Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-05-12 13:02:42

เขาเปลี่ยนไป

ชายชุดดำจ้องหน้าสตรีร่างเล็กใบหน้าอ่อนเยาว์นิ่งงัน เขายกมือทั้งสองข้างกุมศีรษะตนเองอย่างคนอัดอั้นตันใจทำอะไรไม่ถูก

เขาเห็นชุนเอ๋อร์ครั้งแรกก็ชะงักแล้ว!

ปกติเมื่อได้ออกแรงต่อสู้ เขามักจะเล่นสนุกกับคู่ต่อสู้ด้วยการค่อย ๆ เฉือนพวกเขาไปที่ละนิดอยู่เสมอ

แต่เพราะชุนเอ๋อร์ทำให้เขาต้องรีบปิดการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด ชายชุดดำที่เหลือซึ่งเป็นทั้งลูกน้องพ่วงด้วยสถานะสหายเห็นเขาทำเช่นนั้นจึงได้ทำตาม

“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกลัว”

เสียงทุ้มเจือแววอ่อนโยนมากกว่าปกติเอ่ยขึ้น มือหนาจับไปที่ผ้าคลุมหน้าแล้วค่อย ๆ ดึงผ้าออกจนเผยใบหน้าหล่อเหลา

“เจ้าคือ…”

ชุนเอ๋อร์นิ่งค้าง สำรวจใบหน้าเขาอย่างละเอียด ไล่สายตาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วไล่จากเท้าขึ้นมาใบหน้า

ตอนนี้นางมีหลายอารมณ์มาก แต่ชัดเจนที่สุดคือ ‘ตกใจ’

“ข้าเองขอรับ เฟิงเอ๋อร์ หวงหลันเฟิง”

หลันเฟิงเอื้อมมือไปจับแขนเล็กของมารดาให้เข้ามายืนใกล้ ๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนอีกครั้งเพราะเห็นนางเงียบไป

“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์เองขอรับ”

อาการหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่างของชุนเอ๋อร์ทำให้เขาร้อนใจยิ่งกว่าเดิม

“ฟะ เฟิงเอ๋อร์ของแม่จริงหรือ”

เพียงสิบปีผ่านไป เขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรือ

ชุนเอ๋อร์สำรวจหลันเฟิงอย่างละเอียด มองให้ลึกว่าเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

“ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”

หลันเฟิงยิ้มให้ชุนเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสได้ว่านางลดอาการเกร็งลงได้บ้างแล้วจึงได้ปล่อยมือออกจากตัวนาง

“เดิมทีตั้งใจจะกลับไปหาท่านภายในสามวันนี้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านแม่ในวันนี้ แล้วยังให้ท่านแม่เห็นข้าในสภาพนี้อีก เฟิงเอ๋อร์ละอายใจนัก”

“เฟิงเอ๋อร์เป็นอันธพาลหรือ”

ชุนเอ๋อร์ยอมรับว่าภาพการกระทำของชายชุดดำในวันนี้ทำให้นางมองพวกเขาในแง่ดีไม่ได้เลย ใครจะไปคิดว่าภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำ จะเป็นบุตรชายของนางเอง

“ท่านแม่...”

หลันเฟิงกล่าวอะไรไม่ออก ภาพลักษณ์น่ารัก ๆ ร่างจ้ำม่ำของเขาในสายตามารดาได้อันตรธานแล้ว

“ท่านแม่อย่ามองเฟิงเอ๋อร์ในแง่ร้ายเลยนะขอรับ เฟิงเอ๋อร์เป็นลูกผู้ชาย เรื่องเตะต่อยเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ”

“อ้อ สำหรับลูกแล้ว ใช้กำปั้นในการแก้ปัญหาคือเรื่องธรรมดามากสินะ”

เห็นมารดาน้ำตาคลอเบ้า หลันเฟิงพลันเจ็บปวดใจขึ้นมาในทันที

ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 15 หนาว เขาแสดงแต่ด้านน่ารักให้มารดาเห็น ไม่แปลกหากวันนี้มารดาได้เห็นเขาเตะต่อยกับอันธพาลแล้วรับไม่ได้

“เฟิงเอ๋อร์มีความจำเป็น…”

“แล้วความจำเป็นอันใดถึงต้องลากแม่มายังตรอกแห่งนี้”

“เฟิงเอ๋อร์อยากสนทนากับท่านแม่เป็นการส่วนตัว” หลันเฟิงกล่าวเสียงอ่อน

ชุนเอ๋อร์เห็นบุตรชายหน้าจ๋อยจึงรู้ว่าตนเริ่มทำตัวไม่น่ารัก ถอนหายใจแผ่วเบาแล้วเอื้อมมือไปจับแขนแกร่ง

“เอาเถอะ! ท่านลุงเฉียนคงรออยู่ที่โรงเตี๊ยม รีบกลับไปกันเถิด”

“ขอรับ”

สองแม่ลูกเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งจึงเห็นว่าเฉียนจิ่นหงกำลังยืนรอชุนเอ๋อร์อยู่บริเวณด้านหน้าโรงเตี๊ยม ท่าทางของเขานิ่งสงบ ไม่ได้กระวนกระวายใจ

“คุยกันเสร็จแล้วหรือ”

ท่าทางสบาย ๆ ของเขาทำให้ชุนเอ๋อร์เริ่มเข้าใจอะไรแล้ว

“พี่เฉียนรู้อยู่แล้วหรือเจ้าคะว่าเป็นเฟิงเอ๋อร์”

เฉียนจิ่นหงยิ้มบาง “หากไม่ใช่เขา ข้าคงตามเจ้าไปแล้ว”

“เป็นข้าที่หัวช้าตลอดเลย เฟิงเอ๋อร์ทักทายท่านลุงสิ”

“เฟิงเอ๋อร์คารวะท่านลุงเฉียนขอรับ”

หลันเฟิงทำความเคารพเฉียนจิ่นหงอย่างนอบน้อม ในใจคิด...

