Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-12 13:04:41

นี่แม่ข้าเอง

บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน บุคคลภายในห้องมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้า

หญิงหนึ่งชายสี่!

ตามหลักการแล้วควรจะเป็นสตรีที่ต้องเกร็งเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุรุษหลายคน แต่ในกรณีนี้ ‘ไม่’

สตรีเพียงหนึ่งเดียวในห้องจ้องหน้าชายหนุ่มทั้งสามอย่างสำรวจ คนถูกจ้องรู้สึกร้อนรนจนนั่งไม่ติดที่

“ท่านแม่ เลิกจ้องพวกเขาเถอะขอรับ พวกเขาเกร็งกันหมดแล้ว”

หลันเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือว่าจะสงสารสหายดี

หลังจากที่แยกย้ายกับเฉียนจิ่นหง หลันเฟิงก็พาชุนเอ๋อร์ไปยังเรือนขนาดกลางหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมพอสมควร

สหายทั้งสามไม่เชื่อว่าชุนเอ๋อร์คือมารดาของเขา ทว่าหลันเฟิงคร้านจะอธิบายจึงได้แต่แนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน

“ท่านแม่ขอรับ นี่คือโจวฉือเหอ จางจงกว่าน เกาจี้เฉิน”

หลันเฟิงแนะนำพวกเขาตามลำดับเก้าอี้ที่นั่งล้อมโต๊ะอยู่

โจวฉือเหอมีบุคลิกสุภาพ ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน

จางจงกว่านดูเป็นคนขี้เล่นเข้ากับคนอื่นง่าย

เกาจี้เฉินเป็นคนนิ่ง ๆ ลักษณะคล้ายหลันเฟิง ต่างกันตรงที่เกาจี้เฉินเงียบมาก ตั้งแต่เข้ามาในนั่งในห้อง ชุนเอ๋อร์ยังไม่ได้ยินเสียงพูดเลยแม้แต่คำเดียว

“ในเมื่อเป็นสหายของเฟิงเอ๋อร์ เช่นนั้นเรียกข้าว่าแม่ก็ได้”

ชายหนุ่มทั้งสามชะงักไป พวกเขาต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า

ให้เรียกนางว่าแม่หรือ มันจะกระดากปากไปหรือไม่

“เอ่อ…คงไม่เหมาะขอรับ”

โจวฉือเหอเป็นคนกล่าวขึ้นมาก่อน ในความคิดของเขา แม้จะเป็นสหายแต่ก็ยังเป็นลูกน้องด้วย จะเรียกท่านแม่ก็คงไม่เหมาะ อีกอย่างใบหน้านางอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้

ใครจะกล้าเรียก!

ชุนเอ๋อร์เห็นสีหน้าลำบากใจของพวกเขาก็ไม่ได้คะยั้นคะยอ

“เช่นนั้นให้เรียกว่าอะไรดี”

ในความคิดของสามหนุ่ม จะเรียกอะไรก็ไม่ติด ขอเพียงไม่เรียกมารดาก็พอ!

หลันเฟิงเห็นทุกคนยังติดปัญหาที่คำเรียกจึงได้เสนอ

“เช่นนั้นให้พวกเขาเรียกท่านว่าเสี่ยวกูกุ[1]ดีหรือไม่”

หลันเฟิงไม่อยากให้ใครรู้ว่าชุนเอ๋อร์เป็นมารดาของเขา เรื่องนี้รู้กันให้น้อยเท่าไรได้ยิ่งดี

ต้องปิดจุดอ่อนเอาไว้!

“เข้าท่า เช่นนั้นต่อจากนี้เสี่ยวเหอ เสี่ยวกว่าน เสี่ยวเฉินเรียกข้าว่าเสี่ยวกูกุนะ”

บุรุษทั้งสามหน้าแดงกันเป็นแถบ ๆ พวกเขาสามคนเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรมา รู้สึกไม่ชินที่โดนเรียกแบบนี้

“พวกเจ้าตามใจท่านแม่เถอะ!” ประโยคนี้แฝงความกดดันไม่น้อย ชายหนุ่มทั้งสามทำอะไรไม่ได้นอกจากเอ่ยคำว่า

“ก็ได้/แล้วแต่/ตามสบายขอรับ” ทั้งสามกล่าวพร้อมกัน

ชุนเอ๋อร์ที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเอ็นดู “น่ารักจริง ๆ”

“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์พาท่านไปดูห้องพักในคืนนี้ดีหรือไม่”

หลันเฟิงเสนอ เพราะจะได้หาเวลาตกลงกับสหายเรื่องสถานะใหม่ของเขา ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ หลันเฟิงยังไม่อยากให้มารดาทราบสถานะที่แท้จริงของเขา

“ได้”

หลันเฟิงพยุงชุนเอ๋อร์ขึ้นจากเก้าอี้พากันเดินออกจากห้องนี้ไป

“ท่านแม่หิวหรือไม่”

“แม่ไม่ทานมื้อค่ำมานานแล้ว ไม่หิวเลย”

เมื่อเสียงของสองแม่ลูกห่างออกไปจนไม่ได้ยินแล้ว สามหนุ่มที่อยู่ในห้องก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

