Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-05-13 07:13:11

ลูกของท่านแม่

เช้าวันต่อมาอากาศชื้นมาก เนื่องจากเมื่อวานฝนตกตั้งแต่ตอนเย็นลากยาวมาถึงรุ่งเช้าของอีกวัน เรือนป่าไผ่แห่งนี้จึงมีหมอกปกคลุมหนาแน่น บรรยากาศหนาวเย็นจนชุนเอ๋อร์ไม่อยากลุกจากที่นอน

“ขออีกนิดก็แล้วกัน”

ชุนเอ๋อร์พึมพำ ดวงตายังคงหลับพริ้มก่อนที่จะจมเข้าสู่นิทรา รู้สึกตัวตื่นอีกคราก็ตอนที่ได้ยินเสียงเรียก

“ท่านแม่ขอรับ ตื่นหรือยังขอรับ”

เสียงเรียกจากหน้าห้องทำให้ชุนเอ๋อร์จำใจต้องลุกจากเตียง

อายุยี่สิบปีแรกของชีวิต นางคิดว่าตัวเองอยู่ในนรกเพราะไม่เคยพบสวรรค์ที่แท้จริง เพิ่งมาค้นพบสวรรค์ก็ตอนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในหมู่บ้านสาวสองพันปี

“อยู่คนเดียวมานานหลายปีจนชิน ต่อไปนี้ข้าต้องปรับตัวแล้ว”

การอยู่คนเดียวเป็นอิสระมาก ไม่ต้องตื่นแต่เช้าขึ้นมาปรนนิบัติสามี เอาใจฮูหยินผู้เฒ่า ควบคุมบ่าวไพร่ ระวังฮูหยินรองและอนุ

พอหลันเฟิงไปฝึกวิชาต่างแดนทำนางให้ต้องอยู่ตัวคนเดียวมาเป็นสิบปี นางไม่ต้องหุงหาอาหารไว้ให้ใคร ไม่ค่อยได้ใช้แรง ดังนั้นตอนเช้าทานไข่ต้มหนึ่งฟองก็อยู่ได้ถึงเที่ยง

“ท่านแม่ขอรับ”

หลันเฟิงเรียกชุนเอ๋อร์อีกครั้งนางจึงหยิบชุดตัวนอกมาใส่ เรียบร้อยแล้วค่อยเดินไปเปิดประตูให้บุตรชาย

“แม่ตื่นสายหรือ”

ปกติชุนเอ๋อร์ไม่ได้ทำผมแบบสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว นางปักปิ่นสวยงามแบบหญิงสาววัยปักปิ่นทั่วไป ผู้คนจึงเข้าใจว่านางยังไม่ได้แต่งงาน ยิ่งยามนี้ปล่อยผมยาวดำขลับสยายละแผ่นหลังยิ่งดูอ่อนเยาว์

“ยังไม่สายมากขอรับ เฟิงเอ๋อร์เห็นท่านแม่ยังไม่ออกมาจากห้องเสียทีจึงเป็นกังวล”

“ต่อไปแม่จะตื่นมาหุงหาอาหารให้เจ้าแต่เช้า”

ชุนเอ๋อร์แสดงสีหน้ากังวลไม่น้อย หลันเฟิงจึงรีบเอ่ยว่า

“ท่านแม่ไม่ต้องลำบากขอรับ ทำตามที่ท่านแม่เคยชินเลย ต่อไปนี้เฟิงเอ๋อร์จะดูแลท่านแม่เอง”

เห็นมารดาทำหน้าเจื่อนทีไรเขารู้สึกไม่สบายใจทุกครั้ง นางมีผลต่ออารมณ์เขามากจริง ๆ

“แล้วตอนนี้อาหารพร้อมหรือยัง”

“เตรียมเรียบร้อยแล้ว ท่านแม่รีบตามมานะขอรับ”

“จ้ะ”