เข้าปีที่ยี่สิบแล้ว ท่านลุงเฉียนยังคงมองท่านแม่เหมือนเดิม ไม่ใช่สายตาของชายหนุ่มที่มองหญิงสาว แต่เป็นสายตาของพี่ชายที่มองน้องสาว

“เฟิงเอ๋อร์โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว”

“ขอรับท่านลุง ข้าสำเร็จวิชายุทธ์แล้ว ต่อจากนี้จะไม่หนีจากท่านแม่ไปไหนอีก”

ชุนเอ๋อร์มองหน้าชายต่างวัยทั้งสองสลับกับมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมืดครึ้ม

“พี่เฉียนเจ้าคะ ดูเหมือนฝนกำลังจะตก เรากลับกันเลยดีหรือไม่”

เฉียนจิ่นหงเงยหน้ามองท้องฟ้า

“จริงด้วย แต่รีบกลับตอนนี้ได้ติดฝนระหว่างทางแน่ แต่อีกทางหนึ่ง หากไม่กลับตอนนี้ วันนี้ก็คงกลับไม่ได้แล้ว”

ปรกติเฉียนจิ่นหงจะกลับไปส่งนางที่หมู่บ้านแล้วค่อยกลับบ้านตนเอง แต่ถ้าวันนี้ฝนตกก็จะเสียเวลาไปอีก

ชุนเอ๋อร์กังวลว่าจะทำให้เขาเสียงานจึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“เช่นนั้นพี่เฉียนกลับก่อนเลยเจ้าค่ะ ข้าอยู่กับเฟิงเอ๋อร์ได้”

หลันเฟิงสำทับคำพูดของมารดาอีกประโยค

“ท่านลุงเฉียนไม่ต้องกังวลนะขอรับ ข้าดูแลท่านแม่ได้”

“อ้อ เช่นนั้นข้าไปละ ฝากมารดาเจ้าด้วยนะ”

มือหนายื่นมาตบไหล่หลันเฟิงเบา ๆ จากนั้นก็หันมาพูดกับชุนเอ๋อร์

“ช่วงนี้ข้าอาจไม่ได้มาหาบ่อย แต่ก็ไม่ต้องห่วงมากแล้ว”

ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจเขา

“เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่เฉียนสำหรับอาหารวันนี้นะเจ้าคะ”

“เอาไว้ว่างแล้วข้าจะมาหาอีก”

“คารวะท่านลุงขอรับ”

สองแม่ลูกมองส่งเฉียนจิ่นหงไปจนลับสายตา จากนั้นทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากัน

“อย่างไรต่อเฟิงเอ๋อร์”

หลันเฟิงรู้สึกดียิ่งนักที่ได้เห็นสายตาหวังพึ่งพาจากมารดาเป็นครั้งแรก ปณิธานในใจเขาคือการทำให้มารดามีความสุข

“ท่านแม่ ต่อจากนี้พึ่งพาเฟิงเอ๋อร์ได้เลยนะขอรับ”

สิบห้าปีในการพึ่งพามารดาเป็นเวลาที่มากเกินไปแล้ว ตอนนี้เขามีกำลังมากพอที่จะปกป้องมารดา เป็นที่พึ่งอันแข็งแกร่งให้แก่มารดาได้

ชุนเอ๋อร์ไม่ได้ตอบรับแต่ยิ้มให้บุตรชายอย่างอ่อนโยน

ส่วนตัวนางคิดว่าดูแลตัวเองได้ดีและสามารถดูแลบุตรชายได้

แต่เมื่อบุตรชายอยากแสดงด้านความเป็นผู้นำออกมา นางก็พร้อมให้เขาทำหน้าที่นี้
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 97

    “ก็...ก็เมื่อครู่เจ้าออกหน้าช่วยข้าไว้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าข้าให้เจ้าผ่านด่านนะ แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้า” “คู่ที่สองรอบนี้ การแข่งขัน…เริ่มได้!” ชุนเอ๋อร์หันไปสนใจที่เวทีประลองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นเกาจี้เฉินที่เป็นคนลงสนามประลอง อาวุธที่ใช้ในรอบนี้คือมีดสั้น ทำให้ชุนเอ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 96

    ๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 95

    “ลู่ฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ขออธิบายอีกครั้งว่าเราสองคนเป็นเพียงแค่พี่น้องที่สนิทกันมากเท่านั้น ดูเหมือนฮูหยินจะยังเข้าใจความสัมพันธ์ของเราอย่างผิด ๆ” “เหอะ! พี่น้องท้องชนกันสิไม่ว่า” สาวใช้คนสนิทของจิงเหมยกล่าวอย่างเหยียดหยันอีกครั้ง เมื่อก่อนแม่สาวใช้คนนี้ก็ทำเจ็บแสบกับชุนเอ๋อร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status