๓
เขาเปลี่ยนไป
ชายชุดดำจ้องหน้าสตรีร่างเล็กใบหน้าอ่อนเยาว์นิ่งงัน เขายกมือทั้งสองข้างกุมศีรษะตนเองอย่างคนอัดอั้นตันใจทำอะไรไม่ถูก
เขาเห็นชุนเอ๋อร์ครั้งแรกก็ชะงักแล้ว!
ปกติเมื่อได้ออกแรงต่อสู้ เขามักจะเล่นสนุกกับคู่ต่อสู้ด้วยการค่อย ๆ เฉือนพวกเขาไปที่ละนิดอยู่เสมอ
แต่เพราะชุนเอ๋อร์ทำให้เขาต้องรีบปิดการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด ชายชุดดำที่เหลือซึ่งเป็นทั้งลูกน้องพ่วงด้วยสถานะสหายเห็นเขาทำเช่นนั้นจึงได้ทำตาม
“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกลัว”
เสียงทุ้มเจือแววอ่อนโยนมากกว่าปกติเอ่ยขึ้น มือหนาจับไปที่ผ้าคลุมหน้าแล้วค่อย ๆ ดึงผ้าออกจนเผยใบหน้าหล่อเหลา
“เจ้าคือ…”
ชุนเอ๋อร์นิ่งค้าง สำรวจใบหน้าเขาอย่างละเอียด ไล่สายตาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วไล่จากเท้าขึ้นมาใบหน้า
ตอนนี้นางมีหลายอารมณ์มาก แต่ชัดเจนที่สุดคือ ‘ตกใจ’
“ข้าเองขอรับ เฟิงเอ๋อร์ หวงหลันเฟิง”
หลันเฟิงเอื้อมมือไปจับแขนเล็กของมารดาให้เข้ามายืนใกล้ ๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนอีกครั้งเพราะเห็นนางเงียบไป
“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์เองขอรับ”
อาการหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่างของชุนเอ๋อร์ทำให้เขาร้อนใจยิ่งกว่าเดิม
“ฟะ เฟิงเอ๋อร์ของแม่จริงหรือ”
เพียงสิบปีผ่านไป เขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรือ
ชุนเอ๋อร์สำรวจหลันเฟิงอย่างละเอียด มองให้ลึกว่าเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
“ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”
หลันเฟิงยิ้มให้ชุนเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสได้ว่านางลดอาการเกร็งลงได้บ้างแล้วจึงได้ปล่อยมือออกจากตัวนาง
“เดิมทีตั้งใจจะกลับไปหาท่านภายในสามวันนี้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านแม่ในวันนี้ แล้วยังให้ท่านแม่เห็นข้าในสภาพนี้อีก เฟิงเอ๋อร์ละอายใจนัก”
“เฟิงเอ๋อร์เป็นอันธพาลหรือ”
ชุนเอ๋อร์ยอมรับว่าภาพการกระทำของชายชุดดำในวันนี้ทำให้นางมองพวกเขาในแง่ดีไม่ได้เลย ใครจะไปคิดว่าภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำ จะเป็นบุตรชายของนางเอง
“ท่านแม่...”
หลันเฟิงกล่าวอะไรไม่ออก ภาพลักษณ์น่ารัก ๆ ร่างจ้ำม่ำของเขาในสายตามารดาได้อันตรธานแล้ว
“ท่านแม่อย่ามองเฟิงเอ๋อร์ในแง่ร้ายเลยนะขอรับ เฟิงเอ๋อร์เป็นลูกผู้ชาย เรื่องเตะต่อยเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ”
“อ้อ สำหรับลูกแล้ว ใช้กำปั้นในการแก้ปัญหาคือเรื่องธรรมดามากสินะ”
เห็นมารดาน้ำตาคลอเบ้า หลันเฟิงพลันเจ็บปวดใจขึ้นมาในทันที
ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 15 หนาว เขาแสดงแต่ด้านน่ารักให้มารดาเห็น ไม่แปลกหากวันนี้มารดาได้เห็นเขาเตะต่อยกับอันธพาลแล้วรับไม่ได้
“เฟิงเอ๋อร์มีความจำเป็น…”
“แล้วความจำเป็นอันใดถึงต้องลากแม่มายังตรอกแห่งนี้”
“เฟิงเอ๋อร์อยากสนทนากับท่านแม่เป็นการส่วนตัว” หลันเฟิงกล่าวเสียงอ่อน
ชุนเอ๋อร์เห็นบุตรชายหน้าจ๋อยจึงรู้ว่าตนเริ่มทำตัวไม่น่ารัก ถอนหายใจแผ่วเบาแล้วเอื้อมมือไปจับแขนแกร่ง
“เอาเถอะ! ท่านลุงเฉียนคงรออยู่ที่โรงเตี๊ยม รีบกลับไปกันเถิด”
“ขอรับ”
สองแม่ลูกเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งจึงเห็นว่าเฉียนจิ่นหงกำลังยืนรอชุนเอ๋อร์อยู่บริเวณด้านหน้าโรงเตี๊ยม ท่าทางของเขานิ่งสงบ ไม่ได้กระวนกระวายใจ
“คุยกันเสร็จแล้วหรือ”
ท่าทางสบาย ๆ ของเขาทำให้ชุนเอ๋อร์เริ่มเข้าใจอะไรแล้ว
“พี่เฉียนรู้อยู่แล้วหรือเจ้าคะว่าเป็นเฟิงเอ๋อร์”
เฉียนจิ่นหงยิ้มบาง “หากไม่ใช่เขา ข้าคงตามเจ้าไปแล้ว”
“เป็นข้าที่หัวช้าตลอดเลย เฟิงเอ๋อร์ทักทายท่านลุงสิ”
“เฟิงเอ๋อร์คารวะท่านลุงเฉียนขอรับ”
หลันเฟิงทำความเคารพเฉียนจิ่นหงอย่างนอบน้อม ในใจคิด...
