Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-05-13 15:36:58

ซีดแล้วซีดอีก

ตอนนี้ในหัวของหลันเฟิงมีแต่คำว่าลูก ๆ ลอยวนซ้ำ ๆ

เดิมทีเขาไม่คิดไปส่งมารดาในวันนี้ แต่พอทราบว่านางมีลูกรออยู่ที่หมู่บ้านก็ผุดลุกขึ้นจากโต๊ะชวนทุกคนไปที่นั่น

ท่าทางของหลันเฟิงขึงขังเป็นอย่างมาก ชั่วขณะนั้นต่อให้ใครยังทานอาหารไม่อิ่มก็ต้องวางตะเกียบแล้ว

บนรถม้า...

เสียงการพูดคุยของชุนเอ๋อร์และจางจงกว่านดังอยู่ตลอด แต่ไม่ได้เข้าหูของหลันเฟิงเลยสักนิด

ในหัวพลอยแต่คิดถึงภาพเด็กผู้ชายตัวอ้อนกลมกำลังนอนร้องไห้งอแงเพื่อรอมารดากลับมาให้นมที่เรือน

ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือ เขากำลังคิดภาพของบุรุษที่ทำให้เด็กเหล่านั้นเกิดมา!

“เสี่ยวกว่านอายุ 23 แล้วหรือ เสี่ยวกูกุก็หลงคิดว่าเจ้าอายุเพียง 20 เท่านั้น”

“เสี่ยวเหอกับเสี่ยวเฉินก็อายุ 23 นะขอรับ”

ชุนเอ๋อร์เปรียบเทียบชายหนุ่มทั้งสามที่มีอายุเท่ากันเรียงคน จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่เกาจี้เฉิน

เขามีบุคลิกสุขุม นางจึงคิดว่าอีกฝ่ายอายุเท่ากับหลันเฟิง

โจวฉือเหอดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดูสุภาพน่าเชื่อถือจนเกินอายุไปมาก เป

จางจงกว่านเสียอีกที่ภาพลักษณ์ภายนอกและนิสัยส่งให้ดูเหมือนเด็กหนุ่มวัย 20 หนาว

“เสี่ยวกูกุกำลังบอกว่าเสี่ยวกว่านดูเป็นเด็กกะโปโลหรือขอรับ”

จางจงกว่านหน้าเหวอไปเลยเมื่อได้ยินคำพูดของโจวฉือเหอ ใบหน้าส่ายไปมาเพื่อแสดงว่าตนไม่ยอมรับในคำพูดของสหาย

เขาต้องการคำยืนยันจากคนอื่นเพิ่ม มองไปทางหลันเฟิงและเกาจี้เฉินก็ส่ายหน้าไปมา ในใจคิด...

ไม่! ถามสองคนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด เป็นเสี่ยวกูกุแล้วกัน

“ไม่จริงใช่หรือไม่ขอรับเสี่ยวกูกุ เสี่ยวเหอไม่ใช่เด็กกะโปโล”

ชุนเอ๋อร์นิ่งไปเพราะในใจย่อมคิดว่าเขาเหมือนเด็กกะโปโลจริง ๆ แต่จะให้พูดออกมาตามตรงก็เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป

“เสี่ยวกูกุไม่ได้พูดนะ เสี่ยวเหอเป็นคนพูด”

โจวฉือเหอหลุดหัวเราะ เพราะประโยคนี้เป็นการยืนยันคำพูดในใจนางได้ดีที่สุด

จางจงกว่านสะบัดหน้าใส่โจวฉือเหอแล้วหันมางอแงกับชุนเอ๋อร์

“เสี่ยวกูกุ ท่านต้องตอบว่าไม่จริงสิขอรับ ข้าไม่ใช่เด็กกะโปโลนะ คนเรามีหลายด้าน จะมองด้านเดียวไม่ได้นะขอรับ”

โจวฉือเหอหัวเราะเสียงร่วน

“นี่! ถ้าเมื่อครู่เจ้ากระทืบเท้าด้วยจะไม่ใช่เด็กกะโปโลแล้ว แต่จะเป็นเด็กสามหนาวแทน”

สิ้นคำพูดนี้ทุกคนก็พากันหัวเราะ แม้แต่เกาจี้เฉินยังแอบยิ้มมุมปาก แน่นอนว่าคนที่ไม่มีอารมณ์ขันให้กับเรื่องนี้เลยคือหลันเฟิง

