Share

บทที่ 11

last update Last Updated: 2024-12-10 17:20:58

11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว

หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา

“เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้”

ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดใส่นางเสียงดังลั่น อารมณ์โกรธก่อนหน้ายังไม่จางลง กลับถูกนางทำให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ข้าไม่ได้มาขอเฉย ๆ แต่ข้ามีของมาแลกเปลี่ยน” หลี่เมิ่งเหยาไม่ได้มีท่าที กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย

หลี่หวงซวนรู้สึกไม่รู้จักหลานสาวผู้นี้ของตนจริง ๆ

“เจ้าว่ามามีอะไรมาแลกเปลี่ยน”

หลี่เมิ่งเหยากระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“พวกท่านรู้หรือไม่ยามที่ข้ากับท่านแม่ ถูกพวกท่านขับไล่ออกจากจวนมาอยู่ที่นี่ เรือนแห่งนี้มีสภาพผุพังเพียงใด แม้แต่ห้องสุขายังไม่มีด้วยซ้ำ ข้าเสียเงินซ่อมแซมไปก็มากโข กระทั่งเครื่องเรือนที่พวกท่านเห็นอยู่นี่ ก็ซื้อใหม่ทั้งหมด พวกท่านทิ้งเรือนไปเสียนาน โจรขโมยมาลักของไปจนเกลี้ยง”

นางเอ่ยแล้วก็เดินไปเคาะรูปปั้นเณรน้อยเบา ๆ

“พวกท่านไล่ข้ากับแม่ ออกจากเรือนแห่งนี้ย่อมได้ แต่ข้าจะนำของของข้าออกไปด้วย โต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้ ผ้าม่าน เครื่องครัว กระทั่งกระเบื้องบนหลังคา ห้องสุขาก็จะทุบทิ้งเสีย !”

ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ หากทำเช่นนี้เรือนนี้จะยังเหลือสิ่งใดอยู่อีก

“เจ้าเอ่ยสิ่งใดออกมา ของในเรือนแห่งนี้ ย่อมเป็นของตระกูลหลี่” หลี่หงซวนไม่เชื่อ

หลี่เมิ่งเหยาหันไปทางผู้เป็นปู่

“ท่านปู่อยากได้หลักฐานหรือไม่ ช่างทำไม้ในเมืองนี้ มีรายการซื้อขายของของข้าทุกชิ้น ช่างซ่อมแซมห้องสุขาข้าก็รู้จัก ช่างซ่อมกระเบื้องให้คนไปตามพวกเขา มาเป็นพยานให้ข้าเดี๋ยวนี้ยังได้”

“หลี่เมิ่งเหยาอย่าให้มันเกินไปนัก”

บิดาของนางเอ่ยเสียงสั่นเครือ

“ข้าทำเกินไปหรือท่านพ่อ ข้าขอแค่หนังสือปลดปล่อยอนุภรรยา เหตุใดรั้งรอไม่เขียนให้เล่า ห้าปีเต็มที่ท่านไม่เคยมาสนใจข้ากับท่านแม่ เหตุใดยามนี้ถึงไม่อยากปล่อยนางไป จะให้นางเฝ้ารอคอยความรัก ที่ไม่เคยมีอยู่จริงอย่างนั้นรึ อีกอย่างท่านพ่อเองก็มีครอบครัวสุขสันต์อยู่แล้ว มีทั้งภรรยาและบุตรชายที่น่ารัก เหตุใดยังต้องการให้ท่านแม่ของข้า แขวนชื่อเป็นอนุภรรยาของท่านอีก คนที่เห็นแก่ตัวคือตัวท่านนั่นแหละ หากท่านไม่มอบหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาให้ท่านแม่ ข้าจะขนของทั้งหมด ออกไปจากเรือนแห่งนี้อย่างแน่นอน หากพวกท่านไม่ยอม ข้าจะไปฟ้องทางการให้มาตัดสิน”

หลี่เมิ่งเหยายืดอกเชิดหน้า ไม่มีความหวั่นกลัวแต่อย่างใด ต่อให้สายตาของคนตระกูลหลี่จ้องมาที่นาง นางก็จะจ้องตอบกลับอย่างไม่ลดละ จนพวกเขาเบนสายตาหลบหนีไปเอง

หลี่ปิงซือรีบกระซิบกับบิดา “เรื่องนี้ถึงทางการไม่ได้นะขอรับ เรายังไม่ได้โอนชื่อเรือนเป็นของผู้อื่นเลย”

ดวงตาของชายชราเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ รีบเอ่ยขึ้น

“หย่วนเจ๋อเจ้ามอบหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยา ให้พวกนางไปเถอะ จะได้ตัดขาดจากกันไปให้จบ ๆ”

“ท่านพ่อแต่ว่า”

“ท่านปู่เอ่ยมาถูกต้องแล้ว ตัดขาดกันไปให้มันจบ ๆ”

น้ำเสียงเย็นชาของหลี่เมิ่งเหยา ทำให้หลี่หย่วนเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แต่สายตาของคนในตระกูล กำลังบีบบังคับให้เขา ยอมรับการตัดสินใจของบิดา

“ก็ได้เจ้าไปเอากระดาษกับพู่กันมาเถอะ” เขายอมถอดใจในที่สุด

หลี่เมิ่งเหยาแย้มรอยยิ้มในทันที นางเดินเข้าไปในห้องหนังสือ หยิบกระดาษกับพู่กันออกมาให้บิดา มองดูเขาเขียนหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยา ด้วยสายตาว่างเปล่า หนังสือถูกเขียนออกมาสองฉบับ ต่างเก็บไว้คนละฉบับ

หลี่เมิ่งเหยามองตัวอักษรบนกระดาษ รู้สึกว่าปัญหาใหญ่ที่คาใจนาง มาตลอดห้าปีได้ปลดวางลงแล้ว “ข้าต้องเอาไปให้นายทะเบียนประทับตรา ถึงจะมีผลใช่หรือไม่”

“ใช่” หลี่หย่วนเจ๋อตอบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่พอคิดว่าเขาทอดทิ้งบุตรสาวผู้นี้ไปถึงห้าปีเต็ม ไม่ผิดหากนางจะหมางเมินเช่นนี้ “แล้วแม่กับน้องชายเจ้าเล่า”

“ข้าให้ท่านแม่ไปขอเช่าเรือนผู้อื่นอยู่ ไม่รู้จะได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ อาจไปหาโรงเตี๊ยมในเมืองอยู่ไปก่อน”

นางเอ่ยโดยไม่ได้มองสีหน้าเจ็บปวด แกมละอายใจของเขา ม้วนเก็บหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาอย่างวางใจ

“หืม” มีเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยมาเกาะที่ขาของนาง

“อี้เอ๋อร์ออกมานี่ลูก”

จี้ชิวหรงวิ่งตามบุตรชายมาติด ๆ แต่เจ้าตัวน้อยกลับกอดขาของหลี่เมิ่งเหยาเอาไว้แน่น

“อา..อุ้ม ๆ” อี้เอ๋อร์ตัวน้อยดึงกระโปรงของพี่สาวแรง ๆ

ความเย็นชาในสายตาของหลี่เมิ่งเหยาค่อย ๆ จางหายไป นางย่อตัวลงอุ้มน้องชายต่างมารดาขึ้นมา ตัวของเขาเบากว่าเสี่ยวหยวนน้อย จึงทำให้อุ้มได้สบาย อยากหอมแก้มนิ่ม ๆ นี่จัง แต่ไม่เหมาะจะเอ็นดูจริง ๆ

คนตระกูลหลี่เห็นภาพตรงหน้า พลันขอบตาร้อนผ่าวกันหมด นี่ไม่ใช่พี่สาวได้พบหน้าน้องชายหรอกรึ แต่พวกเขากลับขับไล่พวกนางออกจากเรือนไป

โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่านางถอนหายใจเบา ๆ จนสามีต้องจับมือเอาไว้

“ในเมื่อท่านพ่อเขียนหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาให้แล้ว เช่นนั้นพวกท่าน ก็ใช้ข้าวของในเรือนนี้ได้ตามสบายเถอะ ข้าหาซื้อใหม่เอาก็ได้”

นางเอ่ยแล้วยื่นน้องชายให้บิดาอุ้ม ล้วงหยิบถุงเงินออกมาถุงหนึ่งยื่นให้เจ้าตัวน้อย

เด็กน้อยไร้เดียงสา ไร้ซึ่งความผิด

“ชื่ออี้เอ๋อร์สินะ นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว เก็บเอาไว้ดี ๆ ล่ะ” นางจับมือน้อย ๆ ของเขา ให้รับถุงเงินของนางไป แล้วหันไปทางผู้ใหญ่ของตระกูล โค้งคำนับให้ทุกคนพอเป็นพิธี “ข้าขอลา”

“เดี๋ยวก่อน แล้วแม่กับน้องชายเจ้า ไม่คิดมาลาข้าเลยรึ” หลี่หย่วนเจ๋อยังอยากเห็นหน้าบุตรชายอีกครั้ง

“ไม่จำเป็น” หลี่เมิ่งเหยาเดินจากไป โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของเขาอีก

จี้ชิวหรงอุ้มบุตรชายมาจากสามี นางเปิดถุงเงินดูพบว่ามีก้อนเงินอยู่ราวสิบตำลึง คิ้วนางขมวดเข้าหากันแน่น เหตุใดหลี่เมิ่งเหยาถึงมอบเงินจำนวนนี้ ให้บุตรชายของนางได้

พวกนางอยู่ที่นี่หาเงินใช้จ่ายจากช่องทางไหนกัน ได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้

“แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือให้ลูกหลานกลับห้องของตัวเองไป

ฝ่ายหลี่เมิ่งเหยาที่ขึ้นรถม้า ออกจากเรือนไปพร้อมกับลุงจง นางให้เขาจอดรออยู่ที่หน้าเรือนของหม่าหลิงเฟย และเคาะห่วงให้คนมาเปิดประตูให้ ไม่รู้มารดาของนาง เจรจาได้ความว่าอย่างไร ตั้งใจให้นางพาเสี่ยวหยวนไปออดอ้อนเสียด้วยสิ

“คุณหนูหลี่เชิญขอรับ”

บ่าวรับใช้เหมือนรู้ว่านางต้องมา จึงรีบเชิญไปที่ห้องโถงของเรือน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของมารดาดังลอดออกมาข้างนอก

ขายหน้ายิ่งนัก

“เมิ่งเหยาคำนับหม่าฮูหยินเจ้าค่ะ” นางวางมือตรงเอวน้อมตัวคำนับเจ้าของเรือน

“นั่งลงก่อนเถอะ” หม่าหลิงเฟยผายมือเชิญนางให้นั่ง

หลี่เมิ่งเหยานั่งแล้วหันไปทางมารดา พร้อมเอ่ยตำหนินาง

“ท่านแม่ข้าให้ท่านมาขอเช่าเรือนนะเจ้าคะ ไม่ใช่มาเล่าเรื่องทุกข์ใจของตัวเองให้หม่าฮูหยินฟัง”

“เอ่อ ข้า ข้า ขออภัยหม่าฮูหยินเจ้าค่ะ” เฉาซูหลิ่งรีบเช็ดน้ำตา หันไปเอ่ยขอโทษกับหม่าหลิงเฟย

“ไม่เป็นไร ๆ เพื่อนบ้านกันทั้งนั้น แต่ว่าเรื่องเช่าเรือนนั้น คงไม่จำเป็นหรอก”

“เหตุใดท่านเอ่ยเช่นนั้นเจ้าคะ หรือว่าไม่สะดวกใจให้เช่า เช่นนั้นข้าก็จะไม่รบเร้าท่านอีกต่อไป”

หลี่เมิ่งเหยาไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากเจ้าของเรือนไม่อนุญาตนางก็ไม่คิดดื้อดึง เหตุที่อยากเช่าเรือนของพวกเขา เป็นเพราะนางชินกับการอาศัยอยู่ในตรอกหนิงอันแห่งนี้แล้ว เลยไม่อยากจากไปไหนไกล อีกทั้งละแวกนี้ตรอกแห่งนี้ดูสงบเงียบ ไม่วุ่นวายที่สุดแล้ว

“เมิ่งเหยาเจ้าก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป เรือนของข้านั้นยังว่างอยู่หลายห้อง ข้าคิดว่าให้พวกเจ้า พักอาศัยอยู่ไปก่อนชั่วคราว จนกว่าจะหาเรือนแห่งใหม่ได้ ขืนไปเช่าเรือนร้างพวกนั้น เกรงว่าจะไม่สะดวก ตัวเรือนผุพังไปหลายส่วน ยังไม่มีเวลาไปซ่อมแซม”

หม่าหลินเฟยพยายามหาข้ออ้างมาเอ่ย

“จะดีหรือเจ้าคะ”

หลี่เมิ่งเหยาไม่ค่อยแน่ใจ สภาพเรือนไม่น่าจะผุพัง ดังที่อีกฝ่ายกล่าวมา เพราะนางเห็นมีคนเข้าไป ทำความสะอาดเรือนพวกนั้นอยู่ตลอดเวลา

“ย่อมดีแน่นอน อีกอย่างข้าอยู่ที่นี่ตามลำพัง ค่อนข้างเงียบเหงา หากมีพวกเจ้าเป็นเพื่อนคงดีไม่น้อย”

หลี่เมิ่งเหยาเข้าใจในเจตนารมณ์ของนางแล้ว

“หม่าฮูหยินเจ้าคะเกรงว่าจะไม่ดี ข้ายังเป็นอนุของตระกูลหลี่ หากมาอาศัยเรือนของผู้อื่นอยู่ ย่อมไม่เหมาะสม” เฉาซูหลิ่งยังมีหน้าไปคิดถึงคนตระกูลหลี่

หลี่เมิ่งเหยารู้สึกเอือมระอามารดาตนเองเล็กน้อย “ท่านแม่ท่านไม่ใช่คนตระกูลหลี่แล้วเจ้าค่ะ” นางล้วงม้วนกระดาษออกมาส่งยื่นให้มารดา

“นี่อะไร” เฉาซูหลิ่งคลี่ม้วนกระดาษออกอ่าน แต่ลืมไปว่าตัวเองอ่านไม่ออก ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองบุตรสาว

“หนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาเจ้าค่ะ ข้าไปขอให้ท่านพ่อเขียนให้”

ดวงตาของเฉาซูหลิ่งพลันเปิดกว้างขึ้นอย่างตกใจ “หนังสือปลดปล่อยอนุภรรยา...”

“ใช่เจ้าค่ะ เดิมทีท่านพ่อไม่อยากเขียนหนังสือนี่หรอก ข้าจึงยื่นคำขาดไปว่า หากไม่เขียนหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยา ข้าจะเอาเครื่องเรือนของใช้ทั้งหมดออกมาด้วย กระเบื้องหลังคาก็จะเอามา ห้องสุขาก็จะทุบทิ้ง พวกเขาจึงยอมให้ท่านพ่อเขียนมัน”

หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยอย่างไม่รู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด

“ไอหยา พี่หญิงใหญ่จะทุบส้วมทิ้ง แล้วข้าจะไปปล่อยทุกข์ที่ไหนล่ะ” เสี่ยวหยวนน้อยจับก้นตนเองทันที ใครได้ยินก็ต้องขำออกเสียงให้ได้ยิน

หม่าหลิงเฟยเหมือนได้เปิดมุมมองใหม่ บุตรสาวของบ้านนี้ดูเหมือนจะสามารถตัดสินใจแทนมารดาได้ด้วยซ้ำ นางเห็นเฉาซูหลิ่งมีอาการเหม่อลอย คล้ายยังทำใจไม่ได้กับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาในมือ จึงหันไปเอ่ยกับคนเป็นบุตรสาวแทน

“ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว อยู่ที่นี่ไปก่อนดีหรือไม่”

“ดีเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งเหยาตอบรับทันที

“เหยาเอ๋อร์” เฉาซูหลิ่งรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องอาศัยเพื่อนบ้านอยู่เช่นนี้

“อยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะท่านแม่ เอาไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยออกไปหาซื้อเรือนหลังใหม่ ยามนี้พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วด้วย ลุงจงขนของมาเต็มรถม้า ไปไหนมาไหนลำบากเจ้าค่ะ”

หลี่เมิ่งเหยามีเหตุผลมากกว่านั้น นางอยากรู้อาการของคุณชายสามผู้นั้น ยิ่งหม่าหลิงเฟยยื่นมือเข้าช่วยเหลือครอบครัวของนางด้วยแล้ว หากจะตอบแทนนางเสียหน่อย คงไม่ยากเย็นเท่าใด

หม่าหลินเฟย “เฉาฮูหยินเจ้าทำตามที่เมิ่งเหยาพูดเถอะ”

“ท่านไม่ต้องเรียกข้าเช่นนี้ ตอนนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว เรียกข้าว่าซูหลิ่งก็พอเจ้าค่ะ”

“ได้ซูหลิ่ง ส่วนเจ้าสองคนก็เรียกข้าว่าท่านป้าเถอะ คนกันเองทั้งนั้น” แม้ได้พบเจอพวกเขาไม่กี่วัน แต่ความรู้สึกสบายใจกลับสัมผัสได้อย่างง่ายดาย หันไปทางแม่นมหู

“ท่านให้คนไปเตรียมห้องนอนให้พวกเขาที”

แม่นมหูยิ้มรับ “เจ้าค่ะฮูหยิน”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status