โหลฉางเยว่กลับไปที่บ้านเช่าเพื่อเก็บสัมภาระ“เยว่เยว่กลับมาแล้วเหรอ? ฉันยังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าวันนี้เธอไม่กลับมาอีก ฉันจะต้องตามหาเธอกลับมา ต่อให้ฉันต้องไปหาทีละโรงพยาบาลก็เถอะ”“อือ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”เฉียวซีซี รูมเมทของโหลวฉางเยว่ และก็เป็นรูมเมทสมัยมหาลัยของเธอด้วย ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาร่วมหกเจ็ดปีแล้ว และความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ดีมากไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นห่วงโหลวฉางเยว่จากใจจริง แต่ว่าโหลวฉางเยว่ไม่ได้บอกความจริงเธอ บอกแค่ตัวเองป่วยเท่านั้น และก็ไม่ให้เธอมาเยี่ยมตามหาด้วยเฉียวซีซีเปลี่ยนรองเท้าสลิปเปอร์ก่อนจะเดินมาหน้าประตูห้องของเธอ แล้วเธอก็เห็นโหลวฉางเยว่ที่นั่งพับผ้าอยู่บนพื้น“เธอจะไปดูงานต่างเมืองอีกแล้วเหรอ? เพิ่งหายป่วยก็จะไปอีกแล้ว ร่างกายเธอไหวเหรอ? อิตาเหวินเหยียนโจวผู้ชายหัวสุนัขนั่นชั่ว ทำไมถึงเลวขนาดนี้นะช้าขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ เอาแต่ทรมานเธออยู่นั่น!”เฉียวซีซีรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเหวินเหยียนโจว และเธอก็ไม่ค่อยถูกชะตาเหวินเหยียนโจวมาตลอดโหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเธอไปครั้งนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอจึงบอกความจริงไปว่า “ฉันถูกส่งไปดูงาน
เพื่อนร่วมงานตั้งใจวางแผนให้เธอ “ฉางเยว่ เธอเคยคิดไหม? สัญญาจ้างงานของเธอ อีกหนึ่งเดือนก็หมดสัญญาแล้ว ถ้ากลับมาไม่ได้ ประธานเหวินอาจจะไม่ต่อสัญญาให้เธอนะ หมดสัญญาก็ปลดอัตโนมัติ พูดอีกแบบก็คือ ถึงจะสิ้นสุดสัญญาการจ้าง เธอก็ต้องกลับที่บริษัทหลักค่อยจบ แบบนี้ประวัติเธอถึงจะสวยนะ”โหลวฉางเยว่แม้จะไม่ได้คิดสิ่งนี้ แต่ก็คิดว่าตัวเองควรไปดูกับตาวันที่เหวินเหยียนโจวมาที่สาขาย่อยบริษัท เธอตั้งใจแต่งหน้าอย่างดี สวมใส่ชุดเดรสสีขาว รออยู่ที่หน้าประตูบริษัทหลังจากนั้นสิบนาที รถเก๋งสามคันขับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จอดอยู่นิ่ง ๆ ตรงข้างล่างบันไดประตูรถเปิดออก เหวินเหยียนโจวลงจากรถมาก่อน โหลวฉางเยว่ยังไม่ทันยิ้มมุมปาก ต่อมาก็เห็นอีกคนหนึ่งลงมาจากประตูรถอีกฝั่งหนึ่งไป๋โหยวสิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น เหวินเหยียนโจวไปที่ไหนก็พาเธอไปด้วยจริง ๆขาเธอชะงักไปสักพัก ก็ยังเดินเข้าไปต่อแล้วเรียกอย่างเคารพ “ประธานเหวิน”สายตาเหวินเหยียนโจวตกอยู่บนตัวเธอ เขาไม่ได้ตอบเธอ แต่เดินก้าวไปที่บันได เข้าไปที่บริษัทพร้อมผู้จัดการสำนักงานใหญ่โหลวฉางเยว่มองดูเบื้องหลังของเขา เขาชอบใส่ชุดสูทสีดำมาตลอด เสื้อผ้าสั่งตัดเหม