เข้าปีที่ยี่สิบแล้ว ท่านลุงเฉียนยังคงมองท่านแม่เหมือนเดิม ไม่ใช่สายตาของชายหนุ่มที่มองหญิงสาว แต่เป็นสายตาของพี่ชายที่มองน้องสาว
“เฟิงเอ๋อร์โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว”
“ขอรับท่านลุง ข้าสำเร็จวิชายุทธ์แล้ว ต่อจากนี้จะไม่หนีจากท่านแม่ไปไหนอีก”
ชุนเอ๋อร์มองหน้าชายต่างวัยทั้งสองสลับกับมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมืดครึ้ม
“พี่เฉียนเจ้าคะ ดูเหมือนฝนกำลังจะตก เรากลับกันเลยดีหรือไม่”
เฉียนจิ่นหงเงยหน้ามองท้องฟ้า
“จริงด้วย แต่รีบกลับตอนนี้ได้ติดฝนระหว่างทางแน่ แต่อีกทางหนึ่ง หากไม่กลับตอนนี้ วันนี้ก็คงกลับไม่ได้แล้ว”
ปรกติเฉียนจิ่นหงจะกลับไปส่งนางที่หมู่บ้านแล้วค่อยกลับบ้านตนเอง แต่ถ้าวันนี้ฝนตกก็จะเสียเวลาไปอีก
ชุนเอ๋อร์กังวลว่าจะทำให้เขาเสียงานจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“เช่นนั้นพี่เฉียนกลับก่อนเลยเจ้าค่ะ ข้าอยู่กับเฟิงเอ๋อร์ได้”
หลันเฟิงสำทับคำพูดของมารดาอีกประโยค
“ท่านลุงเฉียนไม่ต้องกังวลนะขอรับ ข้าดูแลท่านแม่ได้”
“อ้อ เช่นนั้นข้าไปละ ฝากมารดาเจ้าด้วยนะ”
มือหนายื่นมาตบไหล่หลันเฟิงเบา ๆ จากนั้นก็หันมาพูดกับชุนเอ๋อร์
“ช่วงนี้ข้าอาจไม่ได้มาหาบ่อย แต่ก็ไม่ต้องห่วงมากแล้ว”
ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจเขา
“เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่เฉียนสำหรับอาหารวันนี้นะเจ้าคะ”
“เอาไว้ว่างแล้วข้าจะมาหาอีก”
“คารวะท่านลุงขอรับ”
สองแม่ลูกมองส่งเฉียนจิ่นหงไปจนลับสายตา จากนั้นทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากัน
“อย่างไรต่อเฟิงเอ๋อร์”
หลันเฟิงรู้สึกดียิ่งนักที่ได้เห็นสายตาหวังพึ่งพาจากมารดาเป็นครั้งแรก ปณิธานในใจเขาคือการทำให้มารดามีความสุข
“ท่านแม่ ต่อจากนี้พึ่งพาเฟิงเอ๋อร์ได้เลยนะขอรับ”
สิบห้าปีในการพึ่งพามารดาเป็นเวลาที่มากเกินไปแล้ว ตอนนี้เขามีกำลังมากพอที่จะปกป้องมารดา เป็นที่พึ่งอันแข็งแกร่งให้แก่มารดาได้
ชุนเอ๋อร์ไม่ได้ตอบรับแต่ยิ้มให้บุตรชายอย่างอ่อนโยน
ส่วนตัวนางคิดว่าดูแลตัวเองได้ดีและสามารถดูแลบุตรชายได้
แต่เมื่อบุตรชายอยากแสดงด้านความเป็นผู้นำออกมา นางก็พร้อมให้เขาทำหน้าที่นี้