จางจงกว่านกล่าวด้วยความสงสัย

“ไม่คิดว่ามารดาของท่านประมุขอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ พวกเจ้าเชื่อว่าเป็นมารดาเขาจริงหรือไม่”

เห็นสีหน้าของสหายทั้งสอง จางจงกว่านก็ทราบแล้วว่าทั้งคู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“พวกเขาหน้าคล้ายกันกว่าแปดส่วน”

“หรือจะเป็นพี่สาวล่ะ พี่สาวก็หน้าคล้ายกันได้ ท่านประมุขกลัวพวกเราเกี้ยวนางเลยโกหกว่าเป็นมารดา”

เกาจี้เฉินมองจางจงกว่านด้วยหางตา “ท่านประมุขไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

โจวฉือเหอเอ่ยต่อ “หรือต่อให้ทำจริง ก็คงเพื่อปกป้องนางออกห่างเจ้า”

“นี่พวกเจ้า!”

“หรือไม่จริง”

จางจงกว่านชี้หน้าสหายเพราะถูกปรักปรำว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่เมื่อเถียงกลับไม่ได้ก็สะบัดหน้าใส่

“เหอะ!”

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจนกระทั่งหลันเฟิงเดินเข้ามาในห้องกอดอกมองคนที่อายุน้อยกว่าตนไม่กี่ปี

“พวกเจ้าคลางแคลงใจสินะ”

“ขออภัยท่านประมุข แต่มันดูน่าเชื่อถือยากไปหน่อย”

โจวฉือเหอสบตาหลันเฟิงไม่หลบหลีก ไม่ใช่ไม่อยากเชื่อ แต่พยายามเชื่อแล้วแต่เชื่อไม่ลง

หลันเฟิงกล่าวความในใจ...

“ข้าเองก็ไม่คิดว่าท่านแม่จะมีความสามารถเช่นนี้ รวมถึงท่านลุงเฉียนด้วย”

“บุรุษที่อยู่กับนางใช่หรือไม่”

จางจงกว่านถามหลันเฟิงจึงพยักหน้ารับ

“ท่านประมุขกำลังสงสัยสิ่งใดอยู่หรือ”

หลันเฟิงมองหน้าโจวฉือเหอแล้วตอบ

“ชาติกำเนิดมารดาข้าอาจจะไม่ธรรมดา คงเกี่ยวกับท่านลุงเฉียนไม่มากก็น้อย”

“จะสืบหาหรือไม่”

“ทางให้สืบหามีอยู่ แต่ข้าไม่ทำ!”

หลันเฟิงพลันมีแววตาอำมหิต พวกเขาเคยเห็นแววตาเช่นนี้จากหลันเฟิงมาก่อนตอนที่พูดถึงบิดา

“สี่คนนั้นจัดการเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” หลันเฟิงรีบปรับอารมณ์แล้วกลับมาคุยเรื่องงานต่อ

“ขอรับ เด็ก ๆ มารับกลับไปที่พรรคสาขาใหญ่แล้ว”

หลันเฟิงพยักหน้ารับ อารมณ์ของเขาในตอนนี้ต่างจากตอนอยู่กับมารดาลิบลับ

ตอนอยู่กับชุนเอ๋อร์ยังมีความอ่อนโยนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มีแต่ความเย็นชาแผ่ออกมาจากร่างสูง

“ถ้าพวกมันไม่ยอมสารภาพก็ไม่ต้องเค้นให้เสียเวลา จัดการโยนลงทะเลเสีย จะรอดหรือไม่แล้วแต่เวรกรรม คนที่ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุก”

“ขอรับ”

“หากท่านแม่ถามว่าพวกเราทำงานอะไร บอกนางไปว่ารับจ้างคุ้มกันภัยก็พอ ข้าไม่อยากให้นางรู้เรื่องที่ข้าเป็นประมุขพรรคมาร”

“ขอรับท่านประมุข”

[1] กูกุ หมายถึง หมายถึง ป้า,น้า ใส่คำว่า ‘เสี่ยว’ ที่แปลว่า เล็ก,น้อย เข้าไปจะให้ความอ่อนเยาว์มากขึ้น
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 97

    “ก็...ก็เมื่อครู่เจ้าออกหน้าช่วยข้าไว้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าข้าให้เจ้าผ่านด่านนะ แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้า” “คู่ที่สองรอบนี้ การแข่งขัน…เริ่มได้!” ชุนเอ๋อร์หันไปสนใจที่เวทีประลองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นเกาจี้เฉินที่เป็นคนลงสนามประลอง อาวุธที่ใช้ในรอบนี้คือมีดสั้น ทำให้ชุนเอ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 96

    ๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 95

    “ลู่ฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ขออธิบายอีกครั้งว่าเราสองคนเป็นเพียงแค่พี่น้องที่สนิทกันมากเท่านั้น ดูเหมือนฮูหยินจะยังเข้าใจความสัมพันธ์ของเราอย่างผิด ๆ” “เหอะ! พี่น้องท้องชนกันสิไม่ว่า” สาวใช้คนสนิทของจิงเหมยกล่าวอย่างเหยียดหยันอีกครั้ง เมื่อก่อนแม่สาวใช้คนนี้ก็ทำเจ็บแสบกับชุนเอ๋อร

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status