาดเท่ตลอดเวลา เธอเดินตามเจ้าหนูขึ้นไปยังชั้นสามของอาคาร ซึ่งแบ่งแยกซอยห้องเอาไว้เป็นห้องเล็กๆ ประมาณหกห้องเท่านั้น พอถึงประตูห้องซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของอาคาร เด็กชายก็หยุด
“พี่ญาญ่าเหมาะกับห้องนี้ที่สุดครับ” เธอเดินตามเจ้าหนูเข้าไปด้านใน เมื่อเห็นห้องจนเต็มตา ก็ถึงกับตลึงในความเรียบง่ายแต่น่ารัก และตรงใจ ห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น มีภาพศิลปะประดับบนฝาผนังเพียงรูปเดียวเท่านั้น เป็นภาพวาดสีน้ำของดอกไม้สีม่วง ห้องโล่ง สะอาด สามารถเปิดหน้าต่างบานใหญ่รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่
พอเธอวางกระเป๋าใบใหญ่ลงบนพื้นห้องก็เดินไปดูที่หน้าต่างทันที ชะโงกมองที่ขอบหน้าต่างนั้นอย่างใคร่รู้ ก็ได้เห็นต้นไม้กระถางเล็กๆ วางออแน่นบนระเบียงเล็กๆ ที่ยื่นออกใต้หน้าต่าง
“อุ๊ย forget me not น่ารักจัง”
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา เขย่งปลายเท้าแล้วจูบแก้มสากหอมๆของเขาด้วยความรัก ชายหนุ่มน้อมรับความรู้สึกแสนสวยนั่นด้วยการก้มลงจูบแก้มแดงเรื่ออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เมื่อผละจาก ดวงตาสีเขียวคมกริบ จ้องมองใบหน้านวลในอุ้งมืออย่างมีความหมาย“แต่ใจผมเหมือนจะระเบิดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าคุณ ผมถึงไม่อนุญาตให้คุณอยู่ใกล้ๆเวลาผมทำงานยังไงล่ะ”หญิงสาวยิ้มนิดๆ ดวงตาเต้นระยิบ“ทำไมคะ”เธอแสร้งถามไร้เดียงสา“เพราะผมอาจจะมีเซ็กกับคุณบนโต๊ะทำงานไง”“บ้า” เธอเขิน เขาหัวเราะ“ผมรักคุณนะ”“พูดแบบนี้อีกแล้ว” เขาพูดพลางยกร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วพาเธอไปวางลงบนเตียงนอนแสนนุ่ม “คราวหลังพูดคำอื่นบ้างก็ได้ค่ะ”“เพราะถึงยังไง คุณก็ยอมผมอยู่ดี” แม้จนถึงวินาทีนี้ หัวใจของเขาและเธอก็ยังคงเต้นแรงทุกครั้ง การร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่าอาจหวานชื่น สดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมซาบซ่านหัวใจ แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เพราะที่นี่คือเตียงแห่งความทรงจำ“forget me not”เขากระซิบบนปลายจมูกของเธอ หญิงสาวยิ้มหวาน“แต่ฉันกินมัสมั่นเข้าไปเยอะเลยนะคะ”เธอท้าทายเขา แต่เขาก็กลั้นใจยิ้ม“แต่ผมจะกินมัสมั่นจากปากของคุณ”หญิ
เมื่อเสร็จสิ้นมื้ออาหารอันเลิศรสของครอบครัวที่แสนอบอุ่นมั่งคั่ง คู่พ่อแม่ก็แยกไปทำธุระสำคัญในฐานะนักการเมืองใหญ่ ส่วนคู่หนุ่มสาวที่มีหน้าที่หลักในการช่วยกันบริหารธุรกิจของออปเปนไฮน์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป พวกเขาเขียนใบลาพักร้อนเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อจะไปฮันนีมูนที่เมืองไทย วางงานไว้ให้ผู้ช่วยได้สร้างผลงานบ้าง“ฉันดีใจจังเลยค่ะ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มจูงมือเธอไว้แน่น ดวงตาเปล่งประกายขณะพาเธอเข้าลิฟต์แล้วกดลงชั้นต้อนรับของโรงแรม ทั้งที่ควรจะขึ้นไปยังห้องสวีตรูมอันเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวของท่านซีอีโอ เขามีโต๊ะทำงานอยู่บนห้อง เขามีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเซ็นก่อนจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้“จะไปไหนหรือคะ” ประตูลิฟต์เปิดออก เธอถูกเขาลากไปราวกับเป็นของไร้น้ำหนัก “วิกเตอร์ คุณกำลังทำอะไรคะ ทำไมไม่รีบขึ้นไปเคลียร์งาน”เมื่อถึงบริเวณหน้าฟร้อน เธอก็ได้เห็นเหล่าบอร์ดี้การ์ดของเขา ยืนเรียงเป็นแถว เหมือนพนักงานต้อนรับ เจ้านายหนุ่มวางก้ามทันที เขาหันไปพยักพเยิดบอกลุยจิและแอนเดรียให้ทำตามแผนการที่วางไว้สองหนุ่มเดินเข้ามา หยุดต่อหน้าเจ้านาย“คิดจะทำอะไรกันแน่คะ”“เชิญครับ” ลุยจิยิ้มบางๆ พร