ประตูห้องประชุมถูกล็อก มาเกือบหนึ่งชั่วโมง โหลวฉางเยว่ให้ทิชชู เปียกแอลกอฮอล์จำนวนหลายแผ่นเช็ดโต๊ะประชุมให้สะอาดจัดเก็บเสร็จแล้ว เธอหันหลัง เห็นเหวินเหยียนโจวกลับสู่สภาพที่เสื้อเป็นระเบียบ และเย่อหยิ่งสูงส่ง เพียงแค่ตั้งใจมอง ถึงจะเห็นความยับเล็กน้อยบนเสื้อ พิสูจน์ว่าเมื่อกี้เขาที่อดกลั้นไม่อยู่โหลวฉางเยว่หยิบเนคไท เดินเข้าไปใส่ให้เขาเหวินเหยียนโจวชินกับการปรนนิบัติของเธอ เขายกคางขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนิ้วของโหลวฉางเยว่สอดเข้าไป ใส่ เนคไทให้เรียบร้อย กล่าวเบา ๆ "ฉันอยากกลับบริษัทหลัก"ดวงตาของเหวินเหยียนโจวหรี่ลงเล็กน้อย มองเห็นผู้หญิงเลิกคิ้ว เขากล่าวเบา ๆ “ผมพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โครงการไม่เสร็จไม่ต้องกลับบริษัทหลัก ในเมื่อตอนนี้โครงการได้สำเร็จแล้ว เธออยากกลับ ก็ ไม่มีใครห้ามเธอ”จากนั้น เหวินเหยียนโจวได้ตรวจสอบโครงการสิ้นสุดแล้ว กลับเมืองเซินเฉิน ในทีมมีโหลวเยว่ฉางเพิ่มเข้ามาอีกคนไป๋โหยวเอียงหน้าถามเหวินเหยียนโจว “ประธานเหวิน พี่ฉางเยว่กลับไปกับพวกเราได้แล้วเหรอ?”เหวินเหยียนโจวมองดูเอกสารพร้อมพยักหน้า ไป๋โหยวเผยรอยยิ้มที่ร่าเริงทันที “ดีจังเลย พี่ฉางเยว่ออกทำงานนอกสถานที่ส
ความสนใจของโหลวฉางเยว่ถูกลบล้างออกไปในชั่วขณะนี้หลังจากนั้นไม่ว่าเหวินเหยียนโจวทำกี่ครั้ง เธอก็ไม่มีความรู้สึกอะไรครอบครัวสอนมาดี สืบทอดมา ไม่ชอบทำอะไรกันก่อนแต่งงานหมายความว่าไง? เขาจะแต่งงานกับไป๋โหยวเหรอ?…… โหลวฉางเยว่กลับไปทำงานที่ปี๋หยุน ยังคงเป็นเลขาของเหวินเหยียนโจว แต่จากเลขาสูงสุดเปลี่ยนมาเป็นเลขาธรรมดาๆโต๊ะทำงานเก่าของเธอกลายเป็นของไป๋โหยวแล้ว โต๊ะของเธอ เป็นทำได้แค่ใช้โต๊ะตัวนั้นตอนที่ไป๋โหยวเคยใช้ตอนเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างประตู ในมุม ไม่มีความโดดเด่น เพราะไม่มีคนใช้งานมานาน บนโต๊ะมีสิ่งของมากมาย เธอกลับมาอย่างกะทันหัน ฝ่ายธุรการยังไม่ได้จัดให้คนมาจัดการเรื่องนี้สถานการณ์แบบนี้ตามจริงแล้วรู้สึกน่าอายเล็กน้อย โหลวฉางเยว่สีหน้าเฉยเมย จัดเก็บด้วยมือของตนเองเมื่อไป๋โหยวถึงออฟฟิศ เห็นแบบนี้ก็รีบวิ่งเข้ามา “พี่ฉางเยว่ ขอโทษนะ ตอนแรกฉันอยากรีบมาทำความสะอาด แต่ระหว่างทางรถติดน่ะ เดี๋ยว เดี๋ยวฉันจะจัดของออกมาคืนให้เธอตอนนี้เลย”โหลวฉางเยว่บีบผ้าเช็ดโต๊ะ เช็ดฝุ่นออก “ของใช้เป็นของบริษัทหมดเลย ไม่ใช่ของฉัน ไม่มีอะไรต้องคืนฉัน ประธานเหวินให้เธอนั่งที่ไหน เธอก็นั่งที่นั่น