เมื่อหลันเฟิงหมุนตัวเดินจากไป ชุนเอ๋อร์ถึงได้ปิดประตูแล้วลงกลอนไว้ นางเข้าไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ จากนั้นก็เดินมานั่งทำผมอยู่หน้ากระจก

“เฟิงเอ๋อร์บอกว่าเจ้านายซื้อเรือนหลังนี้เอาไว้ให้ลูกน้องได้เข้าพักตอนปฏิบัติงาน หลังใหญ่ขนาดนี้เงินถุงเงินถังมากกระมัง ไหนจะเงินค่าเสียหายตอนปฏิบัติงานอีก”

ชุนเอ๋อร์นึกถึงหน้าเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมเมื่อวานตอนได้รับถุงเงิน ในขณะเดียวกันก็หวีผมตามองกระจก เมื่อปักปิ่นบนศีรษะแล้วก็สำรวจของในลิ้นชัก

“มีเครื่องประทินโฉมด้วย เฟิงเอ๋อร์ใส่ใจนัก เพิ่งซื้อมาให้ข้าแน่”

โถงรับประทานอาหาร...

“เสี่ยวกูกุยังไม่ตื่นหรือขอรับท่านประมุข”

“เรียกข้าว่าเหล่าต้า[1]”

หลันเฟิงกล่าวเสียงเข้มทำให้จางจงกว่านที่กำลังแอบทานข้าวเช้าไปก่อนถึงกับสำลักไปเลยทีเดียว

“แค่ก ๆ ขออภัยขอรับ เหล่าต้า”

โจวฉือเหอเอื้อมมือไปลูบหลังให้จางจงกว่าน ส่วนเกาจี้เฉินมองเขาด้วยหางตาแล้วส่ายหน้า จนเวลาผ่านไปสักพัก ชุนเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาในโถงรับประทานอาหาร

“เสี่ยวกูกุมาแล้ว”

ชุนเอ๋อร์ยิ้มให้ทุกคนอย่างสดใส สมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้นทำลายความเงียบสงบที่นางชอบ แต่ชุนเอ๋อร์ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับการมีพวกเขาเพิ่มเข้ามา

“เสี่ยวกูกุหลับสบายดีหรือไม่ขอรับ”

โจวฉือเหอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ มือหนายกกาชาขึ้นมาเทใส่ถ้วยแล้วยื่นให้ชุนเอ๋อร์

“หลับสบายดีมาก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนเกินไป”

หลันเฟิงดีใจที่มารดาชอบ ของตกแต่งทุกชิ้น ของใช้ทุกอย่าง เขาตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้นาง เรือนหลังนี้เขาก็จ่ายเงินส่วนตัวซื้อไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

เพราะหมู่บ้านสาวสองพันปีมีแต่สตรี เขาคิดว่าคงไม่เหมาะหากบุรุษโตเต็มวัยเช่นเขาจะเดินเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ตลอด

ที่สำคัญเรือนหลังนี้ตั้งใจซื้อไว้ให้นางแล้วชวนย้ายมาอยู่ที่นี่ เขายังมีธุระที่แคว้นถูอีกมาก กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็คงใช้เวลาอีกเป็นเดือน

“กับข้าวน่าทานมาก ใครทำหรือ” กลิ่นหอมของอาหารโชยเข้าสู่จมูกจนชุนเอ๋อร์อยากทราบตัวพ่อครัว

“เสี่ยวกูกุลองทายสิขอรับ”

จางจงกว่านถามด้วยท่าทางซุกซน ชุนเอ๋อร์จึงตกใจ เพราะตอนแรกนางเดาว่าพวกเขาซื้อมากจากตลาด แต่พอเป็นหนึ่งในสี่ทำ นางจึงรู้สึกประหลาดใจมาก

“เสี่ยวเหอหรือ”