“อย่าคิดว่าจะลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นาน คนอย่างเธอ...”“คนอย่างฉันมันยังไงหรือคะ ขอโทษเถอะคุณหนู คนอย่างฉันไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยคิดจะทำให้ใครเดือดร้อน เว้นก็แต่พวกเขาจะหาเรื่องเองทั้งนั้น”คุณหนูสะบัดมือจากการเกาะกุม หายใจฟืดฟาดๆ จนอกกระเพื่อม“ตอนนี้เธอคงจะสะใจละสินะ ที่เห็นครอบครัวของฉันต้องหมดเนื้อหมดตัว”“อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ ฉันไม่เคยคิดว่าความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นของหวานหรอกนะคะ โดยเฉพาะกับคุณและคุณแม่ของคุณ”“อย่ามาสร้างภาพหน่อยเลยน่า คอยดูเถอะ ฉันจะทวงของๆฉันคืนจากเธอให้หมดเลย”มาลินียิ้มบางๆ เธออดตำหนิมารดาไม่ได้ ถึงมันจะเป็นบาปก็เถอะ ท่านเลี้ยงดูบุตรสาวให้เป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน นอกจากจะมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น ชอบใช้กำลัง และขี้อิจฉาแล้ว เธอยังเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงอีกด้วย นี่ถ้าเอามาให้เธออบรม เธอจะบ่มเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า“เอาเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู”“ฉันทำได้แน่ แล้วเธอจะได้รู้จักฉันดีขึ้น” มาลินีผละจากช่อดาวมา โดยไม่หันไปมองอีกเลย แม้เธอจะรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหล่อนอยู่บ้างก็เถอะ เธอสั่งพนักงานให้จัดการดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินไปหาสาม
“ผมคงไม่ได้มาเยี่ยมท่านอีก ขอให้มีความสุขกับคุก ลาตลอดชาตินะครับ”เมื่อจบธุระที่แดนคุมขังนักโทษ ชายหนุ่มเดินทางไปยังสถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวของอธีน่ากรุ๊ป เพื่อพบกับภรรยาที่รออยู่ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเครื่อง ออกเดินทางไปยังครีตในวันนี้ คฤหาสน์อันน่าสะพรึงกลัวถูกบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่จนกลายเป็นคฤหาสน์แสนสวยที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ สวนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และทุ่งดอกไม้สีม่วงสดได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างเหมาะสม มีการตกแต่งสวนหย่อมภายในรั้วเหล็กและปลูกดอกไม้เพิ่มเติมจนเต็มแน่นทุกพื้นที่ ตกแต่งด้วยลานน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ มีผีเสื้อบินว่อนสร้างความมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเคยเปรียบดั่งนรก บัดนี้กลับกลายเป็นสวรรค์ราวกับถูกเสก“สวยถูกใจคุณไหม” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ “ที่โยนเหรียญส่วนตัวของคุณ”หญิงสาวยังคงมองสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง“คุณทำได้ยังไง สวยจนจำบรรยากาศเดิมแทบไม่ได้”“บอกแล้วว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง”“นอกจากมีเงินแล้ว ต้องเจ้าเล่ห์ขี้โกงด้วย”“ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”“ฉันด่าต่างหาก”“ถ้างั้น เมียด่า แปลว่าจะเจริญ”เธอหัวเราะกับความกะล่อนของสามี เขาหัวเราะตาม ความส