โหลวฉางเยว่มีความอึดอัดและโมโห เดินไปตรงข้ามถนนซื้อยาในร้านยา เมื่อถึงเวลาคิดเงิน เธอได้รับสายจากคุณแม่ของเหวินเหยียนโจว “ฉางเยว่ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง? ทำไมไม่กลับมาเยี่ยมที่บ้านเลย?”โหลวฉางเยว่ยิ้ม “ป้าคะ ฉันสบายดี ก่อนหน้านี้ยุ่งกับงานหน่อย ช่วงนี้จัดการงานเสร็จแล้ว สุดสัปดาห์นี้จะกลับไปเยี่ยมท่านและคุณลุงนะคะ”“ในเมื่อยุ่งเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องรอสุดสัปดาห์แล้ว คืนนี้เลยแล้วกัน เธอกับเหยียนโจวกลับมาบ้านทานข้าวด้วยกัน ฉันทำกับข้าวที่พวกเธอชอบกินเอง” โหลวฉางเยว่ “ค่ะ ฉันจะบอกประธานเหวินนะคะ”คุณนายเหวินโมโหเล็กน้อย “อย่าเอาแต่เรียกประธานเหวินประธานเหวิน ดูไม่สนิทกันเลย พวกเธออยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนเรายังปรึกษาเรื่องแต่งงานของพวกเธออยู่เลย”“…?” โหยวฉางเยว่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ เกือบล้มอยู่ตรงบันไดร้านขายยางานแต่ง ของพวกเขาเหรอ?ดวงตาเธอเป็นประกาย ทำไมไม่เคยนึกถึง คุณนายจู่ ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้คุณนายเหวินจริง ๆ แล้วไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเหวินเหยียนโจว แต่เป็นแม่บุญธรรม โหลวฉานเยว่รู้คร่าว ๆ ว่า ตระกูลเหวินมีความลับที่ไม่มีใครยรู้มาก่อน เพราะเรื่องนั้น ความสัมพันธ์ขอ
เมื่อเวลาใกล้เลิกงาน โหลวฉางเยว่เข้าไปที่ออฟฟิศประธาน วางเอกสารลง จากนั้นก็พูดว่า “คุณป้าโทรมาหาฉันตอนกลางวัน ให้เรากลับไปทานมื้อค่ำ ประธานเหวิน คุณไม่ได้กลับไปครึ่งปีแล้วนะ” เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “เธอติดต่อกับที่บ้านผมบ่อย ๆ เหรอ?”“เปล่า” โหลวฉางเยว่ตอบ “ทุกครั้งก็เป็นคุณป้าโทรมาหาฉันก่อน”เหวินเหยียนโจวมองดูนาฬิกาโยนกุญแจรถให้เธอ “เธอมาขับรถ ผมให้คนขับส่งไป๋โหยวกลับบ้าน”โหลวฉางเยว่ตามหลังเขา มองดูเบื้องหลังเขา มีประโยคหนึ่งที่อยากพูดออกมามาก เธออ้าปาก แต่ก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เธอกลัวคำตอบที่ได้ยิน จะได้ยินคำตอบที่เธอคาดเดาไว้……อาหารมื้อดึกบนโต๊ะตระกูลเหวิน คุณนายเหวินคีบอาหารให้โหลวฉางเยว่มาตลอด “ทำไมผอมลงเยอะเลยล่ะ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายแล้วใช่ไหม?”เหวินเหยียนโจวเดิมทีก็เป็นคนที่เยือกเย็นทั้งนิสัยและภายนอกเป็นคนพูดน้อย ยิ่งอยู่ในบ้านตระกูลเหวิน นอกจากทักทายประธานใหญ่เหวินแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีกเลยเขามองดูผู้หญิงรับมือกับพ่อแม่ของเขาอย่างเฉยเมย จับหน้าตัวเอง ยิ้มกล่าว “เปล่านี่คะ คงเป็นเพราะวันนี้ทาสีลิปผิดน่ะค่ะ ฉันกลับไปก็จะเอาไปทิ้ง”เลขาประธานส