“ท่านแม่ ลูก ๆ ของท่านแม่กี่หนาวแล้วขอรับ”

หลันเฟิงกลั้นใจถามชุนเอ๋อร์ออกไป แต่เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากนาง ใบหน้าหล่อเหลาก็ซีดแล้วซีดอีก

“สองหนาว หากเฟิงเอ๋อร์ได้เห็นน้อง ๆ ต้องชอบแน่”

ชุนเอ๋อร์ตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร เพราะลูก ๆ ของนางอยู่ในวัยนี้จริง ๆ

เจ้ามาหัวขนนั่นเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน อีกทั้งยังเป็นฝาแฝดด้วย หึ! ข้าไม่มีทางชอบเจ้าพวกนั้นแน่

“ขอรับ”

หลันเฟิงตอบเสียงแผ่ว พยายามปั้นยิ้ม จากนั้นก็จมอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว

เกาจี้เฉินเห็นนายของตนเป็นเช่นนั้นจึงได้สะกิดโจวฉือเหอให้ดูปฏิกิริยาของหลันเฟิง

“เหล่าต้ากำหมัดแน่นแล้ว”

โจวฉือเหอกล่าวขึ้นมาเบา ๆ เพียงเท่านี้ก็ทราบแล้วว่าเจ้านายอยู่ในอารมณ์ใด

ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองชุนเอ๋อร์ ในใจคิด...

เสี่ยวกูกุต้องเสียใจมากเป็นแน่ เหล่าต้าไม่ปลื้มน้อง ๆ

ณ หมู่บ้านสาวสองพันปี

รถม้าที่หลันเฟิงจ้างมาสามารถเข้าได้เพียงปากทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้น ระยะทางที่เหลือต้องเดินไปต่ออีกหน่อย

เมื่อลงมาจากรถม้า ชุนเอ๋อร์ก็กล่าวขึ้นมาว่า

“ระยะทางที่เหลือเป็นทางเท้า ทุกคนตามเสี่ยวกูกู่มาได้เลย”

ชุนเอ๋อร์ตบหน้าอกตนเองเบา ๆ แล้วเป็นฝ่ายเดินนำชายหนุ่มทั้งสี่ ตามที่ชุนเอ๋อร์รับรู้ การมีอยู่ของหมู่บ้านสาวสองพันปีไม่ได้เป็นความลับ แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก

สถานที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ในหุบเขา ที่นี่มีทั้งทุ่งนา น้ำตก สมุนไพรนานาชนิด อุดมสมบูรณ์มากจนไม่ต้องออกไปจากหมู่บ้านเลยก็สามารถมีกินมีใช้ได้ตลอดทั้งชีวิต

วัน ๆ หนึ่งไม่ต้องใช้เงิน ใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนกัน เรือนนั้นมีผัก เรือนนั้นมีเนื้อ เรือนนั้นมีสมุนไพร เรือนนั้นมีผ้า อยากได้สิ่งใดก็เอาของตนเองไปแลกมา

ส่วนข้าวจะมีทุ่งนาไว้เป็นของส่วนรวม ทุกคนต้องช่วยกันทำนา เมื่อได้ข้าวมาแล้วจะเก็บข้าวไว้ที่ยุ้งฉางของหมู่บ้าน เมื่อข้าวหมดแล้วสามารถไปขอได้อีกเรื่อย ๆ

“ทุกคนอัธยาศัยดีมากเลยนะเด็ก ๆ ไม่ต้องเกร็งที่เป็นประชากรส่วนน้อยนะ”

ชุนเอ๋อร์เดินไป หันมาพูดกับสี่หนุ่มเป็นช่วง ๆ เพราะแบบนี้นางจึงเกือบสะดุดล้ม หลันเฟิงจึงคอยเดินระวังหลังให้

“ท่านแม่ระวังลื่นขอรับ”

“เฟิงเอ๋อร์วางใจ แม่ชินกับดินแถวนี้แล้ว อุ๊ย!” ยังไม่ทันขาดคำ ชุนเอ๋อร์ก็ลื่นดินต่อหน้าทุกคนแล้ว

“ท่านแม่ยังไม่ชินกับดินขอรับ” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปจับแขนมารดาเผื่อนางเกิดลื่นอีกครั้ง