เขาพูดจบก็หันหลังขวับ จะเดินจาก หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเร่งร้อน“เดี๋ยวค่ะ” เธอประคองตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนร่างเซเกือบจะล้ม ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้ามาจับตัวเธอไว้ แต่เธอไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ เธอผละจากเขา เดินไปหาผู้ชายที่กำลังจะจากไป “ฉันต้องขอโทษแทนพ่อของฉันด้วยนะคะ ที่มีส่วนทำให้คุณต้องเป็นทุกข์และมีชีวิตที่เดียวดายมาโดยตลอด”เขาหยุดฝีเท้า แต่ไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาว“ได้โปรด อย่าเป็นทุกข์อีกเลยนะคะ เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีความสุขกับทุกวัน”เขาหัวเราะในลำคอเบาๆราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลก เขาตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เขายิ้มมุมปาก สีหน้ามีกลิ่นเย้ยหยันนิดๆติดอยู่อย่างจับได้ ครานี้แหละ เธอถึงตระหนักว่าสองหนุ่มหน้าเหมือนกันไม่น้อย“ถ้านี่เป็นคำอวยพร ก็ขอบคุณ แต่ถ้าอยากให้ผมมีความสุขจริงๆละก็ คุณก็เลิกกับหมอนั่นเสียสิ แล้วมาอยู่กับผมที่นี่แทน”วิกเตอร์รีบเดินมาดึงตัวเธอไปอยู่ข้างๆทันที เหมือนกลัวจะถูกโฉบไป“มันจะมากไปแล้วนะโว้ย เธอเป็นเมียฉัน เป็นน้องสะใภ้ของนายนะ”นีโอนาสทำหน้าหยัน“ใครจะสน”น้องชายชี้หน้าพี่ชาย หญิงสาวรีบจับแขนคนใจร้อนไว้เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนจากชี้เป็นก
“ช่วยไม่ได้ มันอยากโง่เองนี่นา” วิกเตอร์ไม่แปลกใจเลย เขาพอจะเดาเรื่องนี้ออกตั้งแต่ที่รู้ความจริงแล้ว สำหรับหญิงสาวก็เช่นเดียวกัน เธอนึกไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะเห็นความซื่อสัตย์ของปู่เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เธออยากจะทุบหัวหมอนี่ให้ยุบไปเลย“เขาไม่รู้หรอก ว่าฉันแอบมองมาจากตู้เสื้อผ้า ด้วยสายตาแน่วแน่ เพื่อจะจดจารรายละเอียดทั้งหมด เพื่อฝังเอาไว้ในหัวสมอง” ภาพในอดีตย้อนกลับมาให้เขาคลั่ง เขาเล่าเหมือนกำลังมองเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ “ตอนที่เขาตบหน้าลูกชายของเขาด้วยความแรง และประกาศตัดขาดความเป็นพ่อลูก ฉันเฝ้ามองด้วยความสะใจ และบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆเข้าไว้ และรอคอยให้เวลานี้มาถึง พระเจ้า และเธอก็มาที่นี่ มาเพื่อฉันจริงๆด้วย”น้ำเสียงของเขาน่ากลัวนัก วิกเตอร์หายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ หัวใจเต้นเร่า หวาดหวั่นว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายจากคนสติหลุด เขาจ้องมองหญิงสาวชนิดไม่ยอมกระพริบตา แต่เจ้าหล่อนกลับมีสีหน้าสงสัยมากกว่าจะหวาดกลัว นั่นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มผู้กำความแค้น เต้นถี่ยิบและรุนแรงเหมือนจะระเบิดออกมา มันกระทุ้งลำตัวของเธอจนรู้สึกได้เป็นไปได้ไหมที่หมอนี่กำลังหวาดก