โหลวฉางเยว่จอดรถเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปหา “ประธานเหวินคะ” ไฟบนถนนสลัว ทำให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมของชายหนุ่มออกมาแค่ราง ๆ เขาไม่ได้มองโหลวฉางเยว่ และบุหรี่ที่อยู่ตรงปลายนิ้วก็กะพริบอยู่โหลวฉางเยว่ถอนหายใจอยู่ในใจ เธอมองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่ไม่ไกล จึงเดินเข้าไปซื้อข้าวปั้น และอุ่นร้อนในร้านสะดวกซื้อมาเรียบร้อย ซึ่งสามารถกินได้เลย “ตอนเย็นคุณยังไม่ได้กินอะไรสักเท่าไหร่ รองท้องก่อนนะคะ อย่าให้ท้องกระเพาะ อีกค่ะ” เหวินเหยียนโจวเหลือบมองไปที่เธอ ก่อนจะรับมา โหลวฉางเยว่พูดเสียงเบา “แม้ว่าคุณจะไม่พอใจในสิ่งที่ท่านผู้อำนวยการเหวินพูด ก็ไม่ควรจะแย้งกลับขนาดนั้นนะคะ ท่านความดันขึ้นได้ง่าย หลายปีก่อนก็เข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งแล้ว……” เหวินเหยียนโจวหัวเราะเยาะขึ้นมา แล้วโยนข้าวปั้นออกไป ก่อนจะคว้าตัวของโหลวฉางเยว่เอาไว้ จากนั้นก็เปิดประตูรถ แล้วกดเธอลงกับเบาะหลังรถ! การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลมาก โหลวฉางเยว่รู้สึกแค่ว่าโลกกำลังหมุนอยู่ตรงหน้า และยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ขาทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับแยกออกจากกัน เส้นประสาททุกเส้นของเธอ
วันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ได้ติดตามเหวินเหยียนโจว เพื่อตามมิสเตอร์สมิธคนเมื่อวานนั้นไปยังโรงงานผลิตเรือมังกร ปี๋หยุนกรุ๊ปร่วมลงทุนเป็นสิ่งหลัก เป็นหนึ่งในบริษัทการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งล้วนมีโครงการในการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ และมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ส่วนสถานะทางสังคมก็มีบทบาทที่สำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นจึงได้เป็นผู้นำในการสนับสนุนโครงการของรัฐบาลอีกด้วย อาทิ โรงงานผลิตเรือมังกรที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งนี้ โหลวฉางเยว่เก็บกิริยาท่าทางและอารมณ์แบบเมื่อคืนไว้ และยืนเคียงข้างเหวินเหยียนโจวตามปกติของตำแหน่งเลขานุการของท่านประธาน ในเวลาที่เธอจำเป็นต้องพูดก็จะพูด และในเวลาที่เธอไม่จำเป็นต้องพูดเธอก็จะติดตามไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น ภายในโรงงานขนาดใหญ่นี้ เรือมังกรหลายสิบลำที่หลากหลายสีสันและลวดลาย รวมทั้งรูปลักษณ์ที่ต่างกันออกไป ได้ถูกจัดวางเอาไว้ หัวหน้าโรงงานได้แนะนำให้กับพวกเขา และสมิธได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หัวหน้าโรงงานภาคภูมิใจ “เรือเหล่านี้มีความยาวเพียงสิบแปดเมตรเท่านั้นครับ ซึ่งเรากำลังผลิตเรือมังกรที่ยาวที่สุดในโลกอยู่ โดยมีความยาวทั้งหมด