ชุนเอ๋อร์ยิ้มแห้งแล้วก้าวเดินต่อไป พอเดินไปลึกขึ้นก็เริ่มเห็นคนเดินสวนทางไปมา

ระหว่างทางชุนเอ๋อร์ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร สตรีเหล่านั้นก็ยิ้มและพูดคุยกับนางด้วยความเป็นมิตรกลับมาไม่แพ้กัน

“แม่นางชุนเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ ครั้งนี้เฟิงเอ๋อร์กับสหายก็มาด้วย”

สตรีที่ถามชุนเอ๋อร์มองสำรวจผู้มาใหม่ทุกคน จากนั้นก็ยิ้มให้พวกเขาบาง ๆ

“หมู่บ้านสาวสองพันปียินดีต้อนรับ” เอ่ยเพียงเท่านี้ก็รีบเดินจากไป ไม่สนใจเสวนากับใครต่อ

จางจงกว่านเริ่มรู้สึกว่าหมู่บ้านแห่งนี้แปลก ๆ จึงได้ชะลอฝ่าเท้าลงจนเดินรั้งท้ายตีคู่กับโจวฉือเหอ

ดวงตาซุกซนกวาดมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นใครอื่นแล้วจึงได้ยกมือป้องปากกระซิบข้างหูสหาย

“เจ้าว่าหมู่บ้านแห่งนี้แปลกหรือไม่…ไม่สิ! เอาเป็นว่าสตรีที่เดินผ่านพวกเราไปก็แล้วกัน เจ้าสังเกตหรือไม่ พวกนางมองเสี่ยวกูกุด้วยความเป็นมิตร แต่พอมองพวกเรากลับยิ้มให้บาง ๆ แววตาเย็นชากว่าจี้เฉินเสียอีก”

โจวฉือเหอเงียบไป เขาเองก็รู้สึกว่าที่นี่แปลก ๆ

“เหล่าต้าเคยเล่าว่าสตรีที่นี่ล้วนเป็นสตรีที่ถูกบุรุษทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ คงไม่แปลกกระมัง หากพวกนางจะไม่ต้อนรับบุรุษ”

“แต่เหล่าต้าก็เป็นบุรุษที่เติบโตมาที่หมู่บ้านแห่งนี้นะ ข้าเห็นชัดเจนว่าพวกนางก็มองเหล่าต้าด้วยสายตาเช่นเดียวกับที่มองพวกเรา”

โจวฉือเหอไม่แสดงความคิดเห็นต่อ จางจงกว่านจึงเงียบไป

พวกเขาเดินตามชุนเอ๋อร์ไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเดินมาถึงเรือนหลังหนึ่งที่ล้อมไว้ด้วยรั้วไม้ไผ่สูง มีดอกไม้ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ พอเดินเข้ามาในตัวเรือนก็จะเห็นผักนานาชนิดถูกปลูกเอาไว้ห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด

“ถึงแล้ว ยินดีต้อนรับเด็ก ๆ ทั้งหลายเข้าสู่เรือน…เอ่อ ยังไม่ได้ตั้งชื่อเรือน”

จางจงกว่านเปลี่ยนอารมณ์ในทันที ตอนแรกยังมีความกังวลอยู่บ้างแต่ถูกท่าทางเปิ่น ๆ ของชุนเอ๋อร์ทำลายสิ้น เอ่ยกลั้วหัวเราะขึ้นมาว่า

“เดี๋ยวเสี่ยวกวานช่วยคิดขอรับ”

“อ้อ รบกวนแล้ว”

เพราะรู้สึกอายหน่อย ๆ ชุนเอ๋อร์จึงคิดปลีกตัวเข้าไปในเรือนเพื่อต้มน้ำชงชาให้ทุกคน ทว่าได้โดนคำพูดของบุตรชายรั้งเอาไว้

“ท่านแม่ ไหนขอรับ ลูก ๆ ของท่านแม่”

ตั้งแต่เดินเข้ามา หลันเฟิงยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียงร้องไห้ของเด็กเขาจึงคิดว่ามารดานำไปฝากคนอื่นเลี้ยง

“เฟิ่งเอ๋อร์ร้อนใจถึงเพียงนี้ ตามแม่มา! แล้วเจ้าจะภูมิใจในตัวน้อง ๆ เหมือนที่แม่ภูมิใจ”

ว่าแล้วก็หันหลังหมุนตัวเดินจากไป นางจึงไม่ได้เห็นสายตามาดร้ายกับกำปั้นที่กำเข้าหากันแน่นของหลันเฟิง

ชุนเอ๋อร์พาทุกคนเดินออกห่างจากตัวเรือนมานิดหนึ่ง เรือนแห่งนี้ถูกคั่นไว้ด้วยแปลงผักและดอกเหมยกุ้ยฮวานานาสี

ถัดจากเรือนเป็นทุ่งนาขจี ภูเขาเขียวชอุ่ม ทุกอย่างในบริเวณนี้งดงามมากจนสามารถทำให้ผู้คนหลงใหลได้โดยไม่รู้ตัว

“น้อง ๆ ของเฟิงเอ๋อร์อยู่ในเรือนนี้ เปิดประตูเข้าไปดูสิ”

ชุนเอ๋อร์ยกมือทาบอกไว้ ตื่นเต้นมากเมื่อบุตรชายจะได้เห็นลูก ๆ ของนาง อารมณ์สวนทางกับหลันเฟิงที่ใบหน้ามืดครึ้มขึ้นเรื่อย ๆ

เรือนนี้เป็นเรือนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เสียงที่ลอดออกมาฟังดูก็รู้ว่าเป็นไก่จนหลันเฟิงเริ่มตะหงิดใจ

“เปิดสิลูก”

ชุนเอ๋อร์ลุ้นจนตื่นเต้นไปหมดแล้ว บุตรชายก็ไม่เปิดประตูเข้าไปสักทีจึงได้กล่าวเร่งเร้าอีกรอบ หลันเฟิงจึงได้ผลักประตูสุดแรง

“กระต๊าก!”

เสียงไก่มากมายขันพร้อมกัน ด้านในไร้สิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์ หลังจากกวาดตามองโดยรอบอย่างละเอียดแล้วหลันเฟิงถึงกับนิ่งไป

นิ่งจนชุนเอ๋อร์เป็นคนทำลายความเงียบด้วยการปรบมือ

แปะ แปะ แปะ!

ที่จริงชุนเอ๋อร์รอได้รับคำชมจากบุตรชาย แต่เมื่อเห็นเขายังนิ่งนางจึงได้ปรบมือให้ตัวเองที่สามารถขยายพันธุ์ไก่ได้มากมายเพียงนี้

“เป็นอย่างไรบ้างเฟิงเอ๋อร์ น้อง ๆ น่ารักหรือไม่ ปกติแล้วแม่จะให้น้อง ๆ อยู่เล้าไก่ธรรมดา แต่เพราะเมื่อวานเข้าไปในเมืองกับลุงเฉียน แม่เลยต้อนน้อง ๆ เข้ามาไว้ในเรือนนี้ก่อน กลัวน้อง ๆ จะไปเล่นซนที่อื่นแล้วไม่ยอมกลับเรือน”

หลันเฟิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วปิดประตูไว้เช่นเดิม จากนั้นก็เดินอย่างเหม่อลอยออกไปจากตรงนี้

ลูก ๆ ที่ว่าก็คือไก่สินะ

ที่บอกว่าร้องไห้งอแงไม่มีอะไรกินก็เพราะว่าหิวโหยจนต้องขัน สินะ...ท่านแม่!!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 97

    “ก็...ก็เมื่อครู่เจ้าออกหน้าช่วยข้าไว้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าข้าให้เจ้าผ่านด่านนะ แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้า” “คู่ที่สองรอบนี้ การแข่งขัน…เริ่มได้!” ชุนเอ๋อร์หันไปสนใจที่เวทีประลองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นเกาจี้เฉินที่เป็นคนลงสนามประลอง อาวุธที่ใช้ในรอบนี้คือมีดสั้น ทำให้ชุนเอ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 96

    ๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 95

    “ลู่ฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ขออธิบายอีกครั้งว่าเราสองคนเป็นเพียงแค่พี่น้องที่สนิทกันมากเท่านั้น ดูเหมือนฮูหยินจะยังเข้าใจความสัมพันธ์ของเราอย่างผิด ๆ” “เหอะ! พี่น้องท้องชนกันสิไม่ว่า” สาวใช้คนสนิทของจิงเหมยกล่าวอย่างเหยียดหยันอีกครั้ง เมื่อก่อนแม่สาวใช้คนนี้ก็ทำเจ็บแสบกับชุนเอ๋อร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status