หน้าตาและภาพลักษณ์ของโจวฉือเหอดูเป็นคนที่สามารถทำอาหารได้มากที่สุดแล้ว

จางจงกว่านหัวเราะ ไม่วายกระทบกระทั่งสหาย

“เสี่ยวกูกุโดนหน้าตาสะอาดสะอ้านของเจ้านี่หลอกเอาเสียแล้ว เสี่ยวเหอของท่านหุงข้าวยังไม่สุกเลย”

“เสี่ยวกูกุก็หุงข้าวไหม้”

ชุนเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มชะงักไปก็ฉีกยิ้มกว้างให้เขา

จางจงกว่านถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ในความรู้สึกของเขาพอชุนเอ๋อร์ทำหน้านิ่งแล้วไม่ต่างจากหลันเฟิงในร่างสตรีเลย

“สรุปแล้วใครเป็นคนทำ”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเกาจี้เฉินเป็นตาเดียว เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารสบตาชุนเอ๋อร์ ตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอันเป็นเอกลักษณ์

“ข้าทำเอง”

ชุนเอ๋อร์ตกใจที่คนหน้านิ่งอย่างเขาสามารถทำอาหารได้ และตกใจยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายมีเนื้อเสียงเช่นนี้ ในใจคิด...

เพราะไม่ค่อยพูดเสียงจึงแหบ หรือว่าไม่ค่อยพูดเพราะเสียงแหบ

“คนเราจะดูที่รูปกายภายนอกอย่างเดียวไม่ได้นะขอรับเสี่ยวกูกุ อย่างเช่นที่พวกเราเตะต่อยเมื่อวาน ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเราจะเป็นอันธพาล”

ชุนเอ๋อร์มองหน้าจางจงกว่านสลับกับหลันเฟิง ในใจคิด...

คงไม่ได้เตรียมกันมาใช่หรือไม่ แต่เดี๋ยวนะ!

“เสี่ยวกว่านใช่ชายชุดดำคนแรกที่เข้ามาในโรงเตี๊ยมหรือไม่”

“ใช่ขอรับ!”

จางจงกว่านดีดนิ้วแล้วยิ้มให้ชุนเอ๋อร์อย่างน่ารัก ชุนเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มให้กับท่าทางน่ารักสดใสของเขา

เหมือนข้ามีบุตรเพิ่มเลย

“ทานข้าวกันเถอะ”

หลันเฟิงเอ่ยชวนทุกคน หลังจากนั้นเสียงสนทนาบนโต๊ะอาหารตกเป็นของชุนเอ๋อร์และจางจงกว่านเสียส่วนใหญ่

คนอื่นเพียงแค่ฟังพวกเขาพูดคุยแล้วร่วมสนทนาเพียงบางประโยคเท่านั้น

“ปกติเสี่ยวกูกุทานอาหารเช้ากับอะไรหรือขอรับ”

ชุนเอ๋อร์เงียบไป ครั้งนี้นางไม่ได้ตอบจางจงกว่านในทันที

บุรุษทั้งหลายบนโต๊ะอาหารจึงเงยหน้ามองก็เห็นว่านางกำลังเคี้ยวอาหารอยู่

“ท่านแม่ ไม่ต้องรีบขอรับ”

หลันเฟิงหยิบผ้าเช็ดมุมปากให้ชุนเอ๋อร์ แอบดีใจไม่น้อยเมื่อตนได้เป็นฝ่ายทำหน้าที่นี้ให้มารดาบ้าง

เมื่อชุนเอ๋อร์กลืนอาหารลงคอแล้วก็เอ่ยตอบ

“เคี้ยวอาหารจนเหนื่อยเลย ปรกติเสี่ยวกูกุไม่ค่อยได้ทานเนื้อหากต้องใช้แรงจะทานไข่ต้มหลายฟอง แต่วันไหนที่ไม่ได้ทำอะไรจะทานตอนเที่ยงแค่มื้อเดียว ผักสด แตง มะเขือเทศ...”

หลันเฟิงขมวดคิ้ว เมื่อวานมารดาบอกเขาว่าไม่ทานมื้อเย็น วันนี้มาบอกเขาอีกว่าไม่ทานมื้อเช้าด้วย

“ท่านแม่…” ลำบากจนต้องอดมื้อกินมื้อเลยหรือ

ชุนเอ๋อร์หันไปมองหน้าบุตรชาย เห็นเขาทำหน้ารู้สึกผิดจึงคิดทบทวนว่าตนกล่าวสิ่งใดออกไป

หรือเขากังวลที่ข้าทานแต่ผักไม่ทานเนื้อ

“เฟิงเอ๋อร์ แม่สบายดี ที่ไม่ค่อยทำอาหารปลุกสุกทานเพราะว่า เอ่อ เพราะว่า…”

“เพราะอะไรขอรับ”

หลันเฟิงเอื้อมมือมาจับแขนชุนเอ๋อร์แน่นพร้อมจ้องหน้านางด้วยสายตาคาดคั้น

“ขี้เกียจ”

จางจงกว่านรีบเอามือปิดปากกันข้าวกระเด็นออกจากปากเพราะหลุดหัวเราะ ในใจคิด...

ที่แท้เสี่ยวกูกุเป็นคนตลก!

เมื่อทราบเหตุผลการอดมื้อกินมื้อ หลันเฟิงถึงกับไปไม่เป็น

ดวงตาคู่คมหลับลงแล้วถอนหายใจ ไม่คิดว่ามารดาจะขี้เกียจถึงขั้นไม่ทำอาหารให้ตนเองทาน

ชุนเอ๋อร์รีบแก้ต่างให้ตัวเอง เพราะไม่อยากให้บุตรชายและสหายเข้าใจตนในแง่ลบ

“เฟิงเอ๋อร์ ทานผักสดดีต่อสุขภาพนะ ไม่ต้องสิ้นเปลืองถ่าน ไม่ต้องปรุงรส อยู่อย่างสมถะ”

หลันเฟิงพยักหน้ารับแต่กลับถอนหายใจ

ครั้งนี้เขาจะยอมนางไปก่อน ว่างเมื่อไรจะซักฟอกนางให้สะอาดว่าสิบปีที่ผ่านมานี้ใช้ชีวิตอย่างไร

ชุนเอ๋อร์ไม่อยากสนทนาในหัวข้อนี้แล้วจึงได้เปลี่ยนเรื่อง

“เฟิงเอ๋อร์ เมื่อไรจะไปส่งแม่กลับหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าลูก ๆ ของแม่จะร้องไห้เพราะความหิวโหยกันอยู่หรือไม่”

หลันเฟิงใจหายเมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูก’ จากปากมารดา

ในใจคิด...นี่ข้ามีน้องหรือ

...ที่สำคัญยังเป็นลูก ๆ ด้วย!

[1] เหล่าต้า หมายถึง ลูกพี่
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 97

    “ก็...ก็เมื่อครู่เจ้าออกหน้าช่วยข้าไว้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าข้าให้เจ้าผ่านด่านนะ แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้า” “คู่ที่สองรอบนี้ การแข่งขัน…เริ่มได้!” ชุนเอ๋อร์หันไปสนใจที่เวทีประลองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นเกาจี้เฉินที่เป็นคนลงสนามประลอง อาวุธที่ใช้ในรอบนี้คือมีดสั้น ทำให้ชุนเอ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 96

    ๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 95

    “ลู่ฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ขออธิบายอีกครั้งว่าเราสองคนเป็นเพียงแค่พี่น้องที่สนิทกันมากเท่านั้น ดูเหมือนฮูหยินจะยังเข้าใจความสัมพันธ์ของเราอย่างผิด ๆ” “เหอะ! พี่น้องท้องชนกันสิไม่ว่า” สาวใช้คนสนิทของจิงเหมยกล่าวอย่างเหยียดหยันอีกครั้ง เมื่อก่อนแม่สาวใช้คนนี้ก็ทำเจ็บแสบกับชุนเอ๋